หลังจากที่ผมได้กระเตงสองเด็กดื้อ ไปตะลอนเที่ยวต่อเนื่องกันมาถึงสามสัปดาห์ติดกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ก็ถือเป็นการพักผ่อนที่ดี แต่ถึงแม้การเดินทางท่องเที่ยวจะเป็นการคลายเครียด ทำให้จิตใจปลอดโปร่งสบายอกสบายใจ แต่บางครั้งก็ต้องมีการเว้นวรรคบ้างเหมือนกัน เพราะการเดินทางทุกสัปดาห์ก็ทำให้รู้สึกอ่อนล้าจากการเดินทางได้ ..... ดังนั้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจึงไม่ได้เดินทางไกลไปเที่ยวที่ไหน แต่ถึงจะไม่ได้ไปไหนไกลๆ ก็ใช่ว่าเราจะไม่ได้เที่ยวซะทีเดียว ด้วยวิสัยของนักเดินทางอย่างเราแม้จะอยู่แต่ที่บ้าน เราก็ยังหาเรื่องเที่ยวได้ ก็เที่ยวมันแถวบ้านซะเลยไงล่ะครับ สุดท้ายวันนี้ผมก็ได้มีเรื่องเที่ยวใกล้บ้านมาเล่าสู่กันฟังกับงาน "จุดตะเกียงเก่าเล่าเรื่องอดีต ที่พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" .....วันนี้ผมขอพาไปเที่ยวใกล้บ้าน ที่ "พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" ครับ "พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" ตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีบ้านผมเอง อยู่ห่างจากตัวเมืองปราจีนบุรีประมาณ 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ 135 ถ.ปราจีนตคาม ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ไปทาง อ.ประจันตคาม เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "พิพิธภัณฑ์ตะเกียง" เพราะเป็นที่เก็บรวบรวมตะเกียงนับหมื่นดวง ซึ่งจะมีแขวนอยู่ทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นตามที่จอดรถ ร้านค้า บนเพดานตามอาคารต่างๆ แม้กระทั่งห้องน้ำก็ยังมี นอกจากตะเกียงเก่าแล้วยังมีของเก่าของโบราณอื่นๆ อีกมากมายที่หาดูได้ยากในสมัยนี้ ให้ได้ศึกษากันอีกด้วย .....ตามสองเด็กดื้อไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ตะเกียงกันเลยนะครับ "พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" ได้ตั้งชื่อตามนามสกุลของ คุณณรงค์ อยู่สุขสุวรรณ์ หรือที่ชาวปราจีนบุรี เรียกว่า เฮียพันธ์ ซึ่งแต่เดิมนั้นประกอบอาชีพรับซื้อขายของเก่าจำพวกเศษเหล็กและโลหะ ในช่วงแรกๆ มีตะเกียงเจ้าพายุที่ติดมากับพวกเศษโลหะเป็นจำนวนมากแต่ก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่เมื่อมีคนมาซื้อและได้ให้ราคาเป็นดวงซึ่งสูงกว่าการขายเป็นกิโลกรัมเหมือนเศษโลหะ โดยให้ราคาดวงละ 50 บาท จึงได้คัดแยกไว้ขายให้คนที่ต้องการเพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นเพื่อที่จะนำไปตกแต่งให้สวยงาม และขายต่อให้ชาวต่างประเทศในราคาสูง ราคาจึงพุ่งขึ้นถึงดวงละ 100 บาท นับเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น .....