Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 9 @ แผนแก้ลำ




ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นัยน์ตาคมดำจ้องมองซองสีหวานในมือก่อนจะเปิดดูด้านในช้าๆ คล้ายต้องการประวิงเวลาปวดใจออกไปให้นานที่สุด แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้นจึงดึงการ์ดสีชมพูที่ระบุชื่อบ่าวสาวเอาไว้ออกมาดูให้เห็นกับตา

‘ตรีนุช’ คือชื่อของเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าวก็คือ ‘พงศธร’ เจ้านายหนุ่มของเธอเอง เขาปล่อยให้การ์ดร่วงจากมือ หลับตาลง นั่งนิ่งอยู่ในท่านั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลืมตาขึ้นและยืดตัวตรง

“พี่เอง เข้าไปได้ไหม” วีรภัทร์ยืนอยู่ระหว่างช่องประตู ซึ่งเปิดแง้มไว้ รอคอยคำอนุญาตจากเจ้าของห้องด้วยสีหน้าจริงจัง

“เชิญครับ” พีรภัทร์กลบเกลื่อนร่องรอยความเสียใจด้วยรอยยิ้มบางๆ “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับพี่วีร์”

ร่างสูงเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของน้องชาย ริมฝีปากหยักลึกเม้มเป็นเส้นตรงเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ อาการคล้ายลังเลของพี่ชาย ซึ่งไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนักทำให้คนเป็นน้องอดยิ้มไม่ได้

“มีอะไรก็ว่ามาเถอะครับ ถ้าผมช่วยได้ก็จะทำ”

พี่ชายนั่งลงพลางถอนใจ ก่อนจะเอ่ยคล้ายขอคำปรึกษา “ได้ยินว่าคุณหญิงสั่งห้ามแพงไม่ให้มาทำงาน”

“ครับ น้องแพงไม่ได้มาทำงานที่นี่แล้ว”

“ก่อนหน้านั้นพี่ได้ยินว่าแม่ขอย้ายแพงให้มาเป็นเลขาฯ ของนาย”

“ครับ แต่ตอนนี้พี่วีร์ก็เห็นแล้วว่าเลขาฯ ของผมไม่ใช่น้องแพง”

“เท่าที่เห็นก็ใช่ แต่นายไม่สนใจข้อเสนอของแม่บ้างเหรอ” คนหน้าเคร่งพูดพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะช้าๆ

พีรภัทร์อมยิ้ม “เรื่องที่แม่อยากให้น้องแพงมาเป็นเลขาฯ ของผม หรือเรื่องที่แม่อยากได้น้องแพงมาเป็นสะใภ้คนเล็กล่ะครับ แต่ผมว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากทั้งสองกรณี ตอนนี้คุณหญิงไม่สนใจหนุ่มๆ บ้านเราแล้ว”

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณหญิงหรอก อยู่ที่ว่านายสนใจรึเปล่า”

“เอาธุระที่ทำให้พี่วีร์มาหาผมวันนี้ดีกว่า มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง” น้องชายตัดบทเข้าประเด็นก่อนจะถูกพี่ชายไล่ต้อนจนมุม

วีรภัทร์ถอนใจอย่างอึดอัด ท่าทางเหงาหงอยเซื่องซึมของพิณณิศาในตอนที่กลัวว่าจะถูกคุณหญิงลงโทษยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่จนวันนี้ ยิ่งได้รู้ว่าเด็กนั่นถูกสั่งห้ามไม่ให้มาทำงานและตอนนี้ก็คงจะถูกเก็บตัวไว้ในบ้านศุภกุลเหมือนนกน้อยในกรงทองถูกจองจำด้วยความห่วงใยที่มากเกินพอดีของผู้เป็นย่า เขาก็ยิ่งเห็นใจและห้ามความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้

ชายหนุ่มคิดว่าอาจจะพอช่วยเธอได้ และถ้าไม่ยอมช่วย ดวงตาเศร้าสร้อยของพิณณิศาคงจะตามหลอกหลอนเขาไม่มีวันสิ้น เพียงแค่ไม่กี่วันก็ทำให้เขากระวนกระวายใจจนจะบ้า เขารู้ว่าไม่สามารถทนอยู่กับความรู้สึกนี้ตลอดไปแน่จึงตัดสินใจมาพูดกับน้องชาย แต่พอเอาจริงก็เกิดจะพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ

“พี่วีร์ครับ พูดมาเถอะ อยากให้ผมช่วยอะไร ถ้าทำได้ผมจะทำเต็มที่” คนเป็นน้องสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของพี่ชายจึงเปิดช่องให้อีกฝ่ายพูดออกมาตามตรง

“พี่อยากให้แพงมาทำงานกับนาย จะให้เป็นผู้ช่วยเลขาฯ หรืออะไรก็ได้ ถึงจะยังทำงานไม่เก่งแต่แพงเป็นเด็กดีและเขาก็อยากทำงานด้วย” พูดไปแล้วก็ทั้งโล่งอกและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องของใครเช่นนี้มาก่อน หวังว่าพีรภัทร์คงไม่สังเกต

“แล้วไงครับ” น้องชายย้อนถาม ซ่อนความประหลาดใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบขรึมอย่างมิดชิด

“พี่อยากให้นายไปคุยกับแพง แล้วก็คุณหญิงด้วย”

“คุณหญิงสั่งห้ามเด็ดขาดแล้ว พี่วีร์คิดว่ายังมีหนทางอีกเหรอครับ”

“พี่อยากให้นายพยายาม” เสียงนั้นจริงจังทั้งขอร้องอยู่ในที

คนเป็นน้องนิ่งคิดครู่หนึ่ง เหลือบเห็นการ์ดแต่งงานบนโต๊ะจึงค้นพบคำตอบแบบส้มหล่น “ตกลงครับ ผมจะลองดู”

