|
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 9 @ แผนแก้ลำ
ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นัยน์ตาคมดำจ้องมองซองสีหวานในมือก่อนจะเปิดดูด้านในช้าๆ คล้ายต้องการประวิงเวลาปวดใจออกไปให้นานที่สุด แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้นจึงดึงการ์ดสีชมพูที่ระบุชื่อบ่าวสาวเอาไว้ออกมาดูให้เห็นกับตา
ตรีนุช คือชื่อของเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าวก็คือ พงศธร เจ้านายหนุ่มของเธอเอง เขาปล่อยให้การ์ดร่วงจากมือ หลับตาลง นั่งนิ่งอยู่ในท่านั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลืมตาขึ้นและยืดตัวตรง
พี่เอง เข้าไปได้ไหม วีรภัทร์ยืนอยู่ระหว่างช่องประตู ซึ่งเปิดแง้มไว้ รอคอยคำอนุญาตจากเจ้าของห้องด้วยสีหน้าจริงจัง
เชิญครับ พีรภัทร์กลบเกลื่อนร่องรอยความเสียใจด้วยรอยยิ้มบางๆ มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับพี่วีร์
ร่างสูงเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของน้องชาย ริมฝีปากหยักลึกเม้มเป็นเส้นตรงเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ อาการคล้ายลังเลของพี่ชาย ซึ่งไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนักทำให้คนเป็นน้องอดยิ้มไม่ได้
มีอะไรก็ว่ามาเถอะครับ ถ้าผมช่วยได้ก็จะทำ
พี่ชายนั่งลงพลางถอนใจ ก่อนจะเอ่ยคล้ายขอคำปรึกษา ได้ยินว่าคุณหญิงสั่งห้ามแพงไม่ให้มาทำงาน
ครับ น้องแพงไม่ได้มาทำงานที่นี่แล้ว
ก่อนหน้านั้นพี่ได้ยินว่าแม่ขอย้ายแพงให้มาเป็นเลขาฯ ของนาย
ครับ แต่ตอนนี้พี่วีร์ก็เห็นแล้วว่าเลขาฯ ของผมไม่ใช่น้องแพง
เท่าที่เห็นก็ใช่ แต่นายไม่สนใจข้อเสนอของแม่บ้างเหรอ คนหน้าเคร่งพูดพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะช้าๆ
พีรภัทร์อมยิ้ม เรื่องที่แม่อยากให้น้องแพงมาเป็นเลขาฯ ของผม หรือเรื่องที่แม่อยากได้น้องแพงมาเป็นสะใภ้คนเล็กล่ะครับ แต่ผมว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากทั้งสองกรณี ตอนนี้คุณหญิงไม่สนใจหนุ่มๆ บ้านเราแล้ว
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณหญิงหรอก อยู่ที่ว่านายสนใจรึเปล่า
เอาธุระที่ทำให้พี่วีร์มาหาผมวันนี้ดีกว่า มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง น้องชายตัดบทเข้าประเด็นก่อนจะถูกพี่ชายไล่ต้อนจนมุม
วีรภัทร์ถอนใจอย่างอึดอัด ท่าทางเหงาหงอยเซื่องซึมของพิณณิศาในตอนที่กลัวว่าจะถูกคุณหญิงลงโทษยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่จนวันนี้ ยิ่งได้รู้ว่าเด็กนั่นถูกสั่งห้ามไม่ให้มาทำงานและตอนนี้ก็คงจะถูกเก็บตัวไว้ในบ้านศุภกุลเหมือนนกน้อยในกรงทองถูกจองจำด้วยความห่วงใยที่มากเกินพอดีของผู้เป็นย่า เขาก็ยิ่งเห็นใจและห้ามความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้
ชายหนุ่มคิดว่าอาจจะพอช่วยเธอได้ และถ้าไม่ยอมช่วย ดวงตาเศร้าสร้อยของพิณณิศาคงจะตามหลอกหลอนเขาไม่มีวันสิ้น เพียงแค่ไม่กี่วันก็ทำให้เขากระวนกระวายใจจนจะบ้า เขารู้ว่าไม่สามารถทนอยู่กับความรู้สึกนี้ตลอดไปแน่จึงตัดสินใจมาพูดกับน้องชาย แต่พอเอาจริงก็เกิดจะพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ
พี่วีร์ครับ พูดมาเถอะ อยากให้ผมช่วยอะไร ถ้าทำได้ผมจะทำเต็มที่ คนเป็นน้องสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของพี่ชายจึงเปิดช่องให้อีกฝ่ายพูดออกมาตามตรง
พี่อยากให้แพงมาทำงานกับนาย จะให้เป็นผู้ช่วยเลขาฯ หรืออะไรก็ได้ ถึงจะยังทำงานไม่เก่งแต่แพงเป็นเด็กดีและเขาก็อยากทำงานด้วย พูดไปแล้วก็ทั้งโล่งอกและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องของใครเช่นนี้มาก่อน หวังว่าพีรภัทร์คงไม่สังเกต
แล้วไงครับ น้องชายย้อนถาม ซ่อนความประหลาดใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบขรึมอย่างมิดชิด
พี่อยากให้นายไปคุยกับแพง แล้วก็คุณหญิงด้วย
คุณหญิงสั่งห้ามเด็ดขาดแล้ว พี่วีร์คิดว่ายังมีหนทางอีกเหรอครับ
พี่อยากให้นายพยายาม เสียงนั้นจริงจังทั้งขอร้องอยู่ในที
