Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
21 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 6 @ สงบศึกกันดีไหม?




“เดือนหน้าจะถึงวันเกิดของย่าแล้ว ปีนี้ย่าขออะไรสักอย่างได้ไหม” หญิงชราเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาอาหารเย็นมาถึง

“คุณย่าอยากได้อะไรก็บอกมาเถอะค่ะ เพื่อคุณย่าแล้วพรีมกับน้องๆ ทำได้ทุกอย่าง” พิริมาให้คำตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด

คุณหญิงมองหน้าหลานสาวคนโปรดอย่างรักใคร่ ก่อนหันไปมองหลานสาวคนเล็กเพื่อขอคำตอบบ้าง

“พี่พรีมว่ายังไงแพงก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ”

“ดีมาก ทีนี้ก็เหลือแต่แม่พลอยคนเดียวละนะ” คุณหญิงว่าพลางถอนใจ

“พลอยก็ต้องว่าตามกันแหละค่ะคุณย่า ว่าแต่คุณย่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษเหรอคะปีนี้ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” พิริมาถามอย่างสงสัย โดยปกติคุณหญิงไม่เคยทวงของขวัญจากเธอและน้องๆ เลย

“ย่าอยากไปจัดงานที่หัวหิน”

“โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้คุณย่าก็อยากไปปล่อยแก่นี่เอง” พิณณิศาว่าพลางหัวเราะคิกคักจนผู้เป็นย่าค้อนคม

“เรานี่เหลือเกินจริงๆ แม่แพง พูดอะไรละเป็นเล่นไปเสียหมด”

“แล้วทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะคะ คุณย่าไม่เคยวุ่นวายกับงานวันเกิดของตัวเองมาก่อนเลยนี่นา”

คุณหญิงสะดุ้งกับความช่างสงสัยของหลานสาวคนเล็ก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนพิรุธโดยไว “ย่าไม่อยากคุยด้วยแล้วแม่คนนี้ ว่ายังไงแม่พรีมตกลงจะไปกับย่าใช่ไหม บอกแม่นีน่าเคลียร์คิวให้เรียบร้อยนะ ไปกันเย็นวันศุกร์ กลับบ่ายวันอาทิตย์เป็นไง”

“ไม่มีปัญหาค่ะ พรีมจะบอกพี่นีน่าจัดการให้ ก็ดีเหมือนกันนะคะ เราไม่ได้ไปพักผ่อนด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว”

“เป็นอันว่าแม่พรีมตกลง ส่วนแม่แพงนี่ย่าก็จะไม่ถามละนะ เรื่องกินเรื่องเที่ยวถนัดอยู่แล้วนี่เรา” คุณหญิงหันไปมองหลานสาวคนเล็กที่ยิ้มหน้าบานชวนหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปหาหลานสาวคนโต

“ไม่รู้แม่พลอยจะว่ายังไงบ้าง ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย แม่พรีมลองถามให้ย่าหน่อยแล้วกันนะลูก”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ วันเกิดคุณย่ามีปีละครั้ง ยังไงพลอยก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว พรีมจะรีบบอกน้องเย็นนี้เลยจะได้เคลียร์งานทัน”

“ดี เอ...นั่นเสียงรถใครมาล่ะ ใช่แม่พลอยรึเปล่า ใครช่วยไปดูทีซิ”

“แพงเองค่ะคุณย่า เดี๋ยวมานะคะ”

พิณณิศารีบขันอาสาแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปไม่ทันที่ใครจะได้ห้าม



“นี่มันอะไรกันคะพี่ธีร์?” พิณณิศาถามอย่างงุนงงเมื่อเห็นธีรภัทร์ประคองพี่สาวของตนลงจากรถ

“อุบัติเหตุนิดหน่อยจ้ะ หมอบอกให้พักที่โรงพยาบาลซักคืนแต่พี่สาวแพงไม่ยอม ดื้อจะกลับบ้านให้ได้เลยกลับมาในสภาพนี้แหละ” ชายหนุ่มรีบฟ้องแนวร่วมของตนทันทีที่มีโอกาส

เนื่องจากข้อเท้าเคล็ดทำให้พิศิตาแทบจะเดินเองไม่ได้ แถมข้อมือซ้ายของเธอก็ยังซ้นอีกด้วย หลังจากเข้าเฝือกอ่อนแล้วหมอจึงแนะนำให้นอนค้างที่โรงพยาบาลสักคืน แต่หญิงสาวก็ดื้อแสนดื้อจะกลับบ้านให้ได้ในคืนนี้ โดยยื่นคำขาดว่าถ้าเขาไม่มาส่งเธอก็จะเรียกแท็กซี่กลับเอง สุดท้ายชายหนุ่มเลยต้องพาหลานสาวคุณหญิงพรรณรายมาส่งทั้งสภาพนี้

