...สวัสดีค่ะ...เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก หายใจเข้าหายใจออกไม่กี่ที วันๆ ก็หมดไป แล้วระยะเวลาเดินมาถึงสิ้นเดือนกัน รายปากกาลายปักษ์ก็เดินทางมาถึงปักษ์ที่ห้ากันแล้ว เขาว่ากันว่า (เขาคนไหนก็ไม่รู้ล่ะ) ...เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ก็เคยแอบพยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกันกับข้อความเหล่านี้ เพราะเวลาแฮ๊ปปี้ๆ เวลาผ่านไปเร็วจนลืมนับเลย แต่ช่วงเวลาแห่งความทุกข์นี่สิ แต่ละนาทีมันยาวนานเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นซักที รายงานความคืบหน้าของตัวเองหน่อย ช่วงที่ผ่านมานั้นก็ยังอารมณ์ครึ้มๆ เล็กน้อยถึงปานกลาง พยายามจะโทษว่ามันเป็นความแปรปรวนทางอากาศก็แล้วกัน ที่นี่ช่วงนี้ร้อนจับใจทีเดียว เวลาไปเดินเล่นนอกบ้านหรือไปทะเล ฉันก็พกหมวกใบโตติดไปด้วยเสมอ ฝรั่งแถวนี้ก็แอบมองกันตรึม คงไม่ใช่มองที่ความสวยเป็นแน่แท้ น่าจะเป็นหมวกใบโตใบนี้แหล่ะ ขณะที่ฝรั่งอยากอาบแดดให้ผิวสีแทนอย่างคนเอเชีย แต่คนเอเชียหัวดำอย่างเราๆ กลับวิ่งหลบแดดกันให้วุ่น เพราะอยากจะผิวขาว แก้มใสแบบสาวยุ่น สาวเกาหลี หรือสาวๆ ฝรั่งวัยขบเผาะอย่างว่าแหล่ะน้า...คนเราก็อย่างนี้ ไม่เค๊ย ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ คนผิวคล้ำก็อยากผิวขาว คนผมหยิกก็อยากผมตรง คนที่มีผมตรง ก็ชอบเข้าร้านเสริมสวยเพื่อม้วนผมหยิก ผมลอน ... แต่ก็เอาเถอะ อยากทำแบบไหน ถ้ามีความสุขก็ทำไปตามใจตัวเองเถิด เกิดมาชาตินี้ชาติเดียว ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาอีกหรือเปล่า...เพราะฉะนั้นใช้ชีวิตให้คุ้ม เก็บโมเม้นท์แห่งความสุขกันให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน... ปากบอกคนอื่นไปอย่างนั้น แต่ตัวเองก็ทำไม่ได้หรอกค่ะ ข้อเสียของคนชอบคิดมากก็เป็นแบบนี้แหล่ะ บางวันตื่นขึ้นมา เอ..ฉันจะทำอะไรดีเนี่ย? (เหอ เหอ สงสัยว่างงานเกินไป) อ่านหนังสือดีไหม? ไปยืนเลือกหนังสือที่ชั้นหนังสือนานเป็นยี่สิบนาที เฮ้อ..ไม่รู้จะหยิบอะไรมาอ่านดี แรงบันดาลใจในหดหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้...ที่หัวเตียงตอนนี้ มี"เด็กเก็บว่าว" จับจองพื้นที่มานานพอสมควรทีเดียว แต่ไม่สัญญานะ ว่าเมื่อไหร่จะอ่านจบ แต่กำลังค่อยๆ อ่านไป ทีละนิดทีละหน่อย...เปลี่ยนใจ หาหนังหาซีรี่ย์มาดูดีกว่า หลังจากที่ดูซีรี่ย์ด้วยความเฉื่อยชา ดูไปอย่างนั้นๆ แหล่ะ คั่นเวลา ดีกว่าไม่มีอะไรทำ เมื่อคืนก่อน สะดุดกึ๊ก เพราะเปิดไปเจอซีรี่ย์เรื่องหนึ่งเข้า คือ Bad Guy ...กะว่าจะดูฆ่าเวลาซักหน่อย แต่เปิดดูไปไม่กี่ตอน ...โอ๊ว..ในที่สุดก็ได้ค้นพบแล้ว กับอารมณ์ที่รอคอยมานาน ความรู้สึกในการดูที่แบบว่า .."ไม่อยากดูเพราะกลัวจบเร็วไป แต่ก็หยุดดูไม่ได้ เพราะมันมีแรงดึงดูดใจมากมาย" เอาไว้ว่างๆ จะรีวซีรี่ย์เรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดูนะคะ เรียกว่าดูมาราธอนทีเดียว ไม่จบก็ไม่หลับไม่นอน กว่าจะนอนได้คืนนั้น น่าจะเกือบตีสี่ถึงตีห้าเชียวแหล่ะรายงานสภาพอากาศเพิ่มเติมเล็กน้อย ว่าเมื่อวานฝนตก ฝนตกในหน้าร้อนเนี่ยนะ...ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก แต่ที่ขัดใจ มันดันตกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และดันตกลงมาในวันที่ฉันซักผ้าตากไว้ด้วยนี่สิ ...