คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้.... ไม่ว่าอยู่ที่ไหน nobuta power enter !! :))
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Jiro Dreams of Sushi (จิโร่ เทพแห่งซูชิ :)




Jiro Dreams of Sushi

จิโร่ เทพแห่งซูชิ
(โหยยย :)มันจะได้อารมณ์มากค่ะถ้าเราอ่านออกเสียงแบบทีวีแชมป์เปี้ยนนนน!!^^)


จิโร่ เทพพพแห่ง ซูววววชิ๊ !!
คุณปู่ จิโร่ โอโนะ วันนี้ในวัย 85 ปี เจ้าของร้าน สุกิยะบาชิ ร้านซูชิขนาดสิบที่นั่ง(ย้ำ 10 ที่นั่งเท่านั้นค่ะ)ในเมืองโตเกียว ร้านไม่ได้หรูหราอะไรเลยจริงๆแต่กลับเป็นร้านซูชิแห่งแรกที่ได้รับ 3 ดาวจากมิชลิน(มิชลิน ไกด์บุ๊ค' เป็นคัมภีร์ของผู้แสวงหาสุนทรียะแห่งการลิ้มรส หนังสือเล่มนี้จัดทำเป็นประจำทุกปี เพื่อมอบดาวมิชลิน (หรือมิชแลงสตาร์) เมื่อปี ค.ศ.2008 และ 2009 นั่นทำให้นักชิมจากทุกมุมโลกต่างอยากเข้ามาลิ้มรส ซูชิ ของร้านสุกิยะบาชิแห่งนี้
และต้องจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน....!

เป็นคำโปรย บางส่วนของหนังกึ่งสารคดีความยาวหนึ่งชั่วโมงกว่าๆนี้ค่ะ ตอนแรกที่อยากดูเริ่มจาก แรงยุยงของเพื่อนๆในโลกออนไลน์นี้ล่ะค่ะ มีคนบอกว่าไปดูแล้วเธอได้แรงบันดาลใจกลับมาในการทำงานเยอะ บ้างก็ว่าหนังให้ข้อคิดดีมาก และบังเอิญว่าวันนี้ก็ว่าง และน้องชายก็ว่างในตอนเย็น ว่างเจอว่าง แรงยุบวกแรงยุ
ตกลงว่า ไปดู กันเถอะ!
ก็เลยตรวจสอบเรียบร้อย ฉายที่ House RCA ที่เดียว โอเค เฮ้าส์ก็เฮาส์ :)


Jiro Dreams of Sushi เป็นหนังเชิงสารคดีเรื่องหนึ่งที่ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป โดยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ซูชิ และวิถีทางในการประกอบอาชีพพ่อค้า ซูชิ คนหนึ่ง เท่านั้นเอง เท่านั้นเองจริงๆค่ะ ไม่ได้มีอะไรที่มากมายไปกว่านี้เลยตลอดหนึ่งชั่วโมงสามสิบกว่านาที

แต่ที่มันโดดเด่น ก็ตรงนี้ค่ะ ตรงวิถีความคิดของคุณปู่ จิโร่ โอโนะ วัย 85 ปีคนนี้ แต่ละคำที่แกพูดออกมา บอกตรงๆนะคะ มันโดนใจ nobuta หมดอ่ะคือ... เรากำลังเหนื่อยกับงาน (มาก)และเบื่อกับงาน(ก็มากอีก) ทุกอย่างมันซ้ำๆซากๆและวนเวียน ทำมาเท่าไหร่ มันก็เท่าเดิม แต่พอได้ฟังคำพูดของคุณปู่จิโร่ เข้าไป คือ มัน มันเหมือนเค้ากำลังสอนเราน่ะค่ะ เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหมือนตากำลังสอนเราอยู่(อันนี้ก็เวอร์ไปอีกละ)


(จากบรรทัดนี้ไป ขออนุญาตสปอย์ เนื่อหาคำพูดบางส่วนเกือบ50 เปอร์เซนต์นะคะ :)


