"ลูกต้องเก่งกว่าพ่อแม่"
ถ้าพ่อแม่คิดแบบนี้แล้ว ก็ตอบเองได้เลยว่า
"พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเล่นดนตรีเป็นก็ให้ลูกเรียนดนตรีได้"
แค่หาครูที่เก่งมาสอนให้ลูก มีทั้งแบบเป็นสถาบัน หรือ รับสอนตามบ้าน
เพราะแท้จริงแล้วหน้าที่หลักของพ่อแม่คือทำตัวเป็นโค้ช (Coach)
คือการสนับสนุน ชมเชย ให้กำลังใจ วางโปรแกรมฝึกซ้อม
"จับถูก" (ไม่ใช่จับผิด) คือ พยายามมองหาให้เจอว่าเค้าทำอะไรได้ดี
แล้วชี้ให้เห็น
***แนะนำให้ทำ***
1.ชมเชยให้กำลังใจ ทำให้รู้สึกว่าเราชอบให้เค้าทำสิ่งนี้
ให้ทั้งสมาธิ ทักษะที่จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
2.ตั้งเป้าหมาย
ให้มีการสอบ หรือ การโชว์ บ้าง เพื่อให้การฝึกเข้มข้นจริงจังมากขึ้น
3.หาเวทีให้แสดง
งานวันเเกิด งานปีใหม่ งานวันเด็ก งานตรุษจีน งานรวมญาติ
ให้เค้ารู้สึกว่า ได้รับการสนใจจากคนรอบข้างในสิ่งที่ทำ
4.ลูกสนใจเครื่องดนตรีอะไรซื้อให้เลย
เพื่อเพิ่มโอกาสในการฝึกฝนให้มากขึ้น
***Common Mistake***
สิ่งที่พ่อแม่หลายคนทำโดยไม่รู้ว่าเป็นการทำลายความชอบดนตรีของเด็กไปทีละเล็กทีละน้อย
1.จ้างครูสอนดนตรีแล้วทิ้งลูกเลย
ไม่ดูแล ไม่สนใจ มารับ มาส่งเท่านั้น แบบนั้นก็ไม่ได้อะไร เพราะเด็กก็จะทำไปอย่างนั้นหมดชั่วโมงเรียนก็ทิ้งเครื่องดนตรี
2.ใจร้อนรีบเร่ง หลายคนพอเห็นเด็กเรียนดนตรีจะถามเลยว่า
"เล่นเพลงอะไรได้บ้าง"
"เล่นเพลงนั้น เพลงนี้ให้ฟังหน่อย" (เพลงที่คุณชอบเค้ายังไม่ได้เรียน หรือ อาจจะคนละแนว)
การฝึกดนตรีเป็นเรื่องของทักษะ ต้องใช้เวลา ความมีวินัย ความอดทน
3.ต่อว่าเล่นเสียงดัง
เด็กยังไม่เข้าใจการจูนนิ่ง การปรับซาวด์
ถ้าเครื่องดนตรีเป็นแบบปรับโวลุ่มได้แนะนำให้ไปนั่งข้างๆ แล้วชมก่อนหลังจากนั้นค่อยลดเสียงลง
หรือจัด พื้นที่ให้มีการเก็บเสียง
4.ไม่มีเครื่องดนตรีให้เล่น
หลายคนกลัวลูกจะไม่จริงจัง ก็เลยกั๊กๆ ให้ลูกเรียนไปก่อนให้ไม่อยากลงทุนซื้อ
เข้าข่ายการสอนให้ลูกลังเลสงสัย เหมือนจะบอกลูกกลาย ๆ ว่า
"แกจะไปได้ซักกี่น้ำ เพราะฉันไม่เชื่อว่าแกจะเล่นได้ จะเล่นเก่งได้
ฉันจึงไม่ซื้อเครื่องดนตรีให้...."
ส่งผลไปยันตอนโตเลยครับ เด็กจะทำอะไร ยึกยัก ไม่จริงจัง
กล้าๆ กลัว แนะให้ซื้อมาเลยครับ ถ้าจะเลิกเล่นก็ขาย หรือ บริจาคไปก็ได้
แสดงให้ลูกเห็นว่า เราเอาจริงนะ....
Alex