ตะเกียงโบราณเก่าๆ มีให้เห็นได้ทั่วไปที่พิพิธภัณฑ์นี้ คุณณรงค์ จึงเริ่มสงสัยและถามผู้ที่มาซื้อจึงได้ทราบเรื่อง และฉุกคิดขึ้นมาว่าหากขายออกไปจำนวนมากอาจทำให้ตะเกียงเจ้าพายุซึ่งเป็นตะเกียงที่มีเอกลักษณ์สวยงามและทนทานหมดไปจากประเทศไทยและคนรุ่นหลังอาจไม่รู้จักเพราะไม่เคยเห็นตะเกียงแบบนี้ ..... จึงได้ตัดสินใจเริ่มสะสมโดยตะเกียงดวงแรกก็คือตะเกียงขนาด 100 แรงเทียน แม้จะดูเหมือนตะเกียงเจ้าพายุทั่วไป แต่เป็นแบบดวงเล็กเห็นแล้วชอบจึงเก็บเอาไว้ และเริ่มมีตะเกียงแบบแปลกๆ มากขึ้น และเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักต่างก็ซื้อมาฝากด้วย ทำให้ตอนนี้คุณณรงค์มีตะเกียงเจ้าพายุ ที่หลากหลายมากกว่า 10,000 ดวงเลยล่ะครับ ได้ทราบประวัติความเป็นมาของที่นี่กันไปแล้วก็เข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์กันเลยดีกว่า .....สิงห์โตหินตัวใหญ่ อยู่ตรงหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์เข้ามาด้านในก็จะพบโมเดลจำลองแสดงพื้นที่และอาคารต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ ผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอกับโต๊ะที่ขายบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ราคาบัตรผู้ใหญ่ 80 บาท เด็กโต 30 บาท ด้านข้างโต๊ะขายบัตรก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก มีตะเกียงสีสวยๆ รูปแบบน่ารักให้ซื้อเป็นของฝากกันด้วย .....ตะเกียงสีสวยสดใสแบบนี้มีจำหน่ายที่ร้านขายของที่ระลึก บนพื้นที่ 17 ไร่ ของ พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ถูกแบ่งออกเป็น 5 อาคาร ที่ใช้จัดแสดงของเก่าหายากไว้อย่างเป็นสัดส่วน รายละเอียดของแต่ละอาคารสามารถเปิดดูได้ใน website ของทางพิพิธภัณฑ์นะครับ คงไม่ขอนำมากล่าวไว้ใน blog นี้ เพราะคงจะจำกันได้ยาก เอาเป็นว่าผมจะขอพาไปดูกันด้วยภาพคร่าวๆ ว่ามีอะไรบ้างที่พิพิธภัณฑ์นี้ แต่ต้องขอบอกกันก่อนนะครับว่า ภาพที่ถ่ายมาให้ชมนี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะของจริงมีเยอะกว่านี้มาก ไม่สามารถเก็บรายละเอียดมาได้หมดจริงๆ ไปดูกันเลยครับ ....."อาคารเจ้าพายุ" อาคารรูปตะเกียงยักษ์ สูง 13 เมตร เป็นจุดชมวิวโดยรอบได้ตะเกียงเก่าจำนวนมาก แขวนอยู่บนเพดานห้องของทุกอาคารนาฬิกาเก่าก็มีจัดแสดงไว้ด้วยของเก่าๆ แบบนี้ มีให้เห็นได้ทั่วไปในพิพิธภัณฑ์ดื้อใหญ่ กับมุมโต๊ะทำงานเก่าตราไปรษณียากรเก่าๆ จัดแสดงอยู่ในอาคารชวนชมอันนี้หาดูได้ยากจริงๆ เป็นล็อตเตอรี่รุ่นแรกของไทยห้องกัลปพฤกษ์ จัดแสดงรถจักรยานและจักรยานยนต์เก่าสองตู้นี้เป็นหัวจ่ายน้ำมันเก่าอันนี้เป็นตะเกียงแก๊สก้อนพัดลมเก่าแบบนี้ สมัยผมเด็กๆ ก็ไม่มีให้เห็นแล้วหมวกเหล็กโบราณ ดูขลังดีนะครับมุมขวดเหล้าเก่าพระเครื่องรุ่นต่างๆ จัดแสดงในห้องทองหลางของเล่นสังกะสี จัดแสดงในห้องทองกวาวบางส่วนก็จัดแสดงในรูปแบบร้านขายของชำเก่าๆ มุมนี้จัดเป็นร้านกาแฟโบราณเครื่องคิดเลขแบบโบราณ เพิ่งเคยเห็นที่นี่แหละครับวิทยุรุ่นเก่าๆ อันนี้ผมก็เกิดไม่ทันเหมือนกันอันนี้ไม่เก่า เจ้าพรีเดเตอร์ตัวนี้ไม่รู้มาได้ยังไงเหมือนกันเรือหลากชนิด จัดแสดงอยู่ในอาคารฟ้าประดิษฐ์อาคารพิพิภัณฑ์ชั้นสอง จะเห็นได้ว่าของเก่าที่นี่มีมากมายจริงๆ ถ้าจะเดินดูอย่างละเอียดคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง นอกจากที่นี่จะมีตะเกียงเก่าๆ และของโบราณให้ชมกันแล้ว บริเวณภายนอกอาคารยังมีสระน้ำซึ่งภายในสระแสดงรูปปั้นวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี มีกรงนกใหญ่เลี้ยงนกหลากหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีบ่อเลี้ยงเต่าและบ่อเลี้ยงจระเข้ด้วย ซึ่งในส่วนนี้เด็กๆ น่าจะชอบเหมือนเจ้าเด็กดื้อทั้งสองของผม ที่ตื่นตาตื่นใจกับส่วนนี้มาก .....