รุ้นลูกคนแรกให้เป็นหมอ



พอเราทำงานได้ 4 ปี ก็ได้ต้อนรับสมาขิกใหม่ในครอบครัว เราได้ลูก
ช่าย คนแรก เพือน ๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็มีลูกเหมือนกัน เราก็เลยมีทีปรึกษา
ทุกคนก็มาอยู่ที่นี่ ไม่มีใครมาช่วย ต้องทำอะไร ๆ เองกันหมด ตั้งแต่ทำความ
สะอาดบ้าน ซักเสึ้อผ้า ทำอาหาร วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ก็แทบไม่มีเวลาเหลือ
ดีที่มีเครื่องทุ่นแรง เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน เราไม่ค่อยได้ใช้หรอกล้างจานเองไม่กี่ใบ

เด็กที่นี้ ทุกคนต้องไปตรวจสุขภาพตามนัด ใหม่ๆ ก็นัดทุกเดือน เขาจะได้ดูว่าเด็กเติบโตตามอายุหรือไม่ หมอเด็กก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับเรา เวลาเด็กเป็น อะไรก็โทรหาหมอก่อน บางทีไม่ใข่เรื่องใหญ่ ก็ไม่ต้องไปหาหมอ


ตกลงลูกชายก็เติบโตไปตามปกติ มีเป็นไข้บ้าง เป็นหวัดบ้าง พอลูกอายุได้4 ขวบก็เรืมไปเรียนอนุบาล ชีวิตเราก็ยุ่งทุกวันแต่ก็มีความสุข ต่อมาก็ ย้ายไปอยู่บ้านนอกเมือง เช้าลูกไปโรงเรียนครึ่งวัน อนุบาลที่นี่เขาเรียนกันครึ่งวัน แม่ทำงานเวรบ่าย พอบ่ายสองโมงก็ต้องพาลูกเข้าเมืองไปด้วย ไปฝากกับคนเลี้ยง พอเย็นคุณพ่อเลิกงานก็มารับกลับ เป็นอย่างนี้ตลอดก็พอไหว แต่เกิดรถค้นหนี่งต้องซ่อม เราลำบากไม่เท่าไร แต่สงสารลูกมากเลย ต้องเรียก Taxi มารับที่บ้าน ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ แล้วก็นั่งรถเมล์ เข้า Manhattan แล้วก็ต้องเดินไปต่อรถใต้ดินอีก กว่าจะถึงที่คนเลี้ยงก็เหนื่อยพอดู พอเย็นคุณพ่อมารับกลับบ้าน พอห้าทุ่มก็ต้องปลุกลูกขึ้นรถเข้าเมืองรับแม่ กว่าจะถึงบ่ัานก็ตีหนี่งกว่า ก็เป็นอย่างนี้นานพอควร น่าสงสารลูกจริงๆ เรามีกัน 3 คน ก็ต้องไปดัวยกันจะทิ้งไว้ที่บ้านไม่ได้ เลยทำให้มาเราคิดหาคนมาอยู่ดัวย ก็เลยหาคนมาช่วยเลีัยงลูกได้ เราก็เลยค่อยคล่องตัวหน่อย ไม่ต้องห่วงลูกมาก มีน้าคอยดูแล