“ขอบใจนะ” วีรภัทร์ค่อยยิ้มออกและเพิ่งสังเกตเห็นริ้วรอยความเศร้าหมองบนใบหน้าน้องชาย นัยน์ตาก็หม่นแสงคล้ายมีเรื่องบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในใจ

“นายเป็นอะไรรึเปล่า”

คำตอบคือการ์ดที่น้องชายเลื่อนมาให้ดู เมื่อเห็นชื่อเจ้าสาว เขาจึงเลิกคิ้วแทนคำถาม

“นุชกำลังจะแต่งงาน จัดเลี้ยงคืนวันศุกร์นี้ เธอเชิญผมไปด้วย”

“แล้วนายว่ายังไง” เสียงถามยังคงราบเรียบ ทั้งที่ในใจเริ่มเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาตงิดๆ

“ก็ว่าจะไปครับ”

วีรภัทร์นิ่งเงียบครู่หนึ่ง ตรีนุชเป็นเพื่อนหญิงคนเดียวที่พีรภัทร์เคยพูดถึง แม้จะไม่บอกออกมาตรงๆ แต่เขากับธีรภัทร์ต่างก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญต่อน้องชาย

เขาไม่เคยรู้ว่าเธอพิเศษแค่ไหนจนกระทั่งวันนี้ วันที่ได้เห็นนัยน์ตาเศร้าลึกของพีรภัทร์ นี่คงเป็นคำตอบว่าทำไมน้องชายของเขาถึงยอมวางมือจากงานถ่ายภาพ กลับมาอยู่บ้านและเข้ามาช่วยงานที่บริษัท

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ นายเป็นน้องชายของพี่ อย่าลืมซะล่ะ”

“ขอบคุณครับ เรื่องน้องแพง ผมคิดว่าจัดการได้ พี่วีร์ไม่ต้องห่วง” เขาฝืนยิ้มเหมือนว่าไม่เป็นไร

“งั้นพี่ไม่กวนนายแล้ว” พี่ชายเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้น เลื่อนการ์ดแต่งงานคืนให้น้องชายก่อนเดินจากไป

พีรภัทร์เหลือบตามองการ์ดนั่นเพียงแวบเดียว ก่อนยกหูโทรศัพท์หาเลขาฯ หน้าห้อง

“ต่อเบอร์บ้านคุณหญิงพรรณรายให้ผมที ขอสายพิณณิศา” ชายหนุ่มสั่งความลงไป รอเพียงไม่นานก็ได้พูดกับพิณณิศาดั่งใจ



หลังเลิกงานพีรภัทร์ขับรถเลยไปบ้านศุภกุล การได้พูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์ทำให้เขาจับได้ว่าพิณณิศาไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ อย่างที่วีรภัทร์ว่าไว้จึงแวะมาพูดกับหญิงสาวด้วยตัวเองและถือโอกาสขออนุญาตคุณหญิงด้วย

“อ้อ เธอนี่เอง นั่งก่อนสิ มาถึงนี่มีธุระอะไรรึ” เจ้าของบ้านทักทายอย่างไว้ตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูททำงานสุดเนี้ยบเดินตามเด็กในบ้านเข้ามาในห้องโถงและยกมือไหว้ทำความเคารพตนอย่างมีมารยาท

เขากล่าวขอบคุณและนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่แคร์ทีท่าหมางเมินของผู้สูงวัย “ผมมาหาน้องแพงครับ มีเรื่องอยากคุยกับเธอและอยากจะขอรบกวนคุณหญิงเล็กน้อยด้วยครับ”

อีกฝ่ายขยับแว่นตานิดเพื่อมองชายหนุ่มตรงหน้าให้ชัดๆ ราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน “มีเรื่องอยากขอรบกวนฉัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่แพงด้วยงั้นรึ?”

“ผมอยากขออนุญาตคุณหญิงให้น้องแพงกลับไปทำงานที่อมรกรุ๊ปครับ ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ที่นี่ ตั้งใจจะให้น้องแพงมาช่วยงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาฯ เมื่อเธอไม่ไปทำงาน ตอนนี้เลขาฯ ของผมจึงขาดผู้ช่วยอยู่ครับ”

“ผู้ช่วยเลขาฯ?” เสียงถามมีแววประหลาดใจค่อนไปทางไม่พอใจ หลานสาวของเธอเป็นได้แค่ผู้ช่วยเลขานุการเช่นนั้นหรือ มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว

ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ พร้อมอธิบายอย่างมีเหตุผล “งานเลขาฯ คนอื่นอาจมองว่าใกล้ชิดกับเจ้านายและมีเกียรติกว่าพนักงานทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันเป็นงานที่หนักมาก ความรับผิดชอบก็สูงด้วย ผมกับน้องแพงยังใหม่กับงานทั้งคู่ คิดว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีและสามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ครับ นอกจากน้องแพง ผมก็มองไม่เห็นใครอีกแล้วจึงได้มาขอความกรุณาจากคุณหญิง”

ผู้สูงวัยพยักหน้า แอบชื่นชมหนุ่มรุ่นหลานอยู่ในใจกับความคิดอ่านที่รอบคอบมีเหตุมีผล มิใช่สักแต่จะเอาใจคนแก่เพื่อผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว เป็นความจริงที่ว่าหลานสาวคนเล็กของเธอยังต้องเรียนรู้งานอีกมากกว่าจะเป็นเลขานุการที่ดีได้ อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจ ไม่ยกยอหลานสาวเธอจนเกินจริง ใจถึงไม่เบา

“นี่เธอมาขอให้ฉันยอมให้แม่แพงกลับไปทำงานที่นั่นอีกรึ เธอนี่ช่างกล้าเสียจริง” คุณหญิงแสร้งทำท่าไม่พอใจ ปิดซ่อนความชื่นชมเอาไว้อย่างมิดเม้น ถึงเธอจะชอบพ่อหนุ่มนี่ แต่ถ้าไม่เล่นตัวเสียหน่อย เขาจะหาว่าหลานสาวบ้านนี้เป็นของตาย