คนเป็นน้องนิ่งคิดครู่หนึ่ง เหลือบเห็นการ์ดแต่งงานบนโต๊ะจึงค้นพบคำตอบแบบส้มหล่น ตกลงครับ ผมจะลองดู
ขอบใจนะ วีรภัทร์ค่อยยิ้มออกและเพิ่งสังเกตเห็นริ้วรอยความเศร้าหมองบนใบหน้าน้องชาย นัยน์ตาก็หม่นแสงคล้ายมีเรื่องบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในใจ
นายเป็นอะไรรึเปล่า
คำตอบคือการ์ดที่น้องชายเลื่อนมาให้ดู เมื่อเห็นชื่อเจ้าสาว เขาจึงเลิกคิ้วแทนคำถาม
นุชกำลังจะแต่งงาน จัดเลี้ยงคืนวันศุกร์นี้ เธอเชิญผมไปด้วย
แล้วนายว่ายังไง เสียงถามยังคงราบเรียบ ทั้งที่ในใจเริ่มเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาตงิดๆ
ก็ว่าจะไปครับ
วีรภัทร์นิ่งเงียบครู่หนึ่ง ตรีนุชเป็นเพื่อนหญิงคนเดียวที่พีรภัทร์เคยพูดถึง แม้จะไม่บอกออกมาตรงๆ แต่เขากับธีรภัทร์ต่างก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญต่อน้องชาย
เขาไม่เคยรู้ว่าเธอพิเศษแค่ไหนจนกระทั่งวันนี้ วันที่ได้เห็นนัยน์ตาเศร้าลึกของพีรภัทร์ นี่คงเป็นคำตอบว่าทำไมน้องชายของเขาถึงยอมวางมือจากงานถ่ายภาพ กลับมาอยู่บ้านและเข้ามาช่วยงานที่บริษัท
ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ นายเป็นน้องชายของพี่ อย่าลืมซะล่ะ
ขอบคุณครับ เรื่องน้องแพง ผมคิดว่าจัดการได้ พี่วีร์ไม่ต้องห่วง เขาฝืนยิ้มเหมือนว่าไม่เป็นไร
งั้นพี่ไม่กวนนายแล้ว พี่ชายเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้น เลื่อนการ์ดแต่งงานคืนให้น้องชายก่อนเดินจากไป
พีรภัทร์เหลือบตามองการ์ดนั่นเพียงแวบเดียว ก่อนยกหูโทรศัพท์หาเลขาฯ หน้าห้อง
ต่อเบอร์บ้านคุณหญิงพรรณรายให้ผมที ขอสายพิณณิศา ชายหนุ่มสั่งความลงไป รอเพียงไม่นานก็ได้พูดกับพิณณิศาดั่งใจ
หลังเลิกงานพีรภัทร์ขับรถเลยไปบ้านศุภกุล การได้พูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์ทำให้เขาจับได้ว่าพิณณิศาไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ อย่างที่วีรภัทร์ว่าไว้จึงแวะมาพูดกับหญิงสาวด้วยตัวเองและถือโอกาสขออนุญาตคุณหญิงด้วย
อ้อ เธอนี่เอง นั่งก่อนสิ มาถึงนี่มีธุระอะไรรึ เจ้าของบ้านทักทายอย่างไว้ตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูททำงานสุดเนี้ยบเดินตามเด็กในบ้านเข้ามาในห้องโถงและยกมือไหว้ทำความเคารพตนอย่างมีมารยาท
เขากล่าวขอบคุณและนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่แคร์ทีท่าหมางเมินของผู้สูงวัย ผมมาหาน้องแพงครับ มีเรื่องอยากคุยกับเธอและอยากจะขอรบกวนคุณหญิงเล็กน้อยด้วยครับ
อีกฝ่ายขยับแว่นตานิดเพื่อมองชายหนุ่มตรงหน้าให้ชัดๆ ราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน มีเรื่องอยากขอรบกวนฉัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่แพงด้วยงั้นรึ?
ผมอยากขออนุญาตคุณหญิงให้น้องแพงกลับไปทำงานที่อมรกรุ๊ปครับ ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ที่นี่ ตั้งใจจะให้น้องแพงมาช่วยงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาฯ เมื่อเธอไม่ไปทำงาน ตอนนี้เลขาฯ ของผมจึงขาดผู้ช่วยอยู่ครับ
ผู้ช่วยเลขาฯ? เสียงถามมีแววประหลาดใจค่อนไปทางไม่พอใจ หลานสาวของเธอเป็นได้แค่ผู้ช่วยเลขานุการเช่นนั้นหรือ มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว
ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ พร้อมอธิบายอย่างมีเหตุผล งานเลขาฯ คนอื่นอาจมองว่าใกล้ชิดกับเจ้านายและมีเกียรติกว่าพนักงานทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันเป็นงานที่หนักมาก ความรับผิดชอบก็สูงด้วย ผมกับน้องแพงยังใหม่กับงานทั้งคู่ คิดว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีและสามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ครับ นอกจากน้องแพง ผมก็มองไม่เห็นใครอีกแล้วจึงได้มาขอความกรุณาจากคุณหญิง
ผู้สูงวัยพยักหน้า แอบชื่นชมหนุ่มรุ่นหลานอยู่ในใจกับความคิดอ่านที่รอบคอบมีเหตุมีผล มิใช่สักแต่จะเอาใจคนแก่เพื่อผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว เป็นความจริงที่ว่าหลานสาวคนเล็กของเธอยังต้องเรียนรู้งานอีกมากกว่าจะเป็นเลขานุการที่ดีได้ อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจ ไม่ยกยอหลานสาวเธอจนเกินจริง ใจถึงไม่เบา
