บายศรีหัวใจ
ยามรัก.. การได้อยู่ชิดใกล้ผู้เป็นที่รัก คือสิ่งที่ต้องการ
อย่างที่สุด เกินกว่า..ความปรารถนาใด ในชีวิต
ถ้าเธอทิ้งฉันไปในเวลานี้ เท่ากับเธอได้นำร่างกายเกือบทั้งหมดของฉันไป ดังนั้น
ขอจงอย่าจากฉันไปเลยนะ การที่เธอจะจากฉันไปนั้น..เธอต้องเอาหัวใจฉันไปด้วย เพราะฉะนั้น
อย่าจากฉันไปเลย
ความรักที่มีระหว่างเรานั้น..หาได้ยาก แล้วทำไม..เราจะทำลายมันเสียเล่า เรารักกันมานาน..เกินกว่าจะลบรอยได้ ขอจงอย่ายุติความรัก..ของเราเลย มิฉะนั้น..พรุ่งนี้เราทั้งสองจะเสียใจ ที่ทำให้..ความรักสลายลงในวันนี้
ความรัก
มีอิทธิพลมากมาย ทำให้ดวงตา
มีประกายแจ่มจ้า ทำให้ดวงหน้า
เบิกบานแจ่มใส ทำให้อบอุ่น
และปิติสุขด้วยความหวัง
เคยมีคนสอนผม
ให้เป็นเทียนที่ยอมเผาไหม้ตัวเอง เพื่อสร้างความสว่าง ให้แก่ผู้อื่น เมื่อก่อนฟังแล้วก็เฉยๆ แต่ตอนนี้ เข้าใจแล้วล่ะ ลองให้รู้สึกรักใครมากมาก อย่างที่ผมรักคุณอยู่อย่างนี้ละก็ ถึงแม้จะรู้ว่า ตัวเองถูกไฟเผาไหม้ กลายเป็นเศษเทียน แต่ถ้าทำให้คุณ ได้รับความสว่าง ให้ประโยชน์เต็มที่ละก็ ผมว่าคุ้มค่า
ยอมได้ อย่างไม่คิดอะไรเลย
บายศรีหัวใจ.... ให้เป็นเสมือนถนนสายหลักของความรัก ที่มีคนมาพบกัน
ค้นหาหัวใจของกันและกัน เพื่อจะก้าวเดินต่อไปตามเส้นทางรัก แต่การเดินทางครั้งนี้ เหมือนจะบอกว่า "ถ้าคิดจะรัก อย่ากลัวทุกข์"
แสงเทียนที่เคยวาบหวามไหว อ่อนหวาน เวลานี้
จะกระพริบนัยน์ตาพร่า เพราะมีน้ำตามาเป็นม่าน จนสิ่งใด
รอบๆตัวลบเลือน เหมือนเปลวเทียน ที่ถูกลมพัด ความรัก..เป็นเช่นนี้เองหนอ ทำให้ปลื้มจนอิ่มสุข
.แล้วก็ทุกข์จนตันตื้อ เพราะน้ำตาแห่งความสุข รินย้อนลงไปท่วมหัวใจ..ให้สำลัก
คืนทะเลหนาวและดาวพันดวง
ในคืนทะเลหนาว หัวใจเรา..อบอุ่นด้วยไอรัก บนฟ้า..มีดาวนับพันดวง..กระพริบเป็นพยาน ยามฉันกระซิบบอกให้คนรู้ว่า ..ฉันรักคุณมากเพียงใด
พิษแห่งความสูญเสีย..มันเป็นเช่นนี้เอง ในใจมันจี๊ดๆ เจ็บเหมือนเข็มเล่มเล็กๆ แทงซ้ำแล้ว......ซ้ำเล่า รู้ไหม..ว่าฉันรักเธอ รู้ไหม
ว่าเรารักกัน รู้ไหมว่าคนรักกัน..เหมือนเพียงหนึ่งนั้น มันรวดร้าว หัวใจเพียงใด หัวใจ..ที่เจียนขาด มันเป็นเช่นนี้ เองหรือ??
ความรักของหนุ่มสาว ในเรื่องราวของคืนทะเลหนาว ในห้วงเวลา..ที่ดาวนับพันดาวส่องกระจ่างฟ้า ...........จึงยังคงพลิ้วไหว ให้สะทกสะท้อนวาบหวามหัวใจ และเชื่อมั่นว่า.......
