. . . วันวาน โรงพัก ผัดไทยจานละ 160 . . .
***บล็อกวันนี้ย๊าว ยาวนะคะ ใครไม่นิยม กากบาทสีแดงมุมบนขวาได้เจ้าค่ะ ^^ ***
ในที่สุดก็สลัดตัวขี้เกียจขนๆ ออกจากหลังสำเร็จ กว่าจะหามีดโกนมาโกนขนที่หลังออกได้ เสียเวลาที่หลังไปพอสมควรเลย แหะๆ ก็คนมันขี้เกียจ เรื่องจะอัพมีเยอะแยะ แต่ขี้เกียจ(ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเป็นคนสันหลังยาวทั้งๆ ที่ตัวสั้น ^^)
พอดีไปประสบเหตุ เลยมีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง คนเคยอ่านๆ บล็อกเก่าๆ หรือเพื่อนฝูงที่สนิทกันมานานๆ มักจะรู้ว่าเจ็งลี่ค่อนข้างจะเป็นเฟมินิสต์นิดนึง จริงๆ แล้วมีน้องคนนึงบอกว่าไม่นิดล่ะ เอียงกะเทเร่ไปทางนั้นเต็มที่ (แหม ก็นู๋มันผู้หญิงงงงง นี่นา) เรื่องนี้เลยรู้สึกมีส่วนร่วมกับเขา และอินไปกับเขาค่อนข้างจะมากหน่อย
เมื่อวานไปโรงพักมาค่ะ ไปแจ้งความข้อหาหัวใจหาย เอ๊ะไม่ใช่ ไปเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีหนึ่งค่ะ พอดีว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ(หรือเปล่า) พอดีว่าเพื่อนสนิทชวนไปซื้อของเป็นเพื่อนหล่อน (จริงๆ หาคนช่วยหิ้วของ) เรารึก็อยากพักบ้าง (พักด้วยการเดินทางแต่เช้าๆ ไม่รู้เรียกว่าพักหรือเปล่า) เอาเป็นว่าอยากไปเปลี่ยนบรรยากาศก็แล้วกันนะคะ แล้วก็บังเอิญอีกทีว่า ลูกค้าคนสนิท เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่นี่นั่นแหละ มาหาพร้อมเพื่อนอีกคนที่เจ็งลี่ก็รู้จักมาพักใหญ่ๆ แล้ว ให้ช่วยพิมพ์เอาเมล และ mms ออกมา เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกันทั้งหมดนั่นแหละนะ ออกตัวกันสักนิด การที่เจ็งลี่จะคบคน ไม่เคยจะไปตัดสินการกระทำของเขา หรืออดีตของเขาสักเท่าไหร่นะคะ แต่จะมองดูที่การกระทำที่เขาทำกับเรามากกว่า พูดง่ายๆ แกจะดีจะร้ายยังไง แต่ถ้าแกดีกับฉัน ฉันก็คบได้ ประมาณนั้นแหละค่ะ
กลับมาเรื่องที่ตั้งใจจะเล่าให้อ่านกันต่อ หลังจากเช็คเมล และ พิมพ์ออกมาให้แล้วก็เป็นอึ้งค่ะ เพราะตัวเองก็พอจะทราบเลาๆ ถึงปัญหาของเพื่อนคนนี้มาเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่ามันจะกลับกลายออกมาในรูปแบบนี้ เท้าความให้ฟังกันนิดหนึ่ง คงไม่มีใครหาว่าเราเอาเขามาขายหรอกนะ แต่อยากให้รู้ไว้เป็นอุทาหรณ์ หรือระวังกันสักนิด เพื่อนคนนี้เขาเป็นเมียน้อยของนักธุรกิจชาวต่างชาติคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ค่ะ ไอ้ตอนเจอเขาก็ไม่รู้หรอก มารู้ทีหลัง แต่นั่นแหละ การเป็นเมียน้อยใคร ไม่ใช่จะเป็นสิ่งยืนยันว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี ไม่ดีตรงผิดศีลข้อ 4 น่ะแน่ๆ แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูกันไปแหละ (***ความเห็นส่วนตัวนะคะแบบนี้***) เธอคนนี้ เอาเป็นว่า สมมติว่าชื่อ แอล นะคะ เท่าที่ทราบแอลอยู่กับสามีคนนี้มา 3 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จะเห็นว่าแอลมักมาที่พัทยา เพื่อมาเยี่ยมเพื่อนของเธอ (คนที่สนิทกับเจ็งลี่นี่แหละ) และติดตามสามีมาทำธุระ เนื่องจากผู้ชายคนนี้ เขาทำธุรกิจนำเข้าส่งออก โดยมีเธอเป็นผู้ช่วย แอลเป็นคนจัดการติดต่อประสานงาน และร้านที่เปิดหลายๆ สาขานั้นเป็นชื่อเธอในการทำธุรกรรมใดๆ เรียกได้ว่าเธอเป็นคนลงแรง โดยที่ฝ่ายชายเป็นคนลงเงินนั่นแหละนะคะ
ล่าสุดที่ได้เจอแอล ถึงทราบว่าเธอโดนทิ้ง เพราะความไม่ไว้ใจว่าเธอไปมีคนอื่น ไม่เชื่อว่าเธอไปหาพี่สาวเธอจริง ฝ่ายชายเลยขนข้าวของเธอออกจากคอนโด แล้วบอกให้เธอออกไปจากชีวิตของเขา (ง่ายดีเนอะ - -) ถึงตอนนี้ก็เพื่อนสนิทก็ต้องออกโรงขับรถไปรับเธอที่กรุงเทพฯ พาเธอกลับมาพัทยา หลังจากนั้นสักพักฝ่ายชายก็ตามตื้อขอเธอกลับคืน แต่คนเรา เจ็บแล้วมันจำ ก็คงไม่กลับ (ถ้าคนสติดีๆ คนไหนก็คงไม่กลับ หลังจากหลายเรื่องที่เกิดขึ้น) จากรักเลยแปรเปลี่ยนเป็นแค้นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ฝ่ายชายกลับแจ้งความจับเธอข้อหาขโมยแลปทอป โดยวันเวลาที่แจ้งความนั้น เธออยู่ที่ต่างประเทศ และกล่าวหาเธออีกหลายอย่าง ที่ร้ายกว่านั้น ฝ่ายชายเขียนจดหมาย และแนบรูปถ่ายที่เคยถ่ายกันไว้สมัยยังดีกัน (คงไม่ต้องบอกกระมังว่ารูปถ่ายนั้นเป็นรูปประเภทใด) ไปสอดไว้ที่ตู้จดหมายหน้าบ้านเพื่อนที่เธอมาอาศัยอยู่ พร้อมกับข้อความที่บอกว่าจะแพร่กระจายรูปเธอไปทั่วอินเตอร์เน็ต รวมถึงวีดีโอต่างๆ ที่ถ่ายกันไว้ด้วย ถ้าหากเธอไม่นำเครื่องคอมพิวเตอร์มาคืน (แล้วจะไปหาจากที่ไหนมาคืน) ....
นั่นเป็นเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟัง เมื่อเธอมาหาและขอให้เช็คและพิมพ์อีเมลออกมาให้ เมื่อเช็คไป ได้แต่นั่งอึ้ง พร้อมกับความเกลียดชังผู้ชายคนนั้น(เรียกว่าผู้ชายได้ไหม?) พวยพุ่งขึ้นมา ผู้ชายประเภทไหนกันที่ทำกับผู้หญิงคนที่เคยอยู่กินกันได้แบบนี้
เนื้อความอีเมลก็คล้ายกับจดหมายที่เธอได้รับมาแล้ว ขู่จะเอารูปของเธอไปเผยแพร่ รวมถึงส่งให้เพื่อนๆ ทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในเบอร์โทรศัพท์ของเธอด้วย (แอลเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนที่รายนั้นพยายามตามตื้อขอคืนนี้ เขาตามไปง้อถึงบ้านเธอที่ขอนแก่น และฉกเอาโทรศัพท์ของเธอมา) อีเมลอย่างเดียวไม่พอจะทำให้อึ้งหรอกค่ะ แต่มี