พี่คะ
ตอนนี้หนูอยู่ ม.6 แล้วคะ
ใกล้จะ admission แล้วด้วย
ภาษาอังกฤษของหนูก็พอไปวัดไปวา
แต่หนูชอบภาษาอังกฤษมากนะคะ
หนูอยากเข้า รัฐศาสตร์ IR
อยากเป็นนักการทูต
เพราะหนูอยากเปิดโลกทัศน์ของตัวเองให้กว้าง

พี่คะหนูอยากรู้ว่าคนที่เป็นนักการทูต
เค้าจะได้ไปประจำการที่ต่างประเทศ
ทำpassport (เรื่องงานที่ทำหนูไม่ค่อย
แน่ใจเท่าไร)
แล้วต้องทำงานอะไรอีกไหมคะ
นอกจากงานพวกนี้แล้ว

ถ้าหนูเข้าใจอะไรผิดพี่ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนคะ
โดย: ann IP: 58.9.198.59 วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:51:29 น.

มีน้องคนหนึ่งโพสต์ถามเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นจริงที่คนทั่วไปมักนึกถึงข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าถ้าไม่เป็นนักการทูต ที่เอาแต่ออกงานหรูหราอลังการงานสร้าง ถือแก้วไวน์จิบไปจิบมา ก็เป็นคนทำหนังสือเดินทาง อย่างตอนที่ดิฉันบอกว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งว่า สอบเข้าทำงานได้ที่กระทรวงฯ คุณเพื่อนก็รีบบอกทันทีว่า

“เออ ดีว่ะแก ฉันจะได้ให้แกช่วยทำ passport หน่อย” หรือเวลาที่ใครจะทำหนังสือเดินทางก็มักโทรหาเรา “จะไปทำหนังสือเดินทางอ่ะ ช่วยลัดคิวได้ไหม?”

เออ...คุณขา ดิฉันไม่ได้อยู่แผนกหนังสือเดินทางนะคะ ขนาดอยู่กระทรวงฯ จะไปทำหนังสือเดินทาง ก็ยังไม่ค่อยนิยมลัดคิว หรือใช้เส้นเลยนะคะ และเดี๋ยวนี้ การบริการทำหนังสือเดินทาง หรือทำนิติกรณ์เอกสารของกระทรวงฯ ก็เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย ไม่ต้องเอาอะไรไปเลยสักอย่างเดียว พกบัตรประชาชนไปใบเดียวเท่านั้นก็ทำได้แล้วค่ะ

แต่ผู้คนส่วนมากก็ยังคงนึกไม่ออกหรอกว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทำอะไรกันบ้าง นอกจากทำงานพวกหยิบ ๆ โหย่ง ๆ แล้วก็รอออกไปประจำการต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ในความจริงนั้น พวกเรามีงานทำหนักหนาแบบที่หลายคนคิดไม่ถึงเชียวล่ะค่ะ

ก่อนที่จะไปฟังเรื่องฝอย ๆ ว่าพวกเราทำอะไรกันบ้างในแต่ละวัน มารู้จักโครงสร้างกระทรวงการต่างประเทศกันดีกว่าค่ะว่าแบ่งออกเป็น 14 หน่วยงาน 3 สำนักฯ มีข้าราชการและลูกจ้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,621 คน นับเป็นหน่วยราชการที่มีขนาดเล็กมากที่สุดก็ว่าได้นะคะ กรมหนึ่ง ๆ อาจมีข้าราชการไม่ถึง 50 คนเท่านั้น ในขณะที่หน่วยราชการบางแห่ง แค่กองเดียวก็มีข้าราชการมากกว่า 50 คนแล้ว

นอกจากข้าราชการที่ทำงานในกระทรวงฯ แล้ว เรายังมีหน่วยงานในต่างประเทศอีกทั้งสิ้น 93 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูต 67 แห่ง สถานกงสุลใหญ่ 26 แห่งค่ะ และในเร็ว ๆ นี้ยังจะมีการเปิดสถานทูตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามกระแสโลกในปัจจุบันที่เราต้องทำงานในแวดวงระหว่างประเทศที่ขยายขนาดเพิ่มมากขึ้น