“ผมมาขอความกรุณาจากคุณหญิงครับ และผมก็คิดว่าน้องแพงคงสนใจงานนี้เหมือนกัน เธออยู่บ้านเฉยๆ แบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกครับ ขอให้ไว้ใจผม ผมจะดูแลน้องแพงอย่างดีที่สุด ขอผมพูดกับเธอด้วยตัวเองเถอะนะครับ” น้ำเสียงและท่าทีของเขายังคงความสุภาพเอาไว้ หากในถ้อยคำบ่งชัดถึงความตั้งใจอันแน่วแน่

หญิงชราซ่อนยิ้มไว้ภายใต้ท่าทีไม่เต็มใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ลองถามความกันเองก็แล้วกัน”

ว่าแล้วก็หันไปบอกเด็กในบ้านให้ตามพิณณิศามาพบแขก

ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างมีชัย เมื่อคุณหญิงให้ไฟเขียวแล้วเรื่องของพิณณิศาก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

คุณหญิงพรรณรายปล่อยให้พีรภัทร์คุยกับพิณณิศาตามลำพังในศาลาทรงไทยที่สวนด้านนอก แต่ให้คนสวนกับเด็กในบ้านวนเวียนอยู่แถวนั้น ไม่ให้สองหนุ่มสาวคลาดสายตาไปได้

ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบด้านนัก เขาสนแค่ว่าสาวน้อยจะตอบคำขอร้องของตนว่าอย่างไร

“ว่าไงจ๊ะน้องแพง อยากจะกลับไปทำงานกับพี่ไหม”

“แพงก็อยากทำงานนะคะ แต่ว่า...” คนตัวเล็กมองอีกฝ่ายตาละห้อย อยากกลับไปทำงานก็อยากอยู่หรอก แต่เธอไม่กล้าสู้หน้าวีรภัทร์เสียแล้วนี่สิปัญหา

“แต่อะไรฮึ คราวนี้ได้เลื่อนตำแหน่งด้วยนะ ทำงานกับพี่รับรองพี่ไม่ให้ใครมารังแกน้องแพงแน่นอน ตกลงนะ” เขาอ้อนราวกับคุ้นเคยกันมานานแรมปีทั้งที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่พิณณิศาก็เป็นหลานสาวคนเดียวของคุณหญิงที่ชายหนุ่มสบายใจมากพอจะคบหาอย่างเปิดเผย เพราะเธอยังดูเด็กมาก ไม่มีทางที่เขาจะมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากน้องสาว

พิณณิศาอดหัวเราะไม่ได้ บทจะอ้อนขึ้นมาก็ดูน่ารักดีเหมือนกันสำหรับผู้ชายอายุสามสิบ เธอสบายใจที่จะทำงานกับเขามากกว่าวีรภัทร์ แต่นั่นยังไม่ทำให้เธอมีความมั่นใจมากพอ

“แพง...ไม่รู้ซิคะ พี่พีร์คิดว่าแพงจะทำได้เหรอ”

“ต้องได้อยู่แล้ว เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยสิ เป็นอันว่าน้องแพงตกลงแล้วนะ พรุ่งนี้ไปทำงานเลย พี่จะรอ” เขาสรุปแบบมัดมือชกทันทีที่สบโอกาส

“พรุ่งนี้เหรอคะ จะไม่ให้แพงเตรียมตัวหน่อยเหรอ พี่พีร์เล่นมัดมือชกแบบนี้แพงตั้งรับไม่ทันเลย” หญิงสาวครวญเสียงอ่อย แต่ในใจก็เอียงไปข้างเขาเยอะแล้ว

เป็นความจริงที่ว่าเธอไม่อยากถูกเก็บตัวไว้ในบ้านศุภกุลจนแก่ตาย ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ก็อาจไม่มีครั้งหน้า ถึงจะไม่อยากเจอ ‘คนบางคน’ เท่าไร แต่คงจะดีกว่าถ้าได้ทำงานให้จิตใจหายฟุ้งซ่านเสียบ้าง

“พรุ่งนี้ดีแล้ว คุณย่าของแพงจะได้วางใจ คืนวันศุกร์นี้พี่อยากให้น้องแพงช่วยอะไรหน่อย” เขาบอกด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งกังวล

“คืนวันศุกร์นี้ทำไมเหรอคะ” เธอถามด้วยความสนใจแกมสงสัย

“พี่จะไปงานแต่งงานของ...เพื่อนสนิท งานเลี้ยงตอนกลางคืนน่ะ แต่ยังไม่มีสาวสวยให้ควงเลย น้องแพงสนใจไปด้วยกันมั้ย” แม้จะสะดุดเล็กน้อยตรงคำว่า ‘เพื่อนสนิท’ แต่ชายหนุ่มก็พูดต่อได้จนจบประโยค

“งานเลี้ยงเหรอคะ น่าสนุกจัง” คนที่อยากเปิดหูเปิดตาอยู่แล้วทำตาโตอย่างตื่นเต้น แต่พอนึกได้ว่าเธอเพิ่งจะไปงานกลางคืนแค่ครั้งเดียวและได้ก่อเรื่องไว้จนยุ่งเหยิงไปหมด สีหน้าเบิกบานเมื่อครู่จึงสลดลงทันใด

“แต่ว่า...”

“อย่าห่วงไปเลย เรื่องคุณหญิงให้พี่จัดการเอง แค่น้องแพงอยากไป รับรองว่าพี่จัดการได้” เขาบอกเหมือนรู้ว่าเธอกังวลเรื่องใดอยู่

พิณณิศาสบตาชายหนุ่มอย่างไม่แน่ใจ ‘จัดการ’ คืนนั้นวีรภัทร์ก็พูดกับเธอแบบนี้ แต่แล้วก็เกิดเรื่องยุ่งขิงที่สุดในชีวิตขึ้นมาจนได้ คราวนี้จะให้เธอเชื่อใจน้องชายเขาอีกหรือ เสี่ยงไปไหม?