mms ที่ส่งมาให้ด้วยนี่สิ บังเอิญว่าโทรศัพท์ที่เพื่อนอีกคนให้เธอมาใช้ระหว่างที่เธอยังไม่มีโทรศัพท์ใหม่นี้ เป็นเครื่องรุ่นเก่าที่ไม่สามารถใช้รับส่ง mms ได้ มันก็เลยมาเป็น url ที่ต้องเข้าไปเช็คกับเว็บ รูปที่เห็น ก็ทำให้อึ้ง รูปลับเฉพาะแบบนั้น คงไม่มีใครอยากให้ใครเห็นสักเท่าไหร่ แต่เตือนแอลไปว่า พิมพ์ออกไปให้หมดเถิด ของทุกอย่างมันเป็นหลักฐานทั้งนั้น พร้อมทั้งคิดในใจว่า ฝรั่งคนนี้ ไม่บ้าอย่างเดียว แต่คงต้องโง่ด้วยที่กล้าส่ง mms มาจากเบอร์ตัวเอง ไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่า มันสามารถเอากลับมาใช้เล่นงานคนที่ตัวเองต้องการกลั่นแกล้งเขาได้
เรื่องเลยกลายเป็นว่า เจ็งลี่ดันไปมีอารมณ์อินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาชวนไปโรงพักด้วยกัน ประจวบกับต้องไปกรุงเทพฯ กันอยู่แล้ว เลยตกปากรับคำเขาอย่างง่ายดาย (ใจง่ายไหมเนี่ย?) เมื่อวานตอนเช้า เพื่อนคนนั้น เอาเป็นว่าชื่อ กิ่ง แล้วกันนะคะ กิ่ง แอล เจ็งลี่ และเพื่อนสนิทคนที่จะไปชอปปิ้งของเจ็งลี่ ก็นั่งรถเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน เราสี่คนรู้จักกันหมดค่ะ สนิทสนมกันมากพอสมควร เลยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย โดยมีกิ่งเป็นพลขับ ตลอดทุกรายการ อิอิ
เจ็งลี่ไม่เคยคาดคิดว่า ตัวเองจะเกลียดใครที่ไหนได้โดยการเห็นหน้าครั้งแรก แต่มันเป็นไปแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอคติหรือเปล่า แต่พอเห็นและนั่งฟังเหตุการณ์ที่เขานั่งเถียงกันต่อหน้าตำรวจแล้ว จี๊ดๆ ขึ้นมาเรื่อยเลย ผู้ชายคนนั้นมาพร้อมกับเมียของเขา เรื่องอื่นๆ ไม่เล่าแล้วกัน แต่เขาก็ยังยืนยันว่าแอล เป็นคนเอาแลปทอปของเขาไป ในวันที่แอลไปเก็บข้าวของย้ายออกจากคอนโดของเขา เขายืนยันว่าเขามีพยานด้วย สามคนปรั๋วเมียนั่งเถียงกันอยู่หลายเรื่อง จนเริ่มออกนอกเรื่องไปไกล ไอ้เจ้าแอลเขาก็ไม่อยากเสียเวลากับการขึ้นศาลในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ และเธอก็กำลังเดินเรื่องจะไปเมืองนอกอีกครั้ง นังเจ็งฯ เลยต้องสะกิดแล้วก็ทำหน้าที่เสนอหน้าบอกให้เอาเอกสารให้ตำรวจดูไป ลืมความอายไปซะ ถ้าอยากจะเขี่ยไอ้คุณเวงนี่ออกไปจากชีวิต เพราะดูแล้วถึงจะจบเรื่องนี้ไป มันก็คงจะหาเรื่องใหม่มาราวีชีวิตเธอเป็นแน่ๆ แอลเชื่อฟังเพื่อนแต่โดยดี (ช่างเสี้ยมสอนเหลือเกินเรา >_<) เอาเอกสารและเขี่ยความอายออกจากหนังหน้าไปก่อน เพราะจริงๆ แล้วเธอบอกว่าเธอไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว เราสามคนที่ไปด้วยนั่งอยู่ให้กำลังใจเพื่อน และพยายามไม่พูดอะไร