ยอมรับเลยค่ะ ว่าช่วงนี้อาจจะไม่ได้อ่านหนังสือมากมาย ไม่ได้ดูหนังดูซีรี่ย์ถี่หรือเรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนเมื่อก่อน จะไม่พยายามหาเหตุผลมาแก้ตัว ว่ายุ่ง ไม่มีเวลา หรืออะไรก็แล้วแต่ เพียงแต่รู้สึกว่า หนังสือแนวที่เคยอ่าน หนังแนวที่เคยดู ซีรีย์แนวที่เคยชอบ อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปหมด ไม่ค่อยมีแรงดึงดูดใจเหมือนแต่ก่อน บางครั้งก็ถามตัวเองเหมือนกัน ...ว่าเราไม่มีเวลา หรือเราไม่หาเวลาให้กับมันกันแน่...แต่ความจริงที่คิดว่าจะน่าจะเป็น คงเป็นเพราะเราแก่ขึ้นอีกปีมั๊ง ความชอบ ความสนใจในบางสิ่งบางอย่างมันขาดหายไป ในขณะที่ความชอบบางสิ่งบางอย่างมันเพิ่มขึ้น...ตอนฉันยังเป็นเด็กๆ นิยายเล่มละสิบสองบาท(แทบทุกเล่มที่ผ่านมือ) ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ละครไทยในช่วงสิบกว่าปีที่แล้ว ทำให้เกิดอารมณ์ซึ้ง ทำให้ร้องไห้ ทำให้เสียน้ำตา ครั้งหนึ่งเคยคลั่งไคล้วิลลี่ แมคอินทอช และหมิว ลลิตา เป็นเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายในฝัน มาวันนี้หนังสือนิยายบางเล่มไม่ทำให้รู้สึก อิน ตามไปด้วย บางเล่มอ่านแค่ผ่านๆ บางเล่มอ่านแล้วหงุดหงิดใจ ละครไทย(และบางประเทศ) หลายเรื่อง ดูแล้วขำกับบทที่พยายามยัดเยียดเกินไป บางครั้งดูแล้วหงุดหงิดใจกับบทที่ขาดๆ เกินๆบ่นไปอย่างนั้นแหล่ะ อย่ามาย้อนนะ ว่าถ้าเก่งจริงก็ให้ไปเขียนบทเอง เพราะฉันเองก็เขียนไม่ได้หรอก...ต้องคนทำกับข้าวอร่อยหรือเปล่า จึงจะรู้ว่าอาหารจานนั้นอร่อยไหม? ... ต้องคนวาดภาพเป็นหรือเปล่า จึงจะบอกได้ว่าภาพนั้นสวยหรือไม่? ...ถ้าคำตอบคือไม่...ฉันก็ขอบ่นต่อไปก็แล้วกันหลายวันก่อนไปนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนสองคนที่ร้านกาแฟ และเกิดการพูด(เชิงวิจารณ์) ละครไทยเรื่องหนึ่งที่ฉายอยู่ทางช่อง TGN ทางเลือกเดียวของคนไทยไกลบ้าน มีละครอยู่ช่องเดียว (ถ้าอยากดูเรื่องอื่นๆ ของช่องอื่นๆ ก็อาศัยดูทางเนทเอา) ... มาเข้าเรื่องเรื่องเลยดีกว่า เรื่องจริงไม่อิงนิยายแต่ประการใด (อาจมีเสริมแต่งบ้างในส่วนของอากัปกริยาในวงเล็บ เพื่ออรรถรสในการเล่า)พี่เอ็น(นามสมมติ) :: ดอกรักริมทาง สนุ๊กสนุก ขำมากๆ ฮั่งตู๋น่ารัก..บลา บลา บลาพี่แอล(นามสมมติ) :: จริงเหรอ? แอลไม่ได้ดูช่วงหลังๆเลยแจงเอง :: พี่เอ็นสนุกเหรอ แจงดูแล้วไม่ขำเลย ช่วงแรกๆ ก็ชอบนะ น่ารักดี พระเอกนางเอก เขินๆ อะไรแบบงี้ ดูเพราะโอกับบี้แท้ๆ น่ารักจริงๆ แต่ตั้งแต่เจอฉากที่ยัยเป้ยอุ้มหมาขึ้นรถไป พร้อมกับรูปที่มีพินัยกรรม เซ็งอ่ะ (อ้างอิง ช่วงที่พระเอกนัดนางเอกมาเจอ แล้วให้พี่สาวเอาพินัยกรรมมาให้ แต่ดันถูกตัวร้ายคือเป้ยมาแย่งเอาไป โอ อนุชิตถูกยิง ตำรวจจับลูกน้องยัยเป้ยไป ยัยเป้ยวิ่งหนีไปพร้อมกับรูป ฮั่งตู๋หมาวิ่งตามไปคาบรูป แย่งกันไป แย่งกันมา แล้วยัยเป้ยก็แย่งได้ เขวี้ยงรูปขึ้นรถ แล้วหันมาอุ้มฮั่งตู๋ขึ้นรถไปด้วย)พี่แอล(นามสมมติ) :: อ้าว ทำไมล่ะ?