Vibrational Therapy: สวดมนต์บำบัด โดย: ชมนาด




Vibrational Therapy: สวดมนต์บำบัด








วันนี้ ขอนำเรื่องดีๆ ที่คุณ Hollland P. forwordให้อ่านนานแล้ว
เข้าใจว่าส่วนใหญ่ก็คงได้อ่านจาก นิตยสารชีวจิต เดือนมกราคม ๕๑
แล้วเช่นกัน ก็เอาเถอะ อ่านแสนครั้งก็ไม่มีความหมาย
ถ้าไม่ปฏิบัติให้เห็นผล


Vibrational Therapy: สวดมนต์บำบัด โดย: ชมนาด



เชื่อหรือไม่ว่า หากเราสวดมนต์ (ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม)
เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก
แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยาความเจ็บป่วยของเขาได้
เพราะการสวดมนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมองและคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกลๆ ได้


การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ

Vibrational Medicine
คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่นมาบำบัดความเจ็บป่วย
ซึ่งมีหลากหลายวิธี อาทิ เก้าอี้ไฟฟ้า เครื่องนวดต่างๆ ก็เป็น
Vibrational Therapy เช่นกัน
แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต
ต่างจากสวดมนต์บำบัด ซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต ดังนั้น
มาดูพลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร???
คลื่นแห่งการเยียวยา

การสวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ
เพื่อเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยาซึ่งหากคลื่นเสียงที่มากระทบดังแบบไร้ระเบียบคือประกอบด้วยเสียงที่มีความถี่ต่างๆ กัน ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการบำบัดกลไกดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อหูของเราได้ยินเสียงบทสวด
ก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับ
ก่อนส่งไปบริเวณก้านสมอง ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ
15 นาที ก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย

เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา: ให้ผลกับร่างกายอเนกอนันต์
รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี
หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

อธิบายเพิ่มเติมดังนี้

"สมองของเราเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ
15 นาทีขึ้นไป จะทำให้เซลล์ประสาทของระบบประสาทสมองสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายๆชนิด บริเวณก้านสมองจะหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ ซีโรโทนิน (serotonin)เพิ่มขึ้น ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ

ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ เช่น เมลา
โทนินซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ เพราะจะช่วยยืดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท เซลล์ร่างกาย ให้ชีวิตยืนยาวขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับ เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้น รวมถึงโดปามีน
มีฤทธิ์ลดความก้าวร้าวและอาการพาร์กินสัน

นอกจากนี้ ปริมาณของซีโรโทนินมีความสัมพันธ์ต่อการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทอื่นๆ เช่นอะเซทิลโคลีน ช่วยในกระบวนการเรียนรู้และความจำ ช่วยขยายเส้นเลือดทำให้ความดันลดลง และยังช่วยลดปริมาณอาร์กินิน วาโซเปรสซินซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความก้าวร้าว ความสมดุลของน้ำ
และซีโรโทนินยังเข้าไปลดปริมาณของสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นของการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง

ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย
ปลอดโปร่ง และไม่เครียด ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น"

ดังนั้น จุดสำคัญจึงอยู่ที่ร่างกายจะสามารถสร้างสารสื่อประสาทได้หรือไม่
อาจารย์สมพรเสริมว่า

"หลักการสำคัญอยู่ที่หากมีสิ่งเร้าหลายๆประเภทเข้ามารบกวนกระบวนการทำงานของคลื่นสมองพร้อมๆ กันทำให้สัญญาณคลื่นสมองเปลี่ยนไป การหลั่งสารสื่อประสาทจะสับสนม่มีผลในการเยียวยา สิ่งเร้านี้มาจากหลายส่วน ทั้งตัวเอง เช่นบางคนปากสวดมนต์ แต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ก็ไม่ได้ประโยชน์และการเกิดเสียงดังอื่นๆ เข้ามารบกวนขณะสวดมนต์
เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์รับรู้ได้ไว และอ่อนไหวมาก

