Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 2 @ ชอบก็จีบ




“ต๊าย! จริงเหรอคะคุณหญิง ดีเลยค่ะ ดิฉันจะคุยกับตาวีร์ให้นะคะ รับรองว่าไม่มีปัญหา คุณหญิงบอกหนูแพงเตรียมตัวให้พร้อมก็พอค่ะ ค่า...ได้ค่ะ ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

คุณมณีวางโทรศัพท์ลงบนแป้น สีหน้าชื่นมื่นเป็นพิเศษหลังจากคุณหญิงพรรณรายให้เกียรติต่อสายตรงถึงเธอแต่เช้าตรู่ หัวข้อการสนทนาฟังดูเข้าท่าเข้าทาง เป็นผลดีต่อบุตรหลานในภายภาคหน้า เห็นทีว่าสิ่งที่เธอมุ่งมาดปรารถนาจะเข้าใกล้ความจริงขึ้นทุกทีแล้ว

เมื่อร่างสูงตรงของลูกชายคนโตเดินผ่านไป คนเป็นแม่ก็ยิ้มกริ่ม รีบรุดตามไปเจรจาในสิ่งที่มุ่งหวังโดยมิให้เสียเวลาเนิ่นช้าออกไปอีก

“ตาวีร์จ๋า...”

วีรภัทร์ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ เหลือบมองคนที่เพิ่งเยื้องย่างเข้ามาอย่างระวังตัว น้ำเสียงแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ เขาไม่เคยไว้ใจได้สักที

“ครับ”

“แม่มีเรื่องอยากกวนลูกหน่อยจ้ะ” พอเห็นสีหน้าระแวงระวังของลูกชาย เธอก็รีบพูดต่อ “นิดเดียวเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องนี้ลูกแค่รับปากแม่ก็พอ ที่เหลือแม่จัดการเอง”

“นิดเดียวของแม่นี่มันเรื่องอะไรล่ะครับ” เขายังระวังตัวเต็มที่

ผู้เป็นแม่ถอนฉุนเบาๆ “นี่จะไม่ยอมรับปากจนกว่าจะรู้เรื่องใช่มั้ย”

“ถึงจะรู้เรื่องแล้วแต่ถ้ามันไม่สมเหตุสมผล ผมก็รับปากแม่ไม่ได้หรอกนะครับ” ชายหนุ่มดักคอ

อีกฝ่ายค้อนคม “คุยกับแม่ไม่ต้องระวังตัวขนาดนี้ก็ได้จ้ะ แม่ไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจของลูกนะ”

เขาหัวเราะเบาๆ “คุยกับแม่นี่แหละ ผมต้องระมัดระวังยิ่งกว่าคุยกับคู่แข่งซะอีก มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะครับ ถ้าช่วยได้ผมจะช่วย แต่ถ้ามันเหนือบ่ากว่าแรง ผมก็คงทำอะไรไม่ได้”

“ลูกช่วยได้แน่นอนจ้ะ อยู่ที่ว่าจะช่วยรึเปล่าเท่านั้นแหละ” เธอย้อนเสียงขุ่น รู้สึกหมั่นไส้ลูกชายขึ้นมาตงิดๆ หรือจะปล่อยให้ขึ้นคานไปเลย อยากเล่นตัวดีนัก

“งั้นก็ว่ามาก่อนครับ ได้หรือไม่ ผมจะคิดดูอีกที”

คุณมณีค้อนอีกแต่ก็ยอมเข้าเรื่อง “แม่อยากฝากเด็กไปทำงานที่บริษัทของเราซักคน ลูกหลานคนรู้จักน่ะจ้ะ ถือซะว่าเป็นนักศึกษาฝึกงานก็ได้ วีร์ช่วยดูตำแหน่งที่เหมาะสมให้น้องหน่อยนะจ๊ะ”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า สายตายังระแวง “ใครกันครับ”

ผู้เป็นแม่ยิ้มกริ่ม “หนูแพง หลานคนเล็กของคุณหญิงพรรณรายจ้ะ”

“อะไรกันครับแม่ นี่กะจะยกหลานสาวคุณหญิงให้นายวีร์ทั้งคนโตคนเล็กเลยเหรอครับ แล้วทำไมทีผมขอคนโตแม่ไม่ยอมให้ล่ะ ว่าแต่คุณหญิงนี่มีหลานสาวกี่คนกันแน่ครับ มีถึงสามรึเปล่า”

เสียงธีรภัทร์แทรกขึ้นอย่างนึกสนุกพร้อมทรุดร่างลงข้างผู้เป็นมารดา เขาเดินเข้ามาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่พอดี

คุณมณีหันขวับ ส่งค้อนปะหลับปะเหลือกให้ลูกชายคนรอง

“ต๊าย! ฟังพูดเข้า น่าเกลียดจริงตาธีร์ คิดได้ยังไงฮึ แม่จะมีสิทธิ์อะไรไปยกหลานสาวคุณหญิงให้ใคร ขืนทำแบบนั้นคุณหญิงได้ตามมาฉีกอกแม่ถึงบ้านน่ะสิ อ้อ แล้วเรื่องคนโตนี่ยังไงแม่ก็จองให้ตาวีร์แล้ว เราอย่ามาชักใบให้เรือเสียดีกว่า ส่วนคนเล็กน่ะคุณหญิงจะเอามาฝากให้ทำงานด้วยเท่านั้นหรอก อย่าคิดอกุศลเชียว แล้วเราถามทำไมว่าคุณหญิงมีหลานสาวสามคนรึเปล่า”

อีกฝ่ายอมยิ้ม พยักหน้าหงึกหงัก “อย่างนี้นี่เอง เฮ้อ ไอ้ผมก็ไม่ถามทำไมหรอกครับ แต่ถ้าคุณหญิงมีหลานสาวถึงสามคนก็ลงล็อกพอดี”

