space
space
space
<<
สิงหาคม 2568
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
27 สิงหาคม 2568
space
space
space

ฟ้อนกลองอืด: ภูมิปัญญาดนตรี–นาฏศิลป์จังหวัดแพร่กับความท้าทายในการธำรงรักษาในยุคปัจจุบัน


 
ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
 
เรื่อง/ภาพ : นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์








 

     ฟ้อนกลองอืดเป็นศิลปะการแสดงที่มีรากฐานอยู่ในสังคมจังหวัดแพร่  ศิลปะการแสดงชนิดนี้มีลักษณะโดดเด่นที่แตกต่างจากฟ้อนเมืองหรือฟ้อนเล็บของเชียงใหม่ แม้จะมีความสัมพันธ์ทางสายวัฒนธรรมเดียวกัน ฟ้อนกลองอืดมีเอกลักษณ์สำคัญคือการใช้ “กลองอืด” หรือที่บางแห่งเรียกว่า “กลองแอว” ซึ่งเป็นกลองไม้ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคอดตรงกลางคล้ายสะเอว ขึงด้วยหนังด้านเดียว ให้เสียงทุ้ม กังวาน และหนักแน่น เมื่อใช้ตีประกอบกับเครื่องจังหวะอื่น ๆ เช่น ฆ้องใหญ่ ฆ้องกลาง ฆ้องเล็ก ฉาบใหญ่ และเครื่องที่เรียกว่า “ผ่าง” หรือ “พาน” จึงก่อให้เกิดบรรยากาศที่สงบ ขลัง และศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสมกับการประกอบพิธีกรรม งานบุญ และขบวนแห่ ฟ้อนกลองอืดจึงเป็นการผสมผสานระหว่างดนตรี ท่าฟ้อน และความเชื่อทางศาสนาของชุมชน โดยมีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าความบันเทิงทั่วไป และเป็นมรดกภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของผู้คนจังหวัดแพร่

    ในแง่ประวัติศาสตร์ ฟ้อนกลองอืดมีพัฒนาการเชื่อมโยงกับการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมระหว่างเมืองเชียงใหม่และเมืองแพร่ เหตุการณ์สำคัญที่ถือเป็นหมุดหมายคือ ก่อนปี พ.ศ. 2500 เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า เสด็จเยือนเมืองแพร่ ได้มีการเชิญครูนาฏศิลป์จากเชียงใหม่ คือ ครูพลอยศรี สรรพศรี มาถ่ายทอดท่าฟ้อนเล็บแก่ครูฟ้อนเมืองแพร่เพื่อใช้ในการฟ้อนรับเสด็จ การถ่ายทอดครั้งนั้นสะท้อนให้เห็นการแพร่กระจายของอิทธิพลนาฏศิลป์เชียงใหม่ที่มีรากฐานจากคุ้มพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เข้าสู่เมืองแพร่ และเป็นการวางรากฐานรูปแบบฟ้อนที่มีแบบแผนและเป็นทางการมากขึ้น (สิทธิพันธ์ เหรา, 2568) การรับเอาท่วงท่าและแม่แบบฟ้อนเล็บจากเชียงใหม่มิได้ทำให้ฟ้อนเมืองแพร่สูญเสียเอกลักษณ์ หากแต่กลับเกิดการผสมผสานและปรับประยุกต์ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น จนกลายมาเป็นรูปแบบฟ้อนที่ผู้คนรู้จักกันในนาม “ฟ้อนกลองอืด”

 

    การฟ้อนกลองอืดยังได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อบันทึกสมัยใหม่ โดยมีการบันทึกเสียงวงกลองอืดเมืองแพร่โดยลุงหนานมา ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดแพร่ (กวส.2) ซึ่งได้พาวงไปบันทึกเสียงที่เชียงใหม่แล้วผลิตเป็นแผ่นเสียงจัดจำหน่าย ปรากฏว่าเพลงฟ้อนกลองอืดได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ช่างฟ้อนและคณะฟ้อนหัววัดจนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง (ณัฐพล กาคำ, 2568) การบันทึกเสียงครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะทำให้ฟ้อนกลองอืดในวิถีชุมชนสู่การเผยแพร่ในวงกว้างและได้รับการยอมรับมากขึ้น

