พกอะไรไปเที่ยว 13 วัน (BKK & Japan)


ถ้าถามว่า “เห่อ” ไหม ฉันตอบเลยว่า “มากกกกก”


สงกรานต์นี้กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ

เลยเกิดมหกรรมการจัดกระเป๋าเข้าๆ ออกๆ ระดับชาติ

เพราะส่วนตัวเป็นโรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ ขั้นเบาะๆ

คือนอกจากจะจัดกระเป๋าล่วงหน้าเป็นเดือนแล้ว

ก็ยังหมกมุ่นกับการเสาะหาวิธีแพ็คของยังไงให้เบาที่สุด

ผลที่ได้คือ.....................................................

.............................................................

...................................................

..........................................

..............................

..................

..........




และ




Travel Light บ้านแกเหรอเนี่ยยยยยยย!!!!



คือคือคือ ทริปนี้เราไปกรุงเทพฯ วันที่ 9 เมษายน เพื่อไปเจอเพื่อนๆ 

แลกเงิน ดูหนัง หรืออาจจะพักผ่อนด้วยการนอนเฉยๆ (คงทำได้หรอก)


แล้วคืนวันที่ 11 เมษายน เราก็นั่งเครื่องเวียดนามแอร์ไลน์ไปญี่ปุ่น 

มีพักเครื่องด้วย จะไปถึงญี่ปุ่นตอนเช้าวันที่ 12

บินกลับไทยวันที่ 19 แล้วค่อยกลับบ้านวันที่ 21 เมษายน 

สิริรวมแล้วเป็นเวลา 13 วัน


ฉะนั้น เสื้อผ้าก็ต้องมากมายมหาศาล 

เพราะอากาศที่กรุงเทพฯ ร้อน แต่แต่งตัวชิลได้

(อยู่บ้านใส่เสื้อแขนยาวกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบทุกวัน เบื่อมาก)

แต่อากาศฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่นไม่ได้ร้อนพอที่จะกางเกงขาสั้นได้

และเราไปญี่ปุ่นครั้งแรก (และอาจจะครั้งเดียวเพราะงบหมด) 

