วาเลนไทน์ผ่านไปแล้ว วันที่เขาถือว่าเป็นวันแห่งความรักจริงๆ มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่งในสายตาแต่สภาพแวดล้อมก็เลี่ยงการเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ได้เห็นสีแดงแต่งแต้มไปทั่วแบบนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่สีแดงถ้าไม่มีลูกโป่งรูปหัวใจเสียหน่อยมองเผินๆ ก็คงนึกว่าเทศกาลตรุษจีนแต่เอาเถอะนะ ตรุษจีนก็อีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถือเป็นเทศกาลใกล้เคียงได้แล้วกัน คงพอหยวนกันได้(แล้วเจ้าของบล็อกจะรอดจากการเชือดไปเซ่นไหมเนี่ย - -")กระทั่งร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ยังเข้าสมัย in trend กับเขาด้วยวันแห่งความรักงดขายสังฆภัณฑ์หนึ่งวัน แต่งร้านด้วยผ้าแพรสีแดง และตุ๊กตาหมี พร้อมทั้งกุหลาบขายกันเป็นล่ำเป็นสัน จนลืมคิดไปว่านั่นเป็นร้านสังฆภัณฑ์แต่ก็นะ เทศกาลฝรั่งที่ยึดถือเป็นของไทยไปแล้วทั้งทียิ่งเมืองที่ฝรั่งมังค่าเต็มเมืองแบบที่นี่แล้วด้วยจะแปลกอะไร ถ้าจะมีการฉลองยิ่งกว่าวันมาฆบูชาหรือฉันมันแปลกที่ไปคิดอะไรขวางชาวบ้านเขากันนะ?? สงสัยเพราะฉันมันคนไม่มีรักหรือจะเป็นพวก loveless หรือเปล่านี่เอ๊ะ หรือจะไม่รักจริงๆ? ก็หัวใจฉันมันเป็นสีเทานี่นาตอนนี้ อะไรก็ไม่รู้ เป็นใครก็ไม่รู้ สถานะอะไรก็ไม่รู้ไม่บอกว่าเป็นสีเทา แล้วจะให้บอกว่าเป็นสีอะไรแถมหัวใจยังเพิ่งจะเสียศูนย์มานิดๆ เขาถึงบอกนักหนา ว่าคนเราต้องมองกันยาวๆ คิดว่ายาวแล้ว แต่ยังยาวไม่พอ ก็ต้องยอมรับอะไรที่ไม่ใช่อย่างไรก็ไม่ใช่อยู่ดี เอาใจกลับไปไว้ที่เดิมคงดีจริงๆ เคยเอาใจออกไปไหนไหม ....ก็ไม่เคยอยู่ตรงนั้นตรงที่เดิมนั่นแหละ กี่ปีแล้วนะ 4 ปีแล้ว เวลาใช่น้อยนะ แต่ก็ยังคลุมเครือเหมือนเดิม ใจยังอยู่ที่เดิม มีบ้างที่วอกแวก สุดท้ายก็ไปไหนไม่พ้นไม่รู้ทำไม รู้แต่ไปแล้วก็อยากกลับมา ทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ต้องการหรือไม่เคยคิดว่า อะไรทำให้อยู่มาได้นานถึงป่านนี้ปากยังบอกอยู่ว่าไร้รัก แต่จนทุกวันนี้ เหตุผลที่ดึงให้อยู่ คือ รักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ......แต่ที่รู้ตอนนี้ หัวใจเริ่มเป็นสีน้ำตาลแห้งๆ สงสัยสำลักความหวานของวันแห่งความรักถึงมารู้สึกว่าหัวใจตัวเองมันแห้งแล้งพิกลใจมันขาดน้ำตาล อยากได้ความหวานมาเติมใจแล้วจะไปหาจากที่ไหนดีนะเนี่ย.........หาคนสวนคนใหม่เสียดีไหม??? ขึ้นอีกเรื่อง ลงอีกเรื่อง คนเราน้อ สวัสดีวันหวยออกค่ะทุกคน