“ไม่เป็นไรมากหรอกแพง ก็แค่ข้อเท้าเคล็ดไม่ได้จะตายเร็วๆ นี้ซะหน่อย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลซักนิด” พิศิตาตอบน้องสาวแต่จ้องคนขี้ฟ้องตาวาว

“แต่ถ้านอนโรงพยาบาลก็จะมีพยาบาลคอยดูแลทำอะไรให้ทุกอย่าง พี่ว่าดีกว่ากลับมาเป็นภาระของคนที่บ้านนะน้องแพง” ชายหนุ่มสวนกลับ จ้องตอบพิศิตาอย่างไม่ยอมแพ้

“แต่พี่ทำอะไรเองได้ เจ็บที่ข้อเท้ามันไกลหัวใจเยอะ พี่ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น”

“แต่ทำแบบนี้คนอื่นเขาต้องวุ่นวายแทนน่ะสิ ไม่รู้จักคิด”

“เอ๊ะ! คุณนี่...”

“โอ๊ย...พอค่ะพอ พอได้แล้วทั้งสองคนเลย รีบเข้าบ้านดีกว่านะคะ คุณย่ารอทานข้าวเย็นอยู่ พี่ธีร์ทานด้วยกันนะคะ” พิณณิศารีบห้ามทัพหลังจากฟังการถกเถียงอย่างออกรสของทั้งสองคนพักใหญ่ วิ่งไปหิ้วปีกอีกด้านของพี่สาวแล้วหันไปยิ้มให้ธีรภัทร์ที่ยืนหน้าบึ้งอยู่

“ช่วยหน่อยสิคะพี่ธีร์ เร็วค่ะคุณย่ารออยู่ แพงเองก็หิวไส้กิ่วแล้ว”

ชายหนุ่มถอนใจเสียงดัง แต่ก็ช่วยยึดแขนอีกข้างของพิศิตาอย่างจำใจ หากคนเจ็บก็รีบสะบัดทันทีเหมือนกัน

“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้ คุณก็รีบๆ กลับบ้านไปได้แล้ว”

“ตามใจ แต่พี่ชักจะหิวแล้วเหมือนกันนะน้องแพง วันนี้บ้านน้องแพงมีอะไรทานเอ่ย” เขาเลิกใส่ใจพิศิตาแล้วหันมายิ้มเริงร่ากับพิณณิศาด้วยหวังจะยั่วให้อีกคนโมโหหนักเข้าไปอีก

คนกลางได้แต่ยิ้มเจื่อนเพราะมีสายตาพิฆาตจากพิศิตาจ้องอยู่เลยไม่กล้าตอบอะไร



“ตายจริง! นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะแม่พลอย เป็นอะไรมากรึเปล่า” คุณหญิงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพหลานสาวที่เดินกะโผลกกะเผลกด้วยขาข้างเดียวกับไม้ค้ำโดยมีพิณณิศาคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะคุณย่า ไม่เป็นไรมากแค่เดินไม่ค่อยถนัดเท่านั้น” พิศิตาตอบแล้วก็ส่งค้อนให้คนตัวสูงที่เดินตามมาข้างหลัง

“นิดหน่อยอะไรกัน ถึงกับเข้าเฝือกเชียวนะพลอย ว่าไงคะคุณธีร์ คุณดูแลน้องสาวพรีมยังไงให้เจ็บหนักขนาดนี้” พิริมาแกล้งถามเสียงเครียดทั้งที่ในใจแอบขำ

ธีรภัทร์ได้แต่ยืนเก้อเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอปฏิกิริยาเช่นนี้จากหญิงสาว มันไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อยที่พิศิตาเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ

“คือ...ผม...”

“พี่พรีมอย่ามัวแต่เล่นซิคะ พี่พลอยเจ็บจริงๆ นะ”

พิณณิศาร้องอย่างขัดใจทำให้พิริมากลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ต้องปล่อยกิ๊กออกมา

“อ้าว นี่คุณพรีมล้อผมเล่นเหรอครับเนี่ย เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าโกรธจริงๆ ซะแล้ว” เขาครวญพร้อมรอยยิ้มอ้อนๆ ที่ส่งให้นางแบบสาวเพียงคนเดียว

“ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมายังไงพรีมแน่ใจค่ะว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ เพราะถ้าตั้งใจถึงขนาดเข้าเฝือกนี่ก็ออกจะแรงไปหน่อย จริงมั้ยคะ” พิริมายิ้มสดใส ยืนยันให้ชายหนุ่มสบายใจว่าเธอไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย

พิศิตาถลึงตาใส่พี่สาวก่อนขอตัวขึ้นข้างบนโดยไม่ยอมกินมื้อเย็น

“แพงช่วยนะคะ” พิณณิศาแม้จะชอบแกล้งพิศิตาบ่อยๆ แต่เวลาเกิดเรื่องก็มักจะแสดงความห่วงใยออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้เสมอ

เมื่อคนเจ็บถูกพาไปส่งที่ห้องนอนแล้ว คนที่เหลือก็นั่งรับประทานมื้อเย็นด้วยกันพร้อมรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของธีรภัทร์

“อ้อ เรื่องเป็นอย่างนี้เองน่ะรึ” คุณหญิงพยักหน้าหงึกหลังจากชายหนุ่มเล่าจบ

“รบกวนคุณธีร์จริงๆ นะคะ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลน้องสาวของพรีม”

“ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ อันที่จริงก็ไม่ได้ดูแลอะไรมากเลย คุณพลอยเธอ...”

