ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนกำลังจะมาเยือน ชาวฝรั่งเศสเริ่มวางแผนเที่ยวทะเลกันแล้ว การได้ไปนอนอาบแดดเพื่อให้ผิวกลายเป็นสีแทน สะท้อนค่านิยมในสังคมได้เป็นอย่างดี หลังจากวันหยุดยาว ใครกลับมาทำงานพร้อมผิวสีแทนแสนเก๋ จะรู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด
บทความนี้ จะนำท่านผู้อ่านให้ไปรู้จักเมือง Le Croisic (เลอ ครัวซิก) เมืองตากอากาศสุดชิลล์ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันตกของประเทศ ซึ่งเนสไปเยือนมาหลายครั้ง และขอตั้งสมญานามว่า «เพชรเม็ดงามแห่งแอตแลนติก»
เมือง Le Croisic อยู่ในแคว้น Bretagne (เบรอตาน) มีลักษณะเป็นเมืองอยู่อาศัยและเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ซึ่งส่วนมากแล้วมีเพียงชาวฝรั่งเศสที่รู้จัก
เสน่ห์อย่างแรกของเมืองนี้ซึ่งโดดเด่นมาก คือ «หาดหิน / ผาหิน /โขดหิน» ตามปกติแล้วเรามักชินกับภาพ «ชายหาดทราย» หรือไม่เช่นนั้นก็จะเป็น «หาดหินกรวดก้อนเล็ก» แบบที่เมือง Nice (ท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่อัลบัม ปอกเปลือกเรื่องเที่ยว ตอนที่ 14 และ 15) แต่ที่เมือง Le Croisic นี้ ลักษณะชายหาดเป็นโขดหินสีเทาดำ เรียงสลับกันเป็นทิวแถวแนวยาว ยามเกลียวคลื่นสาดซัดเข้าชายฝั่งกระทบโขดหิน กลายเป็นละอองน้ำแตกฝอย สวยงามยากจะบรรยาย
เสน่ห์อย่างที่สองของเมือง Le Croisic คือเนื่องจากเป็นเมืองตากอาศัยอันเป็นที่นิยมของชาวฝรั่งเศสเฉพาะในฤดูร้อน ทำให้ช่วงเวลาอื่นๆตลอดปี เมืองก็จะเงียบ มีเพียงผู้อยู่อาศัยจริงๆเท่านั้น ธรรมชาติจึงยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ตามแนวชายหาดมีนกกินปลานานาชนิดให้เราชม ตามถนนหนทางมีต้นไม้ใหญ่ อากาศบริสุทธิ์เพราะรถยนต์น้อย ซึ่งนั่นทำให้เราได้สัมผัสความเป็นเมืองชายทะเลของฝรั่งเศสจริงๆ
ไฮไลท์ต่อมาคือ บริเวณถนนใจกลางเมือง ถึงแม้จะรายล้อมด้วยธุรกิจร้านขายของที่ระลึกมากมาย แต่ก็เป็นร้านที่มีเสน่ห์ ขายชามสีฟ้า-ขาวเพ้นท์ด้วยมือเป็นลายของแคว้น Bretagne โดยเฉพาะ มีร้านขนมหวานและช็อกโกแลตเก่าแก่ Maison Georges Larnicol โดยเชฟดีเด่นแห่งชาติ และพลาดไม่ได้คือการซื้ออาหารกระป๋อง (สเปรดทาขนมปัง) ที่ทำจากปลาทะเล อร่อยอย่าบอกใคร แพคเกจจิ้งสวยเริ่ด ชื่อร้าน La belle-iloise
ท่านผู้อ่านที่ติดตามบทความของเนสเป็นประจำ คงจะพอจำกันได้แล้วว่า ต้นกำเนิดและดินแดนแห่งเครปคือที่แคว้น Bretagne นี่เอง และในเมื่อเนสพาท่านมาเที่ยวที่นี่แล้ว ก็ต้องแนะนำร้านเครปเก่าแก่และอร่อยที่สุดในเมือง Le Croisic คือร้าน Crêperie Tante Germaine ตั้งอยู่บนถนน Rue de léglise ร้านนี้ขายเครปกันมารุ่นสู่รุ่น เป็นสูตรลับความอร่อยที่เลียนแบบได้ยาก ร้านทำด้วยไม้ เมื่อเข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งทานข้าวในห้องครัวโบราณ คุณป้าเจ้าของทำเองเสิร์ฟเอง แต่งกายด้วยกระโปรงลายสก็อตสีแดง เหมือนยังอยู่ในอดีต
เมือง Le Croisic เป็นอีกเมืองหนึ่งในฝรั่งเศสที่เนสคิดว่ามีเสน่ห์ลงตัว ไม่เล็กไม่ใหญ่ ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงปารีสมากนัก นั่งรถไฟ TGV (รถไฟความเร็วสูง) ตรงมาจากกรุงปารีสได้เลย ขึ้นที่สถานี Paris Montparnasse และมาลงสุดทางที่สถานี Le Croisic ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที
การมาท่องเที่ยวยังเมือง Le Croisic นี้เนสแนะนำให้มาแบบเช้าไป-เย็นกลับก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องค้างคืน ขึ้นรถไฟจากกรุงปารีสแต่เช้า มาเดินเล่นชายหาด ช้อปปิ้งสินค้าทะเล๊ทะเลภายในเมือง ทานอาหารกลางวัน ใช้ชีวิตแบบ slow life สักนิด ชมความงามของท้องทะเลให้เต็มตา สัมผัสกับลมทะเลอันสดชื่น แล้วค่อยขึ้นรถไฟกลับรอบบ่ายแก่ๆ ก็เฟอร์เฟคแล้วค่ะ
เว้นเสียแต่ว่า ในค่ำคืนวันที่ 14 ก.ค. ของทุกปีซึ่งเป็นวันชาติฝรั่งเศส เทศบาลจะนำเรือออกไปจุดพลุกลางทะเลตอนกลางคืน หากท่านได้มาเที่ยวเมือง Le Croisic ในวันดังกล่าว เนสเห็นสมควรให้ค้างคืน เพื่อรอดูพลุไฟฟรี ท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศแสนพิเศษริมชายหาด รอบตัวท่านมีแต่ความรื่นเริง เสียงดนตรีการออกร้าน และผู้คนต่างมารวมตัวกันเพื่อเฝ้ารอคอยชมการแสดงพลุกลางทะเลอย่างใจจดใจจ่อ
เนสหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากท่านได้มีโอกาสมาเที่ยวประเทศฝรั่งเศส หรือกำลังมองหาเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ เมือง Le Croisic นี้อาจเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับท่านค่ะ
สร้างสรรค์บทความโดย... เนส
- เจ้าของเพจ facebook : ปอกเปลือกฝรั่งเศส nesinfrance
- Instagram : nesinfrance
- //www.nesinfrance.wordpress.com