Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

เรื่องเล่าจากวิญญาณที่ไร้ร่าง

lozocatlozocat



เรื่องเล่าจากวิญญาณที่ไร้ร่าง
วันนี้ฉันยืนอยู่บนระเบียงบ้านของตัวเอง มุมนี้เป็นมุมที่ฉันชอบมายืนรับอากาศยามเช้า ยามเย็นเป็นที่สุด ทุกครั้งฉันจะมีความสุขกับการยืนมองสนามหญ้าหน้าบ้าน สวนหย่อมที่เรา 2 คน ช่วยกันตกแต่งขึ้นมา แต่ฉันในวันนี้ยืนอยู่อย่างไร้ความรู้สึก
จากวันนั้น... วันที่เรา 2 คน ตกลงจะร่วมชีวิตกัน คำหนึ่งที่ฉันจำได้ดี เขาบอกว่า “ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณไปจนแก่จนเฒ่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
เวลา 30 ปีที่ผ่านมา เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ฉันเห็น ว่าเขาได้รักษาสัญญานั้นเป็นอย่างดี ยามฉันเจ็บไข้ ก็ได้เขาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จะมีบ้างที่เราทะเลาะกัน แต่แปลกที่ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายง้อเขาเลยสักครั้ง ไม่ว่าฉันจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็ตาม เขาจะบอกกับฉันเสมอว่า “ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะเหลือเวลาอีกสักกี่ปีกัน ที่เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ไม่แน่พรุ่งนี้ผมอาจจะตายไปก็ได้ ถึงตอนนั้นเราอาจจะเสียใจ ที่เราต้องตายไปพร้อมกับความไม่เข้าใจกัน”
ฉันฟังแล้วก็หายโกรธทันที จริงๆ เรื่องที่เราทะเลาะกัน มันก็ไม่สลักสำคัญอะไรเลย สัพเพเหระ เรื่องไม่เป็นเรื่อง
ตลอดระยะเวลาที่อยู่กันมา สามีฉันเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมากวนใจ ให้เห็น หรือให้ได้ยินเลยสักครั้ง เรามีความสุขมาก จนหลายๆ คนอิจฉา แต่ช่วงเวลาที่เราทะเลาะกันกลับไม่เคยมีใครเห็น
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ฉันถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักฉันเลย เขาทรยศกับคำสัญญาที่ให้ไว้ที่จะดูแลฉันไปจนแก่จนเฒ่า จะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เรื่องเกิดจาก วันนั้นเรา 2 คน ขี่รถเครื่องเพื่อไปตลาด ที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านประมาณ 300 เมตร ได้ ระหว่างทางมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียงดัง... รู้แต่ว่าตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ ตัวเบาๆ เหมือนกำลังฝัน เหมือนกำลังหลับ ได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันอยู่ไกลๆ
“มะลิ มะลิ มะลิ” เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของสามีฉันเอง แต่ฉันกลับมองไม่เห็นใคร ฉันรู้สึกว่าหลับไปพักใหญ่ ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กับเสียงเรียกของเพื่อนและญาติๆ ฉันจำเสียงได้ทุกคน แต่ฉันยังมองไม่เห็นใคร รู้แต่เพียงว่ามีคนวนเวียนเข้าออกมายืนเรียกฉันอยู่ นี่คงจะเป็นโรงพยาบาลแน่ เพราะฉันได้ยินคนอื่นเรียก คุณหมอ คุณหมอ
ฉันหลับไปอีกครั้ง มันรู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลา เพลียจนอยากนอน นอนไม่อยากตื่น มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ฉันเห็นพยาบาลมาวัดความดัน วัดไข้ ใช้ไฟฉายส่องที่ดวงตาฉันก่อนที่จะจดบันทึกลงในประวัติ สามีฉันยืนอยู่ข้างๆ นี่เอง ฉันยิ้มดีใจที่วันนี้ฉันยังมีเขาอยู่ใกล้ๆ แต่เขาจ้องฉันด้วยสีหน้ากังวล จับมือฉันบีบเบาๆ พร้อมกับพูดว่า
สามี: ผมอยู่ตรงนี้นะคุณ ช่วยตอบรับผมหน่อย ว่าคุณรู้ ถ้าคุณได้ยินบีบมือผมกลับนะ