“ลงล็อกอะไรของเราน่ะตาธีร์” คุณมณีทำหน้าสงสัยใคร่รู้เต็มที่

“อ้าว แม่ก็มีลูกชายสามคนนี่ครับ ทำไมไม่จับคู่ให้หมดๆ ไปเลยล่ะ ง่ายดี อย่างที่เขาว่าไงครับ เรือล่มในหนองทองจะไปไหน”

ฝ่ายหนึ่งเสนอแนะด้วยอารมณ์ขบขันแกมประชดประชัน หากคนเป็นแม่กลับหลงรักไอเดียนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น

“เออ ถูกของเรานะตาธีร์ วันนี้พูดจาดีเข้าหู คุณหญิงมีหลานสาวสามคนจริงๆ ด้วยแหละ” พูดจบก็หัวเราะชอบอกชอบใจ เดินไปต่อสายตรงถึงคุณหญิงพรรณรายในทันที

สองพี่น้องหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

“หาเรื่องแล้วไงนายธีร์ ทีนี้ละยุ่งพิลึกเลย!”



“อาทิตย์หน้าเริ่มงานได้เลย เตรียมตัวทันไหมแม่แพง” คุณหญิงพรรณรายบอกหลานสาวคนเล็กบนโต๊ะอาหาร หลังวางสายจากคุณมณีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พิณณิศามองผู้เป็นย่าพร้อมกับยิ้มแป้น “พร้อมตั้งนานแล้วค่ะ ขอบคุณคุณย่ามากเลยนะคะ”

“ย่ะ แล้วนี่มีชุดจะใส่ไปทำงานแล้วรึ ไอ้ชุดประหยัดผ้าที่เราใส่ๆ อยู่น่ะ ย่าเห็นแล้วจะเป็นลมให้ได้ ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว ไปดูชุดหน่อยเป็นไร” คุณหญิงว่าพลางเขม้นมองการแต่งกายของหลานสาวอย่างตำหนิ

หญิงสาวก้มมองกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดพอดีตัวที่สวมใส่อยู่ก็หัวเราะแหะๆ “ก็นี่มันชุดอยู่บ้านนี่คะคุณย่า ไม่ต้องเต็มยศนักก็ได้”

“ย่ะ แต่วันก่อนย่าเห็นตะลอนไปถึงชลบุรีโน่น แล้วยังไงรึ ก็เห็นใส่คล้ายๆ ยังงี้แหละ ไม่ไหวๆ ไปเปลี่ยนชุดแล้วจะได้ออกไปดูชุดทำงานกับย่า”

แม่หลานสาวทำตาโต สีหน้าหวาดผวากับรสนิยมของผู้เป็นย่า “ไปกับคุณย่าเหรอคะ”

นั่นทำให้พี่สาวทั้งสองคนถึงกับกลั้นยิ้ม

“ทำไมรึ ไปกับย่าแล้วมันเป็นยังไง”

พิณณิศาคอหด สีหน้าห่อเหี่ยวแต่ไม่กล้าปฏิเสธ ที่ทำได้คือรีบกินอาหารเช้าแล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง

“พรีมว่าให้ยายแพงชวนเพื่อนไปช่วยดูดีกว่ามั้ยคะคุณย่า” พิริมานึกเห็นใจน้องสาว ขืนให้ผู้เป็นย่าตามไปควบคุม มีหวังชุดทำงานคงออกมาเคร่งขรึมรับโล่ตามแบบที่คุณหญิงปลื้ม

ผู้เป็นย่าขยับแว่นสายตาบนดั้งเล็กน้อยด้วยท่าทีครุ่นคิด สักพักก็ถอนใจยืดยาว “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แล้วว่าแต่เราเถอะ วันนี้จะไปดูรถใช่ไหม อ้อ คงอยากจะเลือกเองมากกว่าละสิ ย่ามันคนแก่หัวโบราณนี่”

“ที่ไหนได้ล่ะคะ พรีมไม่อยากรบกวนคุณย่าต่างหาก ตลอดทั้งวันพรีมมีงานอีเวนต์อัดแน่นเลย ตอนเย็นถึงจะว่าง ให้พรีมไปกับพี่นีน่าดีกว่า คุณย่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากไงคะ” พิริมายิ้มหวานประจบ เท่านี้คุณหญิงก็ใจอ่อนยวบแล้ว

“แล้วเราล่ะแม่พลอย มีอะไรจะขอบ้างไหม รีบๆ ขอมาตอนที่ย่าอารมณ์ดี” คุณหญิงหันไปพูดกับหลานสาวคนรอง

“ยังค่ะ ขอคิดนานๆ ก่อน เดี๋ยวไม่คุ้ม” พิศิตายิ้มแฉ่ง ไม่เดือดร้อนสักนิดที่น้องสาวได้ไปทำงาน ส่วนพี่สาวก็จะได้รถใหม่ จะว่าไปเธอมีรถขับก่อนพิริมาด้วยซ้ำ

“ย่ะ งั้นก็รีบๆ ทานซะ จะได้ไปทำงาน” คุณหญิงว่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

หลานสาวคนนี้มักน้อย แต่ถ้าจะเอาทีใครก็ห้ามไม่ฟัง ดูอย่างตอนจะซื้อรถนั่นปะไร เจ้าหล่อนอยากได้ก็ซื้อเลย ไม่ขออนุญาตสักคำ ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนจบและเริ่มทำงานได้ไม่นาน ไปหัดขับรถตอนไหนเธอเองยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำ เงินก้อนใหญ่สำหรับดาวน์ไม่มียังอุตส่าห์ทำเรื่องกู้แบงก์ ไอ้เรื่องจะมาแบมือขอเงินเธอใช้เฉยๆ นั้นดูเหมือนหลานสาวบ้านนี้จะไม่ทำกัน

ก็ไม่รู้ว่ามันคือโชคดีหรือเปล่า แต่ถ้ามีใครสักคนปราบพยศพิศิตาได้ เธอจะยกให้แบบไม่เรียกสินสอดเลย ขอให้ขายออกเถอะ กลัวแต่จะไม่มีใครสน!



