นอกเหนือไปจาก "ดอยอ่างขาง" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแล้ว ในอำเภอฝางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ดอยผ้าห่มปก บ่อน้ำพุร้อนฝาง และสวนส้มธนาธร นอกจากนี้ในอำเภอใกล้เคียงอย่างอำเภอแม่อาย ก็ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ อย่างเช่น บ้านท่าตอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมลำน้ำกก มีทิวทัศน์งดงามและอากาศดีตลอดปี และมีวัดชื่อดัง คือ "วัดท่าตอน" ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาขนาดย่อมๆ ในเขตตำบลท่าตอนด้วย แต่น่าเสียดายที่ทริปนี้เรามีเวลาจำกัด ทำให้เลือกเที่ยวได้แค่เพียงไม่กี่แห่ง .....




+++ นอกจากดอยอ่างขางแล้ว ในเขตอำเภอฝางยังมีสถานที่ท่องเทียวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง +++




+++ หนึ่งในนั้นก็คือ "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" ที่ผมจะพาไปเที่ยวกันในบล็อกเอนทรี่นี้นั่นเอง +++


          สถานที่แรกที่เราแวะไปเที่ยวหลังลงจากดอยอ่างขาง ก็คือ "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีความน่าอัศจรรย์อยู่ในตัว ตรงที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นมาจากหินร้อนเหลวที่อยู่ใต้เปลือกโลก (แม็กม่า) ไหลแทรกมาตามช่องหินขึ้นมาใกล้เปลือกโลก ทำให้ชั้นหินบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น .....


          และเมื่อน้ำบาดาลไหลผ่านชั้นหินร้อนดังกล่าว จึงทำให้อุณหภูมิของน้ำนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดแรงดันมหาศาล และดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินแกรนิตขึ้นมาบนพื้นผิวโลก จนเกิดเป็น "น้ำพุร้อน" พุ่งขึ้นมา โดยมีไอร้อนเป็นควันลอยคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความร้อนของน้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีความร้อนสูงประมาณ 80-100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว .....




+++ ดื้อเล็กกับแสงสวยๆ ยามเช้า ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนฝาง +++




+++ "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก +++




+++ บรรยากาศภายในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝาง +++


          "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" มีจำนวนบ่อมากมายกว่า 50 บ่อ โดยวางตัวกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ภายในบริเวณพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 10 ไร่ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้พัฒนาพื้นที่ให้มีความสวยงามเข้ากับธรรมชาติ โดยทำทางเดินด้วยแนวหิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดิน เข้าไปชมบ่อน้ำพุร้อนได้อย่างใกล้ชิด .....


          บ่อน้ำพุร้อนบางบ่อก็มีขนาดใหญ่ บางบ่อมีขนาดเล็ก แต่ว่าจะมีบ่อใหญ่อยู่หนึ่งบ่อ ที่จะมีไอน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่า 40-50 เมตร สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่ได้มาชม พร้อมกับส่งกลิ่นกำมะถันกระจายไปทั่ว และก็มีบางบ่อที่มีอุณหภูมิสูงถึงขนาดสามารถ "ต้มไข่" จนสุกได้ภายในระยะเวลาแค่ 10-20 นาที ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ก็ได้จัดเป็นกิจกรรมต้มไข่ในบ่อน้ำพุร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย .....




+++ สองเด็กดื้อ ได้มาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว (มาครั้งแรกตั้งแต่ยังจำความไม่ค่อยได้) +++




+++ ในภาพเป็นบ่อน้ำพุร้อนใหญ่ ซึ่งจะมีไอน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่า 40-50 เมตร +++




+++ หลังจากน้ำพุพุ่งจนหมดแรงดันแล้ว ต้องรอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง กว่าจะพุ่งขึ้นมาใหม่ +++




+++ น้ำพุร้อนที่นี่ ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ +++




+++ ดื้อเล็กกับป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับแอ่งน้ำอุ่น +++




+++ บ่อน้ำพุร้อนบางบ่อ มีอุณภูมิสูงถึง 80 องศาเซลเซียส ทางอุทยานฯ จึงต้องติดป้ายเตือนไว้แบบนี้ +++




+++ หนึ่งในกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ก็คือ "การต้มไข่" ในบ่อน้ำร้อน +++




+++ ครอบครัวเราก็ขอต้มไข่กับเขาบ้าง แต่เราเลือกเป็นไข่นกกระทา เพราะสุกเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอนาน +++




+++ ใช้เวลาต้มไม่ถึง 10 นาที ไข่นกกระทาก็สุกได้ที่ +++




+++ ไข่ต้มสุกร้อนๆ ทานกับซอสถั่วเหลือง อร่อยดีเหมือนกันนะครับ +++


          น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากบ่อเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์มากมาย อย่างเช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ทั้งยังช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเมื่อนำมาอาบ ซึ่ง "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" ก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว และสามารถนำมาอาบได้อย่างปลอดภัย .....