ฉันยิ้ม บีบมือเขาเบาๆ แต่ทำไมมือมันไม่ขยับให้เห็นเลย ฉันมองเห็นน้ำตาของเขา
ฉัน: ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง แค่เจ็บนิดหน่อย
.....................................................
ฉันไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน ที่ฉันนอนอยู่ที่นี่ มีหลายคนเดินเขามาแต่งชุดสีน้ำตาลยาวๆ ราวกับทำงานอยู่โรงพยาบาล แต่ฉันจำได้ดี เขาคือญาติ และเพื่อนๆ ของฉัน ที่ทยอยกันเข้าออกทีละ 2 คน มายืนอยู่ข้างเตียง พูดคุยกับฉัน ฉันได้แต่ยิ้ม ไม่นานนักพวกเขาก็กลับไปหมด คงเหลือแต่สามีฉัน ที่เขายังคงเข้าๆ ออกๆ อยู่เป็นระยะๆ จนมืดเขาก็หายไปนานแสนนาน ฉันหันมองรอบข้าง ข้างเตียงฉันมีเพื่อนร่วมห้องอยู่อีก 5 -6 เตียง ทุกคนมีสายอะไรอยู่เต็มตัว ฉันเห็นมีท่อสายยางคาบอยู่ที่ปาก ที่ปลายเตียงมีพยาบาลแต่งชุดขาว ท่าทางทะมัดทะแมง เดินหยิบโน่นหยิบนี่อยู่ ชั่วพริบตา พยาบาลทุกคนก็จ้องมาที่ฉันก่อนที่จะวิ่งกรูกันเข้ามา เขากำลังทำอะไรกับฉัน ฉันไม่เป็นอะไรสักหน่อย สักพักคุณหมอก็มา ฉันเพิ่งเห็นนี่คือหมอเจ้าของไข้ คุณหมอเตรียมเครื่องมืออะไรสักอย่าง นาบที่หน้าอกฉัน เหมือนโดนกระชากอย่างแรง
ฉัน: หมอฉันไม่เป็นอะไร
ขณะที่ฉันมองทุกคนอยู่นั้น พลันสายตาก็เห็นหญิงกลางคน อายุประมาณ 30 กว่า นั่งอยู่ที่เตียงว่างๆ แต่เธอดูไม่เหมือนคนไข้ เพราะเธอดูปกติ เพียงแต่อยู่ในชุดคนไข้ ทำไมเธอถึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้
หญิงคนนั้น: ลุกขึ้นมาเถอะ
ฉัน: ฉันจะลุกได้ยังไง หมอกำลังกดร่างฉันอยู่
หญิงคนนั้น: ลุกขึ้นมาเถอะ แล้วเธอก็จะรู้
คราวนี้ฉันลองลุกดู ลุกได้จริงๆ ด้วย ฉันเดินไปหาเธอ
หญิงคนนั้นพยักหน้าให้ฉันหันกลับไปมองที่เตียง ฉันหันกลับไปมองที่เตียง หมอกับพยาบาลยังคงง่วนอยู่กับร่างบนเตียงนั้น ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปจนกระทั่งสามารถมองผ่านเครื่องมือ และนางพยาบาลจนเห็นร่างที่นอนอยู่นั้น ฉันเห็นตัวเองนอนอยู่
หญิงคนนั้น: เธอตายแล้ว
ฉันหันมองหญิงคนนั้น ฉันคิดแต่ว่านี่ฉันกำลังฝันร้ายต่างหาก ถ้าฉันตื่นขึ้นมา ฉันก็จะเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน
ฉัน: ฉันยังไม่ตาย แล้วเธอเป็นใคร
หญิงคนนั้น: ฉันตายอยู่ที่นี่มานานแล้ว เห็นคนตายมานักต่อนัก บางคนก็เป็นแบบเธอนี่แหละ ตายแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
ฉัน : ฉันยังไม่ตาย
หญิงคนนั้นจูงมือฉันไปที่เตียงถัดไป
หญิงคนนั้น: เธอดูเตียงนั้นซิ
ฉันมองผู้ชายอ้วนที่นอนอยู่บนเตียง นี่แหละเขายังไม่ตาย วิญญาณเขายังอยู่ในร่าง แต่เขายังสัมผัสกับเรา 2 คนได้ เขานอนยิ้ม ฉันไม่รู้ว่า นั่นคือร่าง หรือวิญญาณกันแน่ที่มองเห็นเรา 2 คน หญิงคนนั้นชี้ไปที่เตียงข้างๆ อีก 3 เตียง
หญิงคนนั้น: นั่นก็ยังไม่ตาย
หญิงคนนั้น: เธอเห็นสัญญาณหัวใจเขาไหม๊ ยังเต้นอยู่เลย แต่เธอมองดูสัญญาณหัวใจเธอซิ มันกลายเป็นเส้นตรงไปแล้ว
สักพักฉันก็ได้ยินเสียงพยาบาลบอกหมออย่างตื่นเต้น
พยาบาล: คุณหมอคะ หัวใจเต้นแล้วค่ะ
สัญญาณการเต้นของหัวใจกลับมาแล้ว หญิงคนนั้นส่ายหน้า
หญิงคนนั้น: ฉันดูไม่ผิดหรอก เพราะฉันอยู่ในนี้มานานมาแล้ว เห็นมาเยอะ ถ้าไม่ตายซะก่อนคงจะเป็นผู้ช่วยหมอไปแล้ว
เธอยังพูดติดตลก แต่ตอนนั้นอารมณ์นั้นฉันไม่รู้สึกว่าขำเลยสักนิด
................................................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา สามียืนอยู่ข้างๆ พูดคุยกับฉัน เสียงเขาดูแปลกไป
