ผมเพิ่งมารู้หลังจากทำงานแล้วว่า "การแต่งตัวให้ดีเป็นการเคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น"
แต่การเริ่มแต่งตัวดีของผมมีสาเหตุมาจากสมัยเรียนช่างกล
ตอนนั้นทุกวันผมจะใส่กางเกงยีนส์รองเท้าหุ้มข้อคอนเวอร์ซีเสื้อยืดสีขาวและใส่เสื้อช็อป
ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนแล้วขี่ไปส่งแฟนสาวของผมที่อาศัยที่บ้านย่านบางกะปิ
และขับกลับมาที่บ้านซึ่งอยู่แถวแคราย ทำอย่างนี้ทุกวันจนชิน...ไม่มีอะไร
รถมอเตอร์ไซต์ของผมจะมีการปรับแต่งสภาพนิดนึงคือใส่ท่อเสียงดังแล้วก็โหลดเตี้ย
แถมยังติดป้ายทะเบียนในแบบวัยรุ่นสมัยนั้นที่นิยมกันคือทำขายื่นออกมา
เพื่อให้ไปทะเบียนมันแอ่นมีองศาไปกับตัวรถ การแต่งรถเป็นของคู่กันกับวัยรุ่น
ตอนนั้นเราคิดว่ามันเป็นความคิดสร้างสรรค์ มันเท่ อะไรประมาณนั้น
อยู่มาวันหนึ่งเราเรียนเลิกช้ากว่าปกติเนื่องจากมีกิจกรรมที่ชมรม
ผมขับรถไปส่งแฟน เหมือนเดิม แต่วันนั้นมีด่านตรวจรออยู่ที่ตรงแฟลตคลองจั่น
ตำรวจเดินมาโบกมือให้ผมหยุดแล้วปลดกุญแจจากรถผมทันที
บอกให้ผมเอามือเท้าไปกับรถสายตรวจซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนน
แล้วตำรวจเริ่มค้นตัวตั้งแต่เสื้อไปจนถึงกางเกงแล้วก็รองเท้าทั้งหมด
สภาพเหมือนตำรวจกำลังจับตัวอาจชญากรได้แล้วมาค้นตัวแบบในหนังเลยครับ
ตอนนั้นสมองผมกลัวมากใจก็คิดไปว่าถ้าหากผมโดนยัดอะไรเข้าไป
ตอนนั้นผมคงไม่รอดแน่แบบที่เคยได้ยินกันมา
ตาก็เหลือบไปมองแฟน ที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของผม เป็นระยะๆ
แล้วก็คิดว่าถ้าเกิดผมโดนจับด้วยเหตุอะไรก็ตามแล้วแฟนผมล่ะจะทำยังไง
จริงๆแล้วจากตรงนั้นไปถึงบ้านแฟนผมก็ไม่ไกลแล้ว
แต่มันดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย และดูแลคนที่รักไม่ได้
ตำรวจขอดูบัตรนักศึกษา ของเราทั้งสองคนแล้วก็สอบถามว่า
"ทำไมถึงเพิ่งกลับกำลังจะไปไหน"
"เพิ่งเลิก...กำลังจะไปส่งแฟนครับ.."
แต่สุดท้ายแล้วตำรวจก็ปล่อยตัวผมไป
ผมไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าวันนั้นเค้าตั้งด่านทำไม
และเรียกผมคนด้วยสาเหตุอะไร
แต่มอเตอร์ไซด์กับด่านตรวจเป็นของคู่กัน
ผมคิดว่าคงเนื่องจากเราแต่งตัวไม่ดี
ดูเหมือนกุ๋ยตำรวจเลยตั้งข้อสงสัย
เรียกเรามาตรวจไว้ก่อน
หลังจากนั้นมาเป็นต้นมา
ช่วงเริ่มทำงานแล้ว
เวลาผมเวลาจะออกไปไหน
จะพยายามแต่งกายให้ดีที่สุด
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมได้เรียนรู้
ที่จะไม่ให้ใครมาตัดสินเราจากการแต่งกาย
จนทำให้พลาดโอกาสสำคัญ...