"คนเราถ้าลองว่าได้ทำอาชีพอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้มันถึงที่สุด ต้องเต็มที่กับมันที่สุด จะมาบ่นว่าเหนื่อยหรือเบื่อไม่ได้"

แค่ประโยคแรกก็โดน(คนที่กำลังเบื่องานแบบเรา)
และตลอดทั้งเรื่อง สิ่งที่คุณจิโร่ทำ สิ่งที่คุณจิโร่ยึดถือและปฎิบัติตลอดจนคำพูดแต่ละคำที่ท่านคิด มันทำให้เรารู้สึกว่า โอววว นี่มันปราชญ์เดินดินชัดๆ นะ

ด้วยความที่มันไม่ใช่หนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ไม่ใช่ละครที่มีคนเขียนบทให้ท่อง แต่นี่คือชีวิตจริงๆของคนที่ผ่านอะไรมามากมายกว่าจะมาประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ มันเลยทำให้เรารู้สึกได้ถึง "ความจริง" ในทุกคำพูดของคุณจิโร่

มีอยู่ประโยคหนึ่ง เกือบจะท้ายๆเรื่อง คุณจิโร่บอกว่า

"นักท่องเที่ยวที่มากินที่ร้าน ส่วนมากมากินเพราะเห็นเราออกทีวี และลูกค้าก็จะคาดหวังว่าคนที่ปั้นซูชิเสิร์ฟจะต้องเป็นคุณปู่จิโร่ท่านนี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ผมแค่เป็นส่วนหนึ่งของร้านซูชิแห่งนี้ ที่ประกอบไปด้วยพนักงานหลายๆคน มีคนก่อไฟ มีคนปั้นข้าว มีคนแล่ปลา และมีผมยืนคอยควบคุม ผมอยู่ตรงตำแหน่งนั้น ผมแค่โชคดีเพราะที่ที่ผมยืนอยู่เป็นที่ที่แสงสว่างส่องถึง ทุกคนจึงมองเห็นแต่ผม"

คุณปู่.....ช่างถ่อมตนจริงๆ
เราฟังแล้วก็ให้นึกว่า คนที่จะมาถึงระดับนี้ได้ ก็เพราะมีลักษณะของการให้เกียรติผู้อื่นแบบนี้ล่ะค่ะ

เส้นทางการมีอาชีพเป็นคนปั้นและขายซูชิของคุณปู่นั้นไม่ง่ายเลย
ต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และพอโตหน่อยก็เริ่มทำงานเป็นลูกจ้างร้านซูชินับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

"ผมไม่อยากนอนข้างถนน ไม่อยากเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นผมจึงทำงานทุกอย่างผมทำงานแม้จะต้องโดนตบตี"

"ตอนที่ต้องออกจากบ้านมานั้น ที่บ้านบอกกับผมว่า ต่อไปนี้ ถือว่าแกไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้วนะ"

เมื่อผมมีลูกผมก็บอกกับลูกชายคนเล็กที่จะต้องออกไปเปิดร้านซูชิเองแบบนี้

"ต่อไปนี้แกไม่มีบ้านให้ต้องกลับอีกแล้วนะ"

พ่อแม่สมัยนี้มักจะบอกลูกของตัวเองว่า ถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้กลับมาที่บ้านของเรา คนหนุ่มสาวสมัยนี้จึงมีความอดทนที่น้อยลง
เราฟังแล้วก็เออ...มันจริงนะ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

