BlogGang.com : : ข่าวดี : วอลโว่S60เครื่องเล็กแต่สนุก

วอลโว่S60เครื่องเล็กแต่สนุก

ลองขับ "วอลโว่ เอส60" เครื่อง 1.6ลิตรแถมใช้น้ำมัน E85 ได้ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบบเต็มๆ

หากพูดถึงรถยนต์ “วอลโว่” หลายคนคงคุ้นเคยกับสโลแกนของวอลโว่ ที่บอกว่า
“ทุกชีวิต ปลอดภัยใน...วอลโว่” แต่ช่วงที่ผ่านมารถยนต์วอลโว่
ได้ห่างหายไปจากความคุ้นชินของแฟนๆ รถยุโรปในบ้านเราไปพอสมควร

แต่ใช่ว่าวอลโว่ จะถอยฉากไปจากท้องถนนเมืองไทยนะครับ
เพราะวอลโว่เองก็เดินหน้าทำตลาด และหาสินค้าใหม่ๆ ดีๆ
มาสู่ตลาดเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล แจ่มๆ
ที่ไม่น้อยหน้า ไปกว่าเครื่องดีเซลของบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์
ทำให้เราได้รู้ว่า วอลโว่ มีของดีๆ ในมือไม่น้อยทีเดียว

อย่างวอลโว่ S60 นี้ ก็ถือว่าเป็น “ของดี” อีกอย่างของ วอลโว่
ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถเติมน้ำมันเบนซิน
E85 ได้ แถมเป็นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 1.6
ลิตรเท่านั้น
ถือว่าเป็นรถยุโรปที่มีเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในบรรดารถยุโรป
ในบ้านเราแล้วครับ เพราะไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มฯ หรือเบนซ์
ถ้าเป็นเครื่องเบนซินก็ต้อง 1.8 ลิตร ไม่ใช่ 1.6 ลิตร อย่างนี้แน่ๆ

ทำให้เจ้าวอลโว่ S60 นี้เป็นรถยุโรปที่เครื่องยนต์เล็กที่สุดในตลาด
แถมยังสามารถเติมน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ยิ่งน่าปรบมือให้กับการวางแผนการตลาดของวอลโว่
ที่เลี่ยงการปะทะกับเจ้าตลาดรายใหญ่ ด้วยการหารถเครื่องเล็กๆ เข้ามาทำตลาด

วอลโว่ S60 นี้ต้องบอกว่า “ครบเครื่อง” ในระดับหนึ่งเลยครับ
เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่ผมมองว่า ดูเรียบๆ หรูๆ เฉี่ยวๆ นิดหน่อย
ไม่หวือหวา ไปตามกระแสแฟชั่นมากนัก ไม่แก่เหมือนกับวอลโว่ รุ่นเก่าๆ
เรียกว่าวัยรุ่น หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ๆ ใช้ได้แบบไม่ต้องว่า “แก่” ได้เลย

ออกจะเป็นแนวสปอร์ตหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะเจ้าเสาตัว C
และเส้นโค้งของหลังคา ทำให้ดูเหมือนว่า วอลโว่ S60 เป็น|รถคูเป้ หรือรถ 2
ประตู ครับ ผมชอบ ชอบ

ซึ่งเจ้า S60 นั้นมีให้เลือก 2 รุ่นครับ คือ รุ่น DRIVE (B) และ DRIVE
(S) ครับ โดยรุ่น B นั้นจะเป็นรุ่นต่ำกว่า ส่วนรุ่น S นั้นเป็นรุ่นท็อปของ
S60 ส่วนจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เดี๋ยวผมจะบอกให้ครับ