ลูกก็เรียนไปเรื่อยๆ ก็เรียนได้ดี ต้องยอมรับว่า พ่อ แม่ก็พยายามบอกลูกให้เรียนเก่ง ๆ จะได้สอบเข้าเรียนหมอได้ เพราะอาชีพหมอจะไม่ตกงานและได้ช่วยคนอื่นด้วย เพราะแม่เป็นพยาบาล ก็อยากเห็นลูกเป็นหมอ เวลาเห็นหมอจบใหม่แม่มาทำงานที่ตึก ก็จะพยายามสอบถามเขาว่าเรืยนที่ไหน เข้ายากใหม? พอลูกเรียนถึง High school ก็ย้ายลูกไป Catholic School เพราะเราเคยเรียนเป็นนักเรียนประจำที่ราชบุรี ตอนอยู่ก็ไม่ปลื้มเท่าไร เพราะกฏระเบียบมาก แต่พอเราโตขึ้นก็รู้สึกขอบคูณที่แม่ชีสอนเราและมีกฏระเบียบมากมาย ก็ทำให้เราดำเนินชีวิตมาได้ถึงตรงนี้ ทำให้เรารู้จ้กดุแลต้วและครอบครัวได้ ก็เลยอยากให้ลูกใด้ประสพการณ์ชีวิตที่มีระเบียบมากกว่าโรงเรียนรัฐ ลูกก็ไม่ได้เกื่ยงอะไร ก็ไปตามทีแม่อยากให้ไป และตอนหลัง ลูกก็บอกว่าเรียนที่ Catholic school ทำให้เขาสามารถจ้ดเวลาการเรียนตอนออกจากบ้านปีแรกได้ ไปเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเด็ก เพราะเขาเคยบ้านทางโรงเรียนก็ให้การบ้าน มีการส่งให้ครูตรวจ พอไปอยู่มหาวิทยาลัย ก็ต้องอยู่เอง คิดถึงบ้าน นอนกับใครก็ไม่รู้ห้องเดียวก้น ก็มีปัญหาเหมือนก้น จะเล่าเรืองต่อไป ตลอดเวลาทีลูกเติบโต ก็เน้นเรื่องคบเพื่อน เป็นสำคัญ และขอให้ตั้งใจเรียนให้ดี
ที่นี่เขาจะมีการทำงานวันเกิดแล้ว sleep over กัน เราไม่เคยให้ลูกไปนอนบ้านเพือนเลย วันเกิดลูกก็จะมีการทำบุญ นิมนต์พระมาที่บ้าน เพือนบ้านก็มาทำบุญกัน แล้วก็ทานข้าวก้นจนสว่าง เพื่อนคุณสามีก็มาเม้าดื่มเบียร์กัน พวกผู้หญิงก็ทานเมื่ยงคำดูTape ลครไทยกัน สมัยนั้นก็นางทาส แว่วเสียงซึง จำเลยรัก พวกลูกๆ ก็วิ่งเล่นกันเต็มสนาม ปีนต้นไม้ หลังบ้านมีที่กว้าง มีต้นไม่ใหญ่ และต้น Apple ,Pear ,Cherry ส่วนมากเป็นอาหารของนก เพราะลูกไม่สวยเราก็ไม่ได้สนใจ ส่วนมากเราสนใจปลูกดอกไม้สวยๆ ชอบปลูกดอกไม้ทีมีดอก ทำสวนครัว ตอนสมัยนั้นที่บ้านปลูกพรีกขี้หนู โหรพา แมงลัก เก็บแจกกันทั่วหน้าพี่เลี้ยงของลูก น้าสมเป็นคนทำกับข้าวเก่งมาก ทำข้าวต้มปลาอร่อยจริงๆ ไม่คาวเลย

ปีหนึ่งๆ ที่บ้านก็จะมีทำบูญและ party กัน 3 ครั้ง วันเกิดลูกสองคนและปีใหม่หรือ คริสมาส แล้วแต่แม่จะได้หยุดวันไหน และจะมีทำบุญตอนเช้าทุกครั้งจนลูกคนเล็กอายุ 10 ขวบ เรียกว่าจนลูกเบื่อ เพราะมีงานทีก็ต้องเตรียมบ้าน เตรียมที่ทำบุญ ยกที่วางพระพุทธรูป เอาออกจากห้องพระมาไว้ห้องรับแขก เก็บห้องของต้วเองให้เรียบร้อย พอเสร็จก็ทำความสะอาดเก็บกวาด ห้องน้ำต้น มีคนเอา pamper ใส่ ก็ต้องหาคนมาซ่อม จนลูกถามว่าเมื่อไรแม่จะเลิกจัดงานเสียที แม่ชอบให้เพื่อนมาร่วมทำบูญ และถื่อว่าเป็นศิริมงคล ที่มีพระมาที่บ่้าน เพื่อนๆ ของแม่ก็เป็นเพือนที่ดี ๆทั้่งน้ันเขาก็มีลูก ลูกก็ได้มาเล่นกับลูกเราด้วย ที่สำคัญคือน้าสม คนเก่งของเรา ทำอาหารอร่อย เลยเป็นที่ติดใจของเพี่อนๆ ก๋วยเตี่ยวเนื้อ เราก็ทำเหมือนร้าน เอาเส้นลวกกันเอง ลวกเนื้อในหม้อเล็กๆ จะได้ความหวาของน้ำแต่ละชามเอง น้ำส้มของน้าสมก็อร่อย ใช้พริกขี้หนูปั่นกับกระเทียมสด ใส่ข่า เกลือ ด้วย เราก็ไม่ได้ทานเนื้อ ทานแต่เส้น ไม่ทานเนื้อเพราะตอนเป็นนักเรียนประจำ รายการอาหาร จะมีเนื้อแยอะมาก ต้้งแต่ผ้ดเนื่้อ แกงเนื้อ สตูเนื้อ แล้วเราก็ต้องรับผิดชอบส่วนของเรา เราก็ทานแบบไม่หายใจ บางทีก็แอบให้เพื่อน ถูกจับได้ก็โดนห้กคะแนนค่าขนมประจำสัปดาห์ แล้วจะเล่าถึงชีวิตนักเรียนประจำ ไม่เหมือนสมัยนี้ สบายกว่าตอนก่อนมาก