เว้นแต่บางจังหวะที่อดรนทนไม่ไหวจริงๆ ถึงต้องเจรือก - - อย่างตอนที่เอาหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมให้ตำรวจและฝ่ายเมียหลวงดูแล้ว (ก็นังเจ็งฯ นี่แหละเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องหลักฐาน แหะๆ) ฝ่ายเมียหลวงถึงกับตัวสั่นเมื่อเห็นสิ่งที่สามีตัวเองทำลงไป ไม่รู้ว่าเพราะแค้นที่มันทำ หรือเพราะโมโหที่มันทำอะไรง่าวๆ ให้เขารู้ว่ามาจากตัวมัน เพราะกระทั่งอีเมลที่มันส่งเข้า มันยังไปแฮคเอาอีเมลเก่าของแอลเขามาส่งเลยนี่คะ รายนี้จะว่าฉลาดก็คงพอมีอยู่บ้าง เพราะจดหมายที่เขาเขียนไปแปะหน้าบ้านก็ไม่ลงชื่อ อีเมลที่ส่งมาก็แฮคมาจากเมลเก่าของแอลเขา ชื่อก็ไม่ลงอีกเช่นเคย แต่ mms ฉบับเดียวที่ส่งจากโทรศัพท์เขา เบอร์มันโชว์หราอยู่นี่คุณ จะไม่ให้ว่าโชว์ง่าวก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
แต่อย่าคิดว่าผู้ชาย(ตกลงมันเป็นผู้ชายไหม?) จะยอมรับว่ามันเป็นคนทำ คุณพี่ตำรวจนั่งฟัง นั่งดูยังนั่งส่ายหน้า แล้วหันไปบอกคุณพี่เมียหลวงว่า พี่ดูเอาเองนะคับ ขนาดเห็นตำตาแบบนี้ ยังไม่ยอมรับ ฝ่ายคุณเมียหลวงยังคาใจ ส่งได้ด้วยหรือ ทำนองว่าไม่เชื่อว่าโทรศัพท์สามารถส่งรูปได้ ถึงตอนนี้ อิเจ็งฯ แทบจะเสนอตัวส่ง mms ให้ดูกันจะๆ แต่เกรงใจเจ้าของสถานที่แบบคุณพี่ตำรวจ เพราะแกก็เห็นว่านังเจ็งฯ แอบอันเสียงที่เขาคุยกันไว้ทุกชอต ^^
คุณพี่ตำรวจเห็นท่าจะบานปลายและจะไม่จบ เพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับ แถมมีกองหนุนหัวรุนแรงแบบอิเจ็งและอีกสองสาว เพราะเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับ ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ ทำและยืนยันอีกทีว่าแอลเป็นขโมย นั่งทุ่มเถียงกันมาตั้งชม.กว่า นังเจ็งก็หงุดหงิด แกมหิว (ไม่ได้หม่ำไรมาตั้งกะมะคืน แถมตอนเช้าตื่นเช้ากว่าปกติ เลยขี้วีนง่ายหน่อย บวกกับกลัวเพื่อนเรามันใจอ่อน) เลยต้องใส่เกือกอีกรอบ ขออนุญาตนะคะ คุณตำรวจ แอล หันมามองทางนี้ดิ๊ คุณเพื่อนเชื่อฟังแต่โดยดี หันมา เจ็งลี่เลยถามเน้นๆ ชัดๆ ว่า ในเมื่อเขาตกลงไม่ยอม แล้วถ้าเขาจะฟ้อง จะเอาไง เพื่อนมองหน้า แล้วตอบว่า ก็ไม่เป็นไร อยากฟ้องก็ฟ้องไป ไม่ได้เป็นคนเอาไป นังเจ็งตบต่อว่า แล้วเรื่องที่เขาขู่เราทำให้เราเสียสุขภาพจิต และเผยแพร่รูปเปลือยของเราล่ะ จะเอาไง จะฟ้องด้วยไหม เพื่อนได้ใจค่ะ ตอบทันทีว่า ฟ้องเหมือนกัน ในเมื่อต้องเสียเวลาแล้วก็เสียไปเลย