“ดื้อแพ่งสุดโต่งเลยใช่มั้ยคะ”

พิณณิศาแทรกขึ้นพร้อมหัวเราะคิกๆ ขณะนึกถึงตอนที่เห็นธีรภัทร์กับพี่สาวคนรองของตนลับฝีปากกันที่หน้ามุขของบ้าน เขาคงลำบากน่าดูที่ต้องรับมือกับคนหัวรั้นอย่างพิศิตา

“แม่แพง!” คุณหญิงปรามเสียงเข้มทำให้พิณณิศาต้องหุบปากฉับ

“ยังไงก็ขอบใจมากนะพ่อธีร์ ว่างๆ ก็เชิญมาทานอาหารที่นี่บ่อยๆ สิ มีคนอื่นมาทานด้วยก็คึกคักดีเหมือนกัน จริงไหมแม่พรีม” คุณหญิงหันไปมองหลานสาวคนโตอย่างพินิจพิเคราะห์

“ค่ะ คึกคักดี” หญิงสาวกลั้นยิ้ม ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าคุณหญิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่การจับคู่ธีรภัทร์กับพิศิตานั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความสำเร็จมากเหลือเกิน ดูท่าน้องสาวเธอจะไม่ชอบธีรภัทร์เอามากๆ ถึงกับไม่ยอมอยู่ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วย เห็นได้ชัดว่าคุณหญิงเจอปัญหาใหญ่แล้วละ



หลังทราบจากคุณหญิงพรรณรายว่าธีรภัทร์ไปรับพิศิตาไปทำงานด้วยกันจนเกิดอุบัติเหตุกับหญิงสาว เช้าวันต่อมาคุณมณีก็รีบล็อกตัวลูกชายคนรองเอาไว้เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“ตาธีร์วันนี้ขับรถให้แม่หน่อยนะจ๊ะ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากไส้กรอกกับไข่ดาวในจานพลางขมวดคิ้วมุ่น “แม่จะไปไหนครับ”

“บ้านคุณหญิงพรรณรายจ้ะ” คุณมณีตอบพลางยิ้มหวาน

“ไปทำไมกันครับ วันก่อนก็เพิ่งจะไปมานี่นา” ธีรภัทร์ทำเสียงไม่เห็นด้วย วางมือจากอาหารเช้าทันที

เขาไปบ้านนั้นมาสองวันติดกันแล้ว ขืนวันนี้ไปอีกก็นับเป็นสามวันรวด โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงดวงตาไม่เป็นมิตรของใครบางคนแล้วก็ยิ่งหมดอารมณ์ไปกันใหญ่

“ถามได้ว่าไปทำไม ก็ใครล่ะที่ทำให้หนูพลอยข้อเท้าเคล็ดจนต้องเข้าเฝือก นี่ลูกไม่คิดจะมีน้ำใจไปเยี่ยมน้องบ้างรึไงฮึ” ผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังควบตำแหน่งแม่สื่อแม่ชักไปด้วยว่าพลางส่งค้อนให้ลูกชายอย่างหมั่นไส้

ธีรภัทร์หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ๆ หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมสบตาด้วยจึงมองเลยไปที่น้องชายซึ่งกำลังตัดไข่ดาวส่งเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนคนหิวโซมาหลายวัน แถมไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจกับบทสนทนาระหว่างเขาและมารดาอีกด้วย สุดท้ายเลยตัดสินใจพึ่งตัวเอง หันกลับมาโอดครวญกับคุณมณีด้วยเสียงออดอ้อน

“โธ่...แม่ครับ ผมไม่ได้เป็นคนทำซักหน่อย ยายเด็กนั่นซุ่มซ่ามเองจะโทษใครได้”

“ต๊าย! ตาธีร์ ลูกหมายถึงใครจ๊ะที่บอกว่ายายเด็กนั่นน่ะ ฟังแม่ให้ดีนะ เรื่องนี้สำคัญมาก ลูกช่วยเน้น ย้ำ ทำตัวหนา และขีดเส้นใต้ไว้เลยว่าน้องพลอยนี่แหละที่แม่อยากได้มาเป็นสะใภ้รอง เรื่องอะไรไปเรียกน้องว่า ‘ยายเด็กนั่น’ อย่าให้แม่ได้ยินอีกเชียว”

