ความคิดเปลี่ยนชีวิต #33. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ
ปกติแล้วคนเราพูดออกมาเพื่อต้องการสื่อสารให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจไม่ว่าภาษาจะแตกต่างอย่างไรก็ตามเป้าหมายของการสื่อสารที่ดีที่สุดคือ
"ฝ่ายตรงข้ามต้องเข้าใจ
สิ่งที่เราต้องการสื่อสารออกไป"
(คนที่พูดภาษาต่างประเทศไม่เก่งแต่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ซื้อของกินได้หาที่พักที่นอนได้ขอความช่วยเหลือได้ก็ถือว่าสัมฤทธิ์ผลแล้วครับ)
แต่โลกสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อนยุ่งเหยิง
วัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างกัน รวมถึงทัศนคติกรอบความคิด ความรู้และประสบการณ์ชีวิต
ของคนแต่ละคนที่แตกต่างกัน
จึงเป็นผลทำให้การตีความสิ่งที่ได้ยินได้ฟังหรือได้เห็นมีความแตกต่างกันไปด้วย
ข้อความเดียวกันด้วยคนพูดที่แตกต่างกันการตีความหมายก็ไม่เหมือนกัน
ในบางครั้งเราจะสังเกตได้ว่าเราพูดโดยวิธีตรงไปตรงมาหรือพูดเพื่อสื่อความหมายเดิมแต่ก็มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการพูด
หากเพียงแต่ เรามีความคิดว่า
"เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจไม่ใช่หน้าที่ของคนเรานั้นที่จะเข้าใจเรา"
เราจะพยามหาวิธีหลากหลายที่จะนำมาอธิบายสิ่งที่เราต้องการสื่อความหมายเอาไปโดยไม่พูดแค่เพียงประโยคง่ายๆออกไปเท่านั้น
ยิ่งถ้าเป็นการพูดถึงวิสัยทัศน์หรือสิ่งที่ยังจับต้องไม่ได้ด้วยแล้วยิ่งจำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้ฟังนั้นรู้อยู่แล้วก่อนเพื่อพาเข้าไปสู่สิ่งใหม่
เราอาจจำเป็นต้องใช้ภาพด้วยการเขียนหรือการแสดงภาษากายหรือแม้แต่การใช้วิดีโอเพื่อประกอบคำอธิบายเพื่อให้ทุกคนมีภาพในหัวสำหรับการแปลความหมายสิ่งที่เราพูดไปในทางเดียวกัน
"เราต้องการทำยอดขายให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา"
"ยอดขายปีนี้จะต้องเพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว"
"แม้ว่ายอดขายปีที่แล้วจะดีแต่ปีนี้ต้องทำให้ดีกว่า"
"เราเชื่อว่ายอดขายปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว"
ประโยคทั้งหมดข้างบนเพียงเพื่อจะบอกว่า
"ยอดขายปีนี้ต้องดีขึ้น"
ต้องการสื่อความหมายเดียวกัน...
แต่ถ้าค่อยๆอ่านให้ดีแล้วจะพบว่าความรู้สึกที่ได้รับจากการอ่านแต่ละข้อความนั้นไม่เหมือนกัน
และก็นำไปสู่การกระทำที่แตกต่างกัน
การสื่อสารเพื่อให้เกิดประสิทธิผลเป็นเรื่องต้องฝึกฝนกันจริงๆแต่ขอให้เพียงแต่มีทัศนคติที่ว่า
"เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ"
เราก็จะพยามหาวิธีสื่อสารออกไปให้ดีที่สุดอาจจะไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียวแต่นั่นก็เพื่อที่จะทำให้การสื่อสารนั้นสัมฤทธิ์ผล คือ
"คนฟังเข้าใจเรา"