เรามีตัวประสาทรับสัญญาณมากมาย เรารับสิ่งเร้าได้ทั้งจากทางปาก ตา หูจมูก การเคลื่อนไหว และใจ เหล่านี้ทำให้สัญญาณคลื่นสมองสับสนและเปลี่ยนไปร่างกายก็จะสร้างซีโรโทนินได้ไม่มากพอ"

และไม่ใช่เฉพาะสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์เท่านั้นที่เราจะได้จากการสวดมนต์แต่การสวดมนต์ยังทำให้อวัยวะต่างๆ ได้รับการกระตุ้น
คล้ายกับการนวดตัวเองจากการเปล่งเสียงสวดมนต์ สวดมนต์กระตุ้นอวัยวะ

อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายหลักการนี้ว่า
"เวลาเราสวดมนต์นานๆคำแต่ละคำจะสร้างความสั่นสะเทือนไม่เท่ากันตามฐานที่เกิดของเสียงหรือตามวิธีเปล่งเสียงแม้ว่าเสียงจะออกมาจากปากเหมือนกัน แต่ว่าเสียงบางเสียงออกมาจากริมฝีปากบางเสียงออกมาจากปุ่มเ หงือก บางเสียงออกมาจากไรฟัน บางเสียงออกมาจากคอ
ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ถูกต้องตามฐานกรณ์จึงเกิดพลังของการสั่น"
และเมื่อเกิดพลังของการสั่นการสั่นนี้จะเข้าไปเยียวยาอาการป่วยได้อย่างไร
อาจารย์เสฐียรพงษ์อธิบายต่อว่า "เวลาเราสวดมนต์
เสียงสวดจะไปช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ ซึ่งจะช่วยปราบเชื้อโรคบางชนิด
เช่นการวิจัยของฝรั่ง พบว่าอักษร A B C D จะช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อย
ส่วนบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา เสียงอักขระแต่ละตัวมีคำหนักเบาไม่เท่ากันบางตัวสั่นสะเทือนมาก บางตัวสั่นสะเทือนน้อย ทำให้ต่อมต่างๆ
ในร่างกายถูกกระตุ้น เมื่อต่อมที่ฝ่อถูกกระตุ้นบ่อยๆ เข้าก็คงคืนสภาพ
อาการป่วยก็จะดีขึ้น"

นอกจากนี้ ยังมีบทความที่อธิบายเกี่ยวกับการฝึกเปล่งเสียงเพื่อรักษาโรคจากเสียงต่างๆเช่น โอม....กระตุ้นหน้าผาก, ฮัม....กระตุ้นคอ, ยัม....กระตุ้นหัวใจ,ราม....กระตุ้นลิ้นปี่, วัม....กระตุ้นสะดือ, ลัม......กระตุ้นก้นกบ
เป็นต้น แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นการสวดมนต์ให้ประโยชน์ทางใจที่มีคุณค่ากับผู้สวด

รองศาสตราจารย์จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี ภาควิชาปรัชญาและศาสนา
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปว่ามี 2 ข้อคือ

1.การสวดมนต์เป็นเครื่องช่วยให้เกิดสมาธิ โดยต้องสวดเสียงดัง
ให้หูได้ยินเสียงตัวเอง และจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับเสียงสวด
เมื่อใจไม่ฟุ้งไปที่อื่น ใจอยู่กับเสียงเดียวจึงเกิดสมาธิ

2.ถ้าเข้าใจความหมายของบทสวดนั้นๆ จะทำให้เรามีความเลื่อมใสศรัทธาเพราะบทสวดของทุกศาสนาเป็นเรื่องของความดีงาม จิตใจก็จะสะอาดขึ้นบริสุทธิ์ขึ้น เป็นการยกระดับจิตใจของผู้สวด