“อ้าว ตาพีร์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณมณีชะงักมองลูกชายคนเล็กนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน เหมือนนานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นหน้าเขา

“เมื่อเช้าครับ แล้วนี่แม่ไปไหนมาครับ”

“นัดเจอเพื่อนข้างนอกจ้ะ แล้วคราวนี้จะอยู่นานแค่ไหนล่ะ” ตอบแล้วก็ย้อนถามลูกชายอย่างน้อยใจ

พีรภัทร์รอให้มารดามานั่งข้างๆ แล้วจึงหอมแก้มเอาใจคนแก่ฟอดใหญ่ “อะไรกันครับ ผมเพิ่งมาถึงเมื่อเช้า ยังไม่ทันค่ำเลยแม่ก็จะไล่ซะแล้ว”

“อย่ามาทำพูดดี ไม่รู้มันเป็นยังไงนะบ้านนี้ ทำไมลูกชายแม่ถึงอยู่ไม่เคยติดเลย” ผู้เป็นมารดายังคงวางท่าปั้นปึ่ง

ดวงตาคู่คมอ่อนแสงลง สบนิ่งกับดวงตาฉ่ำน้ำของมารดาอย่างจริงจัง “ผมว่าต่อไปนี้จะเลิกถ่ายภาพแล้วหันมาเป็นชาวเกาะ แม่ว่าดีไหมครับ”

คุณมณีมองหน้าลูกชายคนเล็กอย่างไม่เข้าใจ เขาจึงพูดต่อพร้อมรอยยิ้มพราย

“ก็เกาะแม่กับพี่กินไงครับ”

ผู้เป็นแม่ค้อนทั้งน้ำตา แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มละมุน สวมกอดลูกชายแนบแน่นด้วยความดีใจอย่างที่สุด

เรื่องจริงใช่ไหม พีรภัทร์จะกลับมาอยู่บ้านหลังจากที่ขอไปใช้ชีวิตข้างนอกมาหลายปี นานๆ ทีถึงจะกลับมาเยี่ยมเธอสักครั้ง เรียกว่าปีหนึ่งเจอกันแค่ไม่กี่หน แต่จากนี้ไปครอบครัวของเธอจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ หลังจากที่เธอเฝ้ารอคอยวันนี้มาเสียนาน



“เป็นไรพลอย หน้ามุ่ยเชียว ไม่เข้าห้องน้ำมากี่วันแล้ว” กินรีเย้าเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของเพื่อน

“ก็บอสน่ะสิ ไม่ยอมให้พลอยแลกงานกับพี่เอก” พิศิตาบ่นอย่างเซ็งสุดขีด หลังไปขอแลกโพรเจกต์กับเอกชัยแต่ไม่สำเร็จ

เธอมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าต้องร่วมงานกับผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นเห็นจะไม่รุ่ง ทางที่ดีควรรีบถอนตัวแล้วให้คนอื่นทำแทนจะดีกว่า

“งานอะไร ตกแต่งเรือนหอหลังใหญ่ของคุณปกรณ์น่ะเหรอ”

“อือ งานนั้นแหละ”

“อ้าว ทำไมล่ะ” กินรีสงสัย ใครๆ ก็อยากได้งานนี้ทั้งนั้น แต่เพื่อนเธอกลับอยากแลกงานกับคนอื่นเสียนี่

“ก็บอสบอกว่าคุณปกรณ์เจาะจงให้พลอยเป็นคนตกแต่งเพราะชอบในผลงานที่ผ่านๆ มาน่ะสิ พลอยเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้”

“ไม่ใช่ว่าทำไมบอสถึงไม่ยอมให้แลก ที่ถามน่ะ หมายถึงทำไมพลอยไม่อยากทำงานนี้ เรือนหอราคาหลายสิบล้านของคุณปกรณ์เนี่ยเป็นงานที่ใครๆ ก็อยากมีส่วนร่วมทั้งนั้น มันเป็นความฝันของมัณฑนากรทุกคนเลยก็ว่าได้นะ คุณปกรณ์เนี่ยเขาใหญ่แค่ไหนใครๆ ก็รู้จัก ถ้างานออกมาเจ๋งคิดดูสิว่าอะไรจะตามมาบ้าง ทั้งเงินทองทั้งชื่อเสียงแล้วก็งานใหญ่ๆ อีกหลายชิ้นจะตามมาเป็นพรวน”

“ไม่สนหรอก แค่อยากให้ลูกค้าพอใจในงานที่เราทำก็พอ ลูกค้าแฮปปี้ นั่นแหละคือจุดมุ่งหมายของพลอย ไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทองซะหน่อย”

พิศิตาย่นจมูก ก็เธอจะต้องการชื่อเสียงเงินทองไปทำไม ในเมื่อมีครบแล้วทั้งสองอย่าง ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจะกีดกันตัวเองออกมาจากคำสองคำนี้ต่างหากล่ะ

“พลอย บอสเรียกแน่ะ” เอกชัยเดินมาบอก เขาเพิ่งออกมาจากห้องทำงานของเจ้านาย

“ขอบคุณค่ะพี่เอก” หญิงสาวตอบรับก่อนจะเข้าไปพบเจ้านายด้วยสีหน้าสุดเซ็ง



“นั่งสิ” วิทยาบอกเมื่อพิศิตาเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา

“ผมคุยกับคุณปกรณ์แล้วนะพลอย เขาอยากให้คุณเป็นคนออกแบบตกแต่งเรือนหอของเขาจริงๆ คุณมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” เสียงถามนั้นฟังดูจริงจัง แต่เป็นการถามไถ่เพื่อหาข้อสรุปมากกว่าจะเป็นการตำหนิติเตียน

หญิงสาวถอนใจยาว ก็จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าไม่อยากร่วมงานกับผู้ชายงี่เง่า คิดเซ็งๆ ก่อนจะรีบตอบคำถามเมื่อความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นในหัว สว่างจ้าราวกับหลอดไฟเกรดเอที่เปิดปุ๊บติดปั๊บ “พลอยอยากลงใต้ค่ะ งานออกแบบตกแต่งรีสอร์ตของคุณวิชิตไงคะ ที่บอสเคยบอกไว้ พลอยไม่เคยไปชุมพรเลยอยากถือโอกาสลาพักร้อนด้วย”

พิศิตาหมายถึงงานออกแบบตกแต่งรีสอร์ตของอดีตนักการเมืองมีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ผันตัวเองไปเปิดกิจการรีสอร์ตที่ภาคใต้ เขาติดต่อเข้ามาเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน

“ผมเข้าใจนะ แต่งานนั้นลูกค้าไม่ได้ระบุคนทำงาน เราจะให้ใครไปทำก็ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้คุณไป แต่คุณปกรณ์ระบุมาว่างานของเขาต้องเป็นคุณเท่านั้น ไม่งั้นเราอาจจะเสียลูกค้ารายใหญ่ อีกอย่างบริษัทของเราก็มีชื่อเสียงมานาน ถ้าคุณไม่ช่วยคราวนี้เราอาจมีปัญหา เข้าใจนะพลอย”

ผู้เป็นเจ้านายพูดอย่างลำบากใจ เขารู้จักพิศิตาดี แม้ว่าเหตุผลที่รับเธอเข้าทำงานจะเป็นเพราะนามสกุลใหญ่โตของหญิงสาวก็ตาม แต่หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าที่พิศิตายังอยู่ที่นี่ เป็นเพราะความสามารถของเธอล้วนๆ

“เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้บอสลำบากใจ” หญิงสาวเริ่มสำนึกผิด เธอคงจะสร้างปัญหาให้บริษัทแน่ถ้าเบี้ยวงานนี้

“ไม่เป็นไร ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน ไปทำงานเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”

พิศิตาส่งยิ้มบางๆ ก่อนเดินออกไปทำงานที่คั่งค้างบนโต๊ะพร้อมบอกตัวเองด้วยว่า

‘อดทนหน่อย แค่งานนี้งานเดียวคงไม่ถึงตาย!’



ทันทีที่หนึ่งสาวสวยกับอีกหนึ่งชายหนุ่มที่กระเดียดไปทางหญิงมากกว่าเดินเข้ามาในโชว์รูมรถยนต์ชั้นนำของณัฐกิจ นัยน์ตาคู่คมก็จับจ้องทั้งสองคนไม่กะพริบ ความยินดีปรีดาแกมลิงโลดเต้นตุบๆ ในอกซ้าย กระซิบถามเพื่อนด้วยความอัศจรรย์ใจ “นั่นใช่พิริมารึเปล่าวะกิจ”

อีกฝ่ายมองตามแล้วพยักหน้า “เออ คุณนีน่าโทร. มาบอกว่าวันนี้จะพาคุณพรีมมาถอยรถซักคัน รู้จักกันเหรอ”

“ยัง แต่วันนี้ได้รู้จักแน่ ขอตัวก่อนนะ ห้ามกวน เคลียร์พื้นที่ให้ด้วย โอเค้?”

ว่าแล้วร่างสูงใหญ่นั้นก็ย่องเงียบเข้าไปด้อมๆ มองๆ และแอบฟังพวกหล่อนคุยกันเพื่อหาจังหวะแทรกแซง

ณัฐกิจขมวดคิ้ว สักพักถึงเข้าใจเจตนาของเพื่อน เขาได้แต่โคลงศีรษะแล้วอมยิ้มละเหี่ยใจ “เอาอีกแล้วเหรอวะไอ้เสือ”



“พี่นีน่าว่าอย่างน้องพรีมต้องเป็นรถนำเข้าราคาเฉียดสิบล้าน หรือต้องมากกว่านั้นถึงจะคู่ควรค่ะ อย่างเช่นบีเอ็มอะไรแบบเนี้ยก็เลยพามาที่นี่”

“รู้ใจพรีมจังเลยค่ะ พรีมก็เล็งๆ ไว้เหมือนกัน” พิริมาหันไปยิ้มกับผู้จัดการส่วนตัว เธอชอบรถยนต์ยี่ห้อนี้เพราะความเรียบแต่หรูของมันนี่แหละ

“เริดค่า งั้นก็ดูกันเลยว่าชอบคันไหน พี่นีน่าบอกเจ้าของโชว์รูมไว้แล้ว คนรู้จักของคนรู้จักอีกที เดี๋ยวเขาลดให้พิเศษด้วยนะคะ”

“เยี่ยมไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่นีน่าน่ารักที่สุดเสมอ”