ก็อยากแต่งตัวสวยๆ ตามประสาคนไม่ได้แต่งแบบนี้มานาน

แต่เราไปแบบแบ็คแพ็ค ถ้าจัดเต็มกระหน่ำเจแปนแฟชั่นวีค

คงลากกระเป๋าเหนื่อยตายตั้งแต่สองวันแรก

ทริปนี้เลยถือโอกาสนำนิสัยโรคจิตส่วนตัวของเรามาใช้ให้เต็มที่

นั่นคือ การเอาเสื้อผ้าที่จะไม่ใส่แล้วไปเที่ยวด้วย

พอใส่เสร็จ ก็แพ็คถุงดีๆ แล้วก็ทิ้งเลย

ปกติจะทำบางทริปที่มีเสื้อผ้าไม่ใส่แล้วสัก 1-2 ตัว

ครั้งนี้ เสื้อผ้าเยอะพอที่จะทำให้กระเป๋าเบาลงในตอนขากลับ 

มีที่สำหรับใส่ข้าวของที่ช็อปปิ้งมาด้วยค่ะ


มาดูกันเลยดีกว่า ว่าเราแบกอะไรไปเที่ยวกันบ้าง





เซ็ตนี้เป็นเสื้อผ้าสำหรับใส่ที่กรุงเทพฯ ค่ะ

พอใส่เสร็จ เราก็ซัก ตากไว้ที่ห้องเพื่อน ให้เพื่อนเก็บให้

ขากลับจากญี่ปุ่นเราก็เอาขนมมาเซ่นเพื่อน แล้วก็ใส่ชุดพวกนี้ต่อ

ถือคติ ยอมใส่ชุดซ้ำ ดีกว่าไม่มีที่ใส่เครื่องสำอาง 5555

ใส่ในถุงสำลีที่หมดแล้วค่ะ ใบใหญ่จุได้พอสมควรนะนี่




ส่วนเซ็ตนี้เป็นเซ็ต "ใส่แล้วทิ้ง" ค่ะ 

เราแยกเสื้อผ้าพวกนี้สำหรับบริจาคมาสักพักแล้ว

ก็เลยถือโอกาสเอาบางตัวมาใส่ไปญี่ปุ่นซะเลย

มีเดรส 2 ตัว เสื้อนิตสีส้ม 1 ตัวสำหรับใส่ขึ้นเครื่องบินขาไป

เสื้อยืด 2 ตัว และเสื้อเชิ้ตอีก 1 ตัว

ส่วนเดรสลายหัวใจกับกระโปรงสีดำ เราไม่ได้ทิ้งค่ะ

เอามาใส่ในนี้เพราะพื้นที่เหลือเยอะดี

ถุงใบนี้เราซื้อมาเป็นเซ็ตค่ะ มีหลายใบหลายขนาดมาก

สนนราคาพอรับได้ (155 บาท) เนื้อพลาสติกโอเคค่ะ




ส่วน 3 ถุงนี้เป็นเซ็ต Travel Cube ค่ะ มีทั้งหมด 5 ใบ แต่เราเอามาใช้ 3 ใบ

วัสดุไม่ได้ดีมากค่ะ สมราคา 5 ใบ 360 บาท

ใบเล็กสุด เราใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พอพันรอบตัวได้ ผ้าเช็ดผมที่โพกหัวได้

และผ้าถุงหัวยางยืดสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ

เนื่องจากเรานอนห้องรวมในบางวัน แล้วเป็นคนเหน็บผ้าเช็ดตัวไม่เป็น

ที่เอาไปเพราะความสงสารเพื่อนร่วมทริปเป็นหลักเลย 555


ส่วนถุงซ้าย ใบใหญ่กลางๆ เราใส่ชุดนอน กับผ้าพันคอสีแสบ 5-6 ผืน

และถุงขวาเป็นใบใหญ่สุด มีช่องด้านหลังสำหรับเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว

เราใส่เสื้อแขนยาวหนาๆ 2 ตัว เดรส 1 ตัว กางเกงยีนส์ 2 ตัว

และแจ็คเก็ตอีก 2 ตัวค่ะ เป็นแจ็คเก็ตยีนส์กับเบลเซอร์สีดำ 

แต่อาจจะเอาตัวใดตัวหนึ่งออก 

เพราะเรามีโค้ตสีคาเมลตัวยาวแต่ไม่หนามากไปอีกหนึ่งตัวค่ะ

มีคำแนะนำอย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณเป็นคนชอบกินและพุงออกง่าย