ภายในของ วอลโว่ S60 นั้นดูเรียบขรึมดีครับ ดูเป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่
จริงๆ เหมือนกับรุ่นพี่ อย่าง S80 ตรงแผนคอนโซลกลาง
และหน้าปัดขนาดใหญ่เบ้อเริ่ม แถมยังทำมุมเอียงมาหาคนขับ
ซึ่งก็ทำให้การมองและการเอื้อมมือไปปรับโน่น เปลี่ยนนี่ ทำได้ง่ายมากขึ้น
หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ที่ให้มานั้นสำหรับรุ่น B แต่ถ้าเป็นรุ่น S
จอก็จะขยายเป็น 7 นิ้ว ซึ่งเจ้าจอที่ว่านี้
จะเป็นจอแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับเพลง โทรศัพท์เคลื่อนที่
ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ใช่จอ DVD และถ้าเป็นรุ่น S
จอนี้ก็จะกลายเป็นแสดงภาพจากกล้องช่วยจอดด้านหลังอีกด้วย แต่ถ้าเป็นรุ่น B
จอนี้ ก็จะแสดงให้เห็นแค่สัญญาณเตือน เวลารถเคลื่อนเข้าใกล้วัตถุ

ผมเข้ามานั่งในวอลโว่ S60 แล้วรู้สึกว่าภายในค่อนข้างจะแคบไปหน่อย
หลังคาเตี้ยไปนิด น่าจะมาจากการออกแบบที่ต้องการให้ดูเป็นรถสปอร์ต
เลยทำให้หลังคาต้องเตี้ยหน่อย พื้นที่ผู้โดยสารหลังก็กว้างขวางพอใช้ครับ
แต่ไม่แนะนำให้นั่ง 3 คน 2
คนน่าจะเหมาะกว่าถ้าไม่อยากนั่งค้อนควักกันเวลาไหล่เบียดๆ กัน

ลองขับกันเลยดีกว่าครับมาดูกันว่า เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร นั้นจะตอบสนองได้ดีแค่ไหน

เข้ามาในรถแล้ว ไม่ต้องเสียบกุญแจครับ เดี๋ยวนี้ ใช้ระบบ Push Start
กันหมดแล้ว เก็บกุญแจไว้ในกระเป๋าให้ดีแล้วกัน หายไปละก็หลายสตางค์
เข้ามานั่งแล้ว เอ๊ะ ปุ่มสตาร์ตอยู่ไหนหว่า
ลองมองไล่ไปตามคอนโซลหน้าก็หาไม่เจอ เอ...หรือว่าจะต้องใช้กุญแจ
ซึ่งไม่ใช่แน่ๆ ลองมองไล่อีกที อ้าว...ปุ่มสตาร์ตมาอยู่ที่แป้นเกียร์นี่เอง
เออ...ก็ดูแปลกดีครับ ไม่เหมือนใครดี

เหยียบเบรก กดปุ่มสตาร์ต เครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นมา
แต่เครื่องเดินเรียบมากครับ ดูเป็นผู้ดีไม่น้อยทีเดียว เครื่องยนต์ 1.6
ลิตรเทอร์โบ เริ่มแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นของมันแล้ว ตั้งแต่การขับในเมือง
เพราะแรงบิดที่ 240 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,600-5,000 รอบต่อนาที
นั้นทำให้การออกตัวในช่วงความเร็วต่ำ ทำได้ดีมากครับ ปรู๊ดปร๊าด ทันใจ
ยิ่งขับในช่วงรถติดๆ แล้วจะมุดซ้าย มุดขวา หรือจะเร่งแซง ในช่วงระยะใกล้ๆ
ละก็ไม่มีปัญหา กดคันเร่งไปเลย หลังติดเบาะแน่ๆ

ตามสเปก วอลโว่ บอกว่า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.นั้น ใช้เวลาเพียง 9
นาที เท่านั้น ซึ่งผมไม่ได้ลองหรอกครับ แค่ออกตัวจี๊ดจ๊าด
เร่งแซงในความเร็วระดับ 60-80 กม./ชม.แบบพุ่งๆ ก็พอใจแล้ว

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือระบบเกียร์ของวอลโว่ S60 นั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6
สปีด เพาเวอร์ชิฟต์ ที่มีส่วนช่วยให้อัตราเร่งของ วอลโว่ S60 ทำได้อย่างดี
และทำให้การเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์เรียบ หรือสมูตมากครับ
เรียกว่าเหยียบคันเร่งไปเลยครับ ไม่รู้หรอกว่าเกียร์เปลี่ยนตอนไหน
ปรบมือให้อีกจุดหนึ่ง

