โจทย์ตะพาบครั้งนี้ เขียนเรื่อง "แม่" นีกว่าจะเขียนอย่างไรดี ตกลงเขียนว่าการเป็นแม่เมื่อสมัยเกือบสี่สิบปีกับ การเป็นแม่สมัยนี้ มาเล่าให้ฟังนะคะ แม่สมัยสี่สิบปี่ที่แล้วก็คือสมัยจขบ.เป็นแม่และสมัยที่ลูกของเจ้าของบล็อกเป็นแม่ ว่าเลีัยงดูลูกให้เติบโตมาอย่างไรกัน..
จขบ.มานิวยอร์กเมื่อปี 2515 กว่าจะปรับตัวเข้ากับงานและสิ่งต่างๆที่นี่ กว่าจขบ.จะมีลูกคนแรก ก็เป็นเวลาสี่ปี จขบ.เลีัยงลูกแบบทั่วๆไป มีของเล่นให้เล่น แล้วแต่ไปที่ร้านขายของเล่นมีขาย ว่าเด็กอายุเท่าไร ควรเล่นอะไร แต่ก็ไม่มีหลักเกณฑ์อะไร ห้าขวบก็ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนเด็กก่อนเข้าโรงเรียนจริง (์Nursery School) ที่นี่อายุ 6 ขวบ จะไปโรงเรียน Kindergarten ระยะนั้นจขบ.ก็ไม่รู้จักระบกการศีกษาที่นี่เท่าไร ไม่รู้ว่าเด็กต้องเรียนรู้อะไรบ้าง ตอนที่ลูกอยู่บ้าน ยังไม่เริ่มไปเรียนก็ไม่ได้สอนอะไรพิเศษ สอนอ่าน A B C บ้าง นับเลขบ้างนิดหน่อย
สำหรับเด็กที่พ่อแม่เป็นคนเมืองนี้ เขาจะสอนลูกให้หัดต่อบล็อก รู้สีว่าสีอะไร และลักษณะของรูป(shape) รูปเหลียมต่างๆ , รูปทรงกลม และทรงต่างๆ
เด็กอเมริกันส่วนมาก คุณพ่อคณแม่จะสอนที่บ้านบ้างหรือส่งลูกไปเนสซารี่ ตั้งแต่สองสามขวบได้เรียนรู้บ้าง เวลาไปโรงเรียน Kindergarten จะรู้จักสีต่างๆ รูปทรง และการต่อบล็อก เป็นรูปต่างๆ บ้างพอสมควร
ขณะที่ลูกจขบ.ไม่รู้เลย จนกระทั่งทางโรงเรียนคิดว่าลูกของจขบ.มีปัญหาการเรียนช้ากว่าวัย แต่พอลูกเรียนไปเรื่อยๆ ลูกก็ปรับตัวเข้ากับการเรียนที่อเมริกาได้ และประสบความสำเร็จ มีครอบครัวและมีหลานให้คุณปู่ คุณย่าชื่นชม แสดงว่าการไปอยู่ที่ใหม่ ต้องค้นคว้า และศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับที่นั้นๆทุกๆเรื่อง ความที่ไม่เข้าใจ ก็เลยไม่ได้สอนลูกคิดว่าถึงเวลาไปโรงเรียนก็เรียนไปเอง
ระยะนั้นเราไม่มีคนช่วย ทำงาน แล้วไปเรียนต่อ กว่าจะกลับบ้านสามทุ่มกว่า รับลูกจากคนเลีัยง(โชคดีที่คนเลีัยงลูกอยู่อพาทเมนต์ตึกเดียวกัน เวลาพาลูกไปฝากและรับกลับ ก็อยู่ในตึก ช่วยได้มากทีเดียว) รับลูกมาก็ต้องทำอาหารเย็น กว่าจะทานข้าวกันก็ดึก แทบไม่ค่อยมีเวลาเลย แต่เราก็เลีัยงลูกด้วยความรักและสอนให้ลูกเป็นคนดี เรียนหนังสือดีๆจะได้ประสบความสำเร็จ สมัยนั้นคุณแม่และคุณพ่อก็เลียงดูลูกอย่างสุดความสามารถ ด้วยความรัก เหมือนแม่ทุกคนที่รักและหวังดีต่อลูกมากที่สุด
การเลีัยงลูกสมัยนี้ (สมัยปี 2014)
การเลีัยงลูกสมัยนี้ ก็คือสมัยรุ่นลูกของจขบ. นับว่าเป็นรุ่นที่เกิดอเมริกา เรียนที่อเมริกา และมีงานทำ มีครอบครัว พอมีลูกก็เลี้ยงลูกกันด้วยความรักมากมาย เหมือนรุ่นแม่ๆเช่นกัน แต่สมัยนีัมีอะไรๆมากมายกว่าสมัยจขบ. อยากรู้อะไรก็มีเครื่องมือให้ค้นคว้าทางอินเตอร์เนต แค่กดอ่าน จขบ.ก็คุยกับเพื่อนๆถึงรุ่นลูกๆเลี้ยงหลานกัน แต่ละบ้านก็เลีัยงกันด้วยความรักลูกสุดหัวใจกันทุกคน