พิริมายิ้มสดใส ก่อนจะหันไปกวาดสายตามองหาคันที่ถูกใจที่สุด โดยมีพนักงานคอยแลมาพร้อมรอยยิ้มเป็นระยะ แต่ไม่ได้เข้ามากวนใจ เธอขอไว้เองเพราะขี้เกียจฟังคุณสมบัติดีเลิศของรถแต่ละคันด้วยไม่มีเวลามากขนาดนั้น ถ้าสนใจคันไหนก็จะฟังเฉพาะคุณสมบัติของรถคันนั้นแล้วค่อยตัดสินใจ

“พี่นีน่าว่าน้องพรีมเป็นผู้หญิงเอาสีบรอนซ์ดีมั้ยคะ สีดำมันดูแมนไปหน่อยอะ” นีน่าแนะเมื่อเห็นว่าหญิงสาวพุ่งเป้าไปที่ BMW ซีรีส์เจ็ดสีดำ

“พรีมไม่ชอบบีเอ็มสีบรอนซ์ค่ะ แต่ถ้าเป็น Benz ก็โอเคเลย”

“แต่สีดำเวลากลางคืนมันอันตรายนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงย่าขาของน้องพรีมได้มาเล่นงานพี่นีน่าตายเลย” นีน่าไม่เห็นด้วยอย่างแรง เพราะหากสีไม่ถูกใจคุณหญิงพรรณราย แทนที่จะว่าพิริมาแต่ท่านจะมาโวยวายเอากับหล่อนน่ะสิ

“ไม่หรอกค่ะ พรีมเป็นคนเลือกนี่คะ ไม่เกี่ยวกับพี่นีน่าซักหน่อย”

“ก็นั่นแหละค่ะ ในฐานะที่คุณหญิงย่าขาไว้วางใจให้พี่นีน่ามาด้วย พี่นีน่าก็มีความผิดค่ะ”

“สีดำจะว่าอันตรายก็อันตรายนะครับ แต่รุ่นนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมได้มาตรฐานสากล และถ้าเราขับขี่อย่างระมัดระวังซะอย่างจะต้องกลัวอะไร จริงมั้ยครับ”

เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นเบื้องหลังของพิริมากับนีน่า

“ก็บอกแล้วไงว่าจะดูเองไม่ต้องมายุ่ง...” เสียงสะบัดของนีน่าขาดหายไปทันทีเมื่อหันมาสบตาคมมีเสน่ห์ของหนุ่มหล่อมาดเนี้ยบ โดนใจสุดๆ

“ธีร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณพิริมา”

น้ำเสียงเป็นมิตรบวกกับรอยยิ้มเก๋ไก๋มีเสน่ห์ของคนพูดทำเอานีน่าถึงกับเคลิ้ม หากพิริมาเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น

“พรีมบอกทางร้านแล้วว่าขอดูก่อน ถ้าสนใจรุ่นไหนแล้วจะถามรายละเอียดเอง คุณเป็น...” หญิงสาวเว้นไว้ให้เขาแนะนำตัวเอง

“เพื่อนของนายกิจครับ ผมไม่ใช่พนักงานขาย แค่อยากช่วย ไม่มีเจตนาอื่น อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ” ธีรภัทร์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง รีบชี้แจงฐานะของตนเพราะไม่ต้องการปลอมตัวเป็นคนจนเพื่อตามหารักแท้อะไรเทือกนั้น เขาไม่ใช่คนใจเย็นมากพอจะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

“เพื่อนคุณณัฐกิจเหรอคะ” นีน่าร้องอย่างตื่นเต้น

“ครับ” ธีรภัทร์หันไปยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ผู้จัดการส่วนตัวของหญิงสาวเพื่อปูทางรักให้ราบรื่นขึ้นอีกนิด

พิริมาอมยิ้ม ถึงอีกฝ่ายจะหล่อลากยิ่งกว่าพระเอกละครหลังข่าว แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเจอคนหล่อนี่นา เท่านี้ไม่ทำให้เธอหวั่นไหวแน่

“ขอบคุณค่ะที่ให้คำแนะนำ นี่เป็นบริการพิเศษจากโชว์รูมเหรอคะ”

“เปล่าครับ แต่สิทธิพิเศษนี้สำหรับคุณคนเดียว” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

วันนี้ตั้งใจมาหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของโชว์รูมรถยนต์นำเข้ายี่ห้อดังหลายแห่งในประเทศ นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่เขายังไม่กลับ จนกระทั่งหญิงสาวเดินเข้ามาให้เขาได้ทำความรู้จัก

หล่อเลือกได้อย่างเขา แม้แต่สวรรค์ยังเป็นใจ!

“แหม...มีเพื่อนเป็นถึงเจ้าของโชว์รูมรถนำเข้ายี่ห้อดัง เอ...แล้วคุณธีร์ล่ะคะ ทำอะไรเอ่ย”

เสียงดัดหวานกับนัยน์ตาฉ่ำเยิ้มของนีน่าทำเอาธีรภัทร์ชักรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องสานสัมพันธ์กับนีน่าอยู่ดี

“ก็...ทำงานไม่เป็นที่หรอกครับ ต้องไปโน่นมานี่บ่อยๆ เลยไม่รู้จะตอบยังไงดี” ที่บอกปัดไปแบบนั้นเพราะอยากทำความสนิทสนมคุ้นเคยกับพิริมา ก่อนจะเฉลยให้เธอเซอร์ไพรส์ว่าเขาเป็นใคร

“หนุ่มหล่อชอบมีความลับจังนะคะ ว่าแต่เป็นเพื่อนเจ้าของโชว์รูมแล้วมีความรู้เรื่องรถด้วยใช่มั้ยเอ่ย พอดีน้องพรีมอยากถอยรถซักคัน คุณธีร์ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ พี่นีน่าไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่น่ะค่ะ”

“คุณพรีมคงไม่คิดว่าผมวุ่นวายนะครับ ขอผมเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม เป็นกันเองดี” เขาหันมาส่งยิ้มละลายใจให้พิริมา

