...คำโปรยปกหน้า...แม้แผนการมากมายอาจนำมาซึ่งความลวงหลอกหากแต่ ความรัก กลับมิเคยลวงใจผู้ใดรักหนึ่ง เทือกเขาสูงมิอาจกางกั้นทว่าอีกรัก มิอาจเอื้อมคว้า จันทรา มาครอบครอง...คำโปรยปกหลัง...สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในเวลานั้นก็คือ พระวรกายสูงโปร่งในฉลองพระองค์อาภรณ์สีดำสนิททั้งชุด กังสดาลชะงักฝีเท้าไปวูบหนึ่ง... หล่อนเตรียมพร้อมมาแล้วทั้งกายและใจ ว่าตนเองจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง และควรรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร ทว่า... ดวงพระเนตรคมกริบสีดำดุจถ่านคู่นั้นอยู่นอกเหนือการตระเตรียมของหล่อน !ตลอดชีวิตของหญิงสาว สายตาแต่ละคู่ที่เคยจ้องมองหล่อนนั้น บางครั้งดูถูกเหยียดหยาม บางครั้งโลมเลียหยาบคาย และบางครั้งกระหายหมายแข่งขัน แต่ไม่เคยมีสายตาคู่ใดเหมือนกับพระเนตรของมหาบุรุษผู้นี้...พระเนตรที่ราวกับจะสามารถทะลุเข้าไปถึง 'หัวใจที่ขาดวิ่น' ของหล่อนได้ !ถึงกระนั้น ดวงตาของหล่อนก็สานสบอย่างคงมั่น ขณะที่เท้าทั้งสองก้าวเดินไปหยุดถวายบังคมเบื้องพระพักตร์อย่างสง่างาม พระวรกายสูงจึงทรงโค้งลงรับการคำนับของหล่อนเช่นกัน 'หล่อน' ที่ทรงเข้าพระทัยว่า คือ 'เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งปาลัตตี'...ความเห็นส่วนตัว...บัลลังก์รักครีษมายัน เล่มนี้เป็นเล่มแรกของคุณวรรณศุกร์ค่ะ ยอมรับว่าคาดหวังสูง (แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องแรกของผู้เขียนก็ตาม) คาดหวังแรกในที่นี้ เพราะชื่อเรื่องโดดเด่นตรึงใจมาก คาดหวังที่สอง คือ ...แม้แผนการมากมายอาจนำมาซึ่งความลวงหลอก หากแต่ ความรัก กลับมิเคยลวงใจผู้ใด รักหนึ่ง เทือกเขาสูงมิอาจกางกั้น ทว่าอีกรัก มิอาจเอื้อมคว้า จันทรา มาครอบครอง ... โปรยปกหน้า โปรยได้น่าสนใจ จนอยาก อยากอ่านซะจริงๆเล่มนี้เป็นนิยายแนวลิเกฝรั่งค่ะ แม้ไม่เหมือนซะทีเดียว แต่ได้กลิ่นอายแบบดั่งดวงหฤทัยนิดๆ คือเป็นนิยายในเมืองสมมติที่พาฝัน โรแมนติก พระเอกมาแนวเจ้าชาย ใส่ชุดสีดำสนิท ส่วนนางเอกต้องลี้ภัยไปอยู่เมืองพระเอก อะไรทำนองนั้น แต่ที่เก๋หน่อย คือเมื่อคนที่ควรเป็นนางเอกคู่เจ้าชายกลับไม่ใช่เจ้าหญิงผู้เลอโฉมเสียนี่เนื้อเรื่องสนุกค่ะ แนวผิดฝาผิดตัว คู่ที่ควรคู่ไม่ได้คู่ คนที่รักและหวังครองคู่กลับเป็นอีกคน อีกสถานะที่คาดไม่ถึง เป็นเรื่องราวของการเมืองการปกครอง ผสมผสานกับความรักของคนสองคู่ที่ต้องฝ่าฟันกำแพงไปให้ได้ คู่หนึ่งเป็นกำแพงในใจตนเอง แต่อีกคู่เป็นกำแพงแห่งฐานันดรศักดิ์ที่ไม่กล้าอาจเอื้อมที่บอกว่าคาดหวังสูง ไม่ได้แปลว่าอ่านแล้วผิดหวังนะคะ ยังคงสนุกได้กลิ่นอายพาฝัน ถ้ามองว่านี่คือนิยายเล่มแรกของนักเขียน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จทีเดียว เพราะภาษาสวยงามมากจริงๆ พล็อตก็ดี ตัวละครก็ดี แต่ที่ไม่ตรึงใจเท่าที่ควร เพราะอ่านแล้วมีความรู้สึกนิดๆ ว่ามันเป็นสูตรสำเร็จมากไปหน่อย คืออ่านแล้วยังไม่ลุ้นตามเท่าไหร่ อ่านแล้วเก็บแต่ความหวานและความงดงามทางภาษาซะมากกว่า...