เริ่มตั้งแต่อาหารเด็ก ระยะนี้ก็มีความเชื่อทางอาหาร Organic กัน พ่อแม่สมัยนี้ ส่วนมากก็จะซื้ออาหาร Organic บางบ้านจะเคร่งมากขนาดใช้กระดาษเช็ดกันลูกและ Pamper ต้องเป็น Organic ทานอาหารเป็นเวลา
เวลานอน บางบ้านก็ฝีกให้ลูกแยกห้องนอนตั้งแต่ลูกอายุหกเดือน ก่อนนอนก็มีการอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอน เวลานอนก็มีดนตรีเบาๆเปิดให้ลูกนอนฟังตลอดคืน
การดูทีวี ก็มีการจำกัดเวลา เริ่มให้ดูทีวีตอนอายุสองขวบ และให้ดูเป็นเวลา ไม่ให้ดูทีวีตลอด ดูครั้งละสองชั่วโมง นับว่าเป็นการดี ส่วนมากจะให้เด็กเล่น วาดรูป หรือเล่นของเล่นที่มีอยู่ ทำอะไรๆที่ไม่ติดทีวีมากไป
ระยะนี้มีไอแพท ,โน๊ตบุค,ไอโฟน รุ่นหลานๆ ของจขบ.อายุเริ่มเป็นวัยรุ่นกันแล้ว บางบ้านก็มีไอแพทให้ลูกคนละเครื่อง ให้เล่นเกมส์ ดูรายการเด็กๆที่คุณพ่อ คุณแม่ โหลดไว้ให้ดู ซี่งบางโปรแกรมก็ดี เป็นการศีกษา เช่นโปรแกรม เลข โปรแกรมการสร้างสรรค์ต่างๆ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ ว่าเด็กๆใช้สายตากับไอแพทมากไปหรือเปล่า
บ้านลูกชายของจขบ.มีลูกสองคน ภรรยาก็ทำงานด้วย ระยะที่ลูกคนแรกเกิดมา ก็เลียงอยู่บ้านได้สามเดือน เดือนที่สี่ก็ไปฝากที่โรงเรียน Nusery school ของที่ทำงาน ไปพร้อมแม่ กลับพร้อมแม่ ทุกเช้าสองคนก็ทำอาหารเช้าง่ายๆ ต่างคนต่างไปทำงาน เย็นลูกสะใภ้กลับถึงบ้านก็เตรียมอาหารเย็น ลูกชายกลับมาช้านิดหน่อยจะพาลูกไปอาบน้ำ แล้วมาป้อนอาหารลูก ทานอาหารกัน เวลาทุ่มครึ่งจะพาลูกไปนอน อ่านหนังสือให้ลูกฟัง (ฟังไม่ออกก็อ่านไปทุกวัน) สองทุ่มก็ให้ลูกนอนที่ห้องนอนคนเดียว อยู่ข้างห้อง พ่อ - แม่ (แยกให้นอนเองอายุประมาณ 6 เดือน) วันเสาร์ อาทิตย์ ก็ซักผ้า และไปซื้ออาหารสด ของใช้ในบ้าน วันอาทิตย์จะทำอาหารไว้หลายอย่าง ใส่ตู้เย็นไว้ สำหรับทานวันจันทร์ - ศุกร์
พอลูกโตหน่อย ก็มีกิจกรรมกับลูก ให้ดูทีวีบ้างตอนระยะลูกอายุสามขวบ เป็นการ์ตูนเด็กๆ แต่ส่วนมากจะให้เล่นพวกระบายสี ต่อภาพ ต่อบล็อก จำสีต่างๆ วันอาทิตย์ต้องทำอาหารเด็กเพิ่มอีก ใส่ในตู้แช่แข็ง สำหรับหนี่งอาทิตย์ วันธรรมดาก็เอามาอุ่นให้ทาน ชีวิตประจำวันก็วุ่นกับลูกๆอย่างนี้ทุกวัน ไม่มีเวลาไปไหนต่อหลังเลิกงาน