ชายหนุ่มยิ้มให้ความมั่นใจ “เชื่อสิว่าพี่ไม่ทำให้เรื่องยุ่งเหมือนพี่วีร์หรอก ตกลงว่าพรุ่งนี้น้องแพงจะไปทำงานกับพี่แล้วนะ พี่จะได้บอกคนจัดโต๊ะให้”

หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างไม่มั่นใจนัก แต่สุดท้ายก็ผงกศีรษะรับ เธอต้องลองเสี่ยง ไม่เช่นนั้นก็ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านตามแต่คุณหญิงย่าจะบงการ “ตกลงค่ะ แต่แพงมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

“ว่าไงจ๊ะ”

“พี่พีร์ต้องเลิกเรียกแพงว่า ‘น้องแพง’ ซะที ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วย แพงไม่อยากเป็น ‘น้องแพงผู้ช่วยเลขาฯ คุณพีร์’ ฟังแล้วขนลุกชะมัด” เธอต่อรองด้วยสีหน้ามู่ทู่ ก็รู้ว่าตัวเองหน้าเด็ก แต่เธอโตแล้วนี่นา ไม่อยากเป็นเด็กกะโปโลในสายตาเพื่อนร่วมงาน

เขากลั้นยิ้มขัน รับปากอย่างหนักแน่น “พี่ให้สัญญาจ้ะ”



“ตกลงว่าจะกลับไปทำงานอย่างนั้นใช่ไหมแม่แพง” คุณหญิงเอ่ยถามหลานสาวคนเล็กบนโต๊ะอาหารในตอนเย็น ระหว่างรอพิริมากลับมากินข้าวพร้อมกัน เพราะหญิงสาวโทร. มาบอกล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะถึงบ้าน

“ค่ะคุณย่า” สาวน้อยรับคำอย่างสงบเสงี่ยมด้วยไม่แน่ใจว่าพีรภัทร์จะ ‘จัดการ’ ได้จริงหรือไม่

“ก็ตามใจ แล้วเราล่ะแม่พลอย ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะได้ถอดเฝือกแล้วรึ”

“ค่ะ” พิศิตาตอบรับด้วยความยินดีแกมโล่งใจ พรุ่งนี้เธอก็ไม่ต้องเป็นเป๋เก็บบอลให้ใครแล้ว

ผู้เป็นย่าพยักหน้ารับรู้ “ดีแล้ว อยู่บ้านหลายวันคงเบื่อเต็มทนละสิ”

พิศิตายิ้มแป้นยอมรับ ระดับคุณหญิงพรรณรายไม่ต้องโกหกเสียให้ยาก ท่านรู้จักหลานสาวทุกคนของตัวเองดี

“กลับมาแล้วค่ะ รอนานมั้ยคะคุณย่า” พิริมายิ้มหวานมาแต่ไกล ร่างสูงใหญ่ที่ตามมาติดๆ ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองเป็นตาเดียว

“สวัสดีครับคุณหญิง น้องแพง คุณพลอย” ธีรภัทร์ไหว้คุณหญิงแล้วทักทายอีกสองสาวอย่างอารมณ์ดี

“มาส่งแม่พรีมรึ นั่งก่อนสิ ทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วค่อยกลับ” ผู้สูงวัยทักทายหนุ่มหล่อด้วยรอยยิ้มสุขุม หลายวันมานี้ธีรภัทร์เช้าถึงเย็นถึงจนน่าหนักใจ แต่เธอก็จำต้องปล่อยไปก่อนเพราะเดี๋ยววีรภัทร์จะรู้ตัวว่าเธอยังอยากได้เขาเป็นหลานเขยคนโตไม่เปลี่ยนแปลง

“ขอบคุณครับคุณหญิง ผมกะจะขอฝากท้องที่นี่พอดีเลย” เขายิ้มรับคำเชิญด้วยความเต็มใจยิ่ง นึกกระหยิ่มว่างานนี้ได้ไฟเขียวจากทุกคนในบ้านเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่...

หันไปมองหน้าพิศิตาก็เจอกับแววตาขวางๆ ที่เจ้าหล่อนจ้องมองมาอย่างไม่เก็บอาการ

พิศิตาถอนใจเสียงดัง ดูเถอะ ในขณะที่เธอนอนเดี้ยงอยู่กับบ้าน หมอนี่ก็ฉวยโอกาสโกยคะแนนกับพี่สาวเธอไปเต็มๆ มันน่าเจ็บใจนัก แบบนี้ยอมไม่ได้ซะแล้ว สงบศึกหรือ ฝันไปก่อนเถอะ!

“จริงสิพรีม พรุ่งนี้ต้องทำงานรึเปล่า พลอยมีนัดถอดเฝือก ตัวขับรถให้หน่อยได้มั้ย” เธอหันไปอ้อนพี่สาว จะกีดกันพิริมาให้ห่างจากผู้ชายจอมกะล่อนทุกวิถีทางเลย

“พรุ่งนี้เหรอ อืม...เหมือนคิวจะแน่นทั้งวันเลย ใกล้จะหยุดงานไปหัวหินกันแล้ว พี่นีน่าไม่มีวันปล่อยพรีมไปไหนแน่ นี่ขนาดตัวไม่มายังส่งคนอื่นมาคุมแทนเลย” พิริมาหันไปมองชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสายตากล่าวหา

“อะไรกันครับ ผมไม่ได้มาคุมซะหน่อย มาคอยดูแลคุณต่างหาก” เขาแกล้งโวย หากนัยน์ตาพราวระยับ ลืมหมดทั้งหัวหงอกหัวดำที่นั่งหน้าสลอนกันเต็มโต๊ะ