คนที่ถูกจับคู่โดยไม่เต็มใจถึงกับตาเหลือก แทบพลัดตกจากเก้าอี้ โวยวายลั่น “ผมกับยาย...เอ่อน้องพลอยของแม่เนี่ยนะ เลิกหวังได้เลย ผู้หญิงอะไรไม่มีความน่ารักซักนิด พูดจาก็ไม่เข้าหู แถมยังไม่เคยเรียกผมว่า ‘พี่’ ซักคำ ผู้หญิงอย่างนั้นผมไม่นับเป็นน้องนุ่งหรอก แล้วหน้าจืดๆ นั่นก็ไม่ใช่สเปกผมด้วย แม่อย่ามาบังคับหน่อยเลย ไม่มีทาง”

ผู้เป็นแม่สำเหนียกถึงแรงต่อต้านของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจึงเพราความแรงของตัวเองไว้บ้างก่อนที่ทุกอย่างจะพังครืนไม่เป็นท่า

“ช่างเถอะๆ แต่ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปเยี่ยมน้องพลอยกับแม่ แม่ให้คนซื้อของบำรุงไว้แล้ว อย่ามาทำตัวเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเพราะแม่ไม่เคยสอน รีบๆ ทานเข้า เดี๋ยวแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อน แม่ลงมาหวังว่าลูกคงพร้อมเดินทางนะ”

คุณมณียื่นคำขาดทิ้งท้ายก่อนเชิดหน้าเดินขึ้นชั้นบนไปดื้อๆ ในขณะที่ธีรภัทร์รู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมาถึงคอหอยจนกินอะไรไม่ลง

น้องชายคนเล็กของบ้านอมยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ อาการนั้นเรียกนัยน์ตาขวางจัดของพี่ชายให้หันมาจ้องเขม็ง

“ขำอะไรของนาย นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ เรากับยายนั่นไม่มีทางเด็ดขาด คิดให้หัวแตกก็ไม่มีทางเป็นไปได้ มันเป็นสมการที่ไม่มีวันลงตัว”

“แล้วนายไปทำยังไงให้น้องพลอยเจ็บจนต้องเข้าเฝือกล่ะธีร์ คงไม่ได้ตั้งใจหรอกใช่มั้ย” พีรภัทร์เงยหน้าขึ้นยิ้มกับพี่ชาย

เขาอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเรื่องตลกร้าย ใครดูไม่ออกว่าธีรภัทร์สนใจหลานสาวคนโตของคุณหญิงพรรณรายก็สมควรไปตัดแว่นอย่างด่วน แต่ผู้เป็นมารดากลับจะยัดเยียดพี่ชายคนรองของเขาให้พิศิตาเสียอย่างนั้น งานนี้ขำๆ น้ำตาเล็ดของจริง

“ใครจะตั้งใจทำแบบนั้นกับผู้หญิงได้ อยากซุ่มซ่ามเองไม่เกี่ยวกับเราซักหน่อย นายอย่ามาหาเรื่องเป็นพวกยายเด็กนั่นไปอีกคนเลย” บ่นแล้วก็ถอนใจ จากนั้นก็หันไปถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เฮ้ยวีร์ เราว่านายกับยายน้องพลอยนี่ก็ดูเข้ากันดีนะ เห็นวันนั้นคุยถูกคอ นายไม่สนใจบ้างเหรอ”

วีรภัทร์พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ จิบกาแฟแก้วโปรดอย่างใจเย็นเป็นที่ขัดใจของคนถามนัก ซ้ำร้ายคำพูดของพี่ชายยังทำให้คนเป็นน้องเต้นผางด้วยความขุ่นเคือง

“รอดูปฏิกิริยาจากฝ่ายหญิงก่อนไม่ดีกว่าเหรอ เราว่าน้องพลอยเองก็คงต่อต้านนายสุดฤทธิ์เหมือนกัน นายพลาดได้ยังไงน้องพลอยถึงไม่ชอบเอาขนาดนี้ หรือว่าเสน่ห์ของนายมันใช้การกับสาวๆ ไม่ได้แล้ว”

คนถูกปรามาสซึ่งหน้าถึงกับสะอึก รู้สึกเหมือนโดนลูบคมเข้าอย่าง

จัง เสน่ห์ของเขาใช้การกับสาวๆ ไม่ได้แล้วงั้นหรือ ไม่มีทาง ถ้ายายเด็กนั่นยังเป็นผู้หญิงอยู่ละก็ทำไมเขาจะทำให้เธอชอบไม่ได้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีบันทึกในประวัติของนายธีรภัทร์ และมันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วย เขาจะทำให้มารคอหอยกลับใจมาเป็นทีมเดียวกันให้ได้ คอยดูสิ!