นี่เธอมาขอให้ฉันยอมให้แม่แพงกลับไปทำงานที่นั่นอีกรึ เธอนี่ช่างกล้าเสียจริง คุณหญิงแสร้งทำท่าไม่พอใจ ปิดซ่อนความชื่นชมเอาไว้อย่างมิดเม้น ถึงเธอจะชอบพ่อหนุ่มนี่ แต่ถ้าไม่เล่นตัวเสียหน่อย เขาจะหาว่าหลานสาวบ้านนี้เป็นของตาย
ผมมาขอความกรุณาจากคุณหญิงครับ และผมก็คิดว่าน้องแพงคงสนใจงานนี้เหมือนกัน เธออยู่บ้านเฉยๆ แบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกครับ ขอให้ไว้ใจผม ผมจะดูแลน้องแพงอย่างดีที่สุด ขอผมพูดกับเธอด้วยตัวเองเถอะนะครับ น้ำเสียงและท่าทีของเขายังคงความสุภาพเอาไว้ หากในถ้อยคำบ่งชัดถึงความตั้งใจอันแน่วแน่
หญิงชราซ่อนยิ้มไว้ภายใต้ท่าทีไม่เต็มใจ ถ้าอย่างนั้นก็ลองถามความกันเองก็แล้วกัน
ว่าแล้วก็หันไปบอกเด็กในบ้านให้ตามพิณณิศามาพบแขก
ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างมีชัย เมื่อคุณหญิงให้ไฟเขียวแล้วเรื่องของพิณณิศาก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
คุณหญิงพรรณรายปล่อยให้พีรภัทร์คุยกับพิณณิศาตามลำพังในศาลาทรงไทยที่สวนด้านนอก แต่ให้คนสวนกับเด็กในบ้านวนเวียนอยู่แถวนั้น ไม่ให้สองหนุ่มสาวคลาดสายตาไปได้
ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบด้านนัก เขาสนแค่ว่าสาวน้อยจะตอบคำขอร้องของตนว่าอย่างไร
ว่าไงจ๊ะน้องแพง อยากจะกลับไปทำงานกับพี่ไหม
แพงก็อยากทำงานนะคะ แต่ว่า... คนตัวเล็กมองอีกฝ่ายตาละห้อย อยากกลับไปทำงานก็อยากอยู่หรอก แต่เธอไม่กล้าสู้หน้าวีรภัทร์เสียแล้วนี่สิปัญหา
แต่อะไรฮึ คราวนี้ได้เลื่อนตำแหน่งด้วยนะ ทำงานกับพี่รับรองพี่ไม่ให้ใครมารังแกน้องแพงแน่นอน ตกลงนะ เขาอ้อนราวกับคุ้นเคยกันมานานแรมปีทั้งที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่พิณณิศาก็เป็นหลานสาวคนเดียวของคุณหญิงที่ชายหนุ่มสบายใจมากพอจะคบหาอย่างเปิดเผย เพราะเธอยังดูเด็กมาก ไม่มีทางที่เขาจะมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากน้องสาว
พิณณิศาอดหัวเราะไม่ได้ บทจะอ้อนขึ้นมาก็ดูน่ารักดีเหมือนกันสำหรับผู้ชายอายุสามสิบ เธอสบายใจที่จะทำงานกับเขามากกว่าวีรภัทร์ แต่นั่นยังไม่ทำให้เธอมีความมั่นใจมากพอ
แพง...ไม่รู้ซิคะ พี่พีร์คิดว่าแพงจะทำได้เหรอ
ต้องได้อยู่แล้ว เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยสิ เป็นอันว่าน้องแพงตกลงแล้วนะ พรุ่งนี้ไปทำงานเลย พี่จะรอ เขาสรุปแบบมัดมือชกทันทีที่สบโอกาส
พรุ่งนี้เหรอคะ จะไม่ให้แพงเตรียมตัวหน่อยเหรอ พี่พีร์เล่นมัดมือชกแบบนี้แพงตั้งรับไม่ทันเลย หญิงสาวครวญเสียงอ่อย แต่ในใจก็เอียงไปข้างเขาเยอะแล้ว
เป็นความจริงที่ว่าเธอไม่อยากถูกเก็บตัวไว้ในบ้านศุภกุลจนแก่ตาย ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ก็อาจไม่มีครั้งหน้า ถึงจะไม่อยากเจอ คนบางคน เท่าไร แต่คงจะดีกว่าถ้าได้ทำงานให้จิตใจหายฟุ้งซ่านเสียบ้าง
พรุ่งนี้ดีแล้ว คุณย่าของแพงจะได้วางใจ คืนวันศุกร์นี้พี่อยากให้น้องแพงช่วยอะไรหน่อย เขาบอกด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งกังวล
คืนวันศุกร์นี้ทำไมเหรอคะ เธอถามด้วยความสนใจแกมสงสัย
พี่จะไปงานแต่งงานของ...เพื่อนสนิท งานเลี้ยงตอนกลางคืนน่ะ แต่ยังไม่มีสาวสวยให้ควงเลย น้องแพงสนใจไปด้วยกันมั้ย แม้จะสะดุดเล็กน้อยตรงคำว่า เพื่อนสนิท แต่ชายหนุ่มก็พูดต่อได้จนจบประโยค
งานเลี้ยงเหรอคะ น่าสนุกจัง คนที่อยากเปิดหูเปิดตาอยู่แล้วทำตาโตอย่างตื่นเต้น แต่พอนึกได้ว่าเธอเพิ่งจะไปงานกลางคืนแค่ครั้งเดียวและได้ก่อเรื่องไว้จนยุ่งเหยิงไปหมด สีหน้าเบิกบานเมื่อครู่จึงสลดลงทันใด
แต่ว่า...
อย่าห่วงไปเลย เรื่องคุณหญิงให้พี่จัดการเอง แค่น้องแพงอยากไป รับรองว่าพี่จัดการได้ เขาบอกเหมือนรู้ว่าเธอกังวลเรื่องใดอยู่
พิณณิศาสบตาชายหนุ่มอย่างไม่แน่ใจ จัดการ คืนนั้นวีรภัทร์ก็พูดกับเธอแบบนี้ แต่แล้วก็เกิดเรื่องยุ่งขิงที่สุดในชีวิตขึ้นมาจนได้ คราวนี้จะให้เธอเชื่อใจน้องชายเขาอีกหรือ เสี่ยงไปไหม?
