Journey Journal with NineNoname

<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 พฤษภาคม 2554
 

เรื่องเล่าวีซ่า...ญี่ปุ่น+อิตาลี



     ปกติมักจะหนีไปเที่ยวใกล้ ๆ ในประเทศที่ไม่ต้องทำวีซ่า แต่ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรมีเรื่องให้ต้องไปประเทศที่ต้องยื่นวีซ่า แถมต้องดำเนินการในเวลาใกล้ ๆ กันซะด้วย ใกล้กันจนถึงขนาดที่ว่าจะไปทำวีซ่าอีกประเทศโดยลืมว่าพาสปอร์ตยังอยู่ที่อีกสถานฑูตหนึ่งกันเลยทีเดียว...เหอ เหอ...เกือบไปทำวีซ่าโดยไม่มีพาสปอร์ตซะแล้ว ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเลยขอเอาประสบการณ์พร้อมข้อมูลมาเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านหละกันครับ

...พาสปอร์ต...สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการไปทำวีซ่า


     ที่แรกเลยก็คือ วีซ่าญี่ปุ่น โดยตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2553 เป็นต้นมาทางสถานฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ทำข้อตกลงให้ ศูนย์รับยื่นวีซ่าประเทศญี่ปุ่น (JVAC) ดำเนินการรับยื่นวีซ่าทุกประเภท ยกเว้น วีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางฑูต และ หนังสือเดินทางราชการ  โดยสามารถทำการยื่นคำร้องได้ที่ ชั้น 15 ยูนิต C อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ตามวันและเวลาทำการคือ การยื่นคำร้อง : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08:30-17:30 (ไม่มีพักกลางวัน) ส่วนการคืนหนังสือเดินทาง : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08:30-17:30 (ไม่มีพักกลางวัน) และวันเสาร์ เวลา 08:30 -12:30 ระยะเวลาดำเนินการก็ประมาณ 5 วันทำการครับ ค่าบาดเจ็บสำหรับวีซ่าทั่วไปก็ 1,100 บาท ค่าบริการของ JVAC อีก 525 บาท รวมแล้วกัน 1,625 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมลองเช็คได้ที่ https://www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visaindex.htm


     สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมไปนะครับ 1. หนังสือเดินทาง (มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน) 2. ใบคำร้อง 3. รูปถ่ายขนาด 2*2 นิ้ว 1 ใบ 4. แบบตอบถามเพื่อการยื่นขอวีซ่า 5. ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง และสำเนา 1 ชุด) 6. เอกสารแสดงการทำงาน 7. ใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) 8. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด) 9. เอกสารรับรองการเดินทาง เช่น หนังสือรับรองความสัมพันธ์ (ถ้าไม่มีคนรู้จักในประเทศญี่ปุ่น สามารถยกเว้นได้ครับ) 


     อีกหนึ่งสถานฑูตที่ต้องไปทำเรื่องวีซ่าก็คือ สถานฑูตอิตาลี เพราะต้องเดินทางไปในช่วงต้นกรกฎาคมนี้ สำหรับการดำเนินการขอวีซ่าอิตาลีนี่ต้องดำเนินการนัดหมายล่วงหน้านะครับที่เบอร์ 1900-222-344 เนื่องจากมีคนนัดให้เลยไม่สามารถอธิบายรายละเอียดครับ ขออภัยมา ณ.ที่นี้ เท่าที่ทราบเมื่อทำการนัดเวลาแล้วจะมีรหัสนัดมาให้จดไว้เพื่อใช้ในวันนัดครับ


     ความสับสนมันเริ่มจากตรงนี้นี่แหละครับ...เนื่องจากคนนัดทำการนัดให้เราวันที่ 20 แต่เรามีนัดรับเล่มวีซ่าญี่ปุ่นวันที่ 19 ก็ไม่ทันนึกอะไรคิดแต่ว่าเอาสะดวก...งั้นไปทำวีซ่าอิตาลีตอนเช้า แล้วค่อยเลยไปเอาวีซ่าญี่ปุ่นแล้วกัน...คิดอยู่อย่างนี้จนวันที่ 17 ถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าไม่ใช่หละ...ไม่ไปเอาพาสปอร์ตก่อนแล้วจะไปทำวีซ่าได้งัยหละ เลยต้องรีบกุลีกุจอไปเอาพาสปอร์ตที่ JVAC ก่อน…เฮ้อ ดีที่นึกได้ก่อนนะเนี่ย ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ...555...เกือบไปฟรีซะแล้วครับงานนี้