แจงเอง :: ก็พี่คิดดูดิ ยัยเป้ยแกอยากได้พินัยกรรม พินัยกรรมในรูปอันเดียวกำจัดกันไม่ได้ซักที ก็เข้าใจอ่ะนะ ถ้ากำจัดไป เรื่องมันก็จบ ละครก็จะลากไปต่อไม่ได้...แถมเขียนบทอยากให้ฮั่งตู๋เป็นฮีโร่แจงก็เข้าใจอ่ะแหล่ะ แต่ว่า..แต่...อ่านะ ก็เห็นยัยเป้ยแกวิ่งหนีหมาตลอดทาง วิ่งเพื่อจะหนีไปให้พ้น เค้างงอ่ะ พอยัยเป้ยแย่งเอารูปใส่รถได้แล้ว แทนที่จะรีบวิ่งหนีขึ้นรถไป ไม่รู้หันไปอุ้มไอ้ฮั่งตู๋มันขึ้นรถไปด้วยทำไม ก็รู้อยู่ว่าหมามันฉลาด พาไปมีแต่จะวุ่นวาย พี่เอ็น(นามสมมติ) :: (หันมาทำหน้าเซ็งเล็กน้อยถึงปานกลาง เสียงแข็ง) ...แหม แจงก็ ...ก็ดูให้มันสนุกสิ (แน๊ะ บังคับกันอีก....ว่าแล้ว พี่เอ็นแกก็หันไปเล่าละครเรื่องดอกรักริมทางให้พี่แอลฟังอย่างละเอียดทุกฉากทุกตอน พร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าละครเรื่องนี้ ขำขันมากมาย)พี่แอล(นามสมมติ) :: หืม..พี่เอ็น..อืม..อืม...จริงเหรอ?...อืม..อืม...แล้วไงต่อ อืม...(หันมาสบตาข้าพเจ้าแว๊บนึงอย่างเข้าใจกัน)...อืม...จ้ะ อืมๆ (พยักพเยิดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะให้ความสนใจ)แจง :: แหม เค้าไม่ได้อยากจับผิดนะ แต่มันสะดุดใจอ่ะ (ว่าแล้วก็หันมาสนใจลูกสาวแทน) เอาขนมมั๊ยลูก..อิอิ จ้า..จ้า อร่อยดี..บลา บลา บลาที่เล่าเรื่องนี้ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ อารมณ์แว๊บนึง มันแบบว่า เฮ้ย..ย นี่เรากำลังเคืองใจกันเพราะละครเรื่องเดียวหรือนี่ ไหนเค้าว่ากันว่า ถ้าไม่อยากเคืองใจกัน อย่าเอาเรื่อง การเมือง มาถกในวงสนทนา เพราะอาจจะแตกคอกันได้ ..กลายเป็นลามมาถึงเรื่องละครไปได้ ก่อนหน้าโน้นฉันบอกว่าชอบกบ สุวนันท์ พี่แกดันบอกว่าเกลียดกบซะงั้น แต่รักอั้ม พัชราภาสุดหัวใจ...กร๊าก..ก..เอา เอาเข้าไป ความรู้สึกตอนนั้นประมาณว่า พี่รักของพี่ก็รักไปสิ ทำไมต้องมาใส่อารมณ์เกลียดคนของหนูมากมายอย่างนี้... พอนั่งดื่มกาแฟไปซักพัก อืม..ม อารมณ์ดีขึ้น ฉันเห็นพี่แกสนุกกับละครเรื่องนั้นจริงๆ ...ก็มานั่งคิดทบทวนตัวเอง บางทีฉันอาจจะเอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่มากไปหน่อย ละครที่บทอ่อนสำหรับเรา อาจมอบความสนุกสนานให้คนอื่นก็ได้ คิดได้แบบนั้นก็สบายใจขึ้น เราเปลี่ยนให้ทุกอย่างต้องมาเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้ เราก็ควรแค่เลือกดูแค่นั้นเอง เรื่องไหนสนุกสำหรับเรา เราก็ดู...ไม่สนุก เราก็ไม่ดู...ไม่ดีของเรา ไม่ได้แปลว่าไม่ดีของคนอื่นเสียหน่อย แต่ถึงจะออกตัวว่าอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูซี่รี่ย์น้อยลง แต่ก็ไม่ได้เลิกไปเสียทีเดียว เพราะลึกๆ ฉันก็ยังต้องการความบันเทิงในส่วนนี้อยู่ ล่าสุดที่ดูจบไป ก็เป็นซีรี่ย์เรื่องยาวของประเทศที่กำลังบูมในบ้านเรานี้เอง ดูพราะคาดหวังความบันเทิง แต่กลับไม่ได้บันเทิงสมใจแฮะ...เพราะต้องมานั่งเสียน้ำตา ปวดหัวใจไปด้วยอีกต่างหาก ...