และตลอดความยาวของหนังก็จะบอกถึงในแต่ละขั้นตอนของการทำซูชิค่ะ บอกเล่าไปตั้งแต่ ไปตลาดปลา วิธีเลือกปลา อย่างไรให้ได้ปลาที่ดีที่สุด (มันจะมีฉากที่พ่อค้าแม่ค้าเค้าต่อราคาปลากันน่ะค่ะ เราแอบฮากับน้องชาย คิดถึงว่าถ้าเป็นพี่โน้ส อุดมเล่า มันจะฮากว่านี้)
แต่ละขั้นตอนไม่ใช่เพี่ยงแค่เลือกซื้อ แต่คุณจะต้องรอบรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับปลา จะไปซื้อข้าวที่จะนำมาปั้นซูชิก็ต้อง รู้ตั้งแต่ชนิดของข้าวไปจนถึงวิธีการหุงข้าวอย่างไรให้อร่อย ใช้ความดันเท่าไหร่ วิธีเก็บรักษาอย่า
เยอะมาก และแต่ละคนนี้ เค้าเป็นผู้รอบรู้จริงๆค่ะ
คือ ตนเองมีอาชีพอะไร ก็จะรอบรู้สุดๆทุกด้านในเรื่องนั้นๆ
(ไม่จับฉ่ายเหมือนกับเรา จริงๆนะคะแอบอายตัวเองมาก)

มีอยู่อีกคำหนึ่งที่คุณปู่จิโร่พูด

"ซูชิไม่ใช่แค่การเอาปลามาวางบนข้าวปั้นแล้วเสิร์ฟ แต่มันคือ ความสมดุลระหว่างปลาแต่ละชนิดกับปริมาณข้าวที่พอดีกัน เมื่อทานข้าวแล้วสามารถลิ้มรสชาดของปลาได้เต็มที่"

โอวววว มัน A R T มากกก
(หน้าพี่โน้ส อุดม ลอยมาอีกแล้ว)

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ ตอนที่คุณจิโร่ได้รับเชิญให้ไปพูดเรื่องที่ตนประสบความสำเร็จในชีวิต ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่บ้านเกิด สิ่งที่คุณจิโร่บอก คือ

"ผมเองก็ไม่รู้จะบอกพวกเค้ายังไงดี ว่าตอนที่ผมเรียนผมก็เกเรมามาก
แต่ผมก็กลับตัวและประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ผมจะบอกว่าการเรียนสูงๆมันก็ไม่ได้ช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เสมอไป แต่ถ้าผมพูดไปแบบนั้น ถ้าเด็กๆเกิดอยากทำตัวเกเรแบบผมขึ้นมา มันก็แย่สินะครับ ^^ "

ประโยคติดตลกของคุณปู่จิโร่แก แต่ก็เห็นภาพชัดเจนดีนะคะ

ตอนขากลับนั่งรถมาก็เลยพูดกับน้องชายว่า พี่ไม่แปลกใจเลย ทำไมญี่ปุ่นเค้าถึงได้พัฒนาแบบก้าวกระโดดแบบนี้ เพราะเค้ามีทรัพยากรมนุษย์แบบนี้นี้เอง ในความรู้สึกเรานะคะ คุณปู่จิโร่ โอโนะท่านนี้ เท่ห์มาก และ ตอนนี้หน้า Desktop ก็เปลี่ยนเป็นหน้าของคุณปู่จิโร่คนนี้แทนที่ ทาคุยะแล้วล่ะค่ะ nobuta ดูแล้วมันม่วนซื่นดีแท้ มีพลังงานที่จะไปทำงาน..ไม่อยากอายคุณปู จิโร่ค่ะ


นอกรอบ1.ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับรางวัลมิชลิน
(มิชลิน ไกด์บุ๊ค' เป็นคัมภีร์ของผู้แสวงหาสุนทรียะแห่งการลิ้มรส หนังสือเล่มนี้จัดทำเป็นประจำทุกปี เพื่อมอบดาวมิชลิน (หรือมิชแลงสตาร์) แก่เชฟและร้านอาหาร ตั้งแต่ระดับ 1-3 ดาว ให้เป็นเกียรติคุณ เป็นใบประกาศบอกให้นักกินตามไปชิม สรรหารสชาติเอมโอษฐ์ที่ถือเป็นสวรรค์บนดิน เป็นประสบการณ์เติมอิ่มที่หาไม่ได้ง่ายนักข้อมูลจากwww.bangkokbiznews.com)






















Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 14 มกราคม 2555 15:19:22 น. 12 comments
Counter : 7625 Pageviews.