ลูกคนแรกสามขวบ มีลูกคนที่สอง ลูกคนที่สองอายุสามเดือนก็ไป Nursery school ที่เดียวกันกับพี่ กิจวัตรประจำวันก็เหมือนเดิม แต่ต้องจัดเวลาให้เร็วขี้น เพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน คุณแม่ต้องพาลูกสองคนไปที่โรงเรียน กลับบ้านก็มีสองคนต้องอาบน้ำ ระเบียบของบ้านสองทุ่ม ลูกสองคนก็จะต้องนอนกัน ก่อนนอนจะอ่านหน้งสือให้ฟัง เริ่มให้เล่นไอแพท เกมส์ต่างๆ และการเล่นเด็กๆ เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ครั้งละไม่เกินสองชั่วโมง หาเวลาว่างไม่ได้เลย วันเสาร์จะพาลูกไปสวนสัตว์และซื้อของและซักเสื้อผ้า วันอาทิตย์เป็นวันจ่ายอาหาร เตรียมอาหารสำหรับวันจันทร์ ถึง วันศุกร์
คุณแม่ คุณพ่อ ทุกท่าน เลีัยงดูลูกอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ มีความปรารถนีที่ดีและหวังให้ลูกเติบโต สุขภาพแข็งแรง และมีอนาคตทีสดใส เพื่อจะได้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง
ความรักของแม่มากมายหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
แม่คือ...
แม่คือ... คนแรกทีเห็นเรา
แม่คือ... คนแรกที่พูดกับเรา
แม่คือ... คนแรกที่เจ็บเพื่อเรา
แม่คือ... คนแรกที่กอดเรา
แม่คือ... คนแรกที่เลี้ยงเรา
แม่คือ... คนแรกที่รักเรา
แม่คือ... คนสุดท้ายที่จะทำให้เราเสียใจ
แม่คือ... คนสุดท้ายที่จะทอดทิ้งเรา(หรือไม่คิดจะไม่ทิ้งเราเลย)
แม่คือ... คนสุดท้ายที่จะเกลียดเรา(หรือไม่คิดที่จะเกลียดเราเลย)
แม่คือ... คนสุดท้ายที่จะไม่ห่วงเรา
แม่คือ... คนสุดท้ายที่จะไม่รักเรา
แม่คือ... ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ผู้ให้กำเนิดเราโดยร่วมมือกับพ่อผู้กำกับการแสดง
แม่คือ... นักรักบริสุทธิ์ ผู้เป็นต้นแบบแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
แม่คือ... ครูคนแรก ที่สอนเราถึงวิธีการดำเนินชีวิตในโลกนี้ ผู้สอนเราให้รู้จักจำแนกแยกแยะระหว่าง "ความดี" กับ "ความเลว, "ความเหมาะสม" กับ "ความไม่เหมาะสม, "ประโยชน์" กับ "โทษ" ของสิ่งต่างๆ
แม่คือ... นายกรัฐมนตรี ผู้ตระเตรียมความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน
แม่คือ... เกษตรกร ที่ลงแรงหว่านเมล็ดพันธุ์ เฝ้าพรวนดินรดน้ำและอดทนรอคอยการเกิดผลที่งอกงาม เป็นผู้ที่ดูแล เลี้ยงดู ฟูมฟัก นับตั้งแต่เราลืมตาดูโลกจนเติบโตขึ้นและพึ่งพาตนเองได้
แม่คือ... จิตรกร ผู้แต่งแต้มสีสันชีวิตอนาคตของเรา
แม่คือ... นักสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ทำให้ความฝันใฝ่ของเราเป็นความจริง
แม่คือ... นักประชาสัมพันธ์ ที่ชอบเชิดชูความสามารถของเราทำให้เรากล้าแสดงออกและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนอยู่อย่างเต็มที่
แม่คือ... ทหาร ผู้ทำหน้าที่ปกป้องภยันตรายให้เรา ตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์ช่วยตัวเองไม่ได้จนกระทั่ง เติบใหญ่สมบูรณ์และแข็งแรง
แม่คือ... นางพยาบาล ที่คอยเฝ้าไข้ ดูแลรักษา ยามเราเจ็บไข้ได้ป่วย
แม่คือ... นักบุญ ที่พร้อมเสียสละความสุขส่วนตัว โดยไม่คำนึงว่าตนต้องเสียประโยชน์เพียงใด