บรรดารูปปั้นจากวรรณคดีพระอภัยมณี อยู่บริเวณสระน้ำข้างอาคารพิพิธภัณฑ์สองเด็กดื้อ บนรถสามล้อเครื่องเก่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (12-13 ธันวาคม 2552) ที่พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์นี้ได้มีการจัดงานใหญ่ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชื่องาน "จุดตะเกียงเก่า เล่าเรื่องอดีต" ขึ้นมา ซึ่งในงานนี้ นักท่องเที่ยวจะได้ชมการจุดตะเกียงโบราณ การแสดงแสงสีสวยโดยเซียนตะเกียงทั่วฟ้าเมืองไทยกว่า 500 ดวง และจะได้ร่วมกิจกรรมสนุกๆ ในรูปแบบงานวัด เช่น รำวงย้อนยุค สาวน้อยตกน้ำ ม้าหมุน มุมตลาดเก่า ร้านขายเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ร้านตัดผม ร้านของเด็กเล่น การใส่เสื้อผ้าในแฟชั่นยุคเก่า การแสดงภาพเก่าเล่าเรื่อง การชิมอาหารจากร้านที่มีชื่อเสียงของจังหวัดปราจีนบุรี และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้หวนนึกถึงบรรยากาศในอดีต ..... ซึ่งงานนี้ผมก็ได้แวะไปชมด้วย และถือโอกาสเก็บภาพมาฝากกัน เผื่อจะได้เป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจ หากมีการจัดงานใหม่ในปีหน้าซึ่งโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะงานนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี นักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานกันเป็นจำนวนมาก ไปชมภาพบรรยากาศภายในงานกันเลยดีกว่าครับ .....งานนี้มีตะเกียงเก่ามาจุดให้ชมกันถึงที่ มากมายหลายชนิดอันนี้เรียกว่า "ตะเกียงรั้ว"นี่เป็น "ตะเกียงเจ้าพายุ" หลายๆ แบบอันนี้เป็น "ตะเกียงแก้ว"แบบนี้เรียกว่า "ตะเกียงลาน"ตะเกียงชุดนี้จัดไว้ในกล่องสังกะสี ดูคลาสสิกดีเหมือนกันตะเกียงจิ๋ว ลืมถามเจ้าของว่าใช้งานได้จริงหรือเปล่าของเก่าอื่นๆ ก็มีให้ดูนะครับ อันนี้วิทยุรุ่นโบราณกล้องเก่า ถูกใจคนชอบถ่ายรูปโปสการ์ดรูปตะเกียงสวยๆ ก็มีขายภายในงาน มีการออกร้านในรูปแบบย้อนยุคด้วยร้านนี้ตกแต่งเป็นร้านตัดผมโบราณพอตกเย็น แสงไฟจากตะเกียงหลายร้อยดวงก็เริ่มถูกจุดขึ้นมาแสงสีช่วงจุดตะเกียง สวยงามมากอันนี้เป็นตะเกียงไฮไล้ท์ของงาน เหมือนโคมระย้าเลยนะครับขอเก็บภาพกับบรรยากาศในงานตะเกียงไว้หน่อยแสงสวยๆ จากตะเกียงในยามค่ำคืนอันนี้เป็น "ตะเกียงแก้ว" สีสันสวยๆ อีกรูปแบบหนึ่ง"ตะเกียงรั้ว" แบบนี้ จุดไฟแล้วก็สวยเหมือนกันนะครับแสงสว่างจาก "ตะเกียงลอนดอน" หากใครแวะเวียนมาเที่ยวที่จังหวัดปราจีนบุรี ก็อยากให้แวะมาเที่ยวกันที่ "พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" แห่งนี้ด้วยนะครับ บางทีการได้มาชมของเก่าที่นี่ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนักสะสมของเก่าๆ หน้าใหม่ขึ้นมาบ้างก็ได้ สำหรับทริปนี้ก็คงจะขอจบเพียงเท่านี้ หลังจากทริปนี้กว่าจะได้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันอีกที ก็คงจะเป็นต้นปีหน้ากันเลยล่ะครับ ไว้พบกันใหม่ปีหน้า 2553 สวัสดีครับ .....