ถ้ำเลเขากอบ
กับการลอดท้องมังกรสุดตื่นเต้นระทึกใจ
จังหวัดตรัง นอกจากจะมีทะเลสวยและเกาะงาม ให้เราได้สัมผัสความสวยใสของน้ำทะเลแล้ว
ตรังก็ยังมีกิจกรรมอีกอย่างที่พลาดไม่ได้ คือการเที่ยวแบบตื่นเต้นผจญภัยค่ะ
นั่นก็คือ...
ถ้ำเลเขากอบ อยู่ที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ถ้ำแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ ของตรังเลยทีเดียว
การเข้าถ้ำเลเขากอบ เราจะต้องนั่งเรือเข้าไปค่ะ พวกเรา 4 คนนั่งเรือลำเดียวกันไป
มีฝีพายซึ่งเป็นมัคคุเทศก์อีก 2 คน พายด้านหน้าและด้านท้ายเรือ
ระยะทางที่เราจะล่องเรือ ตั้งแต่ด้านนอกเข้าสู่ด้านในถ้ำ และกลับมาจุดเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 4 กิโลเมตร
ซึ่งถ้ำเลเขากอบนี้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี ยกเว้นช่วงหน้าฝนหากฝนตกหนัก
ทำให้น้ำขึ้นสูง ก็อาจจะเข้าไปในถ้ำลอดท้องมังกรไม่ได้
ตามที่เล่าไปเมื่อบล็อกที่แล้วว่า ฝนเมืองตรังจะตามหลังเราไปทุกหนทุกแห่ง
หลังจากพวกเราลงเรือ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งชมทิวทัศน์สองข้างทางก่อนเข้าถ้ำ
ปรากฏว่าฝนโปรยปรายสิคะ ฝีพายพากันจ้ำอย่างรวดเร็ว
และพวกเราก็มัวแต่หลบฝน กลัวกล้องเปียกน้ำ
เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็ถึงทางเข้าปากถ้ำเรียบร้อยแล้ว
แต่....พอเรือเรามาถึงหน้าถ้ำ ฝนก็หยุดตกพอดี 555
แต่ก็มีข้อดีคือ ได้ชมถ้ำ หินงอกหินย้อยแบบชิว ๆ เป็นกลุ่มแรกเลยค่ะ
ข้อเสียคือ เปียกสิคะ แล้วก็รู้สึกไม่สบายตัวเหนียวเหนอะหนะเมื่ออยู่ในถ้ำ
เข้าไปด้านในถ้ำชมหินงอกหินย้อนกันค่ะ ด้านในมีโถงถ้ำหลายถ้ำแต่ปัจจุบันเปิดให้บริการท่องเที่ยว
เพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำรากไทร ถ้ำเจ้าสาว
และไฮไลท์คือถ้ำลอดหรือถ้ำมังกร โดยเรือจะเริ่มล่องไปตามน้ำและจอดหน้าถ้ำแต่ละถ้ำ
ลงจากเรือเข้าไปชมแล้วก็ลงเรือล่องไปยังถ้ำต่อ ๆ ไป ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
ด้านในแต่ละถ้ำกว้างขวางนะคะ บางจุดมีติดตั้งไฟให้แสงสว่าง และมีทางเดินได้สะดวก
อากาศร้อนพอสมควร แต่ไม่รู้สึกอึดอัดหรือหายใจไม่ออก
การชมหินงอกหินย้อย ต้องระวังห้ามจับหรือไม่ควรแตะต้องโดยเด็ดขาด
เพราะจะทำให้หินตายหรือหยุดการเจริญเติบโตทันที กว่าจะงอกได้ยาวขนาดนี้
ต้องใช้เวลานานมากทีเดียว บางจุดเพิ่งเกิดใหม่สีขาวสวยเห็นชัดเจนในความมืด
บางแห่งภายในถ้ำมีมอสขึ้น เหมือนกำมะหยี่สวยงามตามธรรมชาติ
ด้านในของถ้ำต่าง ๆ ก็มีความเชื่อ และจินตนาการต่าง ๆ ตามภาพที่เห็น
ตรงที่เป็นส่วนกลางสุดของถ้ำท้องพระโรง ก็มีชาวบ้านที่บนบานศาลกล่าว
หากสมหวังก็มีการนำสิ่งของมาถวาย แต่เราแอบรู้สึกกลัวอ่ะเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
ถ้ำเจ้าสาวที่มีหินงอกหินย้อยปิดหน้าถ้ำเหมือนม่าน ใครอยากมีคู่ หรือมีคู่อยู่แล้ว
อยากให้มั่นคงยืนนาน ก็ลอดตามช่องที่มีความเชื่อกันค่ะ
หินงอกหินย้อยบางแห่งก็จะมีจินตนาการ อาทิเช่น