เมื่อร่างกายที่รับสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์และการกระตุ้นระบบอวัยวะต่างๆให้ทำงานเป็นปกติ เท่ากับว่าเราได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
ย่อมทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเป็นลำดับ ความป่วยก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ
ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่อาจารย์สมพรสรุปให้ฟังว่า
การสวดมนต์ช่วยบำบัดอาการป่วยและโรคร้ายดังต่อไปนี้

1.หัวใจ 2.ความดันโลหิตสูง 3.เบาหวาน 4.มะเร็ง 5.อัลไซเมอร์
6.ซึมเศร้า 7.ไมเกรน 8.ออทิสติก 9.ย้ำคิดย้ำทำ 10.โรคอ้วน 11.นอนไม่หลับ12.พาร์กินสัน

สวดมนต์อย่างไรให้หายจากโรค...สวดมนต์บำบัดมีวิธีการและจุดประสงค์ที่หลากหลาย

สรุปได้ 3 แบบ

1.การสวดมนต์ด้วยตัวเอง....เป็นการเหนี่ยวนำตัวเอง
จึงเป็นที่มาของคำว่า Prayer Therapy ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
เพราะหากใครสักคนคิดที่จะสวดมนต์
นั่นหมายความว่าเขากำลังมีความปรารถนาดีต่อตนเอง
วิธีการที่อาจารย์สมพรแนะนำคือ
-ควรสวดด้วยตัวเอง และไม่ควรสวดมนต์หลังกินอาหารทันที
ควรทิ้งช่วงให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย อาจเป็นเวลาก่อนเข้านอน
-หาสถานที่ที่สงบเงียบ
-สวดบทสั้นๆ 3-4 พยางค์ โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีขึ้นไป
จะทำให้ร่างกายได้หลั่งสารซีโรโทนิน แต่หากสวดมนต์ด้วยบทยาวๆ
จะได้ความผ่อนคลายและความศรัทธา
-ขณะสวดมนต์ให้หลับตา สวดให้เกิดเสียงดังเพื่อให้ตัวเองได้ยิน

2.การฟังผู้อื่นสวดมนต์....เป็นการเหนี่ยวนำโดยคลื่นเสียงจากผู้อื่น
เช่น การฟังเสียงพระสวดมนต์ เสียงผู้นำสวดในศาสนาต่างๆ หากผู้สวดมีสมาธิเสียงสวดนั้นจะนุ่ม ทุ้ม ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยา (healing) ผู้ฟัง
แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิ ไม่มีความเมตตาเสียงสวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นคลื่นขึ้นๆ ลงๆนอกจากจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วย อาจทำให้เสียสุขภาพได้

3.การสวดมนต์ให้ผู้อื่น....ปรากฏการณ์มากมายที่เราเห็นในสังคม
เมื่อใครสักคนเจ็บป่วย เรามักสวดมนต์อธิษฐานขอให้ความเจ็บป่วยของเขาหายไปบางครั้งอยู่ห่างกันคนละซีกโลกเสียงสวดมนต์เหล่านี้จะมีผลทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นจริงหรือไม่

อาจารย์สมพรอธิบายดังนี้

คลื่นสวดมนต์เป็นคลื่นบวก เพราะเกิดจากจิตใจที่ดีงาม
ปรารถนาดีต่อผู้ป่วย และเมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกลๆ
มันจะเดินทางไปในรูปของคลื่นไฟฟ้าซึ่งมนุษย์มีเซลล์สมองที่สามารถส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าและสารเคมีได้ถึงสิบยกกำลังสิบคลื่นนี้จึงเดินทางไปได้ไกลๆ บางทีพ่อกำลังป่วยหนักอยู่ที่นี่แต่ลูกอยู่ต่างประเทศก็สามารถรับคลื่นนี้ได้ และรู้ว่ามีใครกำลังไม่สบายที่เราเรียกว่าลางสังหรณ์ หรือสัมผัสที่หก

