ความคิดเปลี่ยนชีวิต #100 นักเขียนสมัครเล่น
มาถึงวันนี้ 25.Aug.17
ผมคงต้องขอฉลองให้กับตัวเองว่า
ผมได้ทำอีกเป้าหมายหนึ่งของตนเองได้สำเร็จแล้ว
ผมเขียนบทความ "ความคิดเปลี่ยนชีวิต"
ตั้งแต่หมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 100 จากการใช้เศษของเวลาเพียงน้อยนิดที่อยู่บนรถที่ขับฝ่าการจราจรที่ติดขัดบนถนน ระหว่างเดินทางไป-กลับ ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน
ที่สำคัญผมเขียนบทความเหล่านั้นโดยไม่ได้ใช้การพิมพ์แต่ผมใช้การพูดลงไปตรงๆ ใน iPhone ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผมต้องขอบคุณบริษัท Apple เป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ผมสามารถเขียนหนังสือได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เหมือนการเล่าเรื่อง
เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วเวลากลับมานั่งที่โต๊ะ เปิด Laptop ขึ้นมา ผมกลับเขียนไม่ออกเลย
ผมเชื่อว่าแม้บทความของผมอาจจะไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจหรือดีที่สุดเมื่อเทียบกับบทความ อื่นๆที่เผยแพร่กันอยู่มากมายบนอินเตอร์เน็ตก็ตาม
แต่สิ่งที่หล่อเลี้ยงและให้กำลังใจผมได้เสมอ
ในการเขียน บทความแล้วบทความเล่าก็คือ
"ยอดคนที่เข้ามาดู" (Page View)
ผมเข้าใจว่ายอดคนที่เข้ามาดูไม่ได้บอกว่า
คนเหล่านั้นจะอ่านและเข้าใจสิ่งที่เราเขียนทั้งหมด ชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการกด Like บน Facebook นั่นเองแต่มันเป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ และขอขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาดูมา ณ.
ที่นี้ด้วยครับ
ผมมีความฝันที่จะเป็นนักเขียนเหมือนกับหลายคนและพยายามฝึกตนเอง โดยกำหนดให้ได้ฝึกเขียนทุกวันโดยการตั้งเป้าหมายนี้แล้วก็เป็นเรื่องจริงที่ว่ากว่าผมจะเริ่มหาหัวข้อที่เขียนได้ก็ใช้เวลานานมากพอสมควรและการบรรลุเป้าหมายนี้ก็เลยเวลามาพอสมควรเช่นกันซึ่งในตอนแรกผมตั้งใจไว้ว่าน่าจะจบตั้งแต่ประมาณกลางปี 2017 แต่นี่ก็ล่วงเลยมาจนถึงสิงหาคมปี 2017
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความจริงที่การตั้งเป้าหมายก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปอย่างนั้นซะทั้งหมดเป็นความจริงของชีวิตที่คนเราที่มีความวุ่นวายในชีวิตที่พวกเรามักจะประสบกันเสมอ เราต้องเลือกทำและหยุดทำบางอย่างซึ่งในเวลานั้นตัวเราเองจะเป็นคนเลือกว่าสิ่งใดสำคัญและสิ่งไหนจะหยุดไว้หรือสิ่งไหนจะเลิกไป แต่ถ้าเราไม่หยุดทำก็จะถึงเป้าหมายได้เสมอ (Keep Walking)
ประโยชน์ที่ได้จากการเขียนที่ผมรับรู้ได้อย่างชัดเจนก็คือ "ความคิดที่กระชับขึ้น"
การใช้ภาษา ในการเขียนดีขึ้น
และที่สำคัญผมเชื่อว่าผมหายฟุ้งซ่านได้จากการเขียนหนังสือนี่แหละครับ บ่อยครั้งที่ผมเขียนแล้วก็เอาไปอ่านให้เพื่อนที่นั่งทานข้าวด้วยกันฟัง ถือว่าเป็นประเด็นที่ดีในการเปิดเรื่องคุยกันเลยทีเดียว
และผมก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่พอเมื่อถึงวัยกลางคน ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมาพอสมควร
มีเรื่องให้ขบคิดมากมายทั้งอดีตที่ผ่านมา
และความกังวลถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง
ผมขอเชิญชวนให้ทุกคนหันมาเขียนหนังสือ
เพื่อปลดปล่อยความคิดและประสบการณ์ของตัวเองออกมาเป็นวิทยาทานให้กับคนรุ่นหลังครับ
ล่าสุดผมเพิ่งทราบว่า Amazon กำลังสร้างเครื่องมือให้กับเด็กเกรดสี่เกรดห้าสามารถเขียนหนังสือได้อย่างรวดเร็วซึ่งถือว่านี่เป็นกระแสในระดับโลกเลยทีเดียวนะครับ
รวมถึงผมเพิ่งได้ยินว่ามีอาชีพหนึ่งซึ่งสร้างรายได้ พอสมควรเลย ในช่วงเวลานี้ คือการรับจ้างเขียนบทความซึ่งสามารถเขียนเรื่องอะไรก็ได้ขอให้ส่ง หัวข้อมาแล้วก็จะค้นคว้าจากสิ่งที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตเอามาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันเป็นการสร้างคอนเทนท์เพื่อขายให้กับเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดใหม่ถือว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อยแต่ผมคงไม่เลือกที่จะไปทำอย่างนั้น เพราะผมมีอาชีพที่ผมรักทำเป็นประจำอยู่แล้วนั่นคือการเป็นผู้บริหารระบบสารสนเทศของ บริษัทมหาชนจึงเป็นงานที่ผมรักและใฝ่ฝันมานานและเมื่อได้ทำผมก็ มีความสุข และดูแลมันเป็นอย่างดี
สิ่งที่ผมเขียนมาในบทความตั้งแต่หนึ่งถึง 99 ล้วนเป็นความคิดและชีวิตบางช่วงเวลาของผมที่เป็นความจริงซึ่งตั้งใจจะเผยแพร่ให้คนที่เดินตามมาไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องหรือเด็กวัยรุ่นถ้ามีโอกาสได้มาอ่านและได้ ประโยชน์หรือข้อคิด จากประสบการณ์ของผมบ้างก็จะดีไม่น้อย
บทความที่ 100 ของผมวันนี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมก็คือ "การเขียน...ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด"
และยังเป็นเหมือนกับทุกเรื่องในชีวิต
ที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะทำ ถ้าเรามีวินัยและเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญ มีความหมายในชีวิตของเราจริงๆ แล้วเราก็สามารถทำได้ทุกเรื่อง
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ อาจจะ เพิ่งเข้ามาอ่าน
หรือติดตามอ่านหรือแม้แต่ผ่านตาบ้าง
ในหัวข้อความคิดเปลี่ยนชีวิต"
ที่มีแต่ตัวหนังสือ ถือว่าเป็นกำลังใจของผมได้ทั้งหมดครับ
(ซึ่งในยุคนี้มีภาพก็ยังไม่พอต้องเป็นวิดีโอบน YouTube แล้ว บทความเผมถือว่าเชยมากๆ)
ขอบคุณทีมงาน Bloggang ที่ทำให้เรามี พื้นที่ เผยแพร่ผลงานอย่างอิสระ
ขอบคุณทุกคนมากครับ