Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 1 @ ประทับใจแรกพบ?




‘พิณณิศา’ กะพริบตาตื่นอย่างงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงกุกกักแว่วมาเข้าหู พอเห็นพี่สาวคนโตหยิบโน่นจับนี่ยัดลงกระเป๋าด้วยท่าทีเร่งรีบก็ถามอย่างสงสัย

“พี่พรีมจะรีบไปไหนแต่เช้าน่ะ”

“ชลบุรี แพงนอนต่อเถอะ ขอโทษที่ทำเสียงดัง” พิริมาตอบโดยไม่มองหน้าคนถาม มือวุ่นวายอยู่กับการเก็บของ

เมื่อคืนพอกลับมาถึงห้องก็พบแม่น้องสาวตัวดีนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงของเธอ เพราะเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้วจึงอาบน้ำเข้านอนเลยโดยไม่ได้ปลุกพิณณิศากลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง

คำว่า ‘ชลบุรี’ ทำให้คนที่ยังงัวเงียอยู่ตื่นเต็มตา ร่างเล็กดีดตัวขึ้นนั่งจ้องพี่สาว ดวงตามีแววคาดหวัง “แพงไปด้วยได้ปะ”

พิริมาส่ายหน้า “ไม่ได้ พี่ไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว”

“แพงไม่กวนหรอก สัญญา” สาวน้อยรีบยกมือขึ้นทำท่าสัญญาแข็งขัน

“พี่ต้องไปเดี๋