หญิงสาวยิ้มรับ “ไม่มีปัญหานี่คะ ปกติเพื่อนๆ ก็เรียกพรีมแบบนี้อยู่แล้ว”

“งั้นก็แปลว่าคุณพรีมรับผมเป็นเพื่อนแล้ว คุณนีน่าเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ” เขาเตะเข้าประตูตัวเองได้อย่างสวยงาม

พิริมาอมยิ้ม กึ่งขบขันกึ่งพอใจ เธอเพียงต้องการจะบอกว่าเธอให้ความสำคัญกับเขาในระดับคนรู้จักทั่วไป แต่ชายหนุ่มกลับรีบฉวยโอกาสนับตัวเองเป็นเพื่อนทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้คงฉลาดพอตัว และบังเอิญจริงๆ ที่เธอไม่ชอบคนโง่เสียด้วย

หลังจากนั้นไม่นานพิริมาก็ได้ BMW ซีรีส์เจ็ดสีดำสมใจหมาย ด้วยคำแนะนำและความช่วยเหลือที่ยิ่งกว่าเต็มใจของธีรภัทร์ ก่อนแยกกันกลับชายหนุ่มยังทำเนียนยัดเยียดเบอร์ตัวเองให้หญิงสาวโดยอ้างว่า

“เผื่อมีปัญหาเรื่องรถ โทร. หาผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะครับ”

หญิงสาวอมยิ้มอย่างรู้ทัน แต่ก็รับเบอร์โทรศัพท์ที่เขาจดให้โดยดี หากเรื่องกลับไม่จบเพียงเท่านั้น

“เบอร์นี้เป็นเบอร์ส่วนตัวมากๆ นะครับ ถ้าไม่รู้จักผมไม่รับสาย อืม...จะทำยังไงดีนะ” เขาทำท่าคิด สีหน้ายิ้มๆ ไม่เหมือนคนหนักใจเลยสักนิด

นีน่าเห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้ปนถูกใจพ่อหนุ่มใจกล้าหน้ามึนคนนี้นักเลยต้องเชียร์สักหน่อย “ผู้หญิงดีๆ น่ะไม่โทร. หาผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงหรอกนะคะ เอาอย่างนี้สิ น้องพรีมก็ให้เบอร์คุณธีร์ไปด้วย เผื่อคุณธีร์อยากแนะนำอะไรเพิ่มเติมจะได้โทร. หาน้องพรีมไงคะ”

พิริมาอมยิ้ม รู้ทันว่านีน่าเชียร์หนุ่มหล่อมาดดีคนนี้ขาดใจ

ธีรภัทร์ยิ้มด้วย เป็นยิ้มที่มีความหมายมากขึ้น ขณะหันไปสบตาหญิงสาว “ที่คุณนีน่าพูดน่ะ ใช่รึเปล่าครับคุณพรีม”

“พี่นีน่าหมายความว่าถ้าโทร. ก่อนก็เปลืองค่าโทร. น่ะค่ะ แต่สำหรับพรีมคงไม่เปลือง” หญิงสาวเลี่ยงยิ้มๆ

“เพราะคุณไม่คิดจะโทร. หาผมอยู่แล้ว” เขาต่อให้อย่างรู้ทัน

คนสวยเลือกได้ก็ย่อมต้องไว้ท่าทีเป็นธรรมดา หากเธอโทร. หาเขาง่ายๆ สิถึงจะแปลก

“สุภาพสตรีที่ดีไม่ควรให้เบอร์โทรศัพท์กับคนเพิ่งรู้จักค่ะ” เธอไม่ยอมรับว่าเขาพูดถูก

“แต่ถ้าพี่นีน่าเป็นคนให้ก็ไม่น่าเกลียดเนอะ” นีน่ายิ้มหวาน หาทางออกให้เขาจนได้

“ขอบคุณมากครับ”

ชายหนุ่มรีบส่งโทรศัพท์มือถือตัวเองให้ผู้จัดการส่วนตัวของพิริมาช่วยบันทึกเบอร์ของหญิงสาวให้

ธีรภัทร์ไม่แน่ใจว่าที่พิริมาไม่ห้ามปรามผู้จัดการนั้นเป็นเพราะเธอสนใจเขาเหมือนกัน หรือเป็นเพราะเธอไม่ใส่ใจเขาเลยกันแน่ เขารู้จักผู้หญิงหลายแบบจึงยังไม่รีบคิดเข้าข้างตัวเอง แม้จะค่อนข้างมั่นใจในเสน่ห์ที่มีอยู่ แต่พิริมาไม่ได้มีอะไรที่ด้อยไปกว่าเขาเลย บางทีเธออาจจะคิดว่าเขาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของเธอก็ได้ ของอย่างนี้มันต้องดูกันไปสักระยะถึงจะได้ข้อสรุป

“เรียบร้อยค่ะ งั้นเราต้องขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงย่าขาจะเอ็ดพี่นีน่าข้อหาพาน้องพรีมเถลไถล” นีน่าตัดบทพร้อมส่งมือถือคืนให้ชายหนุ่ม เท่ากับเป็นการบอกให้เขารู้ว่าหล่อนยินดีสนับสนุนเต็มที่ แต่พิริมาไม่ใช่ขนมขบเคี้ยวฆ่าเวลา ถ้าจะจีบก็ต้องมีความพยายามมากหน่อยและตอนนี้เวลาของเขาหมดแล้ว

“งั้นพรีมขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากที่ช่วยดูรถให้” หญิงสาวหันไปขอบคุณเขาจากใจจริง

“ด้วยความยินดีครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อยๆ พร้อมยิ้มเก๋