 
"ผมจะเลิกทำงานเมื่อไหร่น่ะเหรอ ? งานที่ผมทำมาทั้งชีวิตน่ะเหรอ ? ไม่รู้สิ ผมรักการทำซูชิ ผมคงจะทำไปจนถึงวินาทีสุดท้าย วันที่ร่างกายผมไม่ไหวแล้ว หรือถ้าเป็นความต้องการของลูกค้า ก็คงเมื่อนั้นแหละมั้ง..." -จิโร่ โอโนะ-


โดย: มีนาครับ วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:23:19:04 น.  

 


"ผมมองไปข้างหน้าและข้างบนเสมอ ผมอยากไปถึงความสุดยอด แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความสุดยอดมันอยู่ที่จุดไหน"


โดย: มีนาครับ วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:23:36:30 น.  

 


โดย: มีนาครับ วันที่: 13 มกราคม 2555 เวลา:23:38:49 น.  

 
การทำงานคือการปฏิบัติธรรมครับ
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าสามารถบรรลุเป็นอรหันต์ได้ ดังนั้นฝึกจิตได้ทุกขณะครับ ผมอ่านเจอที่พี่จิกเขียนไว้แบบนี้ เล่นเอาอึ้ง ถ้าเราไม่เชื่อศักยภาพในตัวเราเอง แล้วใครจะเชื่อเรา
เราทำได้ทุกคนครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:10:27:48 น.  

 
หนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้ ให้ข้อคิดดีๆเยอะเลยนะคะ
แต่ชอบประโยคนี้ของคุณปู่ที่สุดเลยค่ะ
"ต่อไปนี้แกไม่มีบ้านให้ต้องกลับอีกแล้วนะ"
มันเหมือนให้เราโตเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบ
ไม่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ และยังเป็นแรงขับให้เราต้องเดินไปข้างหน้า
จะท้อแท้ ท้อถอยไม่ได้ ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ถึงล้มก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้
มันดีกว่าประโยคที่ว่า"ถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้กลับมาที่บ้านของเรา"
เพราะมันทำให้คนเราอ่อนแอ และถอดใจง่ายๆ จะสู้ก็สู้ไม่ถึงที่สุด
เพราะรู้ว่ายังไงก็ยังมีที่ๆให้เรากลับมาพึ่งพิงได้เสมอ เราก็เลยไม่รู้จักโต
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าดูเพื่อจะไปเก็บเกี่ยวข้อคิดดีๆกลับมาจริงๆค่ะ

มีอยู่ตอนหนึ่งที่คุณnobuta ยกตัวอย่างคำพูดของคุณปู่
ที่บรรยายว่า"นักท่องเที่ยวที่มากินที่ร้าน ส่วนมากมากินเพราะเห็นเราออกทีวี
และลูกค้าก็จะคาดหวังว่าคนที่ปั้นซูชิเสิร์ฟจะต้องเป็นคุณปู่จิโร่เท่านั้น
แต่ความจริงแล้วผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของร้านซูชิแห่งนี้
ที่ประกอบไปด้วยพนักงานหลายๆคน
มีทั้งคนก่อไฟ คนปั้นข้าว คนแล่ปลา และมีผมยืนคอยควบคุม"
ทำให้นึกถึงเรื่อง Dear Father ที่นิโนะแสดงเลยค่ะ
คุณปู่บรรยายได้เหมือนฉากในครัวของเรื่องDear Fatherมากๆเลยค่ะ




โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.100.250 วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:21:10:02 น.  

 
ฝันดีครับ


โดย: nooblue88 วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:7:06:59 น.  

 
คำพูดของคุณปู่ คมคาย และทำให้หนังน่าดูมากค่ะ


โดย: prysang วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:15:00:13 น.  