การรับรู้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้รับ-ผู้ส่งด้วย

ถ้าคนไหนรับสัญญาณคลื่นแห่งบทสวดมนต์ได้ จึงได้ผล เหมือนเราเปิดวิทยุ
ถ้าคนฟังปิดหูก็จะไม่ได้ยิน ดังนั้น
ถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดรับคลื่นบวกที่เราส่งไป ผู้ป่วยก็จะได้รับ
และทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องของความมหัศจรรย์
แต่เป็นหลักธรรมชาติทั่วไป

จบครับ...ก็ พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ สทา โสตถี
ภวันตุ เต ด้วยพุทธานุภาพ ด้วยธัมมานุภาพ ด้วยสังฆานุภาพ
ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ทุกท่าน-ทุกเมื่อ เทอญ.



จาก Forward mail



newyorknurse






 

Create Date : 13 มีนาคม 2556
17 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2556 14:58:07 น.
Counter : 3015 Pageviews.

 

เป็นการบำบัดดี ได้บุญ ไม่เสียเงิน รักษาแบบสบายๆดีค่ะ ทำได้ทุกศาสนา

 

โดย: ธูปหอม IP: 110.77.208.187 13 มีนาคม 2556 16:02:39 น.  

 

ขอบคุณค่ะ
น้องธูปหอม

newyorknurse


 

โดย: newyorknurse 13 มีนาคม 2556 16:07:53 น.  

 

เด๋วกลับมาอ่าน ตอนนี้เอาดอกไม้มาวางก่อนฮะ



ฉันเอาดอกไม้มาฝาก ฉันมีดอกไม้มาฝากงือ งือหงื่อ...


 

โดย: โสมรัศมี 13 มีนาคม 2556 17:57:05 น.  

 

อ่านแล้วผมนึกถึงหนังสือของคุณ ดังตฤณ เหมือนเขาเคยเขียนเรื่องคล้ายๆ กันนี้เหมือนกัน

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 มีนาคม 2556 18:28:49 น.  

 

กลับมาอ่านแล้ว สุดยอดค่ะ และจออนุญาต แชร์ด้วยเลย

โดยปกติแม่โสมจะสวดมนต์ในใจและดูจิตตัวเองแม้ยามฟังวิทยุก็ดูจิตตัวเอง

เรื่องเสียงที่เราได้ยินนี่สำมะคัญนัก มันก่อให้เกิดสิ่งที่เขียนข้างบนนั่นจริงๆค่ะ

ปกติเวลาไปเยี่ยมผู้ป่วย หรือเป็นห่งคนที่เรารัก แม่โสมจะใช้พลังแห่งความรัก และกุศลที่มี ปล่อยพลังจิตออกไปให้ถึงคนที่เรารัก คือใช้ติตตานุภาพเอา

เวลาเยี่ยมคนป่วย ก็จะสัมผัสมือ พูดคุยธรรมดา แต่ที่แม้แม่โสมกำลังอวยพรเขาผ่านมือที่สัมผัสกัน หรือแม้จะจับจัวกันไมได้ (มะะเร็ง ICU) ก็ใช้จิตส่งเอาโดยบอกคนไข้ให้เปิดจิตตัวเองรับกระแสกุศลที่แม่โสมส่งให้

จากที่ว่าใครๆบอกว่าไม่รอด เขากลับออกมาเดิน เที่ยว กินอาหารที่ชอบ ได้อยู่กับคนที่รักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะกลับเข้าไปอีก และคราวนี้ แม่โสมก็บอกกับญาติเขาว่า ปล่อยเขาไปนะ ถึงเวลาแล้ว ไมม่กี่วัน เขาก็วายชนม์

ที่เขียนมานี่ มิใช่อวดอุตริ แต่อยากให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับจิต เพราะทุกคนมีจิต และมีพลังจิตด้วย เมื่อเรามีดีมากมายในตัว ทำไมไม่ฝึกมัน ทำให้ชำนาญและใช้มันเล่า

ขอขอบพระคุณในบืความดีดีนี้ค่ะ และขออนโมทนาสาธุ

 

โดย: โสมรัศมี 13 มีนาคม 2556 19:21:35 น.  