คุณหญิงกระแอมในลำคอเมื่อได้ยินธีรภัทร์เกี้ยวพาหลานสาวคนโปรดต่อหน้าต่อตา “ไม่รู้เป็นไรคนแก่ก็แบบนี้แหละ อย่าสนใจเลยนะ”

ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนไปนิดเมื่อสำนึกได้ว่าคุณหญิงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ในขณะที่พิณณิศาหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนพิศิตากลับวางสีหน้าเหมือนคนคลื่นไส้ เหลือเพียงโก่งคอขึ้นเท่านั้นทุกคนจะดูออกทันทีว่าเธออยากอ้วกเต็มแก่แล้ว

“เอาอย่างนี้สิพลอย ให้คุณธีร์ไปส่งแทนได้มั้ย ยังไงพลอยก็ขับรถเองไม่ได้อยู่แล้ว ว่าไงคะคุณธีร์ พรุ่งนี้ว่างไม่ใช่เหรอ พรีมฝากน้องสาวซักวันได้มั้ยคะ” พิริมาเสนอความคิดอย่างจงใจ เธอรู้ว่าสองคนนี้ไม่กินเส้นกันอย่างหนัก แต่อยากให้พวกเขาลองปรับตัวเข้าหากันบ้าง โตๆ กันหมดแล้วไม่ใช่เด็กที่ต้องมาตั้งแง่ใส่กันอยู่ร่ำไป

ธีรภัทร์มีสีหน้าเหมือนคนถูกบังคับให้กินยาขม เหลือบมองพิศิตาแวบเดียวก่อนหันมาเออออกับพิริมาอย่างเอาใจ “คุณพรีมว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้นครับ”

พิศิตาซ่อนยิ้มชั่วร้าย ขอให้แยกพิริมาออกจากธีรภัทร์ได้ เธอจะยอมทนเหม็นขี้หน้าเขาสักวันก็ได้ “เป็นอันว่าตกลงตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้สิบโมงเช้ามารับพลอยที่นี่เลยนะคะคุณธีร์ พลอยนัดหมอไว้ตอนสิบเอ็ดโมง”

เสียงหวานบาดใจนั้นทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะต่างก็อึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน โดยเฉพาะธีรภัทร์ เขาทั้งอึ้ง ทั้งเสียวสันหลังวาบ และวิตกจริตอยู่เนืองๆ ก่อนจะฝืนยิ้มตอบ และแอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

‘คุณธีร์? พลอย? ยายนี่เคยพูดหวานๆ แบบนี้กับเราที่ไหนกัน มีแผนการชั่วร้ายอะไรรึเปล่า สงสัยพรุ่งนี้ต้องเตรียมรับมือยายตัวร้ายแล้วละ!’

คุณหญิงอมยิ้มในหน้า มองเห็นแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์อยู่รำไร การจับคู่ธีรภัทร์กับหลานสาวคนรองของเธอน่าจะพอมีโอกาสเป็นไปได้อยู่บ้าง



ธีรภัทร์มารับพิศิตาที่บ้านศุภกุลตามนัด หญิงสาวเตรียมพร้อมแล้วเมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้ามุขในเวลาสิบโมงตรงเป๊ะ

“ตรงเวลาดีนี่” เธอเป็นฝ่ายทักทายก่อนอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาในห้องโถง ใบหน้ารูปไข่ระบายยิ้มอย่างมาดหมาย

‘วันนี้นายต้องหัวหมุนกับฉันทั้งวันนั่นแหละ นายธีรภัทร์เอ๋ย...’

“ผมเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอครับ เราจะไปกันรึยัง” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ เมื่อคืนเขาตีลังกาคิดจนได้ข้อสรุปว่าต้องซื้อใจพิศิตาให้ได้ เพราะเธอเป็นคนเดียวในบ้านศุภกุลที่แสดงออกว่าไม่ยอมรับในตัวเขาอย่างเปิดเผย เขาต้องทำให้ได้เพื่ออนาคตที่สดใสของตนกับพิริมา

หญิงสาวขมวดคิ้วน้อยๆ เริ่มไม่แน่ใจ

หมอนี่ไม่เดือดร้อนเลยหรือไงที่ถูกแย่งเวลามาจากพี่สาวของเธอ เขาควรต้องทำหน้าบึ้ง อารมณ์เสีย และยิ้มไม่ออกสิ แต่นี่อะไร ยังยิ้มกวนประสาทเธอได้เหมือนเดิมเฉย อะไรกันเนี่ย?

“ไปสิคุณ มัวรออะไรอยู่ล่ะ” เขาเร่งเร้าเมื่อเห็นเธอนิ่งไป

“ไปก็ไปสิ” เธอว่าพลางลุกขึ้นยืนโดยใช้ไม้ค้ำช่วย แล้วเขาก็รีบเข้ามาช่วยยึดแขนอีกข้างอย่างมีน้ำใจ สาวเจ้าเกือบจะสลัดมือใหญ่ออกแล้วเชียว ติดที่คิดได้ทันว่าวันนี้เธอจะแกล้งทำตัวดีๆ ให้เขาตายใจแล้วค่อยแผลงฤทธิ์ทีหลังจึงยอมรับความเอื้อเฟื้อนั้นโดยดี

ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปขึ้นรถของตัวเอง เป็นอีกครั้งที่พิศิตาได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขา เมื่อต่างคนต่างเข้าประจำที่เรียบร้อย รถคันงามก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปแล้วเขาก็เป็นฝ่ายชวนคุย

“ขาคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ย”

“ค่ะ ไม่เจ็บแล้ว แต่ก็เดินไม่ถนัดเพราะเจ้าเฝือกนี่” เธอตอบแบบมีหางเสียง

คนที่ทำหน้าที่พลขับถึงกับหันขวับไปมองอย่างไม่เชื่อหู

นี่เขาหูฝาดไปเองหรือพิศิตาเกิดเพี้ยนขึ้นมาเพราะขาเจ็บ?

หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มมองอยู่จึงหันไปยิ้มหวานให้ เขาจึงรีบหันกลับไปมองถนนในทันที

ยิ้มหวานให้ด้วย นี่เขาตาฝาดหรือเธอประสาทกลับกันแน่?

“มีอะไรเหรอคะ คุณมองหน้าฉันแปลกๆ นะ” เธอถามและยิ้มจนตาหยี รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของตนก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

แผนนี้ได้ผลแฮะ หมอนี่ถึงกับพูดไม่ออกไปเลย โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็แพ้ทางผู้หญิงพูดเพราะๆ ยิ้มหวานๆ นี่เอง เฮอะ!

“เอ้อ...เปล่า ไม่มีอะไร คุณไม่เจ็บก็ดีแล้ว จะได้กลับไปทำงานซะที อยู่บ้านเฉยๆ หลายวันคงเบื่อละสิ แล้วคุณจะไปทำงานพรุ่งนี้เลยรึเปล่า”

เมื่อหญิงสาวชวนพูดจาภาษาดอกไม้ ชายหนุ่มก็คล้อยตามอย่างงงๆ อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะพูดดีทำดีกับเธออยู่แล้ว เพียงแต่โดนสาวเจ้าตัดหน้าทำทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เสียก่อนเลยมึนไปบ้าง เพราะไม่ได้เตรียมตัวมารับมือกับพิศิตาเวอร์ชั่นนี้

แบบนี้ก็ดีนะ แต่มันก็ยังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้แฮะ!

“ค่ะ ก็คงงั้น” เธอยิ้มหวานส่งให้ แต่ในใจกำลังคิดตรงกันข้าม

‘ที่ยิ้มออกนี่ก็เพราะสะใจกับสีหน้ามึนๆ ของนายหรอกนะ อย่าคิดว่าฉันหลงเสน่ห์จอมปลอมของนายเข้าเชียว คนอย่างฉันไม่มีวันหลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายเจ้าชู้แถมยังไร้หัวคิดอย่างนายแน่!’

ชายหนุ่มยิ้มตอบแบบแกนๆ เอาอีกแล้ว ทั้งรอยยิ้มกับน้ำเสียงหวานๆ นั่น ทำเขาเสียวสันหลังยังไงไม่รู้

ธีรภัทร์ชักจะรู้สึกว่าระยะทางระหว่างบ้านศุภกุลกับโรงพยาบาลไกลกันราวต้องขับรถจากใต้ขึ้นไปถึงภาคเหนือ วันนี้พิศิตามาแปลกจนเขาใจคอไม่ดีและเฝ้าภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ ทันทีที่ส่งหญิงสาวเข้าห้องคุณหมอเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ถอนใจอย่างโล่งอก และแอบหลบมาหามุมสงบโทร. หาพิริมา

“ถึงโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ พลอยเป็นไงบ้าง ถอดเฝือกเสร็จรึยัง แล้วจะเดินได้เป็นปกติมั้ยคะ”

“ใจคอจะไม่ถามถึงผมบ้างเหรอครับ น้องสาวคุณน่ะแข็งแรงออกจะตาย” เขาพ้อไปตามสายแต่ไม่จริงจังอะไรนัก เพียงได้ยินเสียงพิริมาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เท่านี้ก็มีกำลังใจรับมือกับน้องสาวของเธอแล้ว

“คุณไม่ใช่คนเจ็บนี่คะ พรีมก็เห็นว่าคุณแข็งแรงดี แล้วตกลงน้องสาวของพรีมเป็นยังไงบ้าง” เธอตอบอย่างสดใส

คนฟังจินตนาการถึงรอยยิ้มของคนพูด และมันก็ทำให้เขายิ้มออก “อยู่ในห้องกับคุณหมอครับ เดี๋ยวออกมาก็รู้กัน แต่ผมว่าคงเรียบร้อยดี น้องคุณบอกว่าไม่เจ็บแล้ว แต่เฝือกทำให้เกะกะ เคลื่อนไหวร่างกายลำบากก็เท่านั้น”

“ขอบคุณมากนะคะคุณธีร์ ยังไงพรีมฝากดูแลพลอยด้วย เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ”

“บายครับ” ชายหนุ่มอมยิ้มกับโทรศัพท์มือถือ

นี่เป็นอาการปกติเมื่อได้พูดคุยกับคนที่ถูกใจ หากครั้งนี้มีบางอย่างลึกซึ้งกว่านั้น เขารู้สึกว่าพิริมาพิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยรู้จัก



พิศิตานั่งกอดอก รอคอยคนขับรถจำเป็นของเธออยู่หน้าห้องตรวจหลังถอดเฝือกออกแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาไปไหนจึงรออยู่ตรงนั้น และไม่นานเกินกว่าความอดทนของเธอจะสิ้นสุด ร่างสูงเด่นก็เดินอมยิ้มเข้ามาหา เธอรู้สึกขวางหูขวางตากับรอยยิ้มนั่นจริงๆ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ยิ้มให้เธอก็ตาม แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเดินมาหยุดข้างเก้าอี้ที่เธอนั่ง พิศิตาก็เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานอย่างประจบ

“ตอนบ่ายคุณมีธุระที่ไหนรึเปล่าคะ”

“ถามทำไม” เขาย้อนถามด้วยความหวาดระแวง แม้จะเติมกำลังใจมาจนเต็มแล้ว หากเมื่อพบปฏิกิริยาไม่คุ้นเคยจากพิศิตามันก็อดหวั่นใจไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เขาไม่เชื่อว่าเธอยอมญาติดีกับเขาแล้วจริงๆ

เธอเลิกคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาใสซื่อเท่าที่จะทำได้ “คุณมีธุระเหรอคะ”

ชายหนุ่มมองใบหน้ารูปไข่ที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เวลาทำหน้าตาบ้องแบ๊วแบบนี้เธอก็ดูไร้เดียงสาดีหรอกนะ เสียอย่างเดียว เขาเชื่อไม่ลงเท่านั้น!