แม่คือ... ผู้ใช้แรงงาน ที่ทำงานหนักที่สุด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด
แม่คือ... นักรบ ผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค แต่ฝ่าฟันที่จะทำทุกสิ่งเพื่อชัยชนะในชีวิตของเรา
แม่คือ... ผู้จัดการ ผู้แบ่งงานให้เราทำ ทำให้เรารู้จักคำว่า หน้าที่ และความรับผิดชอบ
แม่คือ... ผู้พิพากษา ผู้ตัดสินคดีเวลาเราทะเลาะกับพี่น้อง
แม่คือ... ที่ปรึกษาส่วนตัว ผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องที่สำคัญ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยของเรา การเลือกคบเพื่อน การเลือกคู่ครอง การประกอบอาชีพ
แม่คือ... เพื่อน ผู้ให้กำลังใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ
แม่คือ... มัคคุเทศก์ ผู้นำเราท่องเที่ยวเรียนรู้ในโลกกว้าง
แม่คือ... นักปรัชญา ผู้สอนให้เรารู้จัก "คุณค่าของชีวิต
แม่คือ... กระจกเงา ผู้ที่ทำให้คำกล่าวที่ว่า "ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น" เป็นจริง แม่มีอิทธิพล ในการกำหนดท่าที ความคิด บุคลิก ลักษณะของเรา ทำให้เรามีเอกลักษณ์ต่างจากคนอื่น
แม่คือ... ตู้ A.T.M. เคลื่อนที่กดเบิกเงินอย่างเดียว ไม่เคยฝาก
แม่คือ... นักร้องประจำบ้านร้องเพลงกล่อมเราตั้งแต่เด็ก
แม่คือ... นาฬิกาปลุกอย่างดี ปลุกเราทุกเช้าให้ไปโรงเรียน
แม่คือ... บอดี้การ์ดใจเกินร้อย ใครว่าลูก แม่ก้อพร้อมจะลุย
แม่คือ... ผู้จัดการส่วนตัว ตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอน
แม่คือ... ตู้ยาสามัญประจำบ้านรักษาได้ทั้งแผลเล็กและแผลใหญ่
แม่คือ... ผู้พิพากษาคอยตัดสินคดีในบ้าน
แม่คือ... กุ๊กภัตตาคารชั้นหนึ่ง อิ่มอร่อยโดยไม่ต้องจ่ายสตางค์
แม่คือ... วิทยุที่ไม่ต้องเปิดเสียง ก็สามารถดังได้ทั้งวัน
แม่คือ... ... ... เราอาจจะให้นิยามของคำว่า "แม่" ได้อีกนับสิบนับร้อยนิยามในการกล่าวถึงคุณอนันต์ของท่านในชีวิตเรา แม้ว่าบทบาทของแม่ในปัจจุบันอาจดูเหมือนลดน้อยลงและถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่นๆ แม่อาจจะให้เวลากับลูกน้อยลง ลูกอาจจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อยู่กับคนอื่นมากกว่าอยู่กับแม่ โรงเรียนอาจทำหน้าที่ในการสอนลูกแทนแม่ ฯลฯ แต่ไม่ว่าบทบาทของแม่จะถูกทดแทนด้วยสิ่งใด ความเป็นแม่ก็มิอาจถูกลดคุณค่าลง เพราะสิ่งแปลกปลอมอื่นใด ก็ไม่สามารถสวมทับ "นิยามแห่งความเป็นแม่" ได้อย่างแนบแน่นเท่ากับความเป็นแม่ตามลักษณะธรรมชาติ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก //www.trironk.net/mom/mom03.htm
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Health Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น