กว่าจะมีงานสักทีเราก็เตรียมงานกันเป็นเดือนเลย เมนูสำคัญก้คือก๋วยเตียวเนืัอ เราได้สูตรทำอร่อยมากจากเพื่อน น้าสมเขาเป็นคนมี gift ในการทำอาหารมาก พอได้ชิมก็ทำเป็น ตอนนี้ไม่ค่อยทำเพราะคนไม่ทานเนื่อก้น ตอนนี้น้าสมก็ได้ทำที่ร้านอาหาร Thai chef เป็นที่ไว้วางใจ และดูแลสั่งของเข้าร้าน น้าสมพูดภาษาไม่ได้เลย จนเดี่ยวนี้เก่งพอควรเลยละ ดูแลร้านได้อย่างดี เจ้าของทิ้งร้านไว้เป็นเดือนๆ น้าสมก็ทำได้ จะเล่าถีงน้าสมทีหลัง ตกลงเราก็ต้องไปซื่้อเนี้ออย่างดีตอนลดราคามาเป็น 20-30 ปอนด์หั่นไว้ มีไก่
หมูสะเต้ะ ทำทีเป็น 10 กิโล ทั่งไก่ หมู เนื้อ เป็นอาหารยืนพี้น และก็มี ปลาผัดเผ็ด ขนมจีนน้ำยา แกงไก่ ไก่ย่าง ลาบหมู เพื่อนๆก็เอามาด้วย ทานกันจนพรุ่งนี้ก็ไม่่หมด ขนมรวมมิตร สังขยา ข้าวเหนียวดำ สลี่ม เรียกว่าเหมือนอยู่เมืองไทยเลย เดี่ยวนี้ไม่ได้ทำแล้วลุกๆ ไม่อยู่ แถมแม่เกิดมาก็ไม่เคยทำกับข้าว ไปอยู่เป็นนักเรียนประจำตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แล้วก็เรียนพยาบาล ก็จะกินแต่อาหารหรือ ? ทำอะไรไม่เป้นเลย
ตอนนี้เพื่งจะพยายามหัดทำกับข้าว เวลาลูกมาจะได้ทำของโปรดให้เขาทาน ไก่ผัดกระเพรา ผัดไทย ผัดขิง แกงแดง ผัดไทยเรื่องมาก ไม่ค่อยทำหรอก แถมเราทำสู้น้าสม ของเขาไม่ได้ ตอนนี้พยายามทำอะไรที่เจ็ง ๆ สัก 2-3 อย่าง จะได้เอาไปทำบูญที่วัด ว่างๆ ก็ไปวัดทำบูญได้เจอเพือนๆ ตอนนี้หนาวก็ยังไม่ได้ไป พูดถีงวัด ที่ New York ก็มีหลายวัด ที่ดีก็คือทุกว้นจะมีคนรวมกลุ่ม เอาอาหารไปวัดประจำวัน เราไม่ได้จองวัน วันไหนอยากไป ก็ไปเอากับข่้าว หรือของหวาน ไปสักอย่าง เราไม่มีฝีมือ ก็เป็นคนล้างจานตอนเป็นนักเรียน ประจำต้องมีเวรล้างจาน เราเลยชอบมาจนบัดนี้ แต่ไม่ชอบขัดกระทะ ขัดหม้อนะคะ เพราะขัดไม่วาวเหมือนคนอื่น ความพยายามไม่สูง เราก็สนิทกับพี่ๆ บางทีเราก็ให้เงินพี่เขาซื่อกับข้าวแล้วช่่วยทำให้ด้วย พี่เขาก็น่ารักทำให้เรา เราไปบ่อยๆ ก็ทำหน้าที่ล้างจานเสียเป็นส่วนมาก แต่เดี่ยวนี้ก็มีเด็กนักเรียนมาก้นหลายคน ก็ดีได้ไปว้ดฟังพระเทศ สะบายใจดี