ฉัน: คุณเป็นหวัดเหรอ หายากินหรือยัง
เขาไม่ตอบ แต่ยังคุยและบีบมือฉันอย่างแน่น เขาบีบจนฉันรู้สึกเจ็บ เขาเล่าเรื่องต่างๆ มากมายให้ฉันฟัง จนกระทั่งพยาบาล เดินเข้ามาเรียกเขาไป
ฉันลุกขึ้นเดินตามเขาไป ที่ห้องของหมอ
หมอ: เชิญนั่งก่อนครับคุณวิทยา
สีหน้าหมอดูไม่ดีนัก ฉันนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆ สามี
หมอหยิบแฟ้มประวัติของฉันขึ้นมา นั่งดูความคืบหน้าผลการรักษา แล้วเงยหน้ามองสามีฉัน ก่อนที่จะพูดขึ้น
หมอ: ระยะเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทางเราได้ทำการปั๊มหัวใจของภรรยาคุณ ถึง 3 ครั้ง ซึ่งเมื่อคืนนี้เราค่อนข้างจะใช้เวลานานพอสมควร กว่าที่หัวใจเธอจะกลับมาเต้นได้ หมอขอให้สามีคนไข้ทำใจไว้ก่อน ว่า บางทีครั้งหน้า เธออาจจะไม่ฟื้นเหมือนที่ผ่านมา จริงๆ แล้วหมอ ไม่อยากจะเรียกว่าฟื้น เพราะทุกวันนี้ ภรรยาคุณอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น ผลการผ่าตัด พบว่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งโอกาสรอด มีเพียง 5% เท่านั้น ตอนนี้ถือว่าสมองของเธอตายแล้ว ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น หมออยากจะถามว่าคุณวิทยาพร้อมหรือยัง ที่จะรับความจริง
ฉันได้แต่มองสามีที่เขาหันหน้ามาทางฉัน นัยน์ตาแดงกล่ำ
ฉัน: รับความจริงอะไร ฉันสบายดี ฉันยังหายใจอยู่นี่ไง
ไม่นานนัก ระหว่างที่สนทนากันอยู่ พยาบาลก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง และบอกว่า
พยาบาล: คนไข้หัวใจหยุดเต้นอีกแล้วค่ะหมอ
ฉันเห็นหมอมองสามี ชั่วครู่ก่อนที่จะก้าวออกไปที่ห้องฉุกเฉิน สามีและฉันก็เดินตามไปติดๆ ฉันเดินผ่านประตูตามหมอเข้าไป ขณะที่สามีถูกกันให้คอยที่หน้าห้อง เขากำลังปั๊มหัวใจฉันเหมือนเมื่อคืน
ฉันยืนลุ้นตัวเองอยู่ “ ฟื้นซิ ฟื้นซิ ฟื้นซิ”
ฉันเดินมายืนข้างๆ สามีที่เขายืนมองอยู่ที่ช่องกระจก เขาเดินไปหาพยาบาล
สามี: บอกคุณหมอด้วยครับ
ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กำลังสงสัยว่าสามีฉันเขาจะพูดอะไรกับพยาบาล
สามี: ปล่อยเธอไปเถอะครับ
30 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เพียงแม้จะยื้อชีวิตฉันไว้เลย ไหนที่เขาเคยบอกว่าเขาจะดูแลฉันไปจนแก่จนเฒ่า จะมีใครรู้บ้างว่า ฉันที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้น ซึ่งพวกคุณเห็น ว่าไม่ต่างอะไรกับคนตายแล้ว จริงๆ แล้วฉันยังมีความรู้สึก ยังสัมผัสได้ถึงความกลัว ความเสียใจ และที่เสียใจที่สุดกับคำพูดของสามี คนที่ฉันรักเขาที่สุด กลับกลายเป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้กับฉัน “รักแท้ไม่มีในโลก”


lozocatlozocat





 

Create Date : 27 มกราคม 2556
0 comments
Last Update : 27 มกราคม 2556 12:29:11 น.
Counter : 2266 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pantipngon
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




***ชอบตุ๊กตาเป็นชีวิตจิตใจ พอได้เห็นบลายธ์ครั้งแรกเลยชอบเอามากๆ ตุ๊กตาบ้าอะไรก็ไม่รู้ น่ารักสิ้นดี***

ใครจะคาดคิดว่าเจ้าของบล็อกที่เก็บสะสมภาพบลายธ์ไว้มากมาย แท้ที่จริงแล้ว อายุก็ปาเข้าไปจะครึ่งร้อยอยู่แล้ว มีบางคนบอกว่าการที่คนแก่เล่นตุ๊กตา คือการเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กที่ไม่เคยมีตุ๊กตาไว้เล่น สำหรับคนอื่นไม่รู้นะ แต่สำหรับตัวเองแล้ว เออ! มันรู้ได้ไงเนี่ย

Friends' blogs
[Add pantipngon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.