คำโปรยปกหน้า (หนังสือ)...ตำนานของบุรุษแห่งเปลวไฟผู้เป็นปริศนากับสาวน้อยผู้ดิ้นรนต่อต้านโชคชะตาและที่มาของพันธนาการซึ่งมองไม่เห็นหลอมรวมกันเป็น อัคคีบงกช สะกดดวงใจชั่วนิรันดร์...จากด้านใน (บันทึกผู้เขียน)...อัคคี ร้อนแรงเผาผลาญทำลายล้างทุกสรรพสิ่งบงกช เบ่งบานลอยละล่องอยู่กลางพื้นน้ำภูผา แกร่งกล้าตระหง่านล้ำค้ำฟ้าหากทั้งสามสิ่งกลับร้อยเรียงผูกพันกันด้วยคำทำนายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครรู้ว่า เบื้องหลังทำนายที่แท้จริงนั้นคืออะไรความกลัว อำนาจ โชคชะตา ...หรือว่า สิเน่หา ตราตรึงใจ!...เรื่องย่อ (จากบล็อกผู้เขียน)...คำทำนายแห่งผู้ทำนายดวงชะตาได้พันผูกชนแห่งสองวงศ์วาน ภูผา และ บงกช เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการแต่งงานเนิ่นนานกว่าสองร้อยปี หากชนใดฝ่าฝืนไม่ทำตาม จะถูกเพลิงแห่งจ้าวอสูรอัคคีผลาญทำลาย ทำให้วงศ์วานทั้งสองยึดมั่นในคำทำนายนั้นเรื่อยมา จนกระทั่ง อินทีวรา ชนแห่งบงกช ได้ฝ่าฝืนคำทำนาย ด้วยการหนีพิธีวิวาห์กับ สิขเรศ ชนแห่งภูผา และได้ออกเดินทางเพื่อตามหาจ้าวอสูรอัคคี เพื่อเจรจาต่อรองให้คำทำนายนั่นเป็นโมฆะ ปลดปล่อยชนสองวงศ์วานให้เป็นอิสระต่อกัน โดยที่เธอหารู้ไม่ว่า บุคคลที่อยู่ใกล้ตัวเธอที่สุด คือบุคคลที่เธอตามหาเพื่อลบล้างหายนะจากคำทำนาย...ความเห็นส่วนตัว...อัคคีบงกช เล่มนี้เป็นเล่มที่สองของวรรณศุกร์ เป็นจินตนิยายรักที่หวานและโรแมนติกมากพอสมควร ด้วยรสนิยมความชอบส่วนตัวล้วนๆ ขอบอกว่าถูกใจในสำนวนของวรรณศุกร์มากๆ อ่านแล้วถูกจริตอย่างบอกไม่ถูก ชอบเล่มนี้มากกว่าเล่มแรกค่ะ เพราะรู้สึกว่าพล็อตเรื่องค่อนข้างแปลกและแหวกแนว ให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างเรื่องราวและตำนานต่างๆ และตัวละครเอกก็ไม่ใช่ตัวละครที่สำเร็จรูปหรือสมบูรณ์เกินไปชอบพระเอกมาก รู้สึกว่าบุคลิกมีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครดี แบบที่อ่านจบแล้วจะต้องจำได้ขึ้นใจ กับจ้าวอัคคีที่ชื่อว่าเพลิงพนัสหรือป่าไฟของนางเอก แอบสารภาพนิดนึงค่ะ ว่าตอนอ่านเรื่องนี้ แล้วนางเอกเรียกพระเอกว่าป่าไฟ ป่าไฟ เราจะนึกถึงไฟขา ไฟขา จาก ดวงใจอัคนี ทุกทีเลย (ไม่เกี่ยวกันซักนิด แต่ว่าบังเอิญอินกับชื่อและติดมาจากละครที่เพิ่งจบไป)เพลิงพนัส ชายหนุ่มผู้มีดวงตาข้างหนึ่งเป็นสีแดงเพลิง สามารถเสกลูกไฟหลากสีด้วยมือเปล่า และสร้างทะเลเพลิงได้ด้วยหัวใจแห่งความแค้น...เป็นเปลวเพลิงร้อนแรงที่อาจทำลายทุกคนให้ย่อยยับลงได้ แต่จะมีหัวใจและเปลวเพลิงไว้เพื่อปกป้อง บงกชสีน้ำเงินผู้เป็นที่รักและเฝ้ารอคอยคนเดียว ... เชื่อว่าใครอ่านจบ คงไม่มีวันลืมผู้ชายคนนี้แน่ๆ...