หินตาหินยาย ที่มีหินงอกเป็นแท่งขึ้นมา ส่วนหินยายก็เป็นหินย้อยที่เหมือนเต้านมสองข้าง
บ้างก็จินตนาการว่าเหมือนพระมาปักกรด
บ้างก็ว่าเหมือนปลาหมึกก็มี
นอกจากการลอดท้องมังกรแล้ว ที่นี่มีลอดท้องช้างด้วยนะเออ
หินตรงนี้สามารถจับและเอาตัวเข้าไปลอดระหว่างตรงกลางที่เหมือนท้องช้างได้
โดยมีความเชื่อว่าลอดท้องช้างแล้วสุขภาพดี เราก็ลองลอดกับเขาด้วย
สุดท้ายแล้ว เราจะไปต่อกันที่ลอดท้องมังกร ซึ่งถือเป็นไฮไลท์หนึ่งในความมหัศจรรย์
ระยะทางประมาณ 800 เมตร โดยการลอดจากส่วนล่างออกมาทางปากมังกรนะคะ
ภายในถ้ำนี้เพดานจะต่ำมากและทางก็แคบพอดีกับลำเรือที่จะเข้าไป
และการเข้าไปเราจะต้องนอนราบไปกับพื้นเรือ ห้ามผงกหัว บางจุดต้องหลับตาปี๋
บางจุดก็ยังมีน้ำหยดลงมาบนใบหน้า เข้าตาก็มี ยังไม่กล้ายกมือมาลูบหน้าเลยค่ะ
แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้น ๆ แต่ก็เป็นช่วงแห่งการลุ้นระทึกและหวาดเสียวไม่น้อย
เพราะบางช่วงที่ล่องเรือผ่านผนังถ้ำที่แคบมาก เรือก็เบียดกับผนังถ้ำเสียงดังครืดคราด
เพื่อน ๆ ดูภาพเรือด้านบน แล้วลองนึกถึงเส้นทางที่เราลอดผ่านนะคะ
ผนังถ้ำแทบจะติดกับหน้า และลำตัวเลยทีเดียว ในถ้ำมืดมิดไม่มีแสงสว่างนะคะ
ไม่สามารถถ่ายภาพได้เก็บกล้องใส่กระเป๋าไปเลย อัดคลิปมาก็มีแต่เสียงวี๊ดว๊ายหวาดเสียวของพวกเรา
และแล้วเราก็ออกมาสู่โลกกว้างค่ะ จุดนี้เรียกว่าปากมังกร
ส่วนเรื่องของความปลอดภัยก็หายห่วงค่ะ เพราะฝีพายแต่ละคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ
ขอชื่นชมและขอบคุณมัคคุเทศก์ในครั้งนี้ นอกจากแนะนำให้ความรู้ต่าง ๆ แล้ว
ยังรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเราในการลอดถ้ำ โดยไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ กลับมาเป็นของฝาก
อธิบายเป็นข้อความอาจไม่เห็นภาพชัดเจนต้องมาลุ้นมาสัมผัสด้วยตนเองนะคะ
วังเทพทาโร
ศิลปะจากรากไม้หอมเป็นพญามังกร
การท่องเที่ยวสำนักงานตรัง ได้คัดสรรให้วังเทพธาโรเป็น 1 ใน 14 สิ่งต้องห้ามพลาดสำหรับผู้ไปเที่ยวเมืองตรัง
ดังนั้นเราก็ต้องไม่พลาดค่ะ
"วัง" ในที่นี้หมายถึง ล้อม หรือ ห้อมล้อม และเป็นแหล่งรวมที่มีอยู่ปริมาณมาก
ส่วนวังเทพธาโรนั้นก็หมายถึงแหล่งที่ห้อมล้อมไปด้วยไม้เทพธาโร
ส่วน เทพธาโร แปลว่า ไม้เทวดา มีชื่อเรียกในภาษาพื้นบ้านว่า จวง หรือ จวงหอม
เพราะเป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นไม้มงคล เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่
และเป็นไม้ที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย อาทิ เนื้อไม้ ลำต้น ใบ ดอก รากสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหย
ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ขณะที่ใบและผลนั้นจะให้กลิ่นหอมที่ต่างกันถึง 4 แบบ
ได้แก่ กลิ่นรูทเบียร์ กลิ่นตะไคร้ กลิ่นเสม็ดขาว และกลิ่นดอกไม้ผสมเครื่องเทศ
แต่ละกลิ่นต่างก็มีคุณสมบัติเด่นแตกต่างกันออกไป
เราได้ดมกลิ่นตะไคร้ กลิ่นเหมือนจริง ๆ ค่ะ
