ไขมันในเลือดสูง (คลอเลสเตอรอล)
คำๆ นี้คงจะมีหลายคนได้ฟัง ได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อก่อนรู้สึกเฉยๆ กับคำนี้มาก แต่มาวันนี้มันรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดาซะแล้ว สำหรับ เรา เพราะตอนนี้มันเกินเกณฑ์ไปถึง 358 ตามค่าที่เราทราบกันดีกว่า ไม่ควรเกิน 200
แต่ไขมันในเส้นเลือดก็มีทั้งชนิดดี HDL และชนิดร้าย LDL จากการสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ก็มีอยู่ 1 ตัวที่ให้ความสนใจอยู่ นั่นคือ กระเทียม แต่กระเทียมที่ว่าอยู่ในรูปของแคปซูล มันคือน้ำมันกระเทียม
ในที่นี้ ไม่ใช่การนำน้ำมันมาเจียวกระเทียม ซึ่งแทนที่จะเป็นการรักษา กลับจะทำให้ไขมันอุดตันตายไปเสียก่อน แต่น้ำมันกระเทียม ได้มาจาก การนำกระเทียมมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันกระเทียม
ซึ่งประโยชน์ของมัน คือป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ซึ่งกระเทียมมีส่วนช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือด
คำแนะนำที่ได้รับจากหมอคือ
จะลองควบคุมตัวเองดูก่อนไหม หรือว่าจะรับยาเลย หากจะควบคุมตัวเอง ก็ต้อง งดของมัน ของทอด เช่นปาท่องโก๋ กล้วยทอด หนังเป็ด หนังไก่ หนังหมูฯ อาหารจำพวกที่ต้องใช้กะทิเป็นส่วนประกอบ และงดไข่แดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล จำพวก ปู กุ้ง หมึก หอยนางรม ที่สำคัญไม่ให้ใช้น้ำมันปาล์ม ฯลฯ ในการปรุงอาหาร ให้ใช้น้ำมันถั่วเหลือง และอีกหลายตัว ที่จำไม่ได้ ให้ทานอาหารพวกผัก ผลไม้เยอะๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากวิ่งไม่ได้ ให้เดินเร็วๆ บังเอิญว่ามีปัญหาที่ส้นเท้าไม่สามารถเดินได้นาน ถ้างั้นก็ให้เล่น ฮูลาฮุก ก็ได้ ออกกำลังให้ได้เหงื่อ ควบคุมอาหาร แล้วอีก 3 เดือนให้ไปตรวจอีกครั้ง
สมุนไพรที่สามารถลดคลอเลสเตอรอลได้ หัวหอมใหญ่ สามารถลดโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด (LDL) และช่วยเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด
จากการสืบค้นข้อมูล มีนายแพทย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ในคนปกติ ที่ไม่มีความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน แม้ผลตรวจร่างกายจะบอกว่าคุณมีปริมาณแอลดีแอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง ทั้งยังมีค่าเอชดีแอลที่ต่ำ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะเจ้าไขมันวายร้าย 2 ชนิดนี้ จะออกฤทธิ์วาดลวดลายได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเรา มีอาการของโรคสองชนิดข้างต้นเท่านั้น ถ้าเรายังแข็งแรงดีวายร้ายก็จะไม่มีพิษสงอะไรเลย แต่ถ้าคุณมีอาการของโรคใดโรคหนึ่ง หรือทั้งสองโรค กอปรกับอายุที่มากขึ้น แอลดีแอลก็จะได้ใจพร้อมทำร้ายอวัยวะสำคัญๆ อย่างหัวใจ สมอง และตับ ไต ได้อย่างน่ากลัว คอเลสเตอรอลกับหัวใจ จากการวิจัยของต่างประเทศพบว่า คอเลสเตอรอลเริ่มสะสมตามหลอดเลือดหัวใจได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี และจะอันตรายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมเป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลมากกว่าปกติ หากพบว่ามีความเสี่ยงดังกล่าว และผลตรวจร่างกายชี้ชัดว่ามีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง ควรรีบไปพบแพทย์ คอเลสเตอรอลกับสมอง เมื่อคอเลสเตอรอลเข้าไปสะสมในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตาม จะก่อให้เกิดความผิดปกติบริเวณนั้นๆ เช่น หากเส้นเลือดบริเวณสมองส่วนควบคุมการทรงตัวเกิดตีบ ตัน หรือแตก ร่างกายก็สูญเสียการควบคุมการทรงตัว กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือพาร์คินสัน หากเกิดกับเส้นเลือดสมองส่วนควบคุมการรับรู้ อาจทำให้ความจำเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์ เป็นต้น แต่ก่อนที่อาการผิดปกติของเส้นเลือดจะส่งผลถึงสมอง มักจะเกิดขึ้นกับหัวใจก่อนเสมอ คอเลสเตอรอลกับตับและไต หากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตับหรือไตเกิดอาการตีบ แตกหรือตัน ก็อาจทำให้ตับหรือไตสูญเสียการทำงาน ถึงขั้นตับวาย หรือไตวายจนเสียชีวิตได้ สรุปแล้ว คอเลสเตอรอลจะทำร้ายเราได้ต่อเมื่อ เราเป็นโรคหรือเสี่ยงกับโรคอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว และโดยธรรมชาติ คอเลสเตอรอลจะไปฝังตัวเป็นคราบอยู่ตามเส้นเลือดแดงหลักที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ การที่จะเกิดอันตรายใดๆ หรือรุนแรงแค่ไหน จึงขึ้นอยู่กับว่าเส้นเลือดที่มีปัญหานั้นอยู่บริเวณไหน และโดนทำลายไปมากเพียงใด คำเตือนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดว่าถึงเวลาลดคอเลสเตอรอลหรือยัง จะอยู่ในสมุดรายงานการตรวจร่างกายประจำปีของคุณ นอกจากนี้ วิธีการป้องกันที่สุดคือ การออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 วัน จะช่วยเพิ่มปริมาณเอชดีแอล เพื่อต่อกรกับแอลดีแอลและไตรกลีเซอร์ไรด์อย่างได้ผล ส่วนการควบคุมอาหารและรับประทานอาหารที่ให้แอลดีแอลต่ำก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ยังให้ผลน้อยกว่าการออกกำลังกายค่ะ
ข้อมูลจากเว็บ //www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=527&sub_id=60&ref_main_id=15
|