เราออกนอกเรื่องไปอีกแล้ว ว้นแรกที่ไปส่งลูกคนโตที่มหาวิทยาลัย ห่างจากบ้าน ขับรถไปประมาณ 3 ชม เราเคยอยู่ก้น 4 คน พอถึงบ้านก็ดูเงียบๆ เห็นลูกคนเล็กไปน้่งเงียบ ๆที่มุมห้อง ก็ถามว่าทำไมไม่ดู TV เขาก็ร้องให้ บอกว่าคิดถึงพี่จี้ เราก็ต้องมาปลอบกัน เขาสนิทกันมาก ห่างก้น 7 ปี ใหม่ๆก็คิดว่าไม่ดี แต่ตอนนี้ว่าดีมากเลย เขารักกันมาก พี่ก็จะเป็นคนทีแนะนำน้อง น้องก็จะปรีกษาพี่ เห็นแล้วน้ารัก ตอนนี้เขาก็ 34-27 เวลามาบ้านก็คุยกันเสียงดัง หยอกกัน วิ่งไล่กัน ในบ้าน เราเห็นแล้วก็สุขใจ ใหม่ๆ เราก็ไปเยี่ยมลูกบ่อย เอาอาหารไปให้ ทำให้เขาใส่ช่องแข็งไว้ มี microwave ,TV เล็กๆ ห้องหนี่งก็อยู่ สองคน สอนลูกให้ระวังเรื่องเงิน และบัตรเครดิต ต้องชมเลยว้าลูกไม่เคยใช้บัตรเครดิต ที่ไม่จำเป็น เราไม่ต้องมาเคลึยหนี้ให้ลูก เขาใช่แต่ที่จำเป็นเท่าน้ัน ต้องขอบคุณ ลูกรักตอนนี้นะ คงเห็นแม่ทำงานหน้กเลยไม่ฟุ่มเฟือย แม่ก็สอนด้วย ตอนนั้นแม่ทำงาน ทุกวันหยุดเดือนละ 1 -2 วันเท่านั้น ไม่ค่อยได้มีเวลาได้อยู่กับลูกเลย ก็ขอบคุณทื่ีลูกมีวิจารณญานที่ดี เป็นคนดีให้พ่อ แม่ เท่านี้แม่ก็ปลี้มแล้ว

ปีสองของมหาวิทยาลัย ลูกก็บอกว่าตกลงจะเรียนหมอ ก่อนลูกจะบอกว่าเรียนหมอนานเหลือเกิน เพื่อนเขาบอกว่า พวกเขาจบปริญญาตรีก็ทำวานได้เงินเดือนแล้ว ลูกต้องเรียนต่ออีก 4 ปี แถมจบต้องเป็น intern อีก กว่าจะได้เงินเดือนจริงๆ ก็อีก 10 กว่าปี ก็บอกลูกว่าถ้าเรียนไหว ก็ทนเรียนไปอีก 10-12 ปี พอจบแล้วก็จะมีอาชีพ ที่ดีและไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน ตกลงลูกก็เรียนหมอ จบแล้วก็เป็น intern 3 ปี แล้วก็ได้เป็น chief resident อีก
หนี่งปี ตอนนี้เริ่มได้เงินเดือน แต่ไม่ค่อยพอกับค่าใช้จ่าย เราสนับสนุนให้ลูกซี้อบ้าน ก็เลยใช้จ่ายประหยัด แต่ก็คุ้มพอลูกจบ Train ก็ขายบ้านไปทำ specialist ที่ Indiana เผิอญตอนนั้นราคาบ้านดี ก็เลยขายได้กำไรด้วย ตกลงตอนนี้ลูกก็จบแล้ว ทำงานเป็น Rheumatologist ที่ Indianapolis มีครอบครัว มีลูกสาวอายุ ขวบกว่า เขาไม่ทำงานมาก ทำแค่ อาทิตย์ละ 4 วัน หยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เขาบอกว่าอยากเลี้ยงลูก ไม่อยากมีเงินเยอะหรอก ทำให้เรารู้สึกว้าส่งสัยตอนเขาเด็ก ๆ เรามัวแต่ทำงานไม่ได้มีเวลาให้เขา เขาเลยมาให้เวลาลูกเขามาก ๆ ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องหักโหมทำงานไปทำไม ทำพอมีใช่อย่างไม่ลำบาก มีเวลาให้ครอบครัวสมัยแม่ไม่มีเลย เพิ่งจะไม่ทำงานมาปีกว่า นีกเสียดายที่เราไม่ได้ไปไหน ๆ กับลูก ๆ เรามีเพื่อน ก็บอกเขาว่าถ้าทำได้ เวลาลูกหยุดเรียนก็ไปไหนๆ กับลุก เพราะพอเขาโตเขาก็ ไม่อยากเที่ยวกับเราเท่าไหร่ จะไปกับเพี่อนๆ ยิ่งมีครอบครัวเขาก็วุ่นวายกับครอบครัวเขา ไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวกับเราหรอก เขาก็มีรายได้พอควรเมือว้นก่อนเขาบอกว่าไปซื่อที่ จะปลูกบ้าน คงคิดจะอยู่ Indianapolis ถาวรมั้ง เราคงต้องหาทางไปอยู่ใกล้ๆ หรือเขาอาจจะทำห้องให้เราหนื่งห้องหนอ ? :) เราหวังมากไม่ได้กับเด็กที่โตกับสังคมเมริกา ที่เขาเอาพ่อแม่ ไปไว้ Nursing Home เราคงไม่ยอมไปหรอก กลับมาอยู่เมืองไทยดีก่าเน้อ