วังเทพธาโร ตั้งอยู่ที่ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กำเนิดขึ้นโดยการสร้างสรรค์ของ
อาจารย์จรูญ แก้วละเอียด ซึ่งเราได้พบตัวท่านในวันที่เราไปเที่ยวด้วยค่ะ
ในอดีตที่นี่เป็นแหล่งไม้เทพธาโรที่ใหญ่ที่สุด แต่พอมาถึงยุคการปลูกยางพาราเฟื่องฟูเมื่อหลายสิบปีก่อน
ป่าเทพธาโรได้ถูกโค่นตัดทิ้ง เหลือแต่ตอฝังอยู่ใต้ดิน ก่อนจะถูกขุดและดันด้วยรถแทรคเตอร์
เพื่อนำขึ้นมาเผาทิ้งเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี้ได้มีคนรู้คุณค่า
นำไม้เทพธาโรมาแกะสลัก ทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับตัวเองและชุมชน
ส่วนตอไม้นั้นอาจารย์จรูญได้ซื้อหามาเก็บไว้ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นไม้หอมมหัศจรรย์อันทรงคุณค่า
จึงได้นำไม้เทพธาโรมาประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นงานประติมากรรมรูปมังกรขึ้น
เพราะมีความเชื่อว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และมีความยิ่งใหญ่ตามความเชื่อของคนจีน
นอกจากนี้วังเทพธาโรยังเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้สำคัญเกี่ยวกับไม้เทพธาโร
ทั้งในด้านประวัติความเป็นมา คุณประโยชน์ต่างๆ ผลงานผลิตภัณฑ์จากไม้เทพธาโร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพียรพยายามปลูกป่าเทพธาโรขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
หนึ่งในงานประติมากรรมไม้เทพธาโร มีป้ายข้อความ กราบแผ่นดิน อยู่ตรงกลาง
เราเห็นนักท่องเที่ยวที่มา ต้องถ่ายรูปเช็คอินกันตรงจุดนี้ทุกคน พวกเราก็ต้องไม่พลาดค่ะ ^__^
เดินชมผลงานจากการนำเศษไม้รากไม้เทพธาโรมามาสร้างสรรค์เป็นประติมากรรมมังกร
ซึ่งเส้นทางเดินชมนั้นมีไฮไลต์อยู่ที่การเดินลอดใต้ท้องมังกร
ซึ่งเป็นมังกรตัวยาวตั้งเด่นอยู่ริมสนาม มีลักษณะเหมือนมังกรเลื้อย มีช่องทางให้ลอด 9 ช่อง
อาทิเช่น อำนาจ พลัง มั่งมี บารมี ยิ่งใหญ่ ยศฐา อโรคา เป็นต้น
นอกจากการเดินลอดท้องมังกรแล้ว ที่วังเทพธาโรยังมีการสร้างสรรค์ผลงานมังกรไม้ถึง 88 ตัว
ที่ประดับอยู่ทั่วไปในพื้นที่ของวังเทพธาโร โดยสร้างมังกรตามพระชนมายุของในหลวง รัชกาลที่ 9
ซึ่งสำหรับมังกรตัวที่ 87 เป็นมังกรพ่นน้ำ
ส่วนเป็นมังกรไม้ตัวที่ 88 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในวังเทพธาโรมีความยาวถึง 39 เมตร
และมีขนาดใหญ่กว่ามังกรตัวที่ 87 ถึง 3 เท่า
วังเทพธาโรเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 - 18.00 น. โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายค่ะ
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
คุณปุ๊ก ญาติกา แก้วบริสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ททท.ตรัง
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมาทักทายกันค่ะ บล็อกหน้าเราจะไปเที่ยวทะเลตรังกันนะคะ
น่าไปเที่ยวจังค่ะถ้ำเลเขากอบ นั่งเรือแบบนี้มีตื่นเต้นเหมือนกันนะคะมันจะโคลงเคลงๆใช่ป่าวคะ หินงอกหินย้อยสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