“นายจะบอกว่าเสน่ห์ของเราใช้กับยายนั่นไม่ได้ผลงั้นเหรอ ดี งั้นก็คอยดูกันต่อไป”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายทั่วใบหน้าคมพร้อมความมุ่งมั่นที่จะใช้เสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเองทำให้พิศิตาสยบแทบเท้าให้ได้

คุณมณีกลับลงมาพร้อมชุดสวยและกระเป๋าถือใบหรูประจำกาย ส่งยิ้มหวานจ๋อยให้ลูกชาย “พร้อมจะไปกันรึยังจ๊ะ”

“ครับผม”

คราวนี้ธีรภัทร์ยิ้มรับกระตือรือร้น ผู้เป็นแม่หรี่ตาอย่างระแวงแต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วสองแม่ลูกก็เดินออกไปจากห้องอาหารด้วยกัน

“นายธีร์นี่ท่าจะยุขึ้นนะพี่วีร์” พีรภัทร์พูดเบาๆ เมื่อคล้อยหลังมารดากับพี่ชายคนรองไปแล้ว

อีกฝ่ายส่ายหน้ายิ้มๆ “ถ้าไม่ทำอย่างนี้นายธีร์ก็คงตั้งท่าเป็นศัตรูกับน้องพลอยอยู่นั่นแหละ จะจีบพี่สาวเขามันก็ต้องหาแนวร่วมซะหน่อย นายว่ามั้ย”

“แต่ผมว่าน้องพลอยอยู่ข้างพี่วีร์นะ ท่าทางรั้นๆ แบบนั้นคงเปลี่ยนใจยาก พี่วีร์ไปแนะนำนายธีร์แบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่มีพวกกันพอดี ดูน้องแพงจะอยู่ข้างนายธีร์นะครับ” พีรภัทร์วิเคราะห์จากสิ่งที่สังเกตเห็นในวันที่ไปกินมื้อเย็นบ้านศุภกุล

วีรภัทร์สะดุ้งโหยง แต่ยังคงความเรียบเฉยในสีหน้าได้แนบเนียน “ใครจะอยู่ข้างใครก็อยู่ไป พี่ไม่สนหรอก ไอ้เรื่องแต่งงานนี่ยังไม่ได้คิดจริงๆ ว่าแต่นายเถอะ เห็นเข้ากันได้ดีกับน้องแพงนี่ ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็อย่าไปให้ความหวังแม่มากนัก เดี๋ยวจะสลัดไม่หลุด”

“น้องแพงน่ารักดีนะครับ ผมว่าก็ไม่เลวนัก หรือพี่ว่าไง” พีรภัทร์ย้อนถามพี่ชายอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน

พิณณิศาดูเด็กกว่าอายุจริงมาก ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจึงออกไปทางเอ็นดูเหมือนน้องนุ่งเท่านั้น

“นั่นมันก็เรื่องของนาย ถ้าชอบก็แล้วไป ดีซะอีก แม่จะได้สมหวังซักคู่ก็ยังดี”

“พูดเหมือนพี่จะทำให้แม่ผิดหวังอย่างนั้นแหละ ถามจริงๆ เถอะพี่วีร์ ไม่ชอบคุณพรีมบ้างเหรอ สวยนะ ทำงานก็เก่ง คุณสมบัติเพียบพร้อมไร้ที่ติ” พีรภัทร์คิดอย่างที่พูด แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเชียร์ให้พี่ชายรักกับพิริมา เรื่องนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัว

“ถ้าอยากจะแต่งงานกับคนที่เพียบพร้อมเท่านั้นพี่คงแต่งไปนานแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ใช่ว่าคุณพรีมอยากแต่งกับพี่ซะเมื่อไหร่ ผู้ใหญ่คิดเองเออเองทั้งนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปวิ่งตามเกม แค่ปล่อยให้เป็นเรื่องของความรู้สึกก็พอ” วีรภัทร์ตัดบทเสียงเรียบ

เขาเบื่อการสนทนาในหัวข้อนี้เต็มทน เพียงเพราะไม่อยากให้มารดาเป็นห่วงเกินความจำเป็นจึงยินดีที่จะทำความรู้จักกับหลานสาวคุณหญิงพรรณราย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องอยู่ในฐานะว่าที่เจ้าสาวของเขาตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน อย่างน้อยที่สุดพิริมาก็ควรมีโอกาสเลือกเจ้าบ่าวของตัวเอง ไม่ใช่ให้คนรอบข้างเลือกให้

พีรภัทร์ยอมจบบทสนทนาแต่โดยดี เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการคลุมถุงชนอยู่แล้ว แต่ที่ถามความเห็นของพี่ชายเพราะสงสัยจริงๆ ธีรภัทร์ออกตัวแรงว่าสนใจพิริมาซึ่งเขาก็เห็นด้วยว่าเธอน่าสนใจ แต่พี่ชายคนโตที่ถูกจับคู่กับหญิงสาวกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ทั้งที่ลึกๆ แล้วเขารู้สึกว่าวีรภัทร์กับพิริมาดูเหมาะสมกันดี