สำหรับการเรียนหมอที่อเมริกาก็ถือ ว่ายากแต่ก็ไม่ยากเท่าเมืองไทย
เท่าที่สังเกตุ ถ้าลูกเราเรียนเก่งพอควร และขยันอ่านหนังสือ ตั้งใจอยากเรียนหมอ ได้เรียนแน่ ถ้าสอบเข้าที่อเมริกาไม่ได้ ก็มีหลายแห่งเขารับ ถ้าเรียนจากสายวิทยาศาสตร์ เช่น St Ross University, St George University และยังมีหลายแห่ง โดยเฉพาะถ้าเรียนที่ St Ross ก็จะได้กลับมา Train ที่เมืองไทยด้วย ทางมหาวิทยาลัยได้รับการรับรองจากสมาคมแพทย์ประเทศไทย ค่าเล่าเรียน ก็ราว ๆ ปีละ 3-4 หมื่นเหรียญ ถ้าเป็นคนทีนี้ก็กู้ได้ เราเองก็ไม่สามารถส่งลูกเรียนหรอก ต้องกู้ทั้งสองคนตอนเรียนหมอ เราก็บอกลูกว่าจะส่งปริญญาตรี จากนั้นต้องกู้เรียน ทีนี้ก็ดี เขาให้กู่้เวลาจบให้เวลาตัังต้ว 4-5 เดือนถึงให้เริ่มผ่อนส่ง ก็ส่งก้นเป็นเวลา 15-20 ปีเลย คนก็ไม่อยากใช้ให้หมดเพราะ ดอกเบี้ยถูกมาก ๆ ราวๆ 2-4 % พอปีแรกเราผ่อนดี ปีที่สองเขาก็ลดให้ด้วย เอาละค่ะก็เป็นการเล่านะคะอาจจะไม่ค่อย ตรงเป้าน้กเพราะเขียนแล้ว อะไรๆ ก็ผุดขี้นมาก็เลยเป๋ ไปเรื่องโนนเรื่องนี้ ก็เขียนเลยไม่ได้มีการเขียนแล้วมาลอกค่ะ หวังว่าผู้อ่านคงได้สาระบ้างนะคะ เป็นชิวิตจริงก็คงจะเปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้นะคะ และม้นก็ผ่านไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกด้วย


































Create Date : 21 ธันวาคม 2553
Last Update : 12 เมษายน 2555 22:08:15 น. 3 comments
Counter : 1913 Pageviews.

 
ชอบอ่านเรื่องที่คุณน้าเล่ามากเลยค่ะ ติดตามทุกตอน


โดย: Meow IP: 76.198.77.49 วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:11:11:52 น.  

 
เขียนเรื่อยๆ ค่ะ ชื่นชมๆๆ


โดย: Haniballector วันที่: 4 มกราคม 2554 เวลา:2:51:29 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ทีให้กำลังใจ


โดย: newyorknurse วันที่: 4 มกราคม 2554 เวลา:4:04:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.