ชายหนุ่มยิ้มให้ความมั่นใจ เชื่อสิว่าพี่ไม่ทำให้เรื่องยุ่งเหมือนพี่วีร์หรอก ตกลงว่าพรุ่งนี้น้องแพงจะไปทำงานกับพี่แล้วนะ พี่จะได้บอกคนจัดโต๊ะให้
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างไม่มั่นใจนัก แต่สุดท้ายก็ผงกศีรษะรับ เธอต้องลองเสี่ยง ไม่เช่นนั้นก็ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านตามแต่คุณหญิงย่าจะบงการ ตกลงค่ะ แต่แพงมีข้อแลกเปลี่ยนนะ
ว่าไงจ๊ะ
พี่พีร์ต้องเลิกเรียกแพงว่า น้องแพง ซะที ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วย แพงไม่อยากเป็น น้องแพงผู้ช่วยเลขาฯ คุณพีร์ ฟังแล้วขนลุกชะมัด เธอต่อรองด้วยสีหน้ามู่ทู่ ก็รู้ว่าตัวเองหน้าเด็ก แต่เธอโตแล้วนี่นา ไม่อยากเป็นเด็กกะโปโลในสายตาเพื่อนร่วมงาน
เขากลั้นยิ้มขัน รับปากอย่างหนักแน่น พี่ให้สัญญาจ้ะ
ตกลงว่าจะกลับไปทำงานอย่างนั้นใช่ไหมแม่แพง คุณหญิงเอ่ยถามหลานสาวคนเล็กบนโต๊ะอาหารในตอนเย็น ระหว่างรอพิริมากลับมากินข้าวพร้อมกัน เพราะหญิงสาวโทร. มาบอกล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะถึงบ้าน
ค่ะคุณย่า สาวน้อยรับคำอย่างสงบเสงี่ยมด้วยไม่แน่ใจว่าพีรภัทร์จะ จัดการ ได้จริงหรือไม่
ก็ตามใจ แล้วเราล่ะแม่พลอย ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะได้ถอดเฝือกแล้วรึ
ค่ะ พิศิตาตอบรับด้วยความยินดีแกมโล่งใจ พรุ่งนี้เธอก็ไม่ต้องเป็นเป๋เก็บบอลให้ใครแล้ว
ผู้เป็นย่าพยักหน้ารับรู้ ดีแล้ว อยู่บ้านหลายวันคงเบื่อเต็มทนละสิ
พิศิตายิ้มแป้นยอมรับ ระดับคุณหญิงพรรณรายไม่ต้องโกหกเสียให้ยาก ท่านรู้จักหลานสาวทุกคนของตัวเองดี
กลับมาแล้วค่ะ รอนานมั้ยคะคุณย่า พิริมายิ้มหวานมาแต่ไกล ร่างสูงใหญ่ที่ตามมาติดๆ ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองเป็นตาเดียว
สวัสดีครับคุณหญิง น้องแพง คุณพลอย ธีรภัทร์ไหว้คุณหญิงแล้วทักทายอีกสองสาวอย่างอารมณ์ดี
มาส่งแม่พรีมรึ นั่งก่อนสิ ทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วค่อยกลับ ผู้สูงวัยทักทายหนุ่มหล่อด้วยรอยยิ้มสุขุม หลายวันมานี้ธีรภัทร์เช้าถึงเย็นถึงจนน่าหนักใจ แต่เธอก็จำต้องปล่อยไปก่อนเพราะเดี๋ยววีรภัทร์จะรู้ตัวว่าเธอยังอยากได้เขาเป็นหลานเขยคนโตไม่เปลี่ยนแปลง
ขอบคุณครับคุณหญิง ผมกะจะขอฝากท้องที่นี่พอดีเลย เขายิ้มรับคำเชิญด้วยความเต็มใจยิ่ง นึกกระหยิ่มว่างานนี้ได้ไฟเขียวจากทุกคนในบ้านเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่...
หันไปมองหน้าพิศิตาก็เจอกับแววตาขวางๆ ที่เจ้าหล่อนจ้องมองมาอย่างไม่เก็บอาการ
พิศิตาถอนใจเสียงดัง ดูเถอะ ในขณะที่เธอนอนเดี้ยงอยู่กับบ้าน หมอนี่ก็ฉวยโอกาสโกยคะแนนกับพี่สาวเธอไปเต็มๆ มันน่าเจ็บใจนัก แบบนี้ยอมไม่ได้ซะแล้ว สงบศึกหรือ ฝันไปก่อนเถอะ!