เมื่อสองแม่ลูกเดินทางมาถึงบ้านศุภกุล คุณหญิงพรรณรายก็ออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม “เข้ามาข้างในก่อนสิคุณมณี แล้วนั่นเอาอะไรมาด้วย”

“ของเยี่ยมหนูพลอยค่ะ ได้ยินตาธีร์บอกว่าแกขาเจ็บ นี่ตาธีร์อาสาขับรถมาส่งด้วยตัวเองเลยนะคะ เขาบอกว่าเป็นห่วงน้องน่ะค่ะ”

ธีรภัทร์กลอกตาเซ็งขณะฟังมารดาแอ๊บทำคะแนนให้เขาต่อหน้าคุณหญิง แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ขัดคอเพราะเขามีเป้าหมายจะหว่านล้อมพิศิตาให้มาเป็นพวกเดียวกัน ต่อให้ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงใดก็ต้องทำ

“ขอบใจนะพ่อคุณที่มีแก่ใจเป็นห่วงหลานฉัน ถ้าเป็นแม่พรีมเจ็บฉันคงวางใจได้มากกว่านี้ พูดอะไรยังพอฟังกันบ้าง แต่แม่พลอยนี่ทำเอาฉันเหนื่อยใจ ขาเจ็บอยู่แท้ๆ ยังจะเดินไปนั่นมานี่ยังกับว่าตัวเองเป็นคนปกติ นี่ฉันบอกให้ไปนอนโรงพยาบาล ให้พยาบาลพิเศษดูแลก็ไม่เอาท่าเดียว รั้นนักแม่คนนี้” คุณหญิงบ่นยืดยาวถึงความรั้นของหลานสาวตัวแสบพลางเดินนำแขกทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถง

ธีรภัทร์นึกภาพหญิงสาวอาละวาดเมื่อโดนขัดใจได้ชัดเจน นึกออกทั้งสีหน้าและท่าทางรั้นๆ ของเธอเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

แต่เอ๊ะ นี่เขาไปจดจำรายละเอียดของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

“แกเคยทำงานคล่องตัว พอทำอะไรเองไม่ถนัดก็คงอึดอัดขัดใจเป็นธรรมดาแหละค่ะคุณหญิง เรื่องปกติของสาวๆ สมัยนี้” คุณมณีแก้แทน ไม่ว่าหลานสาวคุณหญิงพรรณรายจะรั้นจะร้าย เธอก็เห็นว่าน่ารักน่าเอ็นดูไปหมดทุกอย่าง

“ก็คงอย่างนั้นแหละ เห็นท่าคงไม่เป็นอะไรมากอย่างที่คุณกลัวหรอก ดีกรีความรั้นยังเท่าเดิม ขอบคุณที่มีน้ำใจมาเยี่ยมนะ ตอนนี้อยู่บนห้องแน่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปตาม”

“อุ๊ย...อย่าเลยค่ะ แกเดินไม่สะดวก ดิฉันแค่อยากมาเยี่ยมไม่อยากกวน แล้วก็มีเรื่องจะปรึกษาคุณหญิงนิดหน่อยด้วยค่ะ” คุณมณีว่าพลางส่งสายตามีเลศนัยแล้วพูดต่อยิ้มๆ

“ถ้ายังไงให้ใครพาตาธีร์ไปเยี่ยมหนูพลอยหน่อยได้มั้ยคะคุณหญิง แกอยากปรึกษาเรื่องงาน เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ใช่มั้ยจ๊ะตาธีร์”

ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างไม่แปลกใจ รู้ดีอยู่แล้วว่าแม่อยากได้พิศิตาเป็นสะใภ้รองของบ้านมากแค่ไหน ก็เล่นประกาศกลางโต๊ะอาหารขนาดนั้นนี่นา

คุณหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจกันดีกับคุณมณี ก่อนเรียกเด็กให้มานำธีรภัทร์ขึ้นไปเยี่ยมพิศิตาบนห้อง

ชายหนุ่มมีแผนการที่จะทำให้แม่สาวหัวรั้นอวดดีมาเป็นพวก เพื่อพิสูจน์ว่าเสน่ห์ของเขายังใช้การได้ดีไม่มียกเว้นแม้แต่กับพิศิตา จึงยอมทำตัวเป็นหุ่นเชิดให้มารดาสักวัน ก่อนตามคนนำทางขึ้นไปพบหญิงสาว เขาก็ไม่ลืมทำตัวน่ารักเรียกคะแนนกับผู้ใหญ่ “ผมขออนุญาตนะครับคุณหญิง”

“เชิญเถอะพ่อคุณ”



เสียงเคาะประตูดังขึ้น พิศิตาร้องตอบให้เปิดเข้ามาได้แต่ไม่ยอมละสายตาจากงานที่อยู่ในมือ นิดจึงเปิดประตูเข้ามารายงานว่า “มีแขกมาเยี่ยมค่ะ”

“ใครกัน” หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัยแล้วหันไปมองที่ประตู

“ผมเอง” ธีรภัทร์ถือวิสาสะเดินเข้ามาด้านในโดยเปิดประตูห้องค้างไว้เพื่อไม่ให้ใครเอาไปนินทาลับหลัง

พิศิตาจ้องอีกฝ่ายตาขวาง “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องฉันไม่ทราบ?”

