"ลาวใต้" ปัจจุบันยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ดังนั้นจุดขายของที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างเช่นน้ำตกสวยๆ ได้แก่ ตาดผาส้วม ตาดเยืองและตาดฟาน ที่ผมได้พาไปเยี่ยมชมมาแล้วในวันแรกของทริปลาวใต้นี้ ซึ่งผมได้เขียนไว้ใน Blog ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถ้าพูดถึงความยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว ทั้งสามน้ำตกที่เราไปมารวมกัน ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับน้ำตกที่เราจะไปเยือนกันในวันนี้ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ในการมาเยือนลาวใต้เลยก็ว่าได้ เพราะน้ำตกที่ว่าเกิดจากแม่น้ำทั้งสายไหลตกลงมาจากที่สูง เกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ จนได้รับสมญาว่าเป็น "ไนแองการ่าแห่งเอเชีย" ถึงตอนนี้หลายๆ คนคงนึกออกแล้วว่าน้ำตกที่ว่านี้ก็คือ "น้ำตกคอนพะเพ็ง" หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า "ตาดคอน" นั่นเอง .....วันนี้ผมจะพาไปเยือนน้ำตกคอนพะเพ็งกันครับ เรานัดรถมารับที่เรือนพักตอนแปดโมงเช้า แวะทานอาหารเช้ากันที่ตัวเมืองปากเซกันก่อนครับ คนขับรถพาเราไปที่ร้านพลอยไพลินมินิมาร์ต ซึ่งหน้าร้านเปิดขายอาหารด้วยครับ สำหรับอาหารเช้าวันนี้ เราไม่พลาดที่จะลองชิมอาหารเช้าที่เป็นที่นิยมกันที่ลาว ซึ่งก็คือ "ข้าวจี่ลาว" หรือขนมปังบาร์แกต มรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งฝรั่งเศสยังเรืองอำนาจในลาวนั่นเอง และอีกอย่างที่ไม่พลาดลองชิมก็คือ "เฝอ" ลักษณะคล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา ซึ่งคนลาวนิยมทานกันเป็นอาหารเช้า .....วันนี้เราทานอาหารเช้ากันที่ร้านนี้อ่านหนังสือพิมพ์รออาหารไปก่อนนะครับเก็บภาพเล่นระหว่างรออาหาร นี่ร้านขายมอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้าม ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อของจีนมาแล้วครับจานแรก ข้าวจี่ลาวกับไข่ดาวชามถัดมา เป็นเฝอหมูชามโตชามนี้เป็นข้าวเปียกญวนทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อเลย ออกจากเมืองปากเซ เราใช้เส้นทางถนนหมายเลข 13 มุ่งหน้าลงใต้ไปเป็นระยะทาง 165 กิโลเมตร ใกล้ชายแดนกัมพูชา รถของเราแล่นไปอย่างช้าๆ ไม่เร็วปรู๊ดป๊าดแบบรถในบ้านเรา เพราะตามกฎหมายลาวจะจำกัดความเร็วไว้ที่ 80 กม./ชม. แต่คนขับรถของเราขับที่ประมาณ 80-90 กม./ชม. ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมง เราก็มาถึง "น้ำตกคอนพะเพ็ง" กันแล้วครับ .....ถ่ายรูปเป็นหลักฐานว่ามาถึงคอนพะเพ็งกันแล้ว "น้ำตกคอนพะเพ็ง" มีความสูงประมาณ 15 เมตร กว้างประมาณ 1 กิโลเมตร คำว่า "คอน" ในภาษาไทยก็คือ "แก่ง" ส่วน "พะเพ็ง" คำไทยคือ "พระจันทร์วันเพ็ญ" คอนพะเพ็งหากแปลเป็นไทยแบบเท่ๆ ก็คือ “แก่งจันทร์เพ็ญ” ซึ่งฟังดูแล้ว ช่างตรงกันข้ามกับความรุนแรงเชียวกรากของสายน้ำตกอย่างสิ้นเชิง .....