เป็นอีกวันค่ะ ที่รู้สึกว่าหัวใจมันอิ่มเอม รู้สึกเป็นสุขข้างในกับสิ่งที่เห็น หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับเจ็งลี่เองมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ วันนี้ระหว่างที่รอรถสองแถวกลับมาบ้านนี้ คนเคยมาพัทยาคงจะเห็นว่าที่นี่ใช้สองแถวเป็นพาหนะในการโดยสารไปไหนมาไหน วิธีการเรียกรถโดยสารของคนพื้นที่ อาจจะแลดูแปลกตาสักหน่อยสำหรับคนต่างถิ่น เพราะจะใช้นิ้วชี้ๆ เหมือนเป็นการถามทาง ไม่ต้องเสียเวลาถามคนขับว่ารถจะวิ่งไปสายไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นที่พัทยานี้ รถสองแถวจะเป็นแบบวิ่งตามใจคนขับค่ะ ไม่แบ่งแยกสายแน่นอนชัดเจน ใช้ดวงกันนิดหนึ่ง แต่รถสองแถวก็มีมากเสียจนไม่ต้องรอกันนานสักเท่าไหร่ ยกเว้นแต่ชั่วโมงเร่งด่วนจริงๆ อันนั้นอาจต้องรอนานนิดนึง เอ เจ็งลี่ชักไหลเจ้าค่ะ จะเล่าความประทับใจของวันนี้ แต่ดันมาจ้อเรื่องรถสองแถว ^^" เย็นนี้รอรถสองแถวไม่นานหรอกค่ะ รถก็มา ก็ตามระเบียบขึ้นมาแล้วก็นั่งชิดใน สักพักรถสองแถวก็จอดรับคนอีก รถสองแถวเมืองพัทยานี่เขาไม่มีป้ายนะคะ โบกตรงไหนเป็นจอด ยกเว้นโบกตอนดึกๆ จอดลำบากถ้าไม่มีฝรั่งเคียงข้าง เคยใช้วิธีเอาแบงก์ร้อยโบก จอดเร็วทันใจ เวลาจ่ายก็จ่ายค่าโดยสาร 5บาทตามปกติ ^_^ เอ้า นอกเรื่องอีกล่ะ พอพี่โชเฟอร์จอดแล้ว ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินขึ้นมาค่ะ แว้บแรกเห็น โอ้ย สงสาร แล้วก็สลดใจ เพราะตัวสามีเป็นคนตาบอด มองดีๆ ถึงนึกได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่เดินร้องเพลงแลกเงินอยู่แถวบ้านนั่นเอง ตอนนั้นเลยเปลี่ยนเอาเหรียญห้าบาทที่ถือไว้เก็บ แล้วหยิบแบงก์ยี่สิบออกมา กะว่าเตรียมจะจ่ายเงินให้สามีภรรยาคู่นั้นเอง ไม่ใช่จะดูถูกดูแคลนอะไรเขา หรือจะอวดตัวว่าวันนี้เจ็งลี่ทำตัวเป็นนางฟ้าใจบุญ ทั้งที่ปกติทำตัวเป็นนางมารขี้บ่นหรอกค่ะ แต่เห็นแล้วอยากจะทำอะไรให้เขาบ้าง เพราะรู้ว่ากว่าเขาจะได้เงินมันยาก เขาอุตส่าห์ไม่ทำตัวเป็นขอทานนั่งขอเงิน ใช้เสียงเพลงแลกเงิน อะไรเล็กน้อยทำให้เขาได้ ก็อยากทำค่ะ แต่อนิจจา นางมารก็ต้องเป็นนางมารต่อไปวันนี้ (วันนี้ก็เปิดฉากงาบหัวฟายเซ็นเตอร์ของบริษัทหนึ่งไปค่ะ -"-) นางมารไม่มีโอกาสเป็นนางคว้า หลังจากที่รถวิ่งมาได้สักพักหนึ่ง สามีภรรยาคู่นั้นก็ลงก่อนเจ็งลี่ พอสองคนนั้นลงเรียบร้อย พี่โชเฟอร์ก็ออกรถเลยค่ะ ไม่รอรับเงินที่ตัวภรรยากำลังจะเดินเอาไปให้เลย เจ๊แกได้แต่หันไปมองหน้าเหวอๆ แล้วก็โบกมือขอบคุณ โชเฟอร์รถสองแถวพัทยาเนี่ย หลายคนคงต้องเป็นอดีตนักซิ่งที่กลับใจมาแน่ๆ เลยค่ะ หรือไม่ก็เคยขับรถเมล์เขียวแถวเมืองกรุง เพราะซิ่งกันเหลือเกิน ขับกระชากๆ สงสัยจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้โดยสารนั่งชิดเข้าด้านใน แต่กับพี่คนนี้ แกขับรถนิ่มน่ะ ค่อยๆ จอด ไม่ปาดไม่ซิ่ง แถมน้ำใจดี ถึงจะเป็นเงินแค่เล็กน้อยมากๆ แต่ก็น้ำใจนะคะ เจ็งลี่เห็นแล้วรู้สึกอิ่มใจกับสิ่งที่เห็น รู้สึกว่าน้ำใจยังไม่ได้หายไปจากคนไทย ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เป็นเรื่องดีที่ยังมีในชีวิตที่มองไปทางไหนตอนนี้ก็มีแต่เรื่องชวนหดหู่ ปวดหัวแบบตอนนี้นะคะ พยายามเพ่งมองชื่อพี่โชเฟอร์มา "ปรีชา แพงเทพ หรือแนงเทพ" อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ ลายมือพี่แกอ่านยาก หน้าตาที่เห็นในบัตรที่แปะไว้ในรถนี่แอบน่ากลัวนิดหนึ่ง แต่คนเรามองกันจากภายนอกไม่ได้เลยจริงไหมคะ ^_^
คนเรามองจากภายนอกไม่ได้
ดูอย่างหนูสิ ขี้เหร่แต่จริงใจนะเอ้า
5555
พี่แจงล่ะก็ เอาเรื่องดีๆมาเล่าเยอะๆนะ
เหมือนเติมพลังเลยอ่ะ อ่านแล้วยิ้มๆๆๆๆ
^^