ลองมาเทียบกันดูนะคะ คดีหนึ่งเป็นคดีอาญาไม่มีอายุความ แจ้งความว่าขโมยของ (แต่เป็นการแจ้งความเท็จ และมีการสร้างพยานเท็จ เพราะพยานบอกว่าเพื่อนกิ่งเป็นคนพาแอลมาเอาเครื่องคอมฯ ทั้งๆ ที่พยานคนนั้นไม่เคยเห็นหน้ากิ่งเลย) กับอีกคดี คดีอนาจาร และอื่นๆ ที่จะฟ้องได้เรื่องนี้ และฝ่ายเราก็พร้อมจะยอมเสียชื่อเสียง กับอีกฝ่ายที่ถ้าฟ้องขึ้นมา เสียเปรียบเห็นๆ ในเมื่อหลักฐานมันคาตา แถมคุณตำรวจบอกว่า หลักฐานเราแน่นหนากว่า ถ้าขึ้นศาล โอกาสแพ้มีมากกว่า 70% และถ้าแพ้ขึ้นมา ฝ่ายชายจะต้องถูกส่งกลับประเทศ อีตอนนี้ คุณเมียหลวงก็หน้าตาไม่ดีแล้วละค่ะ หันไปแว้ดใส่สามี บอกให้หยุดเรื่องนี้เดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องฟ้องไม่ต้องแจ้งแล้วความ ฝ่ายชายมันก็ท่าทางจะยังไม่สำเหนียกกระมังคะ เลยนั่งเถียงต่อ เราก็นั่งดูปรั๋วเมียเขาเถียงกันสองคนอย่างสบายใจ เพราะเรารู้แล้วว่าผลน่ะ มันจะออกมายังไง
ที่สุดแล้วก็ต้องยอมความค่ะ อย่างที่บอกเพราะฝ่ายแอลเขาไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้ ถ้าจบได้ก็จบไป พร้อมทำข้อตกลงที่จะต้องเซ็นต์ว่าจะไม่ให้ฝ่ายชายมาระรานอะไรเธออีก จริงๆ น่าจะให้มันโดนข้อหาแจ้งความเท็จอีกอย่างด้วยนะเนี่ย แง่ม เห็นไหมล่ะว่าเจ็งลี่อิน แต่ก็ดีใจกับเพื่อนด้วย อย่างน้อยก็หมดเรื่องปวดหัวไป ชีวิตคนเรามันต้องเดินหน้าต่อไปนี่คะ เล่าให้ฟังนี้จะบอกว่า เวลารัก คุณจะทำอะไรก็ทำได้ แต่ถ้าหากคิดจะถ่ายรูปถ่ายอะไรขึ้นมา ระวังกันนิดหนึ่ง หรือถ้าอยากจะทำจริงๆ อย่าให้เห็นหน้าเลยค่ะ มันไม่คุ้มหรอกกับอะไรที่จะตามมาภายหลัง สุขภาพจิตเสื่อมได้ง่ายๆ ไม่คิดหรอกค่ะว่าจะมาเจออะไรแบบนี้กับคนใกล้ตัว เกิดอะไรขึ้นมาฝ่ายหญิงเราก็เสียหายมากที่สุดอยู่วันยังค่ำ ถ้าให้เห็นหน้านะคะ อย่าลืมว่าสมัยนี้สื่อมันไปเร็ว อินเตอร์นี่ตัวดีเลยค่ะ แพร่กระจายไวได้เร็วพอกับความเร็วแสง อีกอย่างนะคะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมา สติค่ะ อย่าให้ขาด อย่าเดือดร้อนใจ อย่าดิ้นรนว่าแย่ให้อีกฝ่ายเห็น อีกฝ่ายสมใจแน่นอนถ้าเห็นเราเป็นแบบนี้ สติและใจเย็นเท่านั้นแหละจะทำให้เราผ่านไปได้ (เหมือนสอนเลยวุ้ย)
จบแล้วค่ะ จบเรื่องโรงพักแล้ว หมดเรื่องพลังของนังเจ็งฯ ก็หมด - - พลังงานชีวิตเริ่มหดหาย เพราะอย่างที่บอกตื่นแต่เช้าเกินปกติ แถมยังไม่มีคาเฟอีน(ชา) ตกถึงท้อง ตายไปเลยค่ะทีนี้ แต่เราก็มุ่งหน้าไปจตุจักรต่อ ไปหาซื้อของช่วยเพื่อน แรกว่าจะไปหาอาหารเวียดนามหม่ำที่ร้านเพื่อน แต่จำไม่ได้ว่าอยู่โครงการไหน เพราะไปทุกทีมีคนพาไป แต่งวดนี้ไม่ได้บอกคนพาไปว่าจะเข้ากรุงฯ โทรไปสะกิดตอนเช้าโดนดุเสียงั้นว่าไม่บอกก่อน พอโทรไปถามทาง ก็จำไม่ได้เช่นกันว่าอยู่โครงการไหน ถามแต่ละรายก็ไม่มีใครจำได้ ก็คนมันบ้านนอกไม่ได้เข้าบ่อย ทำไงล่ะทีนี้ เดินมั่วๆ อยู่สักครึ่งชั่วโมง ถอดใจละค่ะ เจอร้านที่เห็นคนนั่งกันเยอะๆ เลยสะกิดกันไปนั่งเพราะไม่ไหวแล้วมันเหนื่อย และร้อนนนนน แต่นาทีนั้นมันหิวจนกินไรไม่ลงแล้ว เราเลยว่าเออ สั่งมาแค่สองจาน แล้วแบ่งๆ กันหม่ำ แล้วค่อยหาไรหม่ำกันต่อรอบเย็นดีกว่า (ความเห็นของคนชอบกินพ้องกันโดยมิได้นัดหมาย เพราะในสวนฯ ของกินมันเยอะ เดินกินเล่นๆ ได้) แต่พอเห็นเมนู โอ้ยๆๆๆๆ ผัดไทยจานละ 160 น้ำปั่นแก้วละเกือบร้อย เฮือกมากๆ ละเจ้าค่ะงานนี้ แต่เอาเหอะ สั่งไปแล้ว หม่ำๆ กันไป แล้วจะได้เดินกันต่อ คิดเงินออกมา ผัดไทยสองจาน น้ำ 4 ขวด เป็นเงิน 400 บาท แหง่บ ถึงเขาจะมีกุ้งแม่น้ำมา ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าแพง เอาแค่ผัดไทยกุ้งสดธรรมดาไม่ได้เหรอ ไม่ต้องเอาหรอกแม่น้ำ งึมๆ งำๆ บ่นกัน ก็ช่างเถอะ เพราะบางทีเราสี่สาวไปด้วยกันกินมากกว่านี้ก็บ่อยไป แต่มันนะ จานละ 160 ยังคาใจไม่หาย กลับมาถึงบ้านตอนเย็น บ่นๆ กับเพื่อน เพื่อนบอกเขาเป็นร้านดัง เคยออกรายการ ออกหนังสือพิมพ์ อ้อ มิน่าล่ะรายได้เขาบอกได้เดือนละหลายแสน ก็ราคานั้น ไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วค่ะ แหม ใครไม่เคยเห็น จะให้รู้ไหมเนี่ยร้านอาหารหน้าตาธรรมดาๆ โอเพ่น ใต้ร่มไม้ ขายจาน 160 บาท แง่ม (อีกที)
ไม่ได้ถือกล้องไป เอามือถือถ่ายมาให้ดู กินแล้วมาอวดค่ะ แง่ม แง่ม
จบแล้วจริง ๆค่ะ สวัสดีวันหยุดค่ะทุกคน ^_^
ปล.ใครรู้จักร้านดินเผาแหนมเนือง ที่จตุจักร ช่วยสงเคราะห์บอกเจ็งลี่ทีว่าอยู่โครงการไหน ไปเองรอบหน้าจะได้ไปถูก T_T
.
Create Date : 07 พฤษภาคม 2550 |
|
23 comments |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2550 22:53:15 น. |
Counter : 651 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: วัว IP: 58.9.83.158 7 พฤษภาคม 2550 16:58:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: jengly 7 พฤษภาคม 2550 19:06:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 9 พฤษภาคม 2550 21:43:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ร้านนั้น เค้ามีชื่อนะ..สมูทตี้มะม่วงเค้า ดังกระฉ่อน
ข้าวเหนียวมะม่วงด้วยมั้ง..
เคยเห็นลง ไทยรัฐแหละ..
แต่กู้อีจู้จำไม่ได้ซะแร่ววว่าชื่อร้านชื่อไร..
.....................................
เจ็งลี่วอนสอนหญิงวันนี้ ทำเอาขนพองสยองเกล้า
แอนด์เสียวสันหลังนิด ๆ
เอิ๊กกกกกกกก
นี่แหละหนา..แรกรักน้ำต้มผักที่ว่าขมยังว่าหวาน
แล้วไง..เวลาผ่านไป แค่กลิ่นน้ำต้มผัก ก็ยังไม่อยากจะได้กลิ่นเล้ยย..
เฮ้อออออ..คนเรา