“เอาละพลอย เรามาพูดกันตรงๆ ดีกว่า ผมว่าวันนี้คุณดูแปลกๆ บางทีน่าจะให้หมอช่วยเช็กอีกรอบว่าคุณเอ่อ...ไม่สบายรึเปล่า”

หญิงสาวหัวเราะคิก เต็มไปด้วยมาดของสาวสังคมชั้นสูงที่ธีรภัทร์ไม่เคยเห็น เธอทำได้น่ามองทีเดียว ตินิด ตรงที่เขาไม้ไว้ใจอีกเช่นเคย

“ฉันปกติดีทุกอย่างค่ะ”

“แต่คุณ...”

“ก็คุณบอกเองว่าเราน่าจะสงบศึกกันไม่ใช่เหรอคะ คุณเป็นคนเสนอเองนะ ลืมแล้วหรือไง” เธอทวนความจำเขายิ้มๆ แววตาจริงใจสุดๆ ถ้าเขาไม่ดูออกเสียก่อนว่าเธอเสแสร้ง

“ใช่ สงบศึก แต่...คุณไม่ต้องทำเสียงหวานๆ แบบนี้ก็ได้ มันแปลกๆ น่ะ คะๆ ขาๆ ก็ไม่เอา ฟังแล้วขนลุก”

ชายหนุ่มทำเสียงอุบอิบในลำคอเหมือนไม่อยากยอมรับว่าการเปลี่ยนไปของเธอทำให้เขาประสาทเสีย

“ฉันนึกว่าคุณชอบแบบนี้ซะอีก” เธอย้อนยิ้มๆ น้ำเสียงเริ่มกลับมาห้วนเหมือนพิศิตาคนเดิมแล้ว

“มันก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก แต่ผมชอบให้คุณเป็นแบบเดิมมากกว่า” ธีรภัทร์ยอมรับไม่เต็มเสียงนัก และอดสงสัยไม่ได้เช่นกัน เขาเคยชอบผู้หญิงแบบนี้นี่นา แล้วทำไมกลับไม่ชอบใจเอาเสียเลยเมื่อเป็นพิศิตา

เธอเลิกคิ้วประหลาดใจ

แปลกคนจริงๆ พูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้กวนโมโหมากกว่ารึไง?

“ก็ตามใจ ฉันก็ชอบเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเหมือนกัน บ่ายนี้ฉันว่าจะเข้าบริษัท คุณไปส่งหน่อยได้มั้ย” หญิงสาวกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช้เสียงหวาน ไม่มีคำลงท้ายชวนขนลุก น้ำเสียงดุจเดิมหากสุภาพกว่าที่เคยเป็นเล็กน้อย

‘แบบนี้ก็ดี ถึงฉันไม่หวานแต่ก็แกล้งให้นายหัวหมุนได้อยู่ดีนั่นแหละ หึๆ’

“ค่อยยังชั่วหน่อย ตกลง ผมจะไปส่งคุณที่บริษัท แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรทานก่อนดีมั้ย เกือบเที่ยงแล้ว” เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อเธอกลับมาเป็นคนเดิมจึงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อย่างเอื้อเฟื้อ และเริ่มมองเห็นหนทางสงบศึกอยู่รำไร

“ก็ดี คิดก่อนนะ แถวนี้มีอะไรน่าทานบ้าง” เธอพยักหน้าเห็นด้วยแล้วทำท่าครุ่นคิด

“งั้นมื้อนี้คุณเลือกร้านก็แล้วกัน ผมเลี้ยงเอง” เมื่อเธอคล้อยตามอย่างว่าง่าย เขาจึงเอาใจเสียหน่อย เพื่อปรับสัมพันธภาพให้ราบรื่นขึ้น

“จริงนะ คุณจะพาฉันไปทานอะไรก็ได้ที่อยากทานอย่างงั้นใช่มั้ย?” เธอซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อย่างมิดชิด

“ก็งั้นสิ เอาละ บอกมาเลย ที่ไหนก็ได้”

“แล้วอย่ามาบ่นทีหลังนะ” เธอทำสีหน้าจริงจังขึ้นนิด

“เอาเถอะ ผมไม่บ่นหรอกน่า บอกมาก็แล้วกัน”

หญิงสาวอมยิ้มสมใจ เดินไปที่รถของเขาด้วยกันแล้วเป็นคนบอกเส้นทางไปร้านอาหาร ชายหนุ่มขับตามที่เธอบอกโดยไม่เอะใจสักนิดว่าสถานที่ที่พิศิตาอยากไปนั้นคือที่ไหน จนกระทั่ง...

“อะไรกันคุณ ที่แบบนี้มีร้านอาหารดีๆ ด้วยเหรอ” เขาถามพลางขมวดคิ้ว หลังวนหาที่จอดรถได้สำเร็จ

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเนี่ยนะ แดดร้อนเปรี้ยงๆ แบบนี้มันมีร้านอาหารอะไรดีๆ หรือเปล่าเขาไม่แน่ใจเพราะไม่เคยพาสาวคนไหนมาโฉบย่านนี้มาก่อน

“ตามมาเถอะน่า ไหนรับคำนักหนาว่าจะไม่บ่นไง” เธอว่าอย่างรำคาญ เดินนำไปโดยไม่สนใจคนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายติดหรูอย่างธีรภัทร์คงไม่เคยมากินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขึ้นชื่อแถวนี้อย่างแน่นอน

‘ก็หนุ่มเพลย์บอยเจ้าสเน่ห์อย่างเขา มีหรือจะพาสาวๆ มากินก๋วยเตี๋ยวเรือในร้านธรรมด๊าธรรมดาแบบนี้ โฮะๆ สะใจเป็นบ้าเลย!’