 

ไอ๋จ๋า ขึ้นไปอ่านที่ตัวเองเขียน พิมพ์ผิดบานเลย หวังว่าจะอ่านเข้าใจนะคะ

 

โดย: โสมรัศมี 13 มีนาคม 2556 19:23:38 น.  

 

แวะมาเยี่ยมยามค่ำ..สวัสดีครับ

มาชมงานสวดมนต์บำบัดด้วยครับ

ขอขอบคุณสำหรับโหวตให้ที่บล็อกด้วย นะครับ

 

โดย: **mp5** 13 มีนาคม 2556 21:02:34 น.  

 

สว้สดีค่ะ คุณโสมรัศมี

ขอบคุณค่ะที่มาเล่าประสพการณ์ดีให้เพื่อนๆฟ้งกัน

เคยประสพเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งค่ะ สมัยทำงานที่ห้องคลอด ยังจำได้อย่างแม่นยำ คุณแม่เบ่งลูกนานมาก จนหัวโผล่มา แต่ก็ไม่คลอด เรียกว่าห้วติด หมอหลายคนวิ่งมาช่วย
สามี และแม่ของคนไข้ ร้องไห้กันแล้ว เพราะเห็นเด็กหน้าเขียวแล้ว เราเป็นพยาบาลก็ตกใจ ทำไงเนี่ยเกิดไม่คลอดเรื่องใหญ่มากๆ ( เพราะต้องมีการตัดเป็นชิ้นส่วนออก แล้วผ่าเอาร่างออกทางท้องเลยนะ เคยได้ยินเพื่อนๆเขาพูดกันแต่ทำงานมาสีสิบกว่าปี ไม่เคยเกิดเรื่องอย่างนั้น) ตอนนั้นเริ่มมีความรู้ว่าสามารถแผ่บุญได้ เลยขอในใจว่ากุศลที่ทำมาขอมอบให้คนไข้และแม่ให้คลอดได้และปลอดภัยด้วยเถอะ

ลุ้นคลอดกันอีกสักพัก หมอเด็กก็มารอแล้ว ก็คลอดได้ เรียกว่าเด็กไม่รอด ต้วอ่อนไปหมด เขียวด้วย โอ ทุกคนใจสั้นตกใจ หมอเด็กสองคนช่วยกันใหญ่ วิ่งกันวุ่น เด็กฟี้นมา ไปอยู่ icu เด็ก และหลายเดือนต่อมาก็ถามหมอที่ทำคลอดว่าเด็กวันนั้นเป็นไงบ้าง หมอบอกว่าแม่มาตรวจเอาลูกมาด้วยก็ดูปกติดี ฟ้งแล้วชื่นใจจัง

สำหรับการสวดนั้น จะสวดประจำเวลาขับรถไปทำงานก็สวดมนต์สารพัดที่จำได้ พอเข้าทำงานห้องคลอดก็จะแผ่กุศลให้วิญญาณต่างๆ ขอให้คนไข้ที่ได้ ไม่มีปัญหา หรือมีปัญหาก็ปลอดภัย

ขณะที่คนอื่นๆเขาวิ่งกัน คนไข้มีปัญหา มีคนไข้เสียไปเวลาคลอดหรือห้องผ่าตัด เราทำงานห้องคลอดสี่สิบกว่าปี ไม่เคยได้คนไข้ที่ไม่ปลอดภัยเลย

มีเพื่อนที่ทำงานเขาเป็นคาทอลิก เป็นมะเร็ง (ท่าทางหนัก)คนที่โบสถ์เขามีการสวดให้ประจำทุกอาทิตย์ ตอนนี้เขาหายดีแล้วค่ะ

newyorknurse



 

โดย: newyorknurse 13 มีนาคม 2556 21:13:57 น.  

