:: ป ร อ ย ฝ น บ น ก ร ะ จ ก ::
...ในบางครั้ง บางเวลา
ปรอยฝนก็ทำให้อารมณ์ของผู้คน
หม่นหมองและเศร้าเกินความเป็นจริง
...ในวันที่ฝนตกรุนแรง
คุณมองเห็นอะไรในสายฝนนั้น
...ส่วนฉันมองไม่เห็นอะไรเลย
เพราะหยาดน้ำฝนกำลังปนกับหยดน้ำตา
...ที่น้ำตาไหล ไม่ใช่เพราะความเศร้า
แค่ฟ้าครึ้มมักทำให้ความเหงา ดูเหงากว่าเคย
...ปรอยฝนบนกระจก ก็ร้องเรียกหาเพื่อนเต้นรำ
ฉันจึงปล่อยน้ำตาไปเต้นระบำกับสายฝน (ซักสองสามนาที)
หายไปครึ่งเดือนเหมือนหายไปครึ่งปี รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้ามากๆ เน็ตขัดข้องนิดหน่อย จึงได้มีโอกาสหลบหน้าหลบตาไปจากสังคมออนไลน์บ้าง ไม่มีเน็ตแล้วเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เวลาสั้นๆ มันทำให้ฉันได้รู้ว่า ฉันกลายเป็นโรคเสพติดคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เนทมากมายขนาดไหน
พอไม่หมกมุ่นกับคอมพิวเตอร์ มีเวลาเหลือเฟือ ก็หันไปหมกมุ่นกับอย่างอื่นแทน ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้อ่านหนังสือไปเยอะมากทีเดียวค่ะ และวันพุธก่อนโน้น..น..น..น ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ฝนตกตั้งแต่บ่ายจนเย็น แปลกดีเหมือนกัน ฝนตกแทนที่พวกเราจะอยู่บ้าน ก็ดันชวนกันออกไปเดินเล่นซะงั้น ทั้งๆ ที่นั่งเล่น นอนเล่นอยู่บ้านคงสบายกว่า แต่เหมือนชีพจรลงเท้า พอรู้สึกว่าอยากไป มันก็ต้องไปให้ได้
กลายเป็นว่าหัวสมองมันทำตามคำสั่งของหัวแม่เท้าไปซะงั้น...
แวะเข้าบาร์กาแฟ ไปนั่งจิบอะไรเล่นๆ คุยกันเรื่องสัพเพเหระ (นินทาคนข้างตัวเป็นกระษัย) และนั่งมองฝนตกกระทบบานกระจกของร้านก็เพลินดี สุดท้ายคว้ากล้องมาแช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ รูปน้ำฝนบนกระจกติดมือกลับบ้านด้วย...สบายใจเฉิบ
จริงๆ สายฝนก็ไม่ทำให้หนาวเท่าไหร่หรอก ถ้าหัวใจมันไม่หนาว...
มาเมาแชมเปญด้วยกันสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่า ความหนาวของฝนทำอันตรายหัวใจไม่ได้เลย...อิอิ
เค้าม่ายมาว...ว...ว...นะ...เอิ๊ก อี๋...แหว่ะ
ถ้าหัวใจมันไม่หนาว...
.
.
.
เห็นด้วยเลยค่ะ