เมื่อเลือกนั่งโต๊ะริมคลองแบบไม่ง้อเครื่องปรับอากาศแล้วพิศิตาก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหมูกับบะหมี่หมูอย่างละห้าชาม เรียบร้อยแล้วค่อยใช้ปลายเท้าสะกิดชายหนุ่มที่นั่งกอดอก หน้าตาบึ้งตึงอยู่ตรงข้ามกัน

“สั่งสิคุณ จะเอาเส้นอะไร เที่ยงครึ่งแล้วนะ ไม่หิวรึไง รีบๆ สั่งซะ ไม่เห็นเหรอว่าลูกค้าเขาเยอะแค่ไหน หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง”

นั่น! นอกจากไม่สำนึกแล้วยังมาด่าเขาต่อหน้าพนักงานเสิร์ฟอีก

“ผมไม่หิว”

ชายหนุ่มบอกเสียงห้วนจนพนักงานสะดุ้งโหยง รีบโค้งให้แล้วเดินจากไปโดยเร็ว

หญิงสาวกลั้นหัวเราะแทบตายก่อนจะแกล้งถามหน้าตาใสซื่อ หากไม่บริสุทธิ์ใจแม้แต่น้อย “ก็ไหนคุณบอกว่าจะหาอะไรทานไม่ใช่เหรอ ก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่อร่อยนะ น่าจะลองดูซักหน่อย แต่ถ้าไม่หิวก็ช่างเถอะ ฉันทานคนเดียวก็ได้ คุณรอหน่อยก็แล้วกันนะ มาทีไรฉันต้องสั่งสิบชามอัปทุกที”

ธีรภัทร์ถลึงตาขุ่นจัดจ้องหน้าหญิงสาวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ได้แต่นึกแค้นเคืองอยู่ในใจที่เสียรู้ให้พิศิตาพามาแกล้งถึงนี่

แล้ววันนั้นทั้งวันเขาก็ต้องกลายเป็นคนขับรถประจำตัวของยายเด็กแสบไปโดยปริยาย ดูเหมือนหญิงสาวจะมีธุระต้องทำเยอะแยะจนไม่น่าเชื่อ ทั้งกลับไปเช็กงานที่บริษัท แถมแม่สาวติดดินยังเกิดเพี้ยนอยากเดินห้างสรรพสินค้าขึ้นมาอีก เธอชอปปิงสินค้าหรูหราเต็มอ้อมแขนโดยมีเขาเป็นคนหอบหิ้วของพะรุงพะรังให้อย่างกับคนรับใช้ส่วนตัว

นึกว่าเขาโง่หรือไง ดูจากการแต่งตัวสบายๆ ของเจ้าหล่อนแล้วก็บอกรสนิยมชัดเจนว่าไม่โปรดของแบรนด์เนมสักเท่าไร แต่วันนี้คุณเธอเข้าไปดูเกือบทุกร้าน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เรียกว่าตั้งแต่หัวจดเท้า หญิงสาวไม่พลาดแม้แต่ร้านเดียว

ยัง...ยังไม่พอ นอกจากเดินชมทุกร้านแล้วเธอยังโวยวายหาเรื่องพนักงานไปทั่ว หาว่าของแพงบ้าง คุณภาพแย่บ้าง ไม่สวยสมราคาบ้าง เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด ต่อไปคงควงสาวๆ มาเดินห้างฯ นี้ไม่ได้อีก เพราะคนขายคงจำหน้าเขาได้หมดแล้ว

แต่ประเด็นที่น่าโมโหสุดคือตั้งแต่เที่ยงแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะเจ้าหล่อนเล่นหนีบตัวเขาไปด้วยทุกหนแห่ง โปรแกรมชอปปิงของเธอแน่นเอี้ยด ไม่มีเวลาให้เขากระดิกตัวไปไหนได้เลย จะเหลือก็แต่ห้องน้ำหญิงที่เขาเข้าไปด้วยไม่ได้ และห้องน้ำชายที่หญิงสาวไม่อาจย่างกรายเข้าไปก่อกวน

นึกแล้วก็เจ็บใจชะมัด รู้ทั้งรู้ว่าถูกพิศิตากลั่นแกล้งแต่กลับถอนตัวไม่ได้ดั่งใจ แถมต้องยอมเป็นเบ๊ให้เธอทั้งวันจนหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะโทร. ไปฟ้องพิริมาเรียกคะแนนสงสาร

ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวแสบ ฮึ่ม!

ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจขณะขับรถมาส่งพิศิตาที่บ้านในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาขับรถด้วยความเร็วสูง หักพวงมาลัยเข้าเสียบที่หน้ามุขและแตะเบรกกะทันหันจนคนนั่งข้างหัวทิ่ม แต่ไม่เป็นอะไรเพราะเธอคาดเข็มขัดนิรภัยไว้อย่างดี

“ขอบคุณมากนะ วันนี้ฉันสนุกจริงๆ ไม่ได้เดินห้างฯ นานแล้ว ขับรถกลับบ้านดีๆ ละ คุณคงเหนื่อยแย่ บ๊ายบาย”

ยายตัวแสบว่าอย่างอารมณ์ดี ไม่ถือสากับอาการเหวี่ยงของชายหนุ่มเมื่อครู่นี้เพราะได้แกล้งเขาจนหนำใจแล้วตลอดทั้งวัน

ธีรภัทร์เม้มปากเป็นเส้นตรง สีหน้าขุ่นจัดอย่างน่ากลัวและไม่ตอบอะไรสักคำ เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถพร้อมข้าวของมากมายของเธอ เขาก็กระชากรถออกไปทันทีแบบไม่เหลียวหลัง

พิศิตามองตามท้ายรถสปอร์ตคันงามที่พุ่งตัวจากไปแล้วระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ

“สมน้ำหน้า จะได้รู้ซะบ้างว่าฉันไม่ยอมรับนายเป็นพี่เขยเด็ดขาด ชิ!”









Create Date : 25 ธันวาคม 2557
Last Update : 25 ธันวาคม 2557 12:00:50 น. 0 comments
Counter : 510 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.