แต่เครื่องยนต์ตัวนี้ก็มีจุดอ่อนเหมือนกันครับ ไม่ใช่ว่าจะแหล่มทุกอย่าง
จุดอ่อนที่ว่านี้ก็คือ การเร่งแซงในขณะที่ใช้ความเร็วสูงยังไม่ค่อยดีนัก
ซึ่งน่าจะมาจากขนาดเครื่องยนต์ที่มีขนาดเพียง 1.6 ลิตร
เลยทำให้การทำความเร็วระดับปลายๆ ที่เกิน 160 กม./ชม.
แล้วต้องการเร่งแซงต้องรอรอบเหมือนกัน ซึ่งตรงจุดนี้
ผู้ขับต้องรู้นิสัยของเครื่องยนต์พอสมควรทีเดียว

ทำให้ความเร็วที่ควรจะใช้สำหรับ วอลโว่
S60 สำหรับการเดินทางไกลๆ หรือต่างจังหวัดนั้นอยู่ที่ 130-140
กม./ชม.ก็พอครับ
เพราะยังสามารถเรียกอัตราเร่งของเครื่องยนต์ได้ทันทีที่ต้องการ
หรือเร่งแซงได้แบบไม่ต้องลุ้น
แถมยังได้อัตราสิ้นเปลืองที่อยู่ในระดับประมาณ 11-12 กม./ลิตร อีกด้วย
แต่หากขับที่ความเร็วทะลุเกิน 150 กม./ชม.แล้วละก็
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ในระดับไม่น่าคบหาที่ประมาณ 8-9 กม./ลิตร เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการทรงตัวนั้น สบายๆ ครับไม่ต้องไปกังวล
แม้ว่าจะไม่แน่นหนึบเหมือนอย่างบีเอ็มดับเบิลยู
แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าเหนียวแน่น ไว้ใจได้ กับการทรงตัวที่ระดับ 150
กม./ชม. ก็เอาอยู่ ครับ พวงมาลัย|แม่นยำใช้ได้
น้ำหนักพวงมาลัยอยู่ในเกณฑ์ขับสบายๆ ผู้หญิงใช้ได้ ผู้ชายอาจว่าเบาไปนิด
ความนุ่มนวลของช่วงล่างอยู่ในระดับที่ใครง่วงๆ ขึ้นมาเผลอหลับได้ไม่ยากนัก

ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยนั้น ถ้าเป็นรุ่น S มีมาให้เพียบ
ทั้งระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมระบบเบรกแบบเต็มแรงเบรก
โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อความเร็วรถต่ำกว่า 35 กม./ชม. หากผู้ขับเผลอ
ปล่อยรถไหล หรือออกตัวไปขณะที่มีคนเดินอยู่ด้านหน้ารถ
จะมีไฟและเสียงเตือนขึ้นมา หากเรายังไม่เหยียบเบรก
ระบบจะทำหน้าที่เบรกรถให้ทันทีแต่หากเราขับด้วยความเร็วเกิน 35
กม./ชม.ก็เบรกเองแล้วกันครับ งานนี้

แต่หากใครใช้รุ่น B ก็ไม่ต้องน้อยใจครับ
เพราะมีระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ
ซึ่งจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม.
เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลไปชนรถคันหน้านั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากครับ เรียกว่าอาจจะเหนือกว่ารถยุโรปยี่ห้ออื่นก็ว่าได้ แต่ราคาน่าหันมามองเหลือเกิน คือรุ่น B ราคา 1.899 ล้านบาท ส่วนรุ่น S ราคา 2.149 ล้านบาท

ถูกที่สุด ในบรรดารถยุโรป แล้ว!!

//www.posttoday.com/

Create Date : 04 มีนาคม 2555

Last Update : 4 มีนาคม 2555 15:29:16 น.

0 comments

Counter : 5730 Pageviews.