เมื่อนีน่าเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ เพราะรถของพิริมาทางโชว์รูมจะนำไปส่งให้ในวันที่นัดหมายกันไว้ ธีรภัทร์ก็เดินไปเปิดประตูให้หญิงสาวพร้อมกระซิบเบาๆ “คืนนี้ผมโทร. หาได้มั้ยครับ”

“ก็เรื่องของคุณสิคะ” เธอตอบแล้วเข้าไปนั่งในรถเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างชุ่มฉ่ำหัวใจ ปิดประตูรถให้หญิงสาวแล้วยืนโบกมือลาจนกระทั่งท้ายรถของนีน่าลับสายตา จากนั้นก็ชูกำปั้นอย่างผู้ชนะพร้อมร้อง ‘เยส!’ ขึ้นดังๆ

เจ้าของโชว์รูมถึงกับโคลงศีรษะ ยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อเดินมาตบไหล่เพื่อนหนักๆ “คราวนี้อายุยาวแค่ไหนวะไอ้เสือ”

“ก็แล้วแต่ว่าจะจีบติดไหม ถ้าติดก็ไม่แน่ว่าคนนี้อาจไม่มีวันหมดอายุก็ได้ อยู่ที่ว่าจะคลิกกันรึเปล่า มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าแม่จะได้หลานสาวคุณหญิงพรรณรายเป็นสะใภ้ชัวร์”

ข้อดีอย่างหนึ่งของธีรภัทร์คือเขาไม่โมเมว่าผู้หญิงมีใจให้เพียงเพราะเธอให้เบอร์ติดต่อไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า และเมื่อไม่คิดไปเองเช่นนั้นเขาก็จะไม่พูดถึงพวกหล่อนในทางเสียหายหรือไม่ให้เกียรติ

คำตอบนั้นทำให้ณัฐกิจขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่อยากจะเชื่อนักว่าเพื่อนจะเอาจริง แต่ก็แอบเห็นด้วยอยู่เหมือนกัน พิริมาน่าจะเป็นลูกสะใภ้ที่คุณมณีเห็นดีเห็นงามด้วยที่สุด ผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว



“เมื่อกี้คุณธีร์กระซิบอะไรคะ พี่นีน่าเห็นนะ” นีน่าหันไปกระเซ้าหญิงสาวที่นั่งข้างกันเมื่อขับรถออกมาได้สักระยะ

“เขาถามว่าจะโทร. หาพรีมคืนนี้ได้ไหม” พิริมาไม่มีความลับเรื่องหนุ่มๆ กับนีน่า เพราะวันๆ ตัวแทบจะติดกันตลอด จะหมกเม็ดอะไรไว้จึงไม่ค่อยสำเร็จนักเลยบอกไปทั้งหมดให้จบเรื่อง แต่นั่นอาจเป็นเพราะเธอยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ ก็ได้จึงยังไม่รู้สึกว่าอยากจะเก็บเรื่องของใครไว้เป็นความลับ

“ต๊าย! รวดเร็วทันใจพี่นีน่าซะจริงคุณธีร์นี่ โดนค่ะโดน โดนมั่กมาก” นีน่าเน้นเสียงพลางหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

พิริมาส่ายหน้าขันๆ “พี่นีน่าเชียร์คุณธีร์ออกนอกหน้าไปรึเปล่าคะ แบบนี้พรีมก็ราคาตกแย่”

“โอ๊ย...ราคาตกอะไรกันล่ะคะน้องพรีมขา หล่อน่าลากซะขนาดนี้ไม่ต้องเล่นตัวเยอะหรอกค่ะ เดี๋ยวใครคว้าไปซะก่อน รู้มั้ยคะว่าทรัพยากรผู้ชายที่ยังไม่กลายพันธุ์มันลดน้อยลงทุกที ขนาดนางชะนีแบ่งๆ กันใช้ยังไม่ค่อยจะพอเลย ถ้ามีหนุ่มหล่อน่ารักแบบนี้หลงมาซักคน อย่าเชียวนะคะ อย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด นั่นคือสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิตเลย พี่นีน่าขอเตือน”

“แต่เขายังไม่ทันจีบเลยนะคะ พี่นีน่าออกตัวแรงไปรึเปล่า”

“โอ๊ย! คุณน้องขา แบบนี้แหละค่ะเขาเรียก ‘จีบ’ ฮึ เป็นพี่นีน่าหน่อยไม่ได้ หล่อล่ำขนาดนี้ถึงไม่มาจีบพี่นีน่าก็จะเป็นฝ่าย ‘จับ’ เอง โฮะๆๆ แค่คิดก็น้ำลายสอ โอ๊ย...อยากเกิดเป็นชะนีให้รู้แล้วรู้แรด!”

สาวเทียมโหยหวน ส่วนสาวแท้ได้แต่หัวเราะขำ

“ของอย่างนี้ต้องดูกันไปนานๆ ค่ะ บางทีเขาอาจจะแค่นึกสนุกก็ได้ ท่าทางเขาลื่นออก คงเจ้าชู้ไม่หยอกละ พรีมไม่อยากน้ำตาตกทีหลัง”

พิริมาไม่ใช่คนที่ปิดกั้นตัวเอง ใครเข้ามาก็คบหาไว้เป็นเพื่อนได้ทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่า ‘รัก’ หรือแม้แต่จะ ‘ชอบ’ ใครสักคน ตอนนี้เธอจึงยังมีฐานะเป็นสาวโสดเนื้อหอม และพร้อมจะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้ เพื่อค้นหาว่าใครกันแน่ที่ ‘ใช่’ สำหรับเธอ นั่นหมายถึงหญิงสาวยินดีเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มที่เพิ่งพบกันวันนี้ด้วย

“ค่า...สวยเลือกได้อย่างน้องพรีมนี่ถือว่าโชคดี ฮึ ไม่เกิดมาสวยบ้างก็แล้วไป แต่โบราณว่าไว้ คู่แล้วไม่แคล้วกันนะคะ เล่นตัวไปก็เท่านั้น ถ้าคุณธีร์เป็นคนที่ใช่ ยังไง๊ยังไงเขาก็ใช่ค่ะ”

พิริมาไม่พูดหากต่อคำอยู่ในใจ

ก็เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ใช่ ยังไง๊ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี...