          ทางอุทยานฯ ได้จัดทำ ห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน โดยตั้งอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ เล็กน้อย และทางอุทยานแห่งชาติฯ ยังได้จัดให้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินขึ้นเขา ผ่านป่าเบญจพรรณมาถึงยังบ่อน้ำพุร้อน มีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร .....




+++ ทางอุทยานฯ ได้จัดทำห้องอาบน้ำแร่ ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อนด้วย +++




+++ เสียดายที่เราไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำไปด้วย เลยไม่ได้ทดลองอาบน้ำแร่กันเลย +++




+++ สำหรับคนที่ไม่อยากอาบน้ำแร่ ที่นี่เขาก็มีบ่อน้ำร้อนไว้ให้แช่เท้าด้วย +++




+++ น้ำแร่ในบ่อน้ำร้อน อุ่นกำลังดี สองเด็กดื้อนั่งแช่เท้ากันเพลินไปเลย +++


          นอกจากบ่อน้ำพุร้อนฝางแล้ว สถานที่อีกแห่งที่เราเลือกแวะไปก็คือ "วัดท่าตอน" เพราะตั้งใจจะไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นศิริมงคลในการเดินทาง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย ไม่ไกลจากอำเภอฝางเท่าไหร่นัก ขับรถไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ถึง วัดท่าตอนเป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม จนมีซินแสบางท่านยกย่องว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขามังกร เพราะตัววัดมีพื้นที่ทอดยาวไปตามไหล่เขาเป็นชั้นๆ รวม 9 ชั้น ทำให้ดูจากมุมสูงแล้วคล้ายๆ กับลำตัวมังกรนั่นเอง .....


          ในแต่ละชั้นก็จะมีศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ทุกยอดเขา โดยบนชั้นที่ 8 ซึ่งเป็นยอดเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางและสูงที่สุดนั้น จะเป็นสถานที่ตั้งของ "พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์" หรือ "พระเจดีย์แก้ว" ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นส่วนของพระอุรังคธาตุ (ส่วนหน้าอก) บรรจุบนยอดสุด ล้อมด้วยกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นภายในได้ และจากบนชั้น 3 ของพระเจดีย์แก้ว เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบ้านท่าตอนที่สวยงาม ตลอดจนมองเห็นพื้นที่อำเภอแม่อายและภูเขาต่างๆ ได้อย่างสวยงาม .....




+++ วัดท่าตอน ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่อาย ไม่ไกลจากอำเภอฝางเท่าไหร่ +++




+++ พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ หรือ "พระเจดีย์แก้ว" ตั้งอยู่บนยอดเขาชั้น 8 +++




+++ ภายในพระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระอุรังคธาตุ (ส่วนหน้าอก) +++




+++ ภาพถ่ายช่วงพิธีส่งมอบพระบรมสารีริกธาตุ ติดอยู่ตรงประตูทางเข้าองค์พระเจดีย์ +++




+++ ด้านในพระเจดีย์มี 3 ชั้น แต่ละชั้นมีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดวางอยู่โดยรอบ +++




+++ สองเด็กดื้อกราบพระขอพร เพื่อความเป็นศิริมงคล +++




+++ พระพุทธรูปส่วนหนึ่งภายในพระเจดีย์แก้ว +++




+++ บางมุมก็มีอาวุธโบราณจัดเรียงไว้ให้ชมกันด้วย +++




+++ (ภาพขวา) ชั้นบนสุดของพระเจดีย์แก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ +++


          ช่วงที่ผมไปเที่ยว "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" นั้น เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ซึ่งตอนนั้นอากาศหนาวกำลังดี เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะไปแช่บ่อน้ำพุร้อนๆ โดยไม่ต้องเสียเวลานั่งเครื่องบินไปแช่ออนเซ็นกันไกลถึงประเทศญี่ปุ่น แต่กว่าที่ผมจะได้เขียนบล็อกนี้ ก็ปาเข้าไปเดือนมีนาคม ซึ่งย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อากาศก็กำลังร้อนสุดๆ ใครแวะเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกนี้แล้วรู้สึกร้อนกว่าเดิม ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ เอาเป็นว่าขอนำเสนอไว้เป็นแนวทางสำหรับหาที่เที่ยวในช่วงฤดูหนาวปลายปีก็แล้วกัน สำหรับทริปนี้คงต้องขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ .....

+++ ลากันไปด้วยภาพมุมสูง จากบนชั้น 3 ของพระเจดีย์แก้ว ก็แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ +++