ประโยชน์ของเชอรี่

นักโภชนาการสเปนเปิดเผยว่า หากบริโภคผลเชอรี่ จะช่วยรักษาสุขภาพให้ดีได้ไม่แพ้กับการ ดื่มเหล้าไวน์แดง ด้วยเหตุว่า มันก็มีสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษ และควบคุมปริมาณไขมัน ในเลือดอยู่เช่นเดียวกัน

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยซีวิลล์ รายงานผลการศึกษาวิจัย ในวารสารวิทยาศาสตร์ "โภชนาการศาสตร์และเกษตรศาสตร์" ว่า ได้พบการบริโภคผลเชอรี่ ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ จากการศึกษากับหนูทดลอง ได้พบว่า หนูที่ถูกป้อนให้กินผลเชอรี่ ต่างพากันมีสุขภาพดี และจาก การตรวจเลือดก็พบว่า ในเลือดของมันจะมีปริมาณของไขมันดีอยู่สูง ขณะเดียวกัน ไขมันเลวก็มีระดับลดต่ำลงไปด้วย
สารเคมีที่พบในผลเชอรีอาจช่วยต่อต้านโรคเบาหวาน (Diabetes) มีการบ่งชี้ว่าผลเชอรีมีสารเคมีหลายๆชนิดที่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ จากการทดลองเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการโดยใช้เชลล์ตับอ่อนของสัตว์ทดลองการศึกษา สารเคมีดังกล่าวในผลเชอรีมีชื่อว่าแอนโทรไซยานิล (anthocyanins) สารดังกล่าวสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินได้ถึง50% ด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสาร AMERICAN CHEMICAL SOCIETY’S JOURNAL OF AGRICULTURAL and FOOD CHEMISTRY.(ACS) ซึ่งเป็นของสมาคมวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สารแอนโทรไซยานิน(Anthocyanins) เป็นรงควัตถุที่มีอยู่ในพืชที่มีความเกี่ยวข้องในการสร้างสีต่างๆในพืช รวมทั้งในผลเชอรีด้วยอีกด้วย อีกทั้งสารดังกล่าวยังเป็นสารแอนที้ออกซิเด้น (Antioxidant) โดยมีผลดีและประโยชน์ต่อสุขภาพรวมทั้งช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ด้วย

“ มีความน่าจะเป็นไปได้ ในการบริโภคผลเชอรีและผลไม้อื่นๆที่เกี่ยวข้องที่มีสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) เป็นองค์ประกอบมีที่จะช่วยเพิ่มระดับอินซูลินในมนุษย์ ” ดร.Muralee Nair กล่าว

ดร. Nair ซึ่งเป็นนักเคมีที่ศึกษาผลิตผลทางธรรมที่ชาติจากMichigan State University ในตะวันออกของLansing ในอเมริกา

ผลการศึกษาพบว่าสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) มีผลในการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่2(โรคเบาหวานชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลิน)และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานได้

ผลสดๆของเชอรีอุดมไปด้วยสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) ซึ่งมีประโยชน์ในเชิงการแพทย์ และมีความเป็นไปได้ในอนาคต ที่นักวิจัยจะเปลี่ยนสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) ในผลเชอรรี่ให้อยู่ในรูปเม็ดยา นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการของดร.Muralee Nairได้ทำการพัฒนาขบวนการผลิตโดยสกัดน้ำตาลออกจากผลเชอรีให้เหลือเพียงสารแอนโทรไซยานิล (anthocyanins)เท่านั้น และจดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อมหาวิทยาลัย Michigan State University

จากผลการศึกษาสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins)หลายๆชนิดที่สกัดได้จากเชอรีสามารถต่อต้านเบต้าเซลล์ในตับอ่อนได้

ในสภาพปกติร่างกายจะผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาและเปลี่ยนรูปน้ำตาลในสภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงให้อยู่สภาวะปกติไม่ให้น้ำตาลในร่างกายไม่สูงและต่ำเกินไป

อินซูลินเป็นโปรตีนที่ผลิตจากตับอ่อนช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด นักวิจัยได้ทำการเปรียบเทียบเซลล์ที่ใส่สารแอนโทรไซยานิล (anthocyanins) ที่สกัดได้มาจากผลเชอรรี่ โดยเปรียบเทียบกับเซลล์ตับอ่อนที่ไม่ใส่สารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) จากผลการศึกษาพบว่าเซลล์ตับอ่อนที่มีสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins) อยู่จะช่วยเพิ่มระดับอินซูลิน ได้ถึง50% แต่อย่างไรก็ตามกลไกลทางชีวเคมี (Biochemitry) นักวิจัยดังกล่าวยังไม่ทราบชัดเจน

อย่างไรก็ตามยังมีผลไม้หลายๆชนิดร่วมถึง องุ่นสีแดง สเตอร์เบอรีและผลบลูเบอรี ซึ่งปรากฏว่ามีสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins)อยู่เป็นองค์ประกอบด้วยเช่นกัน
ทีมงานของ ดร. Muralee Nairยังพบการใช้ประโยชน์อื่นๆของเชอรี่นอกจากจะช่วยเป็นแนวทางรักษาโรคเบาหวาน งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังพบว่าสารแอนโทรไซยานิล(anthocyanins)ที่สกัดได้จากผลเชอรี่ยังให้ผลในการต่อต้านการอักเสบอีกด้วย เช่นใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคข้ออักเสบ รวมทั้ง ยังพบว่าผลเชอรี่ยังช่วยต่อต้านโรคมะเร็งลำไส้ได้

งานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นรายงานว่าผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกันคือ ผลเบอรี่สีม่วง ผลงานวิจัยของ นักวิจัยจาก USDA รายงานว่าผลเบอรี่สีม่วง ดังกล่าวมีความอุดมไปด้วยสารแอนที้ออกซิแดนซ์ เหมือนกับผลเชอรรี่ เช่นกัน

การเปรียบเทียบผลเบอรรี่ต่างสี พบว่าผลเบอรี่สีม่วงมีสาร แอนที้ออกซิแดนซ์ มากกว่าผลบูลเบอรี่และผลแคนเบอรี่อีกด้วย
สารแอนที้ออกซิแด้นซ์ซึ่งพบบ่อยในผลเบอรี่ชนิดต่างๆซึ่งให้ประโยชน์แก่ร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ต่อต้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม(Alzheimer)ในอนาคตผลเบอรี่สีม่วงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาดของอาหารสุขภาพแหล่งใหม่โดยเฉพาะเครื่องดื่มสุขภาพและอาหารที่ใช้เป็นยา ผลถูกตีพิมม์ในวารสารAgricultural and Food Chemistry .(ACS) เช่นกัน
//www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=26440

Create Date : 01 กรกฎาคม 2555
Last Update : 1 กรกฎาคม 2555 10:36:02 น.		0 comments
Counter : 1812 Pageviews.
Share Tweet