“กลับช้านะ” คุณหญิงทักหลานสาวคนเล็กด้วยเสียงเข้มงวด เมื่อเจ้าหล่อนกลับมาทันอาหารมื้อเย็นอย่างฉิวเฉียด

สาวตัวเล็กส่งยิ้มออดอ้อน เข้าไปกอดเอวผู้เป็นย่าอย่างประจบ “แพงโทร. นัดริตาให้ออกไปช่วยเลือกชุดน่ะค่ะ คุยกันเพลินไปหน่อย แต่แพงก็กลับมาทันมื้อเย็นนี่คะ”

“เกือบไม่ทันน่ะสิไม่ว่า”

หญิงสาวย่นจมูกเล็กน้อย แต่เมื่อพบว่าพี่สาวอีกสองคนไม่อยู่ที่นี่จึงได้ทีเอ่ยอ้างเอาตัวรอด “แต่อย่างน้อยแพงก็กลับมาก่อนพี่พรีมกับพี่พลอยแหละ”

“เหรอ?” เสียงหวานใสสองเสียงดังประสานกันอยู่เบื้องหลัง

พิณณิศาหันขวับ พอเห็นว่าบุคคลที่เธอยกมาอ้างต่างพร้อมใจกันส่งยิ้มคาดโทษมาให้ จึงได้แต่ยิ้มแหย “ถึงบ้านกันนานแล้วเหรอคะ”

“ก็นานพอจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานมื้อเย็นได้นั่นแหละ” พิริมาตอบอย่างร่าเริง

“และนานพอจะได้ยินใครบางคนแอบแทงข้างหลังด้วย” พิศิตาเสริมยิ้มๆ พลางยักคิ้ว

พิณณิศาค้อนพี่สาวคนรองอย่างเคืองๆ คุณหญิงส่ายหน้าพลางหัวเราะด้วยความเอ็นดูมากกว่าจะถือสาการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ น้อยๆ ในครอบครัว

“พอเถอะ นมอิ่มตักข้าวได้แล้ว ยิ่งนานไปจะยิ่งทะเลาะกันซะเปล่าๆ”

นมอิ่มกุลีกุจอทำตามคำสั่ง ในขณะที่คุณหญิงกับหลานๆ ก็เข้าประจำตำแหน่งของตัวเองบนโต๊ะอาหาร

“ทำไมพี่พรีมกลับเร็วจังคะวันนี้ ปกติกลับมาไม่ค่อยทันมื้อเย็นนี่นา” พิณณิศาชวนคุยระหว่างมื้ออาหาร

“วันนี้พี่ไม่รับงานตอนเย็น ไปดูรถกับพี่นีน่ามาน่ะ”

คนเป็นน้องทำตาโต รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย “ตกลงได้รึยังคะ”

พิริมาหัวเราะสดใส พยักหน้าหงึกหงัก

“ว้าว...งั้นก็ต้องมีการลองของใหม่นะคะ”

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะเรา” คุณหญิงทะลุขึ้นกลางปล้อง มองหน้าหลานสาวคนเล็กด้วยสายตาปรามๆ

“อาทิตย์หน้าต้องเริ่มงานแล้ว ต่อไปจะมาหาข้ออ้างเกเรไม่ได้แล้วนะ”

คนถูกเอ็ดคอหดลง สีหน้าจืดจ๋อยอย่างผิดหวัง

“ก็เราเป็นคนขอไปทำงานเองไม่ใช่เหรอ” พิศิตาได้ทีช่วยผู้เป็นย่าซ้ำเติมน้องสาวอย่างสนุกสนาน

คนถูกรุมหันไปมองพี่สาวด้วยสายตาประมาณว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ!

พิริมาหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนหันไปเอ่ยกับผู้เป็นย่าอย่างเอาใจ “แต่ถ้าเป็นวันหยุดก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหมคะคุณย่า”

สามพี่น้องมองหน้าคุณหญิงพรรณรายเป็นตาเดียว โดยเฉพาะน้องเล็กของบ้านที่ลุ้นจนตัวโก่ง

“คงงั้นมั้ง” สีหน้าของคุณหญิงเรียบเฉย แต่นั่นคือสัญญาณที่ดีสำหรับพิณณิศา

น้องเล็กยิ้มกว้าง หันไปมองพี่สาวคนรองอย่างเป็นต่อ “ได้ยินชัดแล้วนะพี่พลอย”

“หูไม่ได้หนวก” คนเป็นพี่โต้อย่างปิดความหมั่นไส้ไว้ไม่มิด

พิริมาหัวเราะ สบตากับผู้เป็นย่าอย่างขอบคุณ ในขณะที่อีกสองสาวยังคงดำเนินสงครามสายตาไปจนกระทั่งอาหารเย็นจบลง เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่าง แม้จะขาดบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก หากคุณหญิงพรรณรายก็ทำหน้าที่นั้นได้อย่างดีเยี่ยม เป็นสุดยอดคุณย่าในใจเธอเลยละ









Create Date : 17 ธันวาคม 2557
Last Update : 17 ธันวาคม 2557 10:50:14 น. 0 comments
Counter : 558 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.