งานของกระทรวงฯ แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มภารกิจค่ะ

1. กลุ่มภารกิจอำนวยการ

- สำนักงานรัฐมนตรี

- สำนักงานปลัดกระทรวง

2. ภารกิจสนับสนุน เป็นกลุ่มภารกิจที่มีงานรับผิดชอบในการสนับสนุนการทำงานของกระทรวงฯ ในด้านต่าง ๆ เช่นด้านการข่าว/ ประชาสัมพันธ์ ก็คือ กรมสารนิเทศ ด้านพิธีการ ก็คือ กรมพิธีการทูต เป็นต้น

-กรมสารนิเทศ - กรมนี้ดิฉันอยู่เอง อิๆๆๆ

มีหน้าที่รับผิดชอบด้านงานสารนิเทศและการทูตเชิงวัฒนธรรม โดยการประชาสัมพันธ์ สร้างเครือข่ายกับสื่อมวลชนต่างประเทศและระหว่างสื่อมวลชนท้องถิ่นกับสื่อมวลชนต่างประเทศในไทย และส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรมรวมทั้งแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมกับนานาประเทศ เพื่อเผยแพร่ภาพพจน์ที่ดีของประเทศไทยและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนสร้างเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในทุก ๆ ด้าน

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองการสื่อมวลชน
(3) กองประมวลและวิเคราะห์ข่าว
(4) กองวัฒนธรรมสัมพันธ์
(5) กองวิทยุกระจายเสียง

- กรมพิธีการทูต - มีหน้าที่รับผิดชอบกับงานด้านพิธีการ ระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติทางการทูต การให้การรับรองการเยือนของแขกสำคัญต่างประเทศในทุกระดับและการกำกับ ดูแลเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตเพื่อเสริมสร้างภาพลัษณ์ที่ดีต่อคนไทยและประเทศไทย

แบ่งออกเป็น 4 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองแบบพิธี
(3) กองรับรอง
(4) กองเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต

- กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย - รับผิดชอบงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง สนธิสัญญา และเรื่องเขตแดนของประเทศ รวมทั้งประมวลศึกษา วิจัย ติดตาม วิเคราะห์แนวโน้มและพัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศในกรอบองค์การสหประชาชาติ และองค์การระหว่างประเทศ

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองกฎหมาย
(3) กองเขตแดน
(4) กองพัฒนางานกฎหมายระหว่างประเทศ
(5) กองสนธิสัญญา


- กรมการกงสุล ดำเนินการด้านการกงสุล โดยการเสนอความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและแผนงานด้านการกงสุล กำหนดระเบียบด้านการกงสุลประสาน สนับสนุนการทำงานของสถานเอกอัครราบทูต สถานกงสุลใหญ่ และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยในต่างประเทศ เพื่อปกป้อง คุ้มครอง ดูแลและช่วยเหลือและผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศให้ทั่วถึง

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
(3) กองตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว
(4) กองสัญชาติและนิติกรณ์
(5) กองหนังสือเดินทาง

2. กลุ่มภารกิจทวิภาคี เป็นกลุ่มงานที่ทำงานด้านการรักษาผลประโยชน์ และดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศอื่นในลักษณะ 2 ต่อ 2 เช่น ไทย-ลาว ไทย-พม่า

- กรมเอเชียตะวันออก มีหน้าที่ดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศ กลุ่มประเทศและดินแดนอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และองค์การระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ยกเว้นสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ทุกด้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี และปกป้อง รักษาผลประโยชน์แห่งชาติ

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองเอเชียตะวันออก 1 (ดูแลพม่า-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-บรูไน-ติมอร์เลสเต)
(3) กองเอเชียตะวันออก 2 (ดูแลกัมพูชา-ลาว -เวียดนาม)
(4) กองเอเชียตะวันออก 3 (ดูแลมองโกเลีย-ไต้หวัน-ฮ่องกง-มาเก๊า-จีน)
(5) กองเอเชียตะวันออก 4 (ดูแลเกาหลีใต้ / เกาหลีเหนือ-ญี่ปุ่น)


- กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีภารกิจเกี่ยวกับการเสนอแนะนโยบายและดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศ กลุ่มประเทศขบวนการทางการเมืองในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา และองค์การระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกลางและแอฟริกา โดยการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ทุกด้าน ในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี และปกป้อง รักษาผลประโยชน์แห่งชาติ

แบ่งออกเป็น 4 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองเอเชียใต้
(3) กองตะวันออกกลาง
(4) กองแอฟริกา

- กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ มีภารกิจเกี่ยวกับการเสนอแนะนโยบายและดำเนินการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศกลุ่มประเทศในภูมิภาคอเมริกาและแปซิฟิกใต้ และองค์การระหว่างประเทศของภูมิภาคอเมริกาและแปซิฟิกใต้ โดยการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ทุกด้านในภูมิภาคอเมริกาและแปซิฟิกใต้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและ พหุภาคี และปกป้อง รักษาผลประโยชน์แห่งชาติ

แบ่งออกเป็น 4 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองอเมริกาเหนือ
(3) กองลาตินอเมริกา
(4) กองแปซิฟิกใต้

3. กลุ่มภารกิจพหุภาคี ดูแลรับผิดชอบดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในรูปแบบที่มากกว่า 2 ประเทศขึ้นไปนั่นเองค่ะ

- กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รับผิดชอบในการกำหนดและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและรักษาผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศเป็นหน่วยประสานงานกลางของรัฐบาลในการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับรัฐบาลต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ในกรอบความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาคและพหุภาคี

แบ่งออกเป็น 4 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองสนเทศเศรษฐกิจ
(3) กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
(4) กองส่งเสริมสัมพันธ์และความร่วมมือ

- กรมองค์การระหว่างประเทศ มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงในภูมิภาคและสังคมโลก โดยการมีบทบาทอย่างแข็งขันในเวทีระหว่างประเทศ รักษาพันธกรณีของไทยภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ไทยเป็นภาคี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และหาแนวทางในการใช้ประโยชน์จาการเป็นภาคีสนธิสัญญาและอนุสัญญาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองการสังคม
(3) กองกิจการเพื่อการพัฒนา
(4) กองงานบริหารองค์การระหว่างประเทศ
(5) กองสันติภาพ ความมั่นคงและการลดอาวุธ

- กรมอาเซียน มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานและการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในฐานะสำนักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ เพื่อดำเนินงานความร่วมมือของอาเซียนให้สำเร็จและบรรลุผลตามมติที่ประชุมสุดยอดและเป้าหมายของการจัดตั้งอาเซียน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ ตลอดจนเพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศไทยในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ

แบ่งออกเป็น 5 กอง :-
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองอาเซียน 1
(3) กองอาเซียน 2
(4) กองอาเซียน 3
(5) กองอาเซียน 4

- สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ซึ่งก็คือกรมวิเทศสหการเก่านั่นเอง

ข้อมูลส่วนใหญ่สูบมากจากเวบ กระทรวงการต่างประเทศ นะคะ (โปรดสังเกตเนื้อหา ดูเป็นทางก๊ารทางการขนาดนั้น)

ข้าราชการกระทรวงฯ ส่วนใหญ่มักจะถูกเรียกว่า "เจ้าหน้าที่โต๊ะ" หรือ Desk Officer ซึ่งจะเห็นภาพชัดขึ้น หากอยู่ในกรมภูมิภาค ที่แบ่งออกเป็น กลุ่มทวิภาคี และกลุ่มพหุภาคี เพราะเจ้าหน้าที่โต๊ะส่วนใหญ่จะรับผิดชอบเฉพาะรายประเทศไปเลยค่ะ อย่างตัวดิฉันเองเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่โต๊ะสิงคโปร์ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มี issue มากมายเหมือนประเทศใหญ่ ๆ ประเทศอื่น แต่ว่า การทำงานกับประเทศที่มีการแข่งขันสูงมากอย่างกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาลักษณะการทำงานของตัวเอง

ตอนนี้ มาอยู่กองวิทยุกระจายเสียง หน้าที่รับผิดชอบก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เคยนั่งทำแฟ้ม ทำประเด็นสนทนางก ๆ (ข้างล่างมีพูดถึงว่าการทำประเด็นสนทนาและแฟ้มคืออะไรนะคะ) ก็เปลี่ยนมาทำรายการวิทยุของตัวเอง ทำโครงการจัดสัมมนาต่าง ๆ ดูแลเวบไซต์ของกระทรวงฯ ฯลฯ ก็สนุกไปคนละแบบ ก่อนหน้านี้เคยอยู่กองสื่อมวลชน ก็ทำหน้าที่เขียนข่าว และดูแลนักข่าว (ทำงานเหมือนเป็นนักข่าวสายกระทรวงฯ เลย)