 
โอ้ว
คุณโนบุตะคะ
เรารู้สึกเหมือนมีแฟนคลับเลยค่ะ
หัวใจพองโตมากมายที่คุณโนบุตะอ่านแล้วก็เม้นท์ตั้งหลายหัวข้อ
อ่านคอมเม้นท์ก็รู้เลยค่ะว่าคุณโนบุตะได้อ่านที่เราเขียนแล้วก็ตั้งใจคอมเม้นท์มากจริง ๆ
ซึ้งจริง ๆ ค่ะ
เรื่องที่โดนก๊อปก็คงให้มันผ่านไปค่ะ
ไม่เป็นไร
ทุกอย่างในโลกนี้มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา
เราไม่ค่อยรู้เรื่องโค้ดแต่งบล็อคเท่าไหร่หรอกค่ะ
เค้าก๊อปได้ก็ก๊อปไป
อินเตอร์เน็ทมันฉาบฉวย
ข้อมูลมัน copy & paste กันได้ชั่วพริบตา

เห็นว่าคุณโนบุตะทำข้อมูลหายก็ใจหายไปด้วยเหมือนกันค่ะ
จะเขียนมาก เขียนน้อยมันก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจเขียนและทุ่มเทกับมันน่ะเนอะ
Blog is time-consuming จริง ๆ

ว่าจะสั่งหนังเรื่อง Confesstions มาดูก็ยังไม่มีโอกาสซักที
เพราะอยากสั่งเจ้าเดียวที่มีหมดทุกเรื่องที่คุณโนบุตะรีวิวเลย
โดยเฉพาะ Confesstions, Somewhere I have Never Travelled, SU.KI.DA, A long walk, Oto-Na-Ri, Hitsuden Hostess และอีกหลายเรื่องที่คุณโนบุตะคุยกับคุณ prysang ด้วย

อัพบล็อคไปเรื่อย ๆ นะคะ
เราว่าคุณกับเรามีเทสคล้าย ๆ กันค่ะ
ส่วนนิตยสาร A day เนี่ย
เราซื้อตั้งแต่เล่มแรก พิมพ์ครั้งแรกเลยค่ะ
ตอนที่เค้าชวนหุ้นก็อยากหุ้นกับพี่โหน่งนะ
แต่ตอนนั้นอยู่ปี 1 เอง ยังไม่มีเงินเก็บเลยซักบาท
เลยได้แต่ช่วยซื้อหนังสือของพี่เค้าแทน
แต่ตอนนี้เล่มนั้นไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
เพราะอะไร
หาอ่านได้ที่บล็อคเราค่ะ เรามีพูดถึงไว้อยู่ในหัวข้อนึง
อิอิ

ไว้จะแวะเข้ามาคุยด้วยอีกนะคะ
และขอบคุณสำหรับการไปอ่านบล็อคเราวันนึงซะหลายหัวข้อเลย
ระวังมึนกับตัวอักษรนะคะ เพราะเราเป็นพวกดีเทลจัดซะด้วย


โดย: หนูลีลี วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:19:36:40 น.  

 
อยากทราบจริงๆครับว่าไอ้น้ำที่จิโร่ทาบนซูชิคืออะไรครับ เพราะผมก็เป็นเชฟเหมือนกันเลยอยากรู้มากน่ะครับ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับและขอสูตรเลยจะดีมากครับ ขอบคุณมากครับ


โดย: ชูซิ IP: 98.151.134.217 วันที่: 29 มีนาคม 2555 เวลา:22:46:11 น.  