ฮึ้มๆ ฮึมฮัมด้วยความหงุดหงิด..สุดท้ายก็รีบสูดหายใจอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ปล่อยออกมาอย่างช้าๆ นับหนึ่งถึงร้อยล้านในใจ 55+...ไม่ได้ๆ...อย่าอารมณ์เสีย ...อย่าอารมณ์เสีย...ช่างมัน เดี๋ยวฝนหยุด ก็ไปเก็บมาซักใหม่ก็ได้...ว่าด้วยเรื่องฝนตก บรรยากาศสุดฮิตในหนัง ในซีรี่ย์ ในนิยายเชียวนะ ไอ้น้ำเม็ดเล็กๆ ที่หยดลงมาจากฟากฟ้านี่ ให้ความรู้สึกได้หลายอย่างเชียว อย่างในฉากจบของซีรี่ย์ Summer Scent พระเอกกับนางเอกเดินสวนกันที่บันได้ ผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่ค่อยๆ เลือนหายไปกับสายฝน เหลือเพียงเขาและเธอที่ยืนจ้องหน้ากันใต้ร่มในมือคนละคัน...จบได้แบบความหวังและความฝันเต็มเปี่ยมไปหมด ฝนตกแต่คนไม่หนาวนะ เพราะหัวใจอบอุ่นอีกเรื่องที่ขอพูดถึงซักนิดนึงเถอะ คือ Turn Left Turn Right - A Chance of Sunshine หรือที่คนไทยน่าจะรู้จักดีในชื่อ ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา ...ขอบอกว่า ชื่อเรื่องมันได้ตรงจริงๆ 555+ พระเอกกับนางเอกเขาพักอยู่ตึกเดียวกัน แต่เวลาออกไปข้างนอก ผู้หญิงเธอจะเลี้ยวซ้ายไปทางนึง ส่วนผู้ชายก็เลี้ยวขวาไปอีกทางหนึ่ง และทั้งเรื่องเป็นเช่นนี้ ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่มีโอกาสได้เจอกัน คลาดกันอยู่ตลอด ที่ๆ ทั้งพรหมลิขิตชักพาให้เกือบเจอกันมาตั้งหลายครั้งเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน ภายใต้ร่มสีแดง ผู้คนรอบตัวมากมาย เธอคิดว่าซักวันเธอจะต้องได้เจอกับใครซักคน กับผู้ชายอีกคนที่(ไม่ได้กำลัง)มองหารักแท้ พล็อตง่ายๆ ที่ดำเนินเรื่องราวได้โรแมนติกมาก (ในความรู้สึกของฉัน) ดูแล้วอุ่นหัวใจภายใต้สายฝน บางทีความรักที่เฝ้าค้นหา มันคงอยู่ไม่ไกลหรอก ถ้ามองหารอบตัวซักนิด ไม่ใช่เพียงเลี้ยวไปในทางเดียว ในจุดๆ เดียวอยู่เสมอหนังเรื่องนี้เกือบจะจบได้สวยอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มีตอนจบที่ ???????? อ่า...ตอนที่ดูมาถึงฉากนี้ ฉันได้แต่นั่งคิดว่า อ่านะ...คนเขียนบทคิดได้ไงนี่? (ในความคิดของฉันคนเดียวนะ) ตอนจบฆ่าตัว(หนัง)ตายชัดๆ อยู่ๆ ก็มีแผ่นดินไหวจนตึกพัง พระเอกกับนางเอกถึงได้รู้ว่า คนที่ตัวเองต่างเฝ้าค้นหานั้น อยู่ที่เดียวกัน มีแค่ผนังกั้นเท่านั้นเอง ...คนดูอึ้งไปสองวินาที ก่อนจะดูต่อไปฉันเพียงแค่คิด ...จะง่ายกว่านี้ไหม ถ้าแค่ให้ผู้หญิงเลี้ยวขวาแล้วผู้ชายเลี้ยวซ้าย แค่นี้พวกเขาก็จะเจอกันแล้ว (หรือคนเขียนบทเขาจะคิดว่ามันธรรมดาไปก็ไม่รู้)...แต่สำหรับฉันแล้ว คิดว่ามันคงเป็นตอนจบที่โรแมนติกมากเลย...แค่พวกเขาลองเปลี่ยนทิศทางเดิน หันหน้าเข้ามาหากัน แค่นี้พวกเขาก็จะเจอกันแล้วบางที ถ้าลองหัดทำตัวให้เหมือนกำแพงบ้างก็ดี...ไม่ใช่ความไร้ตัวตนของกำแพงนะ และก็ไม่ใช่ความแข็งกระด้างของอิฐด้วย....ก็แค่ลองทำตัวอย่างกำแพง อดทน รอคอยและทอดยาวไป (อย่างที่ตัวเอกในซีรี่ย์เรื่องหนึ่งเคยบอกไว้ว่า)......คุณรู้ไหม ว่ากำแพงแต่ละฝั่ง พวกมันบอกอีกฝั่งว่าอย่างไร.......แล้วเจอกันที่หัวมุมไงล่ะ......สวัสดี...
...สวัสดีค่ะ...
...สวัสดี...
ตกลงจะต้องขอบคุณ ที่เกิดแผ่นดินไหวหรือเปล่า? คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระเอกนางเอก คงด่ากันขรม นะคะ