หน้าที่รับผิดชอบสำคัญของเจ้าหน้าที่โต๊ะ ก็คือ เป็น ผู้ mornitor ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศนั้น ๆ และ cooperate กับประเทศนั้น ๆ ในการทำงานถักทอความสัมพันธ์ อุ๊ยตาย ฟังดูเหมือนช่างหัตถศิลป์มากกว่านักการทูตอีกแฮะ เจ้าหน้าที่โต๊ะ ต้องรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศที่ตัวเองดูแล รู้ลึก รู้จริง รู้สารพัด เพราะเราต้องเป็นคน"ชง" หรือ "ตั้ง" เรื่อง

ที่เรียกว่า "คนชงเรื่อง" อันนี้ ก็ไม่ผิดไปจากความจริงสักเท่าไหร่นะคะ ดิฉันว่าถ้าเปรียบนักการทูตเป็นคนชงกาแฟก็คงได้ การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ น่าจะเปรียบได้กับการชงกาแฟหรอกค่ะ เพราะว่า เจ้าหน้าที่โต๊ะต้องเป็นคนทำทุกกระบวนการ ตั้งแต่เลือกเมล็ดกาแฟมาปั่น มาผสมให้เกิดเป็นรสที่หอมอร่อย ต้องดูสิว่าจะต้องเติมนม เติมน้ำตาล หรือใส่วิบครีมแค่ไหน ให้รสชาติกลมกล่อมถูกใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ

ส่วนคนชิม ซึ่งก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับที่สูงกว่าเรา ท่านเหล่านั้นก็จะเป็นคนบอกว่า อร่อยลิ้นดีแล้ว หรือต้องชงใหม่ แต่บ่อยครั้ง เราก็จะได้รับออร์เดอร์ ประมาณว่า "ใส่น้ำตาล 2 ช้อน" หรือว่า "ไม่ใส่นม" อันนี้ก็ต้อง made-to-order นะคะ เพราะว่าผู้ใหญ่ผ่านประสบการณ์มามากกว่า ตัดสินใจในมุมมองที่แตกต่างจากเรา งานด้านการทูตเป็นงานที่เกิดจากสั่งสมประสบการณ์อย่างแท้จริงเลยค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เริ่มทำตั้งแต่เข้าสู่วงการก็เหมือนเราเข้าสู่โรงเรียนการทูต เพียงแต่มันเป็นการเรียนรู้กับของจริงเลยเท่านั้น Learning by doing จึงจะเกิดขึ้นได้ นักการทูตยิ่งเก่า ก็ยิ่งเก๋า เหมือนกับเครื่องลายครามของเก่าล้ำค่า ที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งมีราคา

เมื่อสักสิบปีที่แล้ว สมัยที่ความเคลื่อนไหวของอินเตอร์เน็ตยังไม่มีมากเท่านี้ เรายังทำงานง่ายกว่านี้เยอะ แต่เดี๋ยวนี้ เราต้องปรับตัวเอง เพราะเราคงทำหน้าที่แข่งกับ CNN หรือ BBC รวมทั้งเวบข่าวต่างประเทศ และในประเทศไม่ได้ แต่เราต้องมีหน้าที่วิเคราะห์มากขึ้น ต้องดูว่าอะไรเป็นอะไร จากเดิมที่มีหน้าที่รายงานข่าว พร้อมทำวิเคราะห์ข่าว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับท่าทีของประเทศนั้น ๆ ต่อไทย หรือไทยต่อประเทศนั้น ๆ หรือสถานการณ์ภายในประเทศนั้น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อไทย ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

งานอีกด้านของเจ้าหน้าที่โต๊ะ ก็คือ การถักทอความสัมพันธ์ เราทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เช่น การจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานไทย จัดประชุมกับสิงคโปร์ (ดิฉันมีโอกาสได้ทำ CESP ครั้งที่ 1 และ 2 สมัยเริ่มต้น ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ มีโอกาสได้ทำงานกับคนเก่ง ๆ หลายคนทีเดียว) เตรียมการเยือน ประสานงานโน่นนี่ เป็นที่สนุกสนาน แต่อย่างหนึ่งที่เบื่อมากเวลาที่ต้องทำ ก็คือ การทำประเด็นสนทนา และทำแฟ้มเยือน