เธอลุกขึ้น ตั้งท่าจะขับไล่เขาไปให้พ้นเพราะรู้สึกเหมือนถูกเหยียบจมูกถึงถิ่น แต่ติดที่เจ็บจี๊ดทันทีเมื่อขยับขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในท่านั้นพร้อมอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ท่าทางคุณสบายดีนะ ไม่น่าเป็นห่วงอะไรมากมาย ยังมีแรงอาละวาดได้อย่างที่ผมนึกไว้เลย” เขาว่ายิ้มๆ พลางปรายตาสำรวจห้องนอนของหญิงสาว พบความเป็นระเบียบ เรียบ แต่เก๋ แล้วจึงพยักหน้าอย่างพอใจ

“ไม่เสียชื่อที่เป็นมัณฑนากร ห้องสวยดีนี่ ว่างๆ ก็ไปตกแต่งคอนโดฯ ให้ผมบ้างสิ ผมจ่ายไม่อั้นนะ”

หญิงสาวกัดฟันคุยกับเขาอย่างอดทน “คุณมีธุระอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าเป็นห่วงเลยมาเยี่ยม ถ้าจะมาดูว่าฉันใกล้ตายรึยัง นั่นจะน่าเชื่อมากกว่า”

“คุณมองผมในแง่ร้ายไปหน่อยแล้ว ผมตั้งใจมาเยี่ยมจริงๆ นะ กลัวคุณจะเหงาที่ไม่มีคนทะเลาะด้วย” เขายิ้มกวนๆ การทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสุดแสนสุภาพคงไม่ได้ผลกับเธอคนนี้ แสบๆ ร้ายๆ อย่างพิศิตาต้องเกลือจิ้มเกลือเท่านั้น

“จริงใจมาก” เธอลากเสียงประชด “ฉันรู้ทันหรอก คุณอยากมาเจอหน้าพี่สาวฉันละสิ แต่ขอโทษที พรีมไม่อยู่ ไปทำงาน วันนี้คุณก็คงต้องกินแห้ว...เหมือนเมื่อวานนั่นแหละ”

ธีรภัทร์รู้สึกตึงๆ ที่ใบหน้าเมื่อถูกอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ย แต่ก็ต้องอดทนข่มใจไว้สุดชีวิตเมื่อคิดถึงแผนปรองดอง “ผมบอกแล้วว่ามาเยี่ยมคุณไม่ได้ตั้งใจมาหาคุณพรีมซักหน่อย คุณนี่ชอบหาเรื่องจัง”

“คิดจะมาไม้ไหนอีกล่ะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ได้ผลกับฉันแน่ และถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันก็ไม่ต้องเดี้ยงไปไหนไม่ได้แบบนี้หรอก จะไปไหนก็ไปไป๊ เห็นแล้วอารมณ์เสีย” เจ้าห้องตัดบทฉุนๆ พลางโบกมือไล่แขกเอาดื้อๆ

“โธ่...ผมอุตส่าห์มาเยี่ยมด้วยความสำนึกผิดนะ แล้วคุณอยากไปไหนล่ะ บอกมาสิ ผมจะพาไปเอง จริงๆ นะ” เขาไม่ยอมถูกไล่ตะเพิดกลับไปง่ายๆ แน่ ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว

หญิงสาวกลอกตามองเพดานด้วยความรู้สึกเซ็งจับจิต เธอไม่มีวันเชื่อน้ำมนต์ผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด “ฉันไม่ต้องการไปไหนกับคุณทั้งนั้น ไม่ต้องมายุ่ง เท่าที่ต้องทำงานด้วยก็กล้ำกลืนฝืนใจพอแล้ว เมื่อไหร่เรือนหอของคุณปกรณ์จะเสร็จซะที งานนี้มันจะได้จบๆ ไปซะ”

“ถ้าคุณอยากให้งานเสร็จเร็วๆ ก็ควรจะเลิกตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมได้แล้วนะ ยิ่งคุณต่อต้านผมมากเท่าไหร่มันก็จะส่งผลเสียต่องานมากเท่านั้น เพราะงั้นคุณเลิกตั้งแง่กับผมแล้วเราก็หันมาร่วมมือกันดีกว่า”

ชายหนุ่มใช้เสียงเป็นงานเป็นการหว่านล้อมเมื่อสบโอกาสเหมาะที่จะสงบศึก รู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเขาเอามากๆ แต่เขามันคนประเภทหน้าหนาหน้าทนซะอย่าง ก็ดูกันต่อไปว่าใครจะอึดกว่ากัน