เอากางเกงยีนส์หัวยางยืด หรือตัวที่ใส่สบายๆ ไปนะคะ

เพราะเราไม่เอากางเกงยีนส์รุ่นโคตะระสกินนี่ไปเลย

ถึงมันจะใส่แล้วสวยกว่าก็เหอะ กลัวมันรัดจนปวดท้องจะไม่สนุกเอา


ชุดใหญ่จบไปแล้ว มาต่อที่ชุดย่อยๆ กันค่ะ




นี่เป็นกระเป๋าที่เราชอบที่สุดค่ะ สำหรับใส่ชุดชั้นใน

สองร้อยกว่าบาท วัสดุดีมากกกกกกกกกกกกกกกก

มีช่องใส่กางเกงใน 4 ตัว ใส่บราได้เท่าที่ยัดไหว

แถมตรงกลางเป็นถุงแบนๆ มีซิป ที่สามารถดึงออกมาได้

เราซื้อมาสองใบค่ะ

และแน่นอนว่า ชุดชั้นในในกระเป๋าเหล่านี้ ใส่แล้วทิ้งเช่นกัน




เอ๊ะ! กระเป๋าอะไรหว่า




กระเป๋าใส่รองเท้าค่ะ ใบนี้เราก็ว่าโอเค

แต่คุณผู้ชายหรือคนที่เท้าใหญ่ น่าจะใส่ไม่ได้

เพราะรองเท้าผ้าใบไซส์ 39 ของเรา กระเป๋ายังแทบจะแหก

มันใส่รองเท้าได้ 3 คู่ค่ะ ข้างล่าง 1 คู่ พับที่กั้นมาวาง ใส่อีก 1 คู่

และช่องตาข่าย ใส่รองเท้าแบนๆ ได้อีกคู่

เราลองยัดมาแล้ว ก็พอไหว แต่สงสารกระเป๋าอยู่เหมือนกัน

เราใส่ผ้าใบไม่มีเชือกไปก่อน 1 คู่ ส่วนผ้าใบคู่ใหญ่เราใส่ขึ้นเครื่อง

ตามด้วยเลกกิ้งกับถุงเท้าครบจำนวนวัน มีถุงมือด้วย 1 คู่

เผื่ออากาศมันหนาวจัดขึ้นมา เราเป็นพวกขี้หนาวกว่าชาวบ้านซะด้วย

และแน่นอนค่ะว่า ถุงเท้าก็ใส่แล้วทิ้ง


มาต่อกันที่กระเป๋าสองใบสุดท้าย เราใส่พวกอุปกรณ์ดำรงชีพ

นั่นก็คือ เครื่องสำอางและของใช้ในห้องน้ำนั่นเองค่ะ




ใบซ้าย เราใส่ของใช้ในห้องน้ำ เป็นของแถมมาค่ะ

ใบขวา หน้าตาเหมือน Muji แต่เป็น Naraya

เราใส่เครื่องสำอางที่สามารถพกขึ้นเครื่องได้

และในระหว่างวัน เราก็แบ่งพวกแป้ง ลิป ฯลฯ สำหรับเติมหน้า

ใส่กระเป๋าเล็กๆ เอาไว้สำหรับพกค่ะ


มาดูข้างในกัน




ของใช้ในห้องน้ำ เราเอามาแบบเล็กที่สุดเท่าที่จะหาได้

แชมพู 2, ครีมนวด, (ขาดสบู่นะนี่), เจลล้างหน้าไซส์กระจิ๋วหลิว

แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, โลชั่น, กันแดดตัว, ทิชชู่เปียก, eye remover

Bioderma แบ่งเป็น 2 ขวดเล็ก, โลชั่นเช็ดคสอ. ของ La Roche-Posay

ที่คาดผม, กิ๊บใหญ่หนีบผม, หมวกคลุมผม, โรลออน, ทิชชู่เปียก

ที่งงคือ น้ำยาคอนแท็กเลนส์พร้อมตลับ ไม่รู้เอามาทำไม

เพราะเอาคอนแท็กเลนส์รายวันไปด้วย 14 คู่

แต่ถ้าทำหายเกินกว่า 1 คู่ ก็ใส่แว่นเอาละกันนะ



พอละ มาดูกระเป๋าเครื่องสำอางกันดีกว่า




โหวววววว นี่เอ็งพกอะไรไปบ้างเนี่ย

มาดูแบบเจาะลึกกันคงจะดีกว่าเนอะ




กันแดดตัวเป็นของ DHC ค่ะ อันก่อนสำรอง อันนี้เอาไว้ใช้จริง

BB La Roche-Posay ส่วนตัวว่าใช้ง่ายใช้คล่องกว่ารองพื้นนะ

กันแดดหน้า Biore ซึมไวซึมดีมีแอลกอฮอล์นิดๆ

นอกนั้นก็เป็น Estee Lauder ANR ขนาดทดลอง 2 ขวด

ครีม Smooth E ไซส์เท่ากับ Clinda M Gel แต้มสิว

และครีมกันแดดไซส์จิ๋วสุดๆ สำหรับพกพาระหว่างวันค่ะ




พวกนี้อุปกรณ์หลักในการไปเที่ยวให้สวยงามค่ะ

มีทั้งเซ็ตแปรง, กบเหลาดินสอเขียนคิ้วกับลิปสติก

กระจก, มาส์คหน้า, กล่องเหล็กใส่กิ๊บกับยางรัดผม

ทิชชู่, ทิชชู่เปียก (อันนี้เรากระจายไว้ทุกที่เลยล่ะ)

ที่ห้อยกระเป๋าจากไดโซะ, คอนแท็กเลนส์กับน้ำตาเทียมรายวัน

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ยาพ่นจมูกสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ค่ะ

ทริปนี้เราไปเจอซากุระเต็มๆ (ซึ่งก็ดีใจที่ได้เห็น แต่ก็กลัวภูมิแพ้กำเริบหนัก)

เลยเตรียมไปหมดทั้งยาพ่น ยากิน และมาส์คปิดหน้าเป็นห่อ



กฎข้อหลักในการเอาเครื่องสำอางตัวไหนไปญี่ปุ่นของเราก็คือ

"แต่งหน้าก็ง่าย ทำหายก็ไม่หวีด"

เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเอา Estee Lauder ตัวนี้ไป

ส่วนแป้งมี 3 แบบ แป้งองุ่นไว้พก ตัวนี้ใช้ไปเกินครึ่งแล้ว

แป้งผสมรองพื้น Cute Press มันปกปิดได้ดีมาก เราใช้แทนรองพื้นเลย

และแป้งฝุ่น Innisfree เอาตัวนี้มาเพราะมันเล็กดี

(แล้วเราไม่อยากเอา Laura Mercier ไปด้วย กลัวทำหายตามนิสัย)




ลิปมัน Canmake พี่ที่สนิทกันไปญี่ปุ่นซื้อกลับมาฝากค่ะ เอามันกลับไปเยี่ยมบ้าน

ฺDHC Pore Cover Base เบสปิดรูขุมขน เนื้อเป็นบาล์มลื่นๆ

มาสคาร่าปัดคิ้ว, มาสคาร่า Fairy Drops, ที่เขียนคิ้ว Dolly Wink

คอนซีลเลอร์สามหลุม Cute Press, อายไลเนอร์ 3 แท่ง (เพื่อ!)

อายไลเนอร์สีขาวสำหรับใต้ตา, ดินสอเขียนคิ้ว และกระดาษซับมัน

ของพวกนี้ใช้ไปพอสมควรแล้วค่ะ บางตัวเราคงจะทิ้งเลย




ตอนแรกว่าจะเอาน้ำหอม KSH ไปสัก 3 ขวด แต่ก็อย่างว่า...

เลยเปลี่ยนมาเป็นน้ำหอมขนาดทดลองที่ได้มาแทนค่ะ



ปิดท้ายกันด้วย




นอกจาก MAC Strobe Cream กับ Too Faced Shadow Insurance

นอกนั้นเป็นลิปสติกทั้งหมดค่ะ น่าจะเคยเห็นจากรีวิวเก่าๆ บ้างแล้ว

ส่วนในตลับคอนแท็กเลนส์ เป็นลิป MAC สี Korean Candy กับ Nicki Minaj ค่ะ

เราใช้ทั้งทาปากทาแก้มแทนบลัชครีมไปเลย

ที่เอาลิปไปเยอะขนาดนี้ เป็นเพราะเราแต่งตาเหมือนเดิม

นั่นคือ อายแชโดว์สีอ่อนๆ กรีดตาหนาๆ หน่อย ปัดแก้มพอประมาณ

แล้วก็เอาสีปากเข้าสู้ ไล่ไปตั้งแต่แดง ส้ม ชมพูนีออน ชมพูม่วงแปร๊ด

เบรคด้วยลิปสีนู้ดน้ำตาล กับลิปกลอสสีชมพูม่วง 

ก็เปลี่ยนลุคได้เกือบทุกวันแล้วค่ะ


............................................................................................


เป็นยังไงบ้างคะ กับการจัดกระเป๋าของนิกกี้

นี่ยังไม่รวมพวกกระเป๋าสายชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋ายา

และกระเป๋าเล็กๆ น้อยๆ อีกนะเนี่ย

ไม่รู้เหมือนกันว่า น้ำหนักกระเป๋าทั้งหมดจะเท่าไหร่

ถ้าเกิน 15 กิโล เราต้องตัดใจเอาอะไรออกไปบ้างค่ะ

เพราะไม่งั้น ขากลับมีหวังน้ำหนักพุ่งเกิน 20 กิโลกรัมแน่นอน

ส่วนใครสงสัยว่ากระเป๋าเดินทางเราใบใหญ่ใส่ศพผู้ใหญ่ได้เลยมั้ย

ลองวัดดูแล้ว เป็นไซส์ 18x28 นิ้วค่ะ เส้นทแยงมุมอยู่ที่ 30 นิ้ว

ถือว่าเป็นกระเป๋าที่ใหญ่พอประมาณ ตอนนี้ชั่งได้ 15 กิโล

แต่ของที่จะเอาใส่ยังมีอีก ก็เลยคิดอยู่ว่า จะลองเปลี่ยนกระเป๋าเดินทางดู


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ถ้าใครเป็นเซียนจัดกระเป๋า มีข้อแนะนำอะไร เรายินดีรับฟัง

และนำไปปฏิบัติตามนะคะ

ส่วนใครสนใจว่าเราซื้อพวกกระเป๋าแยกๆ มาจากไหน

ขอตอบแค่ว่า ซื้อมาจากร้านใน Facebook นะคะ ^^





Create Date : 03 เมษายน 2557
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2560 19:31:58 น.
Counter : 444 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NickyOkawa
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



นักเขียน นักอ่าน และเจ้าของร้านฝึกหัด
เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30