     ก่อนจะไปขอวีซ่าก็ต้องเตรียมเอกสารกันก่อน โดยให้เตรียมไปทั้งตัวจริงพร้อมสำเนา จัดเต็มได้จัดไปเลยครับ คร่าว ๆ ก็มี 1. หนังสือเดินทาง (มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน) 2. ใบคำร้องที่กรอกรายละเอียดเรียบร้อย 3. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ 4. สำเนาบัตรประชาชน 5. สำเนาทะเบียนบ้าน 6. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) 7. สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) 8. หนังสือรับรองการทำงาน 9. หนังสือรับรองทางการเงิน เช่น  สมุดบัญชี (6 เดือนย้อนหลัง) สลิปเงินเดือน ฯลฯ 10. สำเนาการจองตั๋วเครื่องบินที่มีทั้งเที่ยวไปและกลับ 11. หนังสือรับรองที่พักจากทางโรงแรม 12. ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง วงเงินขั้นต่ำ 30,000 ยูโร ทำให้ครอบคลุมระยะเวลาที่เราเดินทางด้วยนะครับ ค่าบาดเจ็บในการทำอีตาลีวีซ่าก็ 60 ยูโร (ประมาณ 2,400 บาท) ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 5 วันทำการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมแบบฟอร์มสามารถดูและดาวน์โหลดได้ ที่นี่

ความเหมือนที่แตกต่าง...เงินเหมือนกัน ค่าเท่ากัน แต่จำนวนไม่เท่ากัน


     เมื่อเอกสารพร้อมก็เหลือแต่นำหน้าหล่อ ๆ สวย ๆ ไปนำเสนอครับ สถานที่เสนอหน้าสำหรับขอวีซ่าอิตาลีตอนนี้ (พฤษภาคม 2554) ได้ย้ายจาก ถนนนางลิ้นจี่ไปอยู่ที่อาคาร CRC Tower ตรง All Season Place ถนนวิทยุแล้วนะครับ...อย่าไปผิด เพราะขนาด google map ยังไปที่ถนนนางลิ้นจี่อยู่เลย (แจ้ง google แล้วครับ แต่ไม่รู้เขาจะแก้ไขให้หรือเปล่า)… สามารถเดินทางมาได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS หรือจะขับรถมาเองก็สะดวกครับ มีที่จอดรถอยู่ชั้นใต้ดิน ทางลงที่จอดรถก็อยู่ตรงบริเวณวงเวียนหน้าตึก CRC เลย...ขึ้นจากที่จอดรถมาชั้น G เดินมาอาคาร CRC แลกบัตรนิดนึงแล้วก็ขึ้นไปชั้น 27 ได้เลยครับ...แนะนำว่าให้มาก่อนเวลาซักนิดนึงเพราะที่นี่เรียกตรงเวลามาก ๆ


     พอขึ้นไปชั้น 27 ก็เดินไปให้ถูกสถานฑูตนะครับเพราะรู้สึกชั้นนั้นจะมี 2 สถานฑูต...เดี๋ยวไปผิดประเทศไม่รู้ด้วยน๊า...555...ผ่านประตูเข้าไปก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตรวจ พร้อมเก็บอุปกรณ์สื่อสารไว้ในตู้ที่เขาเตรียมไว้ เดินผ่านเครื่องสแกนแล้วเข้าไปนั่งรอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกก็ยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้เขาไปตรวจสอบ อันไหนไม่่ใช้เขาก็จะคืนมาเองครับ (เพราะฉะนั้นจัดเต็มไปเลยดีกว่าขาดครับ...เดี๋ยวจะยุ่ง) สอบถามอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ใช้เวลาไม่นานนัก ชำระเงินได้ใบเสร็จพร้อมใบนัดให้มารับเล่มก็เสร็จเรียบร้อยครับ


     ที่นี่ต้องไปนำเสนอหน้าหล่อ ๆ สวย ๆ กันทุกคนนะครับ ไม่สามารถฝากไปทำได้ ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์ก็ตอบคำถามคนเดียวพอครับ คนอื่น ๆ นำเสนอหน้าอย่างเดียว (จริง ๆ) แต่ในวันรับเล่มไม่ต้องไปทุกคนก็ได้ให้คนใดคนหนึ่งในนั้นไปรับเล่มได้ ไม่สามารถฝากคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ขอไปรับได้นะครับ...การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ...ขอให้สนุกกับการเดินทางครับ





Create Date : 29 พฤษภาคม 2554
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2560 13:31:31 น. 1 comments
Counter : 1481 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณที่แบ่งปันคะ
 
 

โดย: บ่าบี๋ วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:32:12 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com