น้ำตกคอนพะเพ็ง หรือแปลเป็นไทยว่า แก่งจันทร์เพ็ญ ที่นี่เราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 10,000 กีบ จากลานจอดรถ ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ผ่านร้านรวงมากมายที่ตั้งอยู่ตลอดแนวทางเดิน มีทั้งร้านขายอาหาร ของที่ระลึก ของเก่าและหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น ผ้าถุง ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ไม้แกะสลัก รวมทั้งแผงลอยขายของป่าและพืชสมุนไพรชูกำลังด้วยครับ สุดเขตร้านค้า เดินข้ามสะพานไม้เล็กๆ ไปนิดเดียว เราก็มาถึงจุดชมวิวน้ำตกคอนพะเพ็งจุดแรกกันแล้ว เป็นจุดชมวิวเล็กๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันก่อนถึงจุดชมวิวใหญ่ .....ตามดื้อเล็กไปชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกคอนพะเพ็งกันเลยนะครับภาพน้ำตกคอนพะเพ็งที่เห็นจากจุดชมวิวจุดแรกใกล้เข้าไปอีกนิดอีกมุมมองหนึ่ง เดินต่อจากจุดชมวิวจุดแรกไปอีกนิด ก็จะมาถึงศาลาชมวิว ซึ่งเป็นจุดที่เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกคอนพะเพ็งอย่างชัดเจนเต็มตาที่สุดแล้วล่ะครับ ที่นี่เราจะได้เห็นตัวน้ำตกซึ่งมีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกันสูงประมาณ 15 เมตร ซึ่งแม้จะมีชั้นของหินไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหลถาโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลตกลงมา จากนั้นจะแยกออกเป็นหลายสาย ..... สาเหตุเพราะแรงดันของน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินราวกับจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว สมกับคำร่ำรือและยกย่องให้เป็น ไนแองการ่า แห่งเอเชีย ความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่กระโจนบิดตัวปะทะแก่งหินน้อยใหญ่ จนเดือดพล่านกระจายเป็นละอองไอน้ำแทรกตัวปกคลุมอยู่ตามแก่งหินแทบทุกอณูของบรรยากาศ ยิ่งในฤดูฝนสายน้ำจะขุ่นแดงไหลแรงจนกลบแก่งหินเกือบหมด ดังนั้นควรเลือกมาชมช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม จะได้เห็นสายน้ำที่ใสบริสุทธิ์เหมือนที่ผมได้ไปเห็นมาคราวนี้แหละครับ ..... ความยิ่งใหญ่ชวนตะลึงของน้ำตกคอนพะเพ็ง มุมนี้มองจากศาลาชมวิวน้ำตกคอนพะเพ็งอีกมุมมองหนึ่งดื้อใหญ่กับความยิ่งใหญ่ของน้ำตกคอนพะเพ็งดื้อใหญ่ขอเดินลุยน้ำจากแม่น้ำโขงเล่นหน่อยนะครับบ้านเรากระเตงกันมาถึงคอนพะเพ็งกันแล้วครับ ที่หน้าผาด้านบนน้ำตก มีพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า "ต้นมณีโคตร" เชื่อกันว่ามีต้นเดียวในโลก จากตำนานบอกว่ามีอิทธิฤทธิ์ ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น ต้นมณีโคตร จะตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหน้าผากลางน้ำตก จะเห็นต้นโพธิ์สองต้นขนาบต้นมณีโคตรอยู่ โดยต้นมณีโคตรนั้น จะเป็นต้นที่อยู่ตรงกลางและไม่มีใบ ชาวบ้านบอกว่า ถ้าใครได้กินผลนั้นก็จะมีชีวิตยืนยาว แต่ไม่มีใครกล้าฝ่าลำน้ำอันเชี่ยวกรากไปถึงได้ บ้างก็เล่าว่าตรงยอดของต้มมณีโคตร จะมีกิ่งอยู่ 3 กิ่ง ซึ่งปลายของแต่ละกิ่งจะชี้ไปทางไทย ลาวและเขมร ถ้ากิ่งด้านไหนมีใบงอกงามจะทำนายได้ว่าในปีนั้นประเทศนั้นจะเจริญรุ่งเรือง .....