SweethearT....For Baby
Group Blog
 
 
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
เคล็ดลับจากเสียงดนตรี สู่พัฒนาการที่ดีของลูกน้อย

50 เคล็ดลับ จากเสียงดนตรี สู่พัฒนาการที่ดีของลูกน้อย

1.ถ้าคุณแม่ชอบเพลงอะไรเป็นพิเศษ ก็ควรเปิดเพลงนั้นให้ลูกน้อยฟังด้วย
แค่นี้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยก็จะ มีความสุขในการฟังเพลงแล้วค่ะ

2.เวลาที่อุ้มลูกน้อย คุณแม่ลองร้องเพลงให้เขาฟัง และแกว่งเขาไปตาม
จังหวะเพลงดูสิคะเขาจะ มีความสุขและสนุกที่สุดเลยค่ะ

3.ร้องเพลงกล่อมลูกทุกวันนะคะ เพราะเสียงของคุณแม่นี่แหละที่จะทำให้ลูกฝันดีกว่าเสียง อื่นใด ในโลกเลยล่ะค่ะ

4.เปิดเพลงคลาสสิกเบาๆ ให้ลูกฟังตั้งแต่ในครรภ์ จะส่งผลให้ลูกสามารถรับรู้เรื่องเสียงได้ มากขึ้นเมื่อคลอดออกมาค่ะ

5.เปิดเพลงคลาสสิกที่มีจังหวะสูงต่ำให้ลูกน้อยฟังจะช่วยพัฒนาความสามารถในการเรียนภาษาของลูกได้ค่ะ


6.เปิดเพลงช้าๆ เบาๆ ที่มีท่วงทำนองที่นุ่มนวลให้ลูกวัย 2 – 3 เดือนแรกฟังจะช่วยทำให้เขานอน หลับสบายยิ่งขึ้นค่ะ

7.เลือกเปิดเพลงที่มีจังหวะดนตรี 50 – 150 ครั้งต่อวินาที ซึ่งเป็นจังหวะดนตรีที่ใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจมนุษย์ ซึ่งส่งผลดีต่อลูกน้อยแน่นอนค่ะ

8.ควรเปิดดนตรีที่มีจังหวะเหมาะสม และมีระดับความดังพอเหมาะที่ประมาณ 60 – 70 เดซิเบล ให้ลูกฟังเพราะจะช่วยให้สมองเกิดภาวะสมดุล ทำให้ลูกน้อยพร้อมต่อการเรียนรู้มากขึ้นค่ะ

9.เลือกเปิดเพลงที่มีเสียงทุ้ม เสียงแหลมให้ลูกฟังบ้าง จะช่วยพัฒนาอารมณ์ของลูกได้ค่ะ

10.เพลงที่เปิดให้ลูกฟังต้องมีความไพเราะและหลากหลาย เพื่อให้ลูกได้ประสบการณ์การฟังเพลงที่ดีค่ะ

11.เปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศ โดยเลือกเพลงที่มีจังหวะดนตรีเข้ากับกิจกรรมที่เจ้าตัวเล็ก กำลังทำอยู่

12.เปิดเพลงที่มีเสียงละเอียดอ่อนให้ลูกฟัง จะช่วยทำให้อารมณ์ และจิตใจของลูกอ่อนโยน มีสมาธิจดจ่อและเกิดจินตนาการตามเสียงที่ได้ยินค่ะ

13.เปิดเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แล้วลองให้เจ้าตัวเล็กฟังแล้วให้ทายดูซิคะว่าเป็นเครื่องดนตรีชนิดใด ถ้าเขาทายถูกก็อย่าลืมชมเขาด้วยนะคะ

14.เปิดเพลงของ Schubert เช่น เพลง String Quintet และ Piano Trios ให้ลูกฟัง จะช่วยสร้างสมาธิให้ลูกได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

15.เปิดเพลงที่มีเสียงธรรมชาติประกอบให้ลูกฟังบ้างนะคะ เพราะจะทำให้ลูกมีสมาธิ และรู้สึกผ่อนคลายสบาย และอารมณ์ดีได้ค่ะ

16.เปิดเพลงให้ลูกน้อยฟัง หลังอาหารมื้อเย็นซัก 1 ชั่วโมง เชื่อไหมคะว่าจะทำให้ลูกน้อย อารมณ์ดีไม่มีหงุดหงิดเลยล่ะค่ะ

17.ให้ลูกฟังเพลงที่มีความซับซ้อนของตัวโน้ตบ้าง จะช่วยกระตุ้นสมอง ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

18.ให้ลูกฟังดนตรีคลาสสิกที่มีท่วงทำนองและจังหวะที่ซับซ้อน เพราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความคิดวิเคราะห์ และเหตุผลซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเรียนคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ค่ะ

19.การอ่านนิทานเพลงหรือคำคล้องจองก็เป็นเสมือนบทเพลงที่ยิ่งทำก็ยิ่งช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษา ที่ดีค่ะ

20.ลูกน้อยวัย 6 เดือนจะเริ่มมีพัฒนาการของการออกเสียงเป็นพยางค์ได้บ้างแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นคุณแม่ลองหาเพลงที่มีเนื้อร้องสั้นๆ ง่ายๆ มาเปิดให้ลูกฟัง เพื่อให้เขาได้หัดเลียนเสียงตามค่ะ

21.ถ้าลูกมีสมาธิสั้น คุณแม่อย่างเราสามารถฝึกความสนใจและสมาธิให้ลูกได้ด้วยการ เปิดเพลงร้องเพลงหรือให้ลูกเรียนดนตรีซักวันละประมาณ 10 –20 นาที ก็จะช่วยให้ลูก มีสมาธิมากขึ้นค่ะ

22.ลูกน้อยวัยแรกเกิดจะตอบสนองต่อเสียงดนตรีได้ดี เพราะฉะนั้น เราต้องเปิดเพลงให้เขาฟังทุกวันนะคะ

23.เราอาจต้องใช้การสัมผัสลูกน้อยวัยแรกเกิดตามจังหวะเพลงนะคะ เพราะ
ลูกน้อยวัยนี้จะเรียนรู้ผ่านการสัมผัสประกอบเสียงได้ดีค่ะ

24.ลูกน้อยวัย 4 – 5 เดือน จะเริ่มเข้าใจจังหวะมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพลง
จะสามารถขยับร่างกายตามได้คุณแม่อย่างเราต้องเปิดเพลงที่เค้าชอบให้
เค้าฟังนะคะรับรองว่าเข้าจะขยับตัวตามจังหวะเพลงอย่างไม่หยุดเลยล่ะค่ะ

25.ลูกน้อยวัย 6 เดือน จะเริ่มมีพัฒนาการของการออกเสียงเป็นพยางค์ได้บ้างแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นคุณแม่ลองหาเพลงที่มีเนื้อร้องสั้นๆ ง่ายๆ มาเปิดให้ลูกฟัง เพื่อให้เขาได้ หัดเลียนเสียงตามค่ะ

26.สร้างดนตรีให้ลูกสนุกสนานด้วยการร้องเพลงที่มีเนื้อหาเลียนแบบเสียงร้องของสัตว์ต่างๆ อาจจะทำท่าทางประกอบด้วยก็ได้นะคะ

27.ใช้เสียงเพลงเป็นสื่อให้ลูกเรียนรู้กิจวัตร ประจำวันเช่น ร้องเพลงให้บ่อยครั้งจนกลายเป็นเพลงที่ใช้ ประจำวัน เช่น “ซู่ซ่าๆ ได้เวลา อาบน้ำ”เป็นต้นค่ะ

28.ชวนลูกร้องเพลงหรือพูดเป็นคำคล้องจอง พร้อมกระตุ้นให้เขาพูดตาม และทำท่าทาง ประกอบเพลงด้วยช่วยให้เขาเรียนรู้และจดจำคำศัพท์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

29.ชวนลูกร้องเพลงที่มีถ้อยคำซ้ำๆ จะช่วยให้ลูกจำคำศัพท์ได้ดี ยิ่งกว่าการท่องจำเสียอีกค่ะ

30.ถ้าลูกน้อยขี้อาย คุณแม่ลองชวนเขาร้องเพลงดังๆ ดูสิค่ะ ยิ่งเพลงสนุกชวนคึกคักรับรองว่าเจ้าตัวเล็กจะลืมอายไปเลยล่ะค่ะ

31.อัดเสียงร้องเพลงของลูกให้ลูกฟัง เขาจะรู้สึกตื่นเต้นกับเสียงที่ได้ยิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เขาอยากพูดมากขึ้นค่ะ

32.ให้ลูกได้เล่นของเล่นที่มีเสียงดนตรี เช่น กระดิ่ง, แทมโบรีน หรือว่าระนาดดูนะคะ และ อย่าลืมว่าเสียงที่ออกมาจากเครื่องดนตรีเหล่านั้นต้องเป็นเสียงที่ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนด้วย ลูกเราจะได้ ซึมซับความไพเราะของเสียงดนตรีได้ดียิ่งขึ้น

33.หาสิ่งของรอบๆ ตัวที่มีเสียงต่างๆ กัน มาเคาะให้เป็นจังหวะ แล้วให้เจ้าตัวเล็กทำตาม จะช่วย ให้เขาเรียนรู้เรื่องจังหวะได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

34.ชวนเจ้าตัวเล็กเคลื่อนไหวตามเสียงเพลงนอกจากจะช่วยฝึกในเรื่องของการจับจังหวะแล้ว ยังช่วยพัฒนากล้ามเนื้อได้ด้วย

35.ให้ลูกเป็นคนเลือกว่าจะเล่นเครื่องดนตรีอะไร คุณแม่อย่างเราอย่าไป
บังคับลูกนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะไม่เล่นอะไรเลยก็ได้

36.พาลูกไปรู้จักดนตรีแนวใหม่ๆ แล้วคอยสังเกตด้วยนะคะว่าลูกสนใจ
หรือถนัดอะไรเป็นพิเศษ

37.ระหว่างเล่นกับลูก เปิดเพลงคลอเบาๆ จะเป็นเพลงคลาสสิกของโมสาร์ท หรือเพลงอะไรก็ได้ ที่มีทำนองและจังหวะเบาๆ จะช่วยทำให้ลูกรักผ่อนคลายค่ะ

38.ทำทุกกิจกรรมในบ้านให้เป็นเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็น กินข้าว แปรงฟัน ขึ้นรถ หรือว่าแต่งตัว คราวนี้ลูกน้อยจะไม่อิดออดที่จะทำเลยล่ะค่ะ

39.เวลาพาลูกน้อยไปเที่ยว อย่าลืมพกซีดีเพลงที่เขาชอบไปเปิดในรถด้วยนะคะ หรือจะชวนกัน ร้องเพลง ในรถก็สนุกสนานไปอีกแบบค่ะ

40.ชวนลูกรักมาสร้างสรรค์ท่วงทำนองดนตรีด้วยตัวเองสำหรับเด็กเล็กๆ
อาจเป็นเครื่องเขย่าง่ายๆก่อนก็จะทำให้เขาสนุกและอยากเรียนรู้มาก
ขึ้นค่ะ

41.ชวนลูกคิดท่าทางประกอบเพลงที่ลูกชอบ วิธีนี้จะช่วยให้ลูกจดจำศัพท์
ได้ดี และได้มากขึ้นด้วยค่ะ

42.ชวนลูกน้อยมาแต่งเพลงประจำครอบครัว โดยดัดแปลงจากทำนองเพลงที่ลูกชอบค่ะ

43.ชวนลูกน้อยประดิษฐ์เครื่องดนตรีง่ายๆ และให้ลูกได้ลองเล่นด้วยตัวเอง ยิ่งเครื่องดนตรีนั้น เป็นเครื่อง ดนตรีที่เขาชอบด้วยแล้วล่ะก็ เขาจะสนุกและมีความสุขอย่างมากเลยล่ะค่ะ

44.เปิดโอกาสให้ลูกได้ทำความเข้ารู้จักกับเครื่องดนตรีหลากชนิด อาจจะเริ่มจากเครื่องดนตรี ของเด็กเล่นแล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเครื่องดนตรีของจริงค่ะ

45.เราควรให้ลูกได้เรียนและเล่นดนตรีไปพร้อมๆ กัน เพราะการ เปิดเพลงให้เขาฟังอย่างเดียวจะช่วยเสริมทักษะให้เขาได้เพียง บางอย่างนั้นเท่านั้นนะคะแต่การเรียนควบคู่ไปด้วยนั้นจะช่วย ส่งเสริมพัฒนาการได้ มากมายเลยล่ะค่ะ

46.ควรเลือกครูและโรงเรียนสอนดนตรีที่มีครูที่ใส่ใจกับการสอน ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วย สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูก ในการเล่นดนตรีค่ะ

47.ถ้าคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นว่าลูกหงุดหงิด ให้เปิดเพลงจังหวะช้าๆ นุ่มนวล หรือร้องเพลงกล่อมลูก ให้เขา ฟังนะคะจะช่วยคลายความหงุดหงิดให้เขาได้ค่ะ

48.เข้าใจ และใส่ใจกับดนตรีที่ลูกฟังแล้วเราจะพบว่าเพลงแบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อยของเราค่ะ

49.สังเกตท่าทีของลูกว่าเขาพร้อมจะเริ่มเรียนดนตรีอย่างจริงจังหรือยัง แล้วค่อยพาเขาไปเรียน ดนตรีค่ะเพราะเด็กจะเล่นและเรียนรู้ได้ดีเมื่อมีความสนใจค่ะ

50.สังเกตพฤติกรรมด้านดนตรีของลูกตั้งแต่ยังเล็กๆและส่งเสริมเขาอย่างเหมาะสมด้วยนะคะ









Create Date : 03 กันยายน 2552
Last Update : 3 กันยายน 2552 20:11:45 น. 0 comments
Counter : 354 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aek21
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







[Add aek21's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.