 
เพิ่งดูเรื่องนี้จบไปค่ะ ความรู้สึกหลังดูจบก็คือ
ได้รู้เลยค่ะว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาทำอย่างไร
คุณตาจิโร่ ไม่ใช่คนที่มีการศึกษาสูง พื้นฐานครอบครัวก็ไม่ได้อบอุ่น
ช่วงเด็กๆที่เรียนหนังสือ ก็จัดว่าเป็นเด็กเกเร ไม่ได้ตั้งใจเรียน
เลยเข้าใจความรู้สึกของคุณตาเลยค่ะ ตอนที่ถูกขอร้อง
ให้ไปพูดให้นักเรียนฟังว่าทำไมถึงประสบความสำเร็จได้
555 คงเป็นโจทย์ที่รบกวนจิตใจคุณตายิ่งกว่าคิดพัฒนาซูชิซะอีก
แต่สำหรับคนที่ได้ดูเรื่องนี้จะรู้เลยว่าทำไมคุณตาถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
คุณตามีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
อย่างที่คุณตาบอกว่า"ของที่ทำต้องอร่อยกว่าครั้งที่แล้ว"
และที่สำคัญคือคุณตาใส่ใจและพิถีพิถันกับสิ่งที่ตัวเองทำเหลือเกิน
คุณตาบอกว่า"ถ้าไม่อร่อย ก็เสิร์ฟลูกค้าไม่ได้"
ก็เพราะคุณตาคิดแบบนี้ไงคะคุณตาถึงได้ประสบความสำเร็จ
เรื่องนี้ให้แง่คิดมากมาย กับสิ่งที่คุณตาคิดและคุณตาสอน
อย่างต้องพัฒนาฝีมืออยู่เสมอ,ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเสมอ
และต้องมีความปราถนาแรงกล้าในงานที่ทำ
เมื่อลองมองย้อนดูตัวเองเราได้คิดแบบที่คุณตาคิดหรือเปล่าน๊อ
แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการคิดแบบนี้ของคุณตาก็คือ
คุณตายังคงกระฉับกระเฉง และสมองคุณตาก็ยังเฉียบคม
ก็เพราะคุณตาalertอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ นี่เอง
เพราะแม้แต่ตอนนอนหลับ คุณตาก็ยังฝันเห็นแต่ซูชิอยู่เลย สุดยอดจริงๆ
คำเตือน:ห้ามดูเรื่องนี้ตอนท้องว่าง มิฉะนั้นคุณจะดูไม่จบ
เพราะเสียงท้องร้องจะรบกวนคุณให้เสียสมาธิได้(^___^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.179.96 วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:10:54:14 น.  

 
สวัสดีจ้าๆ มะนาวเพคะ ^^
นึกถึงตอนที่ดูเรื่องนี้จบใหม่ๆ มีอยู่ซีนหนึ่งล่ะค่ะที่ตอนนี้ยังคงติดตาโนบูตะมาจนถึงตอนนี้..
เป็นฉากเกือบสุดท้ายย ที่คุณปู่นั่งรถไฟน่ะค่ะ
แล้วกล้องซูมเข้าไปใกล้ๆ โคลสอัพที่หน้า
..เห็น รอยยิ้ม คุณปู่จิโร่ เหมือนกันมั้ยคะ : >

เป็นยิ้มที่อิ่มเอมมากเลยเนอะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:19:53:54 น.  

 

อยากทราบจริงๆครับว่าไอ้น้ำที่จิโร่ทาบนซูชิคืออะไรครับ เพราะผมก็เป็นเชฟเหมือนกันเลยอยากรู้มากน่ะครับ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับและขอสูตรเลยจะดีมากครับ ขอบคุณมากครับ

โดย: ชูซิ IP: 98.151.134.217 วันที่: 29 มีนาคม 2555 เวลา:22:46:11 น.
************************
ใช้โชยุสูตรพิเศษของทางร้านครับ จึงไม่ต้องจิ้มโชยุเพิ่มเลยครับ


โดย: Batbarista IP: 58.9.123.89 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:19:16:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nobuta wo produce
Location :
น่าน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




ปาฎิหาริย์คืออะไร เคยได้ยินประโยคนี้กันไหมคะ ?

"เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง จะมีประตูอีกบานเปิดเสมอ"
ประตูบานที่สองนั่นล่ะ คือปาฎิหาริย์
หน้าที่ของทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อในปาฎิหาริย์ก็คือ
"หาประตูบานนั้นให้เจอ"


Cr. ประภาส ชลศรานนท์


หวังว่า มิตรภาพดีดี จะเกิดขึ้น ใน blog นี้นะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add nobuta wo produce's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.