จุดชมต้นมณีโคตร (ในภาพจะเห็นอยู่ใกล้ๆ กลางภาพ) ที่ด้านบนหน้าผาของน้ำตกคอนพะเพ็งต้นมณีโคตร (ที่ลูกศรชี้) ไม่มีใบ ขนาบข้างด้วยต้นโพธิ์ทั้งสองข้าง หลังชมน้ำตกคอนพะเพ็งแล้ว เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารบริเวณคอนพะเพ็งนั่นแหละครับ ซึ่งร้านนี้แนะนำโดยคนขับรถของเราเอง รสชาติพอใช้ได้ครับ มื้อนี้หมดเงินไป "สองแสนกว่าๆ" มีใบเสร็จยืนยันให้ดูกันด้วย .....ค่าอาหารกลางวันมื้อนี้ สองแสนกว่าๆสองแสนกว่าเป็นราคาเงินกีบแบบนี้ คิดเป็นเงินบาทก็แปดร้อยกว่าๆ ออกจากน้ำตกคอนพะเพ็งก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว วันนี้เราไม่ได้แวะไปเที่ยวต่อที่ "หลี่ผี" ซึ่งเป็นน้ำตกใหญ่อีกแห่งของลาวใต้อย่างที่คณะทัวร์อื่นเขานิยมไปกัน เพราะการเดินทางไปค่อนข้างลำบาก ต้องนั่งเรือไปขึ้นดอนกลางแม่น้ำโขง แล้วยังต้องไปต่อรถห้าแถวอีกทีหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าการเดินทางลำบากแบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะกับสองเด็กดื้อของผมเท่าไหร่นัก คณะเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองปากเซ กะว่าจะใช้เวลาช่วงบ่ายเดินเที่ยวชมสินค้าที่ "ตลาดดาวเรือง" ซึ่งเราพลาดชมไปในวันแรกแทน ..... แต่ก่อนจะกลับปากเซ คนขับรถได้พาเราไปแวะเที่ยวชมและมนัสการวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนพะเพ็งครับ วัดนี้มีชื่อว่า "วัดภูกิ่งแก้วกองมณี" หรือที่ชาวลาวเรียกกันว่า "วัดหาดทรายคูณ" เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวลาวในบริเวณนั้นให้ความเคารพนับถือกันมาก และยังเป็นวัดที่จำพรรษาของหลวงปู่ชาโงน เกจิอาจารย์ดังแห่งลาวใต้ด้วยครับ ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูงติดริมถนน สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงและเกาะแก่งที่อยู่ไกลออกไปได้จากด้านบนวัดเลยครับ .....วัดภูกิ่งแก้วกองมณี วัดเก่าแก่ของลาวใต้ ในช่วงเทศกาลงานบุญประชาชนชาวลาวในละแวกวัดภูกิ่งแก้วกองมณีจะเข้ามาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก แต่ในวันปกติแล้วผู้คนจะน้อย ส่วนจะเป็นนักท่องเที่ยวจะนิยมเข้ามากราบพระและขอพรจากหลวงพ่อภายในโบสถ์ รวมถึงการขอเครื่องรางของขลัง เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเข้ามาเที่ยวชมและทำบุญที่วัดแห่งนี้ .....