ความรักนั้น..จะสามารถเป็นรากฐาน ให้ชีวิตมนุษย์
ยืนหยัดต่อสู้ กับ...อุปสรรคทั้งน้อยใหญ่ได้อย่างมั่นคง ดุจต้นไทร..ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม ให้มนุษย์ได้พักพิงทั้งกายและใจ..ยามเหนื่อยล้า
ดุจคืนวันที่มืดมิด
ดุจชีวิตที่อ้างว้าง ดุจรักในยามหนาว
ดุจไร้เงาแห่งตะวัน
หากในคืนทะเลหนาวกับยามนี้ ท่ามกลางดวงดาวนับพัน..ระยิบระยับ ท้องทะเล
สว่างกระจ่าง..ชีวิตไม่อ้างว้าง และรักครั้งนี้..ช่างอบอุ่นเหลือเกิน ทั้งที่ไม่มีตะวันดวงนั้น..ตรงขอบฟ้า
พระจันทร์เปลือย
สิ่งใดที่กุมไว้ในมือ และมั่นใจว่าเป็นของตาย คุณค่านั้น.....ย่อมน้อยนิด หากเมื่อใดหลุดลอย
นั่นแหล่ะ จะรู้ซึ้ง ถึงค่าของมัน
ยาวนาน..ที่เธอเฝ้ารอให้เขาเปลี่ยนแปลง ยาวนาน..ที่เธอเฝ้ารอ รอ รอจนวันนี้ รอจนประจักษ์..ว่าสิ่งที่รอนั้น ไม่มีวันได้รับ เธอจึงตัดสินใจ
.
เราหย่ากันนะคะ ต่างคนต่างไป เลิกทำร้ายจิตใจฉันเสียที
วันที่เขาต้องทุกข์ตรม เพราะเธอ..ไม่ได้จากไปเพียงลำพัง ผู้เป็นดั่งดวงใจของพ่อก็ถูกพรากไปด้วย โดยสิทธิและหน้าที่..... เขาไม่อาจยื้อยุดลูกกลับมาได้
จะสายไปไหม
หากเขาจะทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อให้ได้เมีย...และลูกคืนมา และที่สำคัญ เธอ..ยังมีเยื่อใย หรือสลัดเขาทิ้งจากหัวใจ
โดยสิ้นเชิง
ความรักและหัวใจของผู้หญิง เมื่อทุ่มเทให้ใครไป
.นั่นคือทั้งหมด หากเมื่อใด..ที่"ความรักภักดี"นั้นไร้ค่า ผู้หญิง
มักจะแข็งแกร่ง และเด็ดขาดเสมอ
ความรัก
ยังมีอยู่ทุกๆที่ ที่ความตั้งใจดี ดำรงอยู่ ความรัก
กลับคืนมาได้ ถ้าความหวังในหัวใจ ไม่ถูกทำร้ายโดยสิ้นเชิง แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ยังเป็นคำกล่าว ที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่..มิใช่หรือ
คนอย่างฉัน..ไร้ความกล้าหาญ ที่จะใช้มีดโกน หรืออาวุธร้ายแรงอย่างอื่น ประหัตประหารใครซักคน ที่เคยเป็นผู้ทำให้รู้จักคำว่ารัก แล้วก็ทำให้รู้จักคำว่าแค้น ชีวิตสั้นเกินกว่า
จะต้องมาเผชิญอยู่กับความโกรธเกรี้ยว และถึงเวลาแล้ว.... ที่ฉันจะต้องสลัดความทุกข์ร้อนให้หมดจากใจ โดยเป็นการแก้ไข ให้ตรงเหตุ ............เมธาวี............
ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม
รีวิว..ทุกตัวอักษรด้านบน เจ้าของบล็อก...ตัดตอน มาจากเนื้อหาบางส่วนในหนังสือ ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัวเจือปน..ทั้งสิ้น เล่นง่ายเนาะ..คราวนี้เนื้อหาล้วนๆ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นจากการอ่านค่ะ หากใครอ่านรีวิวแล้ว..ชื่นชอบ ลองหามาอ่านดูนะคะ
|
ลืมแล้วค่ะ...สงสัยไม่ได้ชอบมาก