หลายครั้ง หลายหน ถกกับเพื่อนคอซีรี่ย์ด้วยกันไม่จบเสียที ว่าซี่รี่ย์ที่ดีคืออะไร พล็อตดึงดูด? ดาราดึงดูด? อารมณ์ของเรื่องราวที่ดูแล้วอิน? รายละเอียดต่อเนื่อง? แต่ไม่ใช่นักวิจารณ์ ก็ไม่รู้หรอกว่าซีรี่ย์ที่ดีคืออะไร เราเลยลงความเห็นกันว่า ซีรี่ย์ที่ดี คือซีรี่ย์ที่เราดูแล้วมีอารมณ์ร่วม ดีใจ เสียใจ ปวดใจไปด้วย(มั๊ง) "ถ้าพี่บอกว่าพระจันทร์เป็นสี่เหลี่ยม ฉันก็จะเชื่อว่าพระจันทร์เป็นสี่เหลี่ยม" (Cinderella 's sister) ตอนที่ฉันได้ยินฮโยซอนพูดประโยคนี้กับกิจุน ทำให้ฉันอึ้งไปนิดๆ ประโยคบางประโยค มันสั้นๆ ง่ายๆ แต่กินความหมายได้ลึกถึงใจดีจัง (อาจเป็นหัวใจของฉันคนเดียวก็ได้)ฟังแล้ว...อดนึกไปถึงประโยคอีกประโยคหนึ่งในซีรี่ย์เรื่องหนึ่งที่เคยดูเมื่อนานมาแล้วไม่ได้ นั่นคือ... "คุณเป็นคนเชื่อคนง่าย หรือคุณแค่เชื่อทุกอย่างที่ผมพูด" (Lover in paris) ...นั่นสินะ ... บางที นั่นอาจเป็นคำถามที่คนถูกถามมีคำตอบอยู่แล้ว... ที่กล่าวถึงละครทั้งสองเรื่องคือดอกรักริมทางและCinderella 's sister ... ไม่ได้คิดจะเอามาเปรียบเทียบนะคะ ว่าเรื่องไหนดีกว่ากัน สนุกกว่ากัน เพราะสุดท้ายแล้ว ความชอบ รสนิยมในการดูละครก็ย่อมแตกต่างกันไป แต่ฉันกำลังพูดถึงความอิน(ส่วนตัว)เท่านั้นเอง ดูซีรี่ย์จบไปด้วยอารมณ์กรุ่นๆ เพราะผู้หญิงที่พูดประโยคด้านบนนั้น ในท้ายที่สุดของเรื่อง เธอกลับไม่ได้มองเห็นพระจันทร์เป็นสี่เหลี่ยมอีกต่อไป เพราะคนที่เธออยากจะเชื่อนั้น เขาไม่ได้มีเธอในสายตา ไม่ว่าเธอจะมองเห็นพระจันทร์เป็นรูปอะไร ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ประโยคนั้นสะดุดใจฉันเหลือเกิน ฉันชอบเวลาที่เรารักใครซักคน (เหมือนที่ฮโยซอนหลงรักกิจุน) เธอทำให้ฉันนึกถึงใครหลายๆ คน ทั้งในหนัง ในซีรี่ย์ ในนิยาย หรือแม้แต่ในความเป็นจริง ...แต่แท้ที่จริงแล้ว เวลาที่คนเรากำลังมีความรัก เราเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝันต่างหาก...หวาน ล่องลอย...รักมาก ก็มีตัวตนน้อย รักน้อย ก็มีตัวตนมาก... ...บางทีนะ...ที่ฉันยอมเชื่อว่าพระจันทร์มันเป็นสี่เหลี่ยม อาจเป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่คุณบอกฉันก็ได้ ฉันแค่พร้อมจะเชื่อ ไม่ว่าพระจันทร์ที่อยู่ตรงหน้า จะกลมโตขนาดไหน ถ้าคุณบอกว่ามันเป็นสีเหลี่ยม ฉันก็จะเชื่อว่ามันเป็นสี่เหลี่ยมถ้าคุณบอกว่าโลกมันแบน ฉันก็จะเชื่อว่าโลกมันแบน ...ถ้าคุณบอกว่าหัวใจเป็นสีเขียว ฉันก็จะเชื่อว่ามันเป็นสีเขียว ...ถ้าคุณบอกว่าต้นไม้เติบโตด้วยความรัก ฉันก็จะเชื่อว่าต้นไม้เติบโตด้วยความรัก ...ถ้าคุณบอกว่าจะรักฉันตลอดไป ฉันก็พร้อมจะเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน...ฟังดูน้ำเน่าใช่ไหมคะ...อย่าโทษฉันเลย แต่แค่อารมร์ค้างคาในซีรี่ย์เรื่องนั้นมันพาไปจริงๆ เปิดตัวปักษ์ที่แล้วมา ฉันหยิบเรื่องนั้น เรื่องนี้มาคุย จับประเด็นยังไม่ถูก ปักษ์นี้ฉันหวังว่าอารมณ์คงจะนิ่งและจับทางของตัวเองได้ ว่าจะเขียนเน้นไปทางเรื่องไหน แนวไหนดี...แต่เปล่าเลย ปักษ์นี้อารมณ์ก็ยังคงว้าวุ่น จับแพะชนแกะเช่นเคย..ทนอ่านหน่อยนะคะ...หวังว่าคราวหน้าคงดีขึ้น...