พิศิตามองอีกฝ่ายด้วยหางตา เชิดหน้านิดๆ พลางประเมินสถานการณ์ในใจ

มันก็ถูกของเขา ยิ่งเธอไม่ชอบขี้หน้าเขามากเท่าไรก็ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเมื่อนึกถึงการทำงานที่ต้องร่วมมือกัน และนั่นย่อมส่งผลถึงงานที่จะออกมาแน่ แต่ในเมื่อการพบกันครั้งแรกไม่สร้างความประทับใจใดๆ แถมยังทำให้เธอเหม็นขี้หน้าเขาอีกด้วย ซ้ำร้ายเขายังบังอาจมาเบี้ยวนัดคุยงานกับเธอเพื่อไปดูตัวผู้หญิง เหตุผลปัญญาอ่อนแบบนี้ใครรับได้ก็เก่งละ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ชอบใจแล้วจะให้เธอญาติดีกับเขาได้ยังไงกัน ทางตันชัดๆ!

“ว่าไงคุณ ผมว่าเรามาสงบศึกแล้วร่วมมือร่วมใจกันทำงานดีกว่า ถ้าคุณรู้จักผมมากขึ้นคุณอาจจะชอบผมก็ได้นะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น”

“ก็เพราะปากแบบนี้สิ มันถึงได้มีปัญหา” หญิงสาวสวนกลับทันควัน เขากล้าดียังไงที่จัดเธอไว้กับผู้หญิงพวกนั้น

“โอเคๆ ผมมันปากไม่ดี ต่อไปผมจะพยายามให้มากก็แล้วกัน คุณเองก็รั้นให้มันน้อยลงหน่อย ตกลงมั้ย?”

เขายกมือในท่ายอมแพ้ รู้ตัวว่าพลาดไปเหมือนกันที่พูดราวกับว่าพิศิตาเป็นลูกไก่ในกำมือ ที่เขาต้องทำในตอนนี้คือทำให้เธอคิดว่าเขานั่นแหละที่อยู่ในกำมือของเธอ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ไม่เช่นนั้นแม่คุณไม่ยอมสงบศึกแน่

“นี่คุณหาว่าฉันรั้นเหรอ คุณรู้จักฉันดีแค่ไหน มีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ฉันแบบนี้”

หญิงสาวโวยวายหน้าดำหน้าแดง คนที่จะตำหนิว่าเธอหัวรั้นได้มีแต่คุณหญิงคนเดียวเท่านั้น

“โธ่...คุณ เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน อย่าโมโหไปเลยน่า ตกลงว่าเราจะสงบศึกกันแล้วนะ ต่อไปงานของเราจะได้ราบรื่นซะที”

เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง เริ่มตระหนักได้ว่าการพูดคุยกับพิศิตาต้องระมัดระวังคำพูดคำจาให้ดี เกิดไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้าหล่อนเข้าได้ทะเลาะกันนานเป็นมหากาพย์แน่

“ใครไปตกลงอะไรอะไรกับคุณไม่ทราบ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจซะหน่อย”

“งั้นคุณลองคิดดูแล้วกัน ผมว่ายังไงมันก็มีผลดีมากกว่าผลเสียแหละ” เขายิ้ม พยายามให้ดูจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ การทำให้พิศิตามาเป็นพวกนี่ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ เลย ให้ตายเถอะ!

หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด ก็คงจะจริงของเขา ต้องมีผลดีมากกว่าผลเสียแน่ถ้าทำงานด้วยกันโดยไม่ต้องรู้สึกเหม็นเบื่อขี้หน้าเพื่อนร่วมงาน แต่ตอนนี้เธอยังทำใจญาติดีกับหมอนี่ไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าข้อมือกับข้อเท้าเธอจะหายเจ็บ ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่ขยับมือกับเท้าแล้วเจ็บจี๊ดๆ เธอก็ต้องนึกโมโหเขาอยู่ร่ำไป

“ไว้ฉันจะลองคิดดูแล้วกัน คุณกลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน”

“โอเค แล้วผมจะรอคำตอบ หวังว่าคุณคงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองฝ่ายนะ ผมไปละ อ้อ ที่บอกว่าอยากให้คุณไปตกแต่งคอนโดฯ ให้น่ะ ผมพูดจริงนะ” เขาบอกก่อนเดินยิ้มออกไปแล้วปิดประตูห้องให้เธออย่างเรียบร้อย

“หมอนี่ท่าจะเพี้ยน จ้างก็ไม่เอาหรอก ให้ฉันไปตกแต่งคอนโดฯ นายเนี่ยนะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ”

พิศิตาบ่นขมุบขมิบกับตัวเอง และอีกนานต่อจากนั้นเธอก็ยังคงครุ่นคิดถึงข้อเสนอของเขาอย่างปลงไม่ตก

สงบศึกชั่วคราวดีไหมนะ?









Create Date : 21 ธันวาคม 2557
Last Update : 21 ธันวาคม 2557 16:18:33 น. 0 comments
Counter : 547 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.