 
  ลักษณะของฟ้อนกลองอืดในเชิงดนตรีและนาฏศิลป์มีรายละเอียดที่น่าสนใจ กลองอืดหรือกลองแอวที่ใช้บรรเลงทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ประดู่ ไม้แดง หรือไม้ชิงชัน ขึงด้วยหนังด้านเดียว เสียงที่ได้มีความทุ้มและยาวนาน ให้ความรู้สึกหนักแน่นและมั่นคง เสริมด้วยเครื่องดนตรีอื่น ได้แก่ ฆ้องชุด และฉาบใหญ่ที่ช่วยเพิ่มมิติทางจังหวะ การฟ้อนที่ประกอบขึ้นกับเสียงดนตรีเช่นนี้ จึงมีลักษณะสง่างามในทุกท่วงท่า แม่ท่าฟ้อนสำคัญประกอบด้วยท่าต่าง ๆ เช่น เสือลากหาง บังสุริยา ม้วนจีบสะบัดไหว้ บิดบัวบาน กังหันร่อน พายเรือ สอดสร้อยมาลา ผาลาเพียงไหล่ และโบกสะบัด ท่าทางเหล่านี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าแต่เปี่ยมไปด้วยความหมายทางสัญลักษณ์ เช่น การกราบไหว้ การบูชา  ฟ้อนกลองอืดจึงนิยมใช้ในงานบุญใหญ่ งานสมโภชน์วัด และการแห่ครัวทาน 

    อย่างไรก็ดี ฟ้อนกลองอืดกลับเผชิญกับปัญหาหลายประการที่ทำให้ความนิยมลดลงและเสี่ยงต่อการสูญหาย ปัญหาสำคัญประการแรก คือ การขาดแคลนบุคลากรผู้สืบทอด ครูภูมิปัญญาที่มีความรู้ความชำนาญในการฟ้อนกลองอืด ส่วนใหญ่มีอายุมาก และไม่ได้รับการสนับสนุนให้ถ่ายทอดความรู้ในเชิงระบบ เยาวชนรุ่นใหม่จำนวนมากขาดความสนใจและมองว่าศิลปะการแสดงเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับรสนิยมสมัยนิยม ส่งผลให้การสืบทอดเกิดขึ้นอย่างจำกัดและไม่ต่อเนื่อง ปัญหาประการที่สองคือความไม่นิยมในเชิงการแสดง ด้วยจังหวะที่เชื่องช้าและท่าฟ้อนที่เรียบง่าย ฟ้อนกลองอืดจึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเวทีบันเทิงร่วมสมัยที่เน้นความเร้าใจและการดึงดูดผู้ชมอย่างรวดเร็ว การถูกมองว่าเชื่องช้าและไม่ทันสมัยทำให้ฟ้อนกลองอืดถูกลดบทบาทลงจากเวทีการแสดงระดับประเทศ ปัญหาประการที่สามคือการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการฟ้อนซึ่งปรับไปตามยุคสมัย แม้การปรับเปลี่ยนดังกล่าวช่วยให้ฟ้อนกลองอืดอยู่รอด แต่ก็ทำให้แบบแผนดั้งเดิมเสี่ยงต่อการเลือนหายและสูญเสียความแท้จริงทางวัฒนธรรม

    เพื่อให้ฟ้อนกลองอืดยังคงมีชีวิตและคุณค่าในสังคมร่วมสมัย จำเป็นต้องมีการดำเนินงานอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ แนวทางหนึ่งคือการบันทึกองค์ความรู้ทั้งในรูปแบบเอกสาร วิดีโอ และฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อเก็บรักษาแม่ท่า และบทเพลงที่สำคัญ อีกแนวทางคือการจัดการถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ เช่น การบรรจุฟ้อนกลองอืดไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนด้านนาฏศิลป์ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น ตลอดจนการสร้างโครงการ ครู–ศิษย์ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนเรียนรู้จากครูภูมิปัญญาโดยตรง นอกจากนี้ การปรับรูปแบบการนำเสนอให้ร่วมสมัยก็มีความสำคัญ โดยอาจใช้การผสมผสานกับดนตรีประสม แสงสี และการเล่าเรื่อง เพื่อให้ผู้ชมรุ่นใหม่เกิดความสนใจโดยไม่สูญเสียแก่นแท้ของฟ้อนกลองอืด การสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรม เช่น การจัดประกวดฟ้อนกลองอืดประจำปี การแสดงในงานบุญและงานประเพณีชุมชน จะช่วยให้ฟ้อนกลองอืดยังคงมีบทบาทในวิถีชีวิตจริง  ที่สำคัญที่สุดคือการสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐและองค์กรท้องถิ่นในการผลักดันและสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาให้ความสนใจ

    ดังนั้นฟ้อนกลองอืดศิลปะการแสดงที่งดงาม มรดกภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และอัตลักษณ์ของผู้คนจังหวัดแพร่ จากการรับอิทธิพลนาฏศิลป์เชียงใหม่สู่การปรับประยุกต์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ มีคุณค่าและความหมายทางวัฒนธรรมมาช้านาน แม้ปัจจุบันจะเผชิญกับความท้าทาย ทั้งการขาดแคลนผู้สืบทอด ความไม่นิยมในเชิงการแสดง และแรงกดดันจากสังคมร่วมสมัย แต่หากมีการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างเป็นระบบ ฟ้อนกลองอืดย่อมสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามทั้งในฐานะศิลปะดั้งเดิมที่ธำรงรากเหง้าแห่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชุมชน ที่จะส่งต่อคุณค่าไปสู่คนรุ่นใหม่และสร้างความภาคภูมิใจร่วมกันในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติ
 
 


ฟ้อนกลองอืดเมืองแพร่ - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์











 

ภาพฟ้อนกลองอืดบริเวณสนามหลวงเมืองแพร่
ที่มา :  ณัฐพงษ์ เพาะปลูก
 
ฟ้อนกลองอืดเมืองแพร่ - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
ภาพฟ้อนกลองอืดบริเวณสนามหลวงเมืองแพร่
ที่มา :  ณัฐพงษ์ เพาะปลูก

ฟ้อนกลองอืดเมืองแพร่ - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
ภาพฟ้อนกลองอืดบริเวณถนนเจริญเมือง ราว พ.ศ. 2508
ที่มา :  นครินทร์ วรประดิษฐ์กุล

 
ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์
ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์










ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์

ภาพฟ้อนกลองอืดสมโภชพระเจ้าเศรษฐีเมืองสอง 
ที่มา : นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์

ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์ฟ้อนกลองอืดเมืองสอง - นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์

การประกวดฟ้อนกลองอืด ณ อุทยานลิลิตพระลอ อำเภอสอง
ที่มา : นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์


การประกวดฟ้อนกลองอืด ณ อุทยานลิลิตพระลอ อำเภอสอง
ที่มา : นวภัสร์ ตันติคุณาวงศ์


การประกวดฟ้อนกลองอืด ณ วัดพระธาตุช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่
ที่มา : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่


การประกวดฟ้อนกลองอืด ณ วัดพระธาตุช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่
ที่มา : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่


ฟ้อนกลองอืดประกอบขบวนแห่งานบุญประเพณีในจังหวัดแพร่
ที่มา : สิทธิพงศ์ แสงเก่ง


ฟ้อนกลองอืดประกอบขบวนแห่งานบุญประเพณีในจังหวัดแพร่
ที่มา : สิทธิพงศ์ แสงเก่ง





นักวิจัยวัฒนธรรม




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2568
0 comments
Last Update : 31 สิงหาคม 2568 20:16:46 น.
Counter : 276 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 


BlogGang Popular Award#21


 
สมาชิกหมายเลข 7565667
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 7565667's blog to your web]
space
space
space
space
space