เห็นคุณวรรณศุกร์ เคยพูดว่ามักมีคนทักท้วงเรื่องการสร้างตัวละคร ที่คู่รองมักขโมยซีนคู่เอกอยู่เรื่อย จากที่อ่านมาสองเรื่อง เห็นจะจริงค่ะ เรื่องนี้ก็เช่นกัน คู่รอง บงกชแดงและเขตคีรินทร์ เปิดตัวมาตอนกลางเรื่องแต่กลับโดดเด่น โลดแล่นอยู่บนหน้ากระดาษแค่ไม่กี่หน้ากับการเล่าเรื่องราวความเป็นมาของความรักของพวกเขา แต่ได้ใจไปเต็มๆ แถมอีกเรื่องราวความรักสามเส้าของต้นกำเนิดตำนานคำสาป ไทวะ,ภูศิลาและบงกชขาว ก็ยังโดดเด่น จนแทบจะลืมเรื่องราวของพระเอก,นางเอกไปช่วงนึงเลยทีเดียวถ้าเอาความชอบส่วนตัวของตัวเองเป็นที่ตั้ง...ต้องขอบอกว่า วรรณศุกร์เป็นเพชรเม็ดงามเม็ดใหม่ที่น่าจับตามองไม่น้อยค่ะ เล่มแรกก็สำนวนสละสลวยมากแล้ว เล่มที่สองสำนวนสวยยิ่งขึ้น และพล็อตพัฒนายิ่งขึ้น จากเรื่องเดิม(ที่พล็อตค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ)จุดสะดุดใจก็มีบ้าง (สำหรับเรานะ) คือช่วงนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ตั้งแต่อ่านนิยายของดวงตะวัน แล้วเจอคำว่า โชนฉาน บ่อยมาก จนอคติและคอยจับผิดกับการใช้คำซ้ำอยู่เรื่อยเรื่องนี้ก็เช่นกัน อ่านแล้วสะดุดกับคำว่า สูรยา นิดหน่อย (เปิดหาในพจนานุกรมไม่เจอ ไม่รู้ความหมาย) แต่อ่านบริบทรวมแล้ว คิดว่าคงจะหมายถึงดวงอาทิตย์ (ใช่มิใช่ วานบอกกันด้วยนะคะ) คำนี้มีเยอะมากเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะมันเป็นคำที่หรูหรา สวยงามไพเราะสะดุดตา ดังนั้นเวลาอ่านเจอบ่อยๆ เลยสะดุดนิดๆ จริงๆ ถ้าเป็นคำธรรมดา จะใช้เยอะกว่านี้ในนิยายทั้งเรื่องก็คงไม่สะดุดใจอะไร (ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ เป็นความผิดของเราเอง ที่เวลาเจอคำซ้ำๆ แล้วจะ..เอ๊...ไรงี้)อีกอย่างคือบุคลิกของตัวเอกอีกตัว คือสิขเรศ แอบเสียดายนิดหน่อย ว่าบุคลิกของเขาด้อยเกินไป คืออ่านแล้วไม่ค่อยมีลุ้น เพราะไม่มีจุดไหนที่เขาจะเทียบเท่าหรือพอจะเป็นคู่แข่ง คู่ต่อสู้ของพระเอกเพลิงพนัสได้เลยสรุปว่าถ้าใครชอบนิยายสำนวนสวย ภาษางดงาม เรียงร้อยถ้อยคำได้ดี อ่านลื่นไหล ประโยคเด็ดๆ คมๆ สอนใจก็มีไม่น้อย และถ้ารักเรื่องราวความรักแบบแสนโรแมนติกด้วยแล้วล่ะก็...แนะนำวรรณศุกร์เลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง...เรารอเวลาและจังหวะ จะไปกวาดเล่มใหม่ๆ ของนักเขียนท่านนี้มาครอบครอง อ่านแล้วเรารู้สึกมีความสุขมากๆ กับทุกข้อดีที่กล่าวมาข้างต้น แค่นี้ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเกินราคาหนังสือแล้วค่ะ
บ้ายบาย ปี 2010 สิ่งไม่ดี และ โชคร้ายต่างๆนานๆขอให้ผ่านไปกับปี 2010
สิ่งดีๆขอให้เข้ามาสู่ชีวิตทุกๆคน ลุกใหม่ยืนใหม่เริ่มต้นใหม่กับปี 2011
มีความสุขมากๆนะครับ..
เอด้าขอฝาก blog นี้ข้ามปีเลยนะครับ..