การทำประเด็นสนทนาและทำแฟ้มเยือน ก็คือ ในฐานะเจ้าหน้าที่โต๊ะ เราต้องรู้ว่า position ของไทยในแต่ละเรื่องคืออะไร เราต้องการพูดอะไรกับอีกฝ่าย ต้องการเน้นเรื่องอะไร การคุยกัน การหารือกัน และการสร้างมิตรสัมพันธ์กันระหว่างผู้ใหญ่ (ผู้แทนไทย) กับอีกฝ่ายหนึ่ง จะดี จะร้าย จะได้ จะเสีย ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลและประเด็นที่เจ้าหน้าที่โต๊ะนำขึ้นเรียนเสนอผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่โต๊ะต้องคิดไว้เลยว่า ไม่มีใครรู้เรื่องประเทศของเราดีกว่าเราอีกแล้ว เรารู้ดีที่ซู๊ด

งานนี้ มันเหมือนเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เครียดเสมอเวลาที่ต้องทำ ข้อมูลต้องแน่ะเปรี๊ยะ แถมไม่ใช่มีแค่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศนั้นประเทศนี้เท่านั้น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สนทนาของฝ่ายไทยเราก็ต้องเตรียม มีคราวหนึ่ง นายกเดนมาร์กเยือนไทย ดิฉันก็ต้องทำรายงานข้อมูลเข้ามาให้กระทรวงฯ ทราบ นั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับนายกเดนมาร์ก ว่าอ่านหนังสืออะไรเขียนหนังสืออะไร ทำให้ท่านนายกไทยมีเรื่องคุยกับเขา เหมือนว่าเรารู้จักเขาดี มันก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการสร้าง connection ระหว่างกันได้ บางที แค่รู้จักกันแต่เพียงผิวเผิน เราก็อาจจะได้รับความร่วมมืออย่างหนึ่ง แต่ถ้ารู้จักกันอย่างที่เรียกได้ว่าเป็น "เพื่อน" มันก็จะได้อีกแบบหนึ่ง

งานในการสร้างสรรความสัมพันธ์ยังไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่ เพราะต่อให้ internet ก้าวหน้าไปแค่ไหน การสร้าง personal contact ก็ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ internet และ intralink ต่าง ๆ เหล่านี้ กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การสร้างความเป็นมิตรระหว่างกันง่ายมากขึ้น การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน แทนที่ต้องโทรทางไกล หรือส่งแฟกซ์ที่เสียเวลามาก ๆ ก็ใช้ email หรือ internet phone พวก skype ง่ายกว่ากันเยอะเลย ถูกด้วย ประหยัดงบประมาณไปได้เพียบ

มานั่งคิดย้อนถึงตารางการทำงานของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศในแต่ละวัน

เช้า - เช็คข่าวจากเวบไซต์ CNN BBC ฯลฯ

- ประชุมกองฯ
- เช็ค Portal <--- เดี๋ยววันหลังจะมาเล่าว่ากระทรวงฯ ใช้ internet ในการสร้างงานอย่างไร
- ร่างโทรเลขถึงสถานทูต

บ่าย - ทำประเด็นสนทนา และทำแฟ้มเยือน
- ทำบันทึกเรื่องยืมเงิน
- เตรียมการเยือน
- msn กับเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตเพื่อประสานงาน ฯลฯ

ดูเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่ยุ่งได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ยิ่งการแก้แฟ้มนะ ทำไม่เลิกเลยค่ะ บางทีแก้แล้วแก้อีก ทั้งตัวเลข ทั้งข้อมูล....แค่คิดก็เหนื่อยแล้วนะเนี่ย

ดิฉันได้มีโอกาสไปทำข่าวอันนี้ด้วยค่ะ ไปนั่งอยู่ในวงหารือทวิภาคีไทย-โรมาเนียนะคะ ถ้าจำไม่ผิด นั่งจดมือยิก แต่มองไม่เห็นหรอกค่ะ เพราะนั่งอยู่ในโน้น (มุมมืด)



รูปนี้ ได้มาตอนไปร่วมงานประชุม AMM Retreat ที่บาหลีค่ะ ตอนนั้น มีรูปถ่ายหมู่ของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศทั้งหลาย กว่าจะได้รูปนี้มาเหงื่อตกมาก ถ่ายเองฝีมือไม่ถึง ร้อนถึงพี่แหม่ม ซึ่งปัจจุบันไปประจำที่กรุงไคโร ต้องช่วยไปขอรูปจากช่างภาพประจำตัวประธานาธิบดีอินโดนีเซียมาให้ รอดตายไปอีกหน



รูปนี้ ถ่ายตอนไปสัมภาษณ์อาจารย์ไพศาล นาคมหาชลาสินธุ์ อดีตนักเรียนไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก และเป็นคนแรกที่ได้รับเหรียญทองแดง เมื่อปี 2532