หอพระสวยวิจิตรที่วัดภูกิ่งแก้วกองมณีมุมหนึ่งภายในบริเวณวัด ดื้อใหญ่กับป้ายภาษาลาวสีสดในวัดอีกมุมหนึ่งในวัด สีทองอร่ามตามากประตูไม้แกะสลักลวดลายตามวรรณคดีรามเกียรติ์ ออกจากวัดภูกิ่งแก้วกองมณี คณะเราก็เดินทางกลับปากเซ แวะเดินชมสินค้าบริเวณตลาดใหม่ปากเซ หรือที่เรียกกันว่า "ตลาดดาวเรือง" ตามชื่อเจ้าของตลาด เป็นที่จำหน่ายสินค้ามากมายทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน เครื่องหนัง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ขนม อาหาร ยารักษาโรค ฯ แต่ราคาสินค้าถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้ว ดูจะแพงกว่าบ้านเราเสียอีก ก็เลยไม่ได้อะไรติดมือกลับมา ส่วนบริเวณโดยรอบตลาดจะจัดให้เป็นตลาดสดขายสินค้าหลากหลายตั้งแต่ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมทั้งปลาแม่น้ำโขงหลากหลายชนิดด้วย .....ตลาดดาวเรือง ตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของแขวงจำปาสักบริเวณตลาดสด รอบนอกตลาดดาวเรืองร้านขายผักสดอีกร้านครับ เสียดายที่เราไปถึงตลาดดาวเรืองช่วงเย็นแล้ว ร้านค้าส่วนใหญ่เริ่มทยอยปิดร้าน เราจึงใช้เวลาเดินเที่ยวที่นี่ไม่นานนัก คนขับรถจึงพาเรามาเดินเที่ยวที่ตลาดตั้งแฟร์ซุปเปอร์มาร์ตอีกครั้ง ส่วนผมไม่ถนัดเดินชอปปิ้งเท่าไหร่นัก ก็เลยขอปลีกตัวไปเดินเที่ยวชมเมืองปากเซดีกว่า .....รถสามล้อเครื่องในเมืองปากเซ แปลกไปจากบ้านเรานะครับตึกใหม่ๆ ในเมือง ด้านล่างตึกนี้มีร้านกาแฟชื่อดังอยู่ครับคาเฟ่สีนุก ร้านกาแฟชื่อดังในเมืองปากเซ ใครชอบกาแฟไม่ควรพลาดป้ายรถเมล์ในปากเซ ยังเห็นควันหลงจากกีฬาซีเกมส์ที่เพิ่งจบไปตึกเก่าสวยๆ ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสแผ่อำนาจมายังลาวใต้ ปัจจุบันเป็นตึกสมาคมจีนปากเซกองบัญชาการป้องกันความสงบ แขวงจำปาสักโฮงหมอ หรือโรงพยาบาล แขวงจำปาสัก มื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องไว้กับ "ร้านทัวร์ลาว" อีกเช่นเคย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีดนตรีเล่นสดให้ฟัง เพราะจะมีแขกเข้าร้านเป็นจำนวนมาก ทางร้านจึงรื้อเวทีดนตรีออกเพื่อเพิ่มพื้นที่โต๊ะอาหาร วันขึ้นปีใหม่แบบนี้ ทัวร์ไทยมาลงแบบไม่ขาดสาย ดีที่เรามาเร็ว จึงใช้เวลารออาหารไม่นานนัก หลังทานอาหารเสร็จก็กลับเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวไปเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งในตอนหน้าผมจะพาไปชม "ปราสาทวัดพู" ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกด้วย อย่าลืมติดตามชมกันต่อในตอนหน้านะครับ สวัสดีครับ .....
ขอตามไปเที่ยวต่อนะค่ะ รายละเอียดเยอะมาก ๆ ... เหมือนไปเที่ยวด้วยเลย
ยิ่งดู ก็ยิ่งน่าไป...น้ำตกคอนพะเพ็ง สวยมาก ๆ ค่ะ ร้านกาแฟ อาคารก็ดูกิ๊บเก๋
ดื้อเล็ก น่ารักมาก ๆ ... จะไปโรงเรียนซะแล้ว แต่วันหยุดก็ไปเที่ยวได้นะจ๊ะ
ปอลิง. เมื่อวานเข้าจิมฟาร์มวันสุดท้ายค่ะ แดดแรงสุด ๆ ขนาดทากันแดด ใส่หมวก แว่นตา ...ครบครัน ก็ยังต้องยอมแพ้ค่ะ แต่ก็คุ้มค่า เพราะไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีแบบนี้
พอตกดึก น้องปันบอกว่าคัน ๆ มีตุ่ม พอเปิดเสื้อดูเท่านั้นแระ ช็อคไปเลย ผื่นแดงเต็มตัวไปหมด คงต้องพาไปหาคุณหมอซะแล้ว