 

เป็น Forward mail ที่ดีมากเลยครับ
ทำตามได้ก็เยี่ยมเลย

ขอบคุณที่นำมาฝากกัน โหวตให้ครับ

 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 13 มีนาคม 2556 21:16:38 น.  

 

โหวตให้กับเรื่องราวที่น่าทึ่งนะคะน้าน้อย . . .

ปอมมีเค้กสตรอเบอร์รี่มาฝากนะคะ




มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: กาปอมซ่า 13 มีนาคม 2556 21:17:18 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่น้อย
ขอโทษด้วยนะคะหายไปหลายวัน พอดีแฟนน้องคนไทยเสียค่ะ
อยู่ที่หมู่บ้านเดียวกัน ก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนเขาตอนค่ำ
วันนี้ประมาณทุ่มก็ไปแล้วค่ะ ช่วงนี้เลยแทบไม่ได้ไปทักทายใครเลย
พอเช้าก็ไปทำงานเหนื่อยมากค่ะ แต่เดี๋ยวพี่สาวเขาก็จะมาจากไทยมาอยู่เป็นเพื่อน

พี่น้อยสบายดีนะคะ ปรับตัวได้แล้วนะคะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 13 มีนาคม 2556 22:37:13 น.  

 

ไล้ท์ให้เลยค่ะพี่น้อย
เป็นเรื่องที่ดีนะคะ
เวลาจะออกเดินทางไปไหน
ติ๋วจะไปไหว้พระทุกครั้งจนเคยชิน
ทำแล้วสบายใจค่ะ

เอาดอกไม้มี่บ้านมาฝากค่ะ
ดอกศรีมาลา พี่น้อยเคยเห็นไหมคะ


 

โดย: หมุยจุ๋ย 14 มีนาคม 2556 6:51:00 น.  

 

สวยทุกใบเลยค่ะพี่น้อย
ติ๋วชอบสีน้ำเงินเข้มใบซ้ายมือค่ะ
แพงมากไหมคะ

ดอกศรีมาลาคู่กับดอกสร้อยฟ้า
แต่คู่ของศรีมาลาตายไปแล้ว
ศรีมาลาเป็นไม้เลื้อยถึงฤดูออกดอกสวยมาก
แต่เป็นไม้ค่อนข้างรกต้องควบคุม
หรือทำซุ้มให้แต่ติ๋วตัดทิ้งค่ะ
แล้วรอให้งอกใหม่หน้าฝน

 

โดย: หมุยจุ๋ย 14 มีนาคม 2556 7:35:37 น.  

 

ขอบคุณค่ะพี่น้อยรอดูค่ะ
ชอบตรงที่คืนได้ด้วย

 

โดย: หมุยจุ๋ย 14 มีนาคม 2556 8:32:04 น.  

 


มาสวดมนตร์ด้วยคนจ้า วันนี้อากาศ กทม ร้อนมากจ้า

เดี๋ยวจะออกไปเยี่ยมเพื่อนที่ศิริราชจ้า

 

โดย: พรไม้หอม 14 มีนาคม 2556 10:17:50 น.  

 

สวดมนต์มี เสียง ถ้าสวดเป็นหมู่คณะ ผมว่า
เกิดพลังจิตมาก ทำให้จิตสงบอย่างรวดเร็วครับ
คุณน้อย.

เมื่อก่อนเพื่อนรุ่นพี่เคยบอกไว้ผมไม่เชื่อ จนกระทั่ง
ร่วมสวดมนต์กับคนอื่น เลยรู้ว่าจริง

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 14 มีนาคม 2556 13:43:03 น.  

 

เหมือนสวดพานยักษ์นะคะพี่น้อย

 

โดย: เริงฤดีนะ 15 มีนาคม 2556 23:30:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.