จริงสิพรีม พรุ่งนี้ต้องทำงานรึเปล่า พลอยมีนัดถอดเฝือก ตัวขับรถให้หน่อยได้มั้ย เธอหันไปอ้อนพี่สาว จะกีดกันพิริมาให้ห่างจากผู้ชายจอมกะล่อนทุกวิถีทางเลย
พรุ่งนี้เหรอ อืม...เหมือนคิวจะแน่นทั้งวันเลย ใกล้จะหยุดงานไปหัวหินกันแล้ว พี่นีน่าไม่มีวันปล่อยพรีมไปไหนแน่ นี่ขนาดตัวไม่มายังส่งคนอื่นมาคุมแทนเลย พิริมาหันไปมองชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสายตากล่าวหา
อะไรกันครับ ผมไม่ได้มาคุมซะหน่อย มาคอยดูแลคุณต่างหาก เขาแกล้งโวย หากนัยน์ตาพราวระยับ ลืมหมดทั้งหัวหงอกหัวดำที่นั่งหน้าสลอนกันเต็มโต๊ะ
คุณหญิงกระแอมในลำคอเมื่อได้ยินธีรภัทร์เกี้ยวพาหลานสาวคนโปรดต่อหน้าต่อตา ไม่รู้เป็นไรคนแก่ก็แบบนี้แหละ อย่าสนใจเลยนะ
ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนไปนิดเมื่อสำนึกได้ว่าคุณหญิงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ในขณะที่พิณณิศาหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนพิศิตากลับวางสีหน้าเหมือนคนคลื่นไส้ เหลือเพียงโก่งคอขึ้นเท่านั้นทุกคนจะดูออกทันทีว่าเธออยากอ้วกเต็มแก่แล้ว
เอาอย่างนี้สิพลอย ให้คุณธีร์ไปส่งแทนได้มั้ย ยังไงพลอยก็ขับรถเองไม่ได้อยู่แล้ว ว่าไงคะคุณธีร์ พรุ่งนี้ว่างไม่ใช่เหรอ พรีมฝากน้องสาวซักวันได้มั้ยคะ พิริมาเสนอความคิดอย่างจงใจ เธอรู้ว่าสองคนนี้ไม่กินเส้นกันอย่างหนัก แต่อยากให้พวกเขาลองปรับตัวเข้าหากันบ้าง โตๆ กันหมดแล้วไม่ใช่เด็กที่ต้องมาตั้งแง่ใส่กันอยู่ร่ำไป
ธีรภัทร์มีสีหน้าเหมือนคนถูกบังคับให้กินยาขม เหลือบมองพิศิตาแวบเดียวก่อนหันมาเออออกับพิริมาอย่างเอาใจ คุณพรีมว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้นครับ
พิศิตาซ่อนยิ้มชั่วร้าย ขอให้แยกพิริมาออกจากธีรภัทร์ได้ เธอจะยอมทนเหม็นขี้หน้าเขาสักวันก็ได้ เป็นอันว่าตกลงตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้สิบโมงเช้ามารับพลอยที่นี่เลยนะคะคุณธีร์ พลอยนัดหมอไว้ตอนสิบเอ็ดโมง
เสียงหวานบาดใจนั้นทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะต่างก็อึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน โดยเฉพาะธีรภัทร์ เขาทั้งอึ้ง ทั้งเสียวสันหลังวาบ และวิตกจริตอยู่เนืองๆ ก่อนจะฝืนยิ้มตอบ และแอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
คุณธีร์? พลอย? ยายนี่เคยพูดหวานๆ แบบนี้กับเราที่ไหนกัน มีแผนการชั่วร้ายอะไรรึเปล่า สงสัยพรุ่งนี้ต้องเตรียมรับมือยายตัวร้ายแล้วละ!
คุณหญิงอมยิ้มในหน้า มองเห็นแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์อยู่รำไร การจับคู่ธีรภัทร์กับหลานสาวคนรองของเธอน่าจะพอมีโอกาสเป็นไปได้อยู่บ้าง
ธีรภัทร์มารับพิศิตาที่บ้านศุภกุลตามนัด หญิงสาวเตรียมพร้อมแล้วเมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้ามุขในเวลาสิบโมงตรงเป๊ะ
ตรงเวลาดีนี่ เธอเป็นฝ่ายทักทายก่อนอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาในห้องโถง ใบหน้ารูปไข่ระบายยิ้มอย่างมาดหมาย
วันนี้นายต้องหัวหมุนกับฉันทั้งวันนั่นแหละ นายธีรภัทร์เอ๋ย...
ผมเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอครับ เราจะไปกันรึยัง ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ เมื่อคืนเขาตีลังกาคิดจนได้ข้อสรุปว่าต้องซื้อใจพิศิตาให้ได้ เพราะเธอเป็นคนเดียวในบ้านศุภกุลที่แสดงออกว่าไม่ยอมรับในตัวเขาอย่างเปิดเผย เขาต้องทำให้ได้เพื่ออนาคตที่สดใสของตนกับพิริมา
หญิงสาวขมวดคิ้วน้อยๆ เริ่มไม่แน่ใจ
หมอนี่ไม่เดือดร้อนเลยหรือไงที่ถูกแย่งเวลามาจากพี่สาวของเธอ เขาควรต้องทำหน้าบึ้ง อารมณ์เสีย และยิ้มไม่ออกสิ แต่นี่อะไร ยังยิ้มกวนประสาทเธอได้เหมือนเดิมเฉย อะไรกันเนี่ย?
ไปสิคุณ มัวรออะไรอยู่ล่ะ เขาเร่งเร้าเมื่อเห็นเธอนิ่งไป
ไปก็ไปสิ เธอว่าพลางลุกขึ้นยืนโดยใช้ไม้ค้ำช่วย แล้วเขาก็รีบเข้ามาช่วยยึดแขนอีกข้างอย่างมีน้ำใจ สาวเจ้าเกือบจะสลัดมือใหญ่ออกแล้วเชียว ติดที่คิดได้ทันว่าวันนี้เธอจะแกล้งทำตัวดีๆ ให้เขาตายใจแล้วค่อยแผลงฤทธิ์ทีหลังจึงยอมรับความเอื้อเฟื้อนั้นโดยดี
ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปขึ้นรถของตัวเอง เป็นอีกครั้งที่พิศิตาได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขา เมื่อต่างคนต่างเข้าประจำที่เรียบร้อย รถคันงามก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปแล้วเขาก็เป็นฝ่ายชวนคุย
ขาคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ย
ค่ะ ไม่เจ็บแล้ว แต่ก็เดินไม่ถนัดเพราะเจ้าเฝือกนี่ เธอตอบแบบมีหางเสียง
คนที่ทำหน้าที่พลขับถึงกับหันขวับไปมองอย่างไม่เชื่อหู
นี่เขาหูฝาดไปเองหรือพิศิตาเกิดเพี้ยนขึ้นมาเพราะขาเจ็บ?
หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มมองอยู่จึงหันไปยิ้มหวานให้ เขาจึงรีบหันกลับไปมองถนนในทันที
ยิ้มหวานให้ด้วย นี่เขาตาฝาดหรือเธอประสาทกลับกันแน่?
มีอะไรเหรอคะ คุณมองหน้าฉันแปลกๆ นะ เธอถามและยิ้มจนตาหยี รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของตนก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
แผนนี้ได้ผลแฮะ หมอนี่ถึงกับพูดไม่ออกไปเลย โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็แพ้ทางผู้หญิงพูดเพราะๆ ยิ้มหวานๆ นี่เอง เฮอะ!
เอ้อ...เปล่า ไม่มีอะไร คุณไม่เจ็บก็ดีแล้ว จะได้กลับไปทำงานซะที อยู่บ้านเฉยๆ หลายวันคงเบื่อละสิ แล้วคุณจะไปทำงานพรุ่งนี้เลยรึเปล่า
เมื่อหญิงสาวชวนพูดจาภาษาดอกไม้ ชายหนุ่มก็คล้อยตามอย่างงงๆ อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะพูดดีทำดีกับเธออยู่แล้ว เพียงแต่โดนสาวเจ้าตัดหน้าทำทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เสียก่อนเลยมึนไปบ้าง เพราะไม่ได้เตรียมตัวมารับมือกับพิศิตาเวอร์ชั่นนี้
แบบนี้ก็ดีนะ แต่มันก็ยังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้แฮะ!
ค่ะ ก็คงงั้น เธอยิ้มหวานส่งให้ แต่ในใจกำลังคิดตรงกันข้าม
ที่ยิ้มออกนี่ก็เพราะสะใจกับสีหน้ามึนๆ ของนายหรอกนะ อย่าคิดว่าฉันหลงเสน่ห์จอมปลอมของนายเข้าเชียว คนอย่างฉันไม่มีวันหลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายเจ้าชู้แถมยังไร้หัวคิดอย่างนายแน่!
ชายหนุ่มยิ้มตอบแบบแกนๆ เอาอีกแล้ว ทั้งรอยยิ้มกับน้ำเสียงหวานๆ นั่น ทำเขาเสียวสันหลังยังไงไม่รู้
ธีรภัทร์ชักจะรู้สึกว่าระยะทางระหว่างบ้านศุภกุลกับโรงพยาบาลไกลกันราวต้องขับรถจากใต้ขึ้นไปถึงภาคเหนือ วันนี้พิศิตามาแปลกจนเขาใจคอไม่ดีและเฝ้าภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ ทันทีที่ส่งหญิงสาวเข้าห้องคุณหมอเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ถอนใจอย่างโล่งอก และแอบหลบมาหามุมสงบโทร. หาพิริมา
ถึงโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ พลอยเป็นไงบ้าง ถอดเฝือกเสร็จรึยัง แล้วจะเดินได้เป็นปกติมั้ยคะ
ใจคอจะไม่ถามถึงผมบ้างเหรอครับ น้องสาวคุณน่ะแข็งแรงออกจะตาย เขาพ้อไปตามสายแต่ไม่จริงจังอะไรนัก เพียงได้ยินเสียงพิริมาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เท่านี้ก็มีกำลังใจรับมือกับน้องสาวของเธอแล้ว
คุณไม่ใช่คนเจ็บนี่คะ พรีมก็เห็นว่าคุณแข็งแรงดี แล้วตกลงน้องสาวของพรีมเป็นยังไงบ้าง เธอตอบอย่างสดใส
คนฟังจินตนาการถึงรอยยิ้มของคนพูด และมันก็ทำให้เขายิ้มออก อยู่ในห้องกับคุณหมอครับ เดี๋ยวออกมาก็รู้กัน แต่ผมว่าคงเรียบร้อยดี น้องคุณบอกว่าไม่เจ็บแล้ว แต่เฝือกทำให้เกะกะ เคลื่อนไหวร่างกายลำบากก็เท่านั้น
ขอบคุณมากนะคะคุณธีร์ ยังไงพรีมฝากดูแลพลอยด้วย เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ
บายครับ ชายหนุ่มอมยิ้มกับโทรศัพท์มือถือ
นี่เป็นอาการปกติเมื่อได้พูดคุยกับคนที่ถูกใจ หากครั้งนี้มีบางอย่างลึกซึ้งกว่านั้น เขารู้สึกว่าพิริมาพิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยรู้จัก
พิศิตานั่งกอดอก รอคอยคนขับรถจำเป็นของเธออยู่หน้าห้องตรวจหลังถอดเฝือกออกแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาไปไหนจึงรออยู่ตรงนั้น และไม่นานเกินกว่าความอดทนของเธอจะสิ้นสุด ร่างสูงเด่นก็เดินอมยิ้มเข้ามาหา เธอรู้สึกขวางหูขวางตากับรอยยิ้มนั่นจริงๆ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ยิ้มให้เธอก็ตาม แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเดินมาหยุดข้างเก้าอี้ที่เธอนั่ง พิศิตาก็เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานอย่างประจบ
ตอนบ่ายคุณมีธุระที่ไหนรึเปล่าคะ
ถามทำไม เขาย้อนถามด้วยความหวาดระแวง แม้จะเติมกำลังใจมาจนเต็มแล้ว หากเมื่อพบปฏิกิริยาไม่คุ้นเคยจากพิศิตามันก็อดหวั่นใจไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เขาไม่เชื่อว่าเธอยอมญาติดีกับเขาแล้วจริงๆ
เธอเลิกคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาใสซื่อเท่าที่จะทำได้ คุณมีธุระเหรอคะ
ชายหนุ่มมองใบหน้ารูปไข่ที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เวลาทำหน้าตาบ้องแบ๊วแบบนี้เธอก็ดูไร้เดียงสาดีหรอกนะ เสียอย่างเดียว เขาเชื่อไม่ลงเท่านั้น!
เอาละพลอย เรามาพูดกันตรงๆ ดีกว่า ผมว่าวันนี้คุณดูแปลกๆ บางทีน่าจะให้หมอช่วยเช็กอีกรอบว่าคุณเอ่อ...ไม่สบายรึเปล่า
หญิงสาวหัวเราะคิก เต็มไปด้วยมาดของสาวสังคมชั้นสูงที่ธีรภัทร์ไม่เคยเห็น เธอทำได้น่ามองทีเดียว ตินิด ตรงที่เขาไม้ไว้ใจอีกเช่นเคย
ฉันปกติดีทุกอย่างค่ะ
แต่คุณ...
ก็คุณบอกเองว่าเราน่าจะสงบศึกกันไม่ใช่เหรอคะ คุณเป็นคนเสนอเองนะ ลืมแล้วหรือไง เธอทวนความจำเขายิ้มๆ แววตาจริงใจสุดๆ ถ้าเขาไม่ดูออกเสียก่อนว่าเธอเสแสร้ง
ใช่ สงบศึก แต่...คุณไม่ต้องทำเสียงหวานๆ แบบนี้ก็ได้ มันแปลกๆ น่ะ คะๆ ขาๆ ก็ไม่เอา ฟังแล้วขนลุก
ชายหนุ่มทำเสียงอุบอิบในลำคอเหมือนไม่อยากยอมรับว่าการเปลี่ยนไปของเธอทำให้เขาประสาทเสีย
ฉันนึกว่าคุณชอบแบบนี้ซะอีก เธอย้อนยิ้มๆ น้ำเสียงเริ่มกลับมาห้วนเหมือนพิศิตาคนเดิมแล้ว
มันก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก แต่ผมชอบให้คุณเป็นแบบเดิมมากกว่า ธีรภัทร์ยอมรับไม่เต็มเสียงนัก และอดสงสัยไม่ได้เช่นกัน เขาเคยชอบผู้หญิงแบบนี้นี่นา แล้วทำไมกลับไม่ชอบใจเอาเสียเลยเมื่อเป็นพิศิตา
เธอเลิกคิ้วประหลาดใจ
แปลกคนจริงๆ พูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้กวนโมโหมากกว่ารึไง?
ก็ตามใจ ฉันก็ชอบเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเหมือนกัน บ่ายนี้ฉันว่าจะเข้าบริษัท คุณไปส่งหน่อยได้มั้ย หญิงสาวกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช้เสียงหวาน ไม่มีคำลงท้ายชวนขนลุก น้ำเสียงดุจเดิมหากสุภาพกว่าที่เคยเป็นเล็กน้อย
แบบนี้ก็ดี ถึงฉันไม่หวานแต่ก็แกล้งให้นายหัวหมุนได้อยู่ดีนั่นแหละ หึๆ
ค่อยยังชั่วหน่อย ตกลง ผมจะไปส่งคุณที่บริษัท แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรทานก่อนดีมั้ย เกือบเที่ยงแล้ว เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อเธอกลับมาเป็นคนเดิมจึงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อย่างเอื้อเฟื้อ และเริ่มมองเห็นหนทางสงบศึกอยู่รำไร
ก็ดี คิดก่อนนะ แถวนี้มีอะไรน่าทานบ้าง เธอพยักหน้าเห็นด้วยแล้วทำท่าครุ่นคิด
งั้นมื้อนี้คุณเลือกร้านก็แล้วกัน ผมเลี้ยงเอง เมื่อเธอคล้อยตามอย่างว่าง่าย เขาจึงเอาใจเสียหน่อย เพื่อปรับสัมพันธภาพให้ราบรื่นขึ้น
จริงนะ คุณจะพาฉันไปทานอะไรก็ได้ที่อยากทานอย่างงั้นใช่มั้ย? เธอซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อย่างมิดชิด
ก็งั้นสิ เอาละ บอกมาเลย ที่ไหนก็ได้
แล้วอย่ามาบ่นทีหลังนะ เธอทำสีหน้าจริงจังขึ้นนิด
เอาเถอะ ผมไม่บ่นหรอกน่า บอกมาก็แล้วกัน
หญิงสาวอมยิ้มสมใจ เดินไปที่รถของเขาด้วยกันแล้วเป็นคนบอกเส้นทางไปร้านอาหาร ชายหนุ่มขับตามที่เธอบอกโดยไม่เอะใจสักนิดว่าสถานที่ที่พิศิตาอยากไปนั้นคือที่ไหน จนกระทั่ง...
อะไรกันคุณ ที่แบบนี้มีร้านอาหารดีๆ ด้วยเหรอ เขาถามพลางขมวดคิ้ว หลังวนหาที่จอดรถได้สำเร็จ
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเนี่ยนะ แดดร้อนเปรี้ยงๆ แบบนี้มันมีร้านอาหารอะไรดีๆ หรือเปล่าเขาไม่แน่ใจเพราะไม่เคยพาสาวคนไหนมาโฉบย่านนี้มาก่อน
ตามมาเถอะน่า ไหนรับคำนักหนาว่าจะไม่บ่นไง เธอว่าอย่างรำคาญ เดินนำไปโดยไม่สนใจคนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายติดหรูอย่างธีรภัทร์คงไม่เคยมากินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขึ้นชื่อแถวนี้อย่างแน่นอน
ก็หนุ่มเพลย์บอยเจ้าสเน่ห์อย่างเขา มีหรือจะพาสาวๆ มากินก๋วยเตี๋ยวเรือในร้านธรรมด๊าธรรมดาแบบนี้ โฮะๆ สะใจเป็นบ้าเลย!
เมื่อเลือกนั่งโต๊ะริมคลองแบบไม่ง้อเครื่องปรับอากาศแล้วพิศิตาก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหมูกับบะหมี่หมูอย่างละห้าชาม เรียบร้อยแล้วค่อยใช้ปลายเท้าสะกิดชายหนุ่มที่นั่งกอดอก หน้าตาบึ้งตึงอยู่ตรงข้ามกัน
สั่งสิคุณ จะเอาเส้นอะไร เที่ยงครึ่งแล้วนะ ไม่หิวรึไง รีบๆ สั่งซะ ไม่เห็นเหรอว่าลูกค้าเขาเยอะแค่ไหน หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง
นั่น! นอกจากไม่สำนึกแล้วยังมาด่าเขาต่อหน้าพนักงานเสิร์ฟอีก
ผมไม่หิว
ชายหนุ่มบอกเสียงห้วนจนพนักงานสะดุ้งโหยง รีบโค้งให้แล้วเดินจากไปโดยเร็ว
หญิงสาวกลั้นหัวเราะแทบตายก่อนจะแกล้งถามหน้าตาใสซื่อ หากไม่บริสุทธิ์ใจแม้แต่น้อย ก็ไหนคุณบอกว่าจะหาอะไรทานไม่ใช่เหรอ ก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่อร่อยนะ น่าจะลองดูซักหน่อย แต่ถ้าไม่หิวก็ช่างเถอะ ฉันทานคนเดียวก็ได้ คุณรอหน่อยก็แล้วกันนะ มาทีไรฉันต้องสั่งสิบชามอัปทุกที
ธีรภัทร์ถลึงตาขุ่นจัดจ้องหน้าหญิงสาวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ได้แต่นึกแค้นเคืองอยู่ในใจที่เสียรู้ให้พิศิตาพามาแกล้งถึงนี่
แล้ววันนั้นทั้งวันเขาก็ต้องกลายเป็นคนขับรถประจำตัวของยายเด็กแสบไปโดยปริยาย ดูเหมือนหญิงสาวจะมีธุระต้องทำเยอะแยะจนไม่น่าเชื่อ ทั้งกลับไปเช็กงานที่บริษัท แถมแม่สาวติดดินยังเกิดเพี้ยนอยากเดินห้างสรรพสินค้าขึ้นมาอีก เธอชอปปิงสินค้าหรูหราเต็มอ้อมแขนโดยมีเขาเป็นคนหอบหิ้วของพะรุงพะรังให้อย่างกับคนรับใช้ส่วนตัว
นึกว่าเขาโง่หรือไง ดูจากการแต่งตัวสบายๆ ของเจ้าหล่อนแล้วก็บอกรสนิยมชัดเจนว่าไม่โปรดของแบรนด์เนมสักเท่าไร แต่วันนี้คุณเธอเข้าไปดูเกือบทุกร้าน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เรียกว่าตั้งแต่หัวจดเท้า หญิงสาวไม่พลาดแม้แต่ร้านเดียว
ยัง...ยังไม่พอ นอกจากเดินชมทุกร้านแล้วเธอยังโวยวายหาเรื่องพนักงานไปทั่ว หาว่าของแพงบ้าง คุณภาพแย่บ้าง ไม่สวยสมราคาบ้าง เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด ต่อไปคงควงสาวๆ มาเดินห้างฯ นี้ไม่ได้อีก เพราะคนขายคงจำหน้าเขาได้หมดแล้ว
แต่ประเด็นที่น่าโมโหสุดคือตั้งแต่เที่ยงแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะเจ้าหล่อนเล่นหนีบตัวเขาไปด้วยทุกหนแห่ง โปรแกรมชอปปิงของเธอแน่นเอี้ยด ไม่มีเวลาให้เขากระดิกตัวไปไหนได้เลย จะเหลือก็แต่ห้องน้ำหญิงที่เขาเข้าไปด้วยไม่ได้ และห้องน้ำชายที่หญิงสาวไม่อาจย่างกรายเข้าไปก่อกวน
นึกแล้วก็เจ็บใจชะมัด รู้ทั้งรู้ว่าถูกพิศิตากลั่นแกล้งแต่กลับถอนตัวไม่ได้ดั่งใจ แถมต้องยอมเป็นเบ๊ให้เธอทั้งวันจนหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะโทร. ไปฟ้องพิริมาเรียกคะแนนสงสาร
ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวแสบ ฮึ่ม!
ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจขณะขับรถมาส่งพิศิตาที่บ้านในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาขับรถด้วยความเร็วสูง หักพวงมาลัยเข้าเสียบที่หน้ามุขและแตะเบรกกะทันหันจนคนนั่งข้างหัวทิ่ม แต่ไม่เป็นอะไรเพราะเธอคาดเข็มขัดนิรภัยไว้อย่างดี
ขอบคุณมากนะ วันนี้ฉันสนุกจริงๆ ไม่ได้เดินห้างฯ นานแล้ว ขับรถกลับบ้านดีๆ ละ คุณคงเหนื่อยแย่ บ๊ายบาย
ยายตัวแสบว่าอย่างอารมณ์ดี ไม่ถือสากับอาการเหวี่ยงของชายหนุ่มเมื่อครู่นี้เพราะได้แกล้งเขาจนหนำใจแล้วตลอดทั้งวัน
ธีรภัทร์เม้มปากเป็นเส้นตรง สีหน้าขุ่นจัดอย่างน่ากลัวและไม่ตอบอะไรสักคำ เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถพร้อมข้าวของมากมายของเธอ เขาก็กระชากรถออกไปทันทีแบบไม่เหลียวหลัง
พิศิตามองตามท้ายรถสปอร์ตคันงามที่พุ่งตัวจากไปแล้วระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
สมน้ำหน้า จะได้รู้ซะบ้างว่าฉันไม่ยอมรับนายเป็นพี่เขยเด็ดขาด ชิ!
|
Create Date : 25 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 25 ธันวาคม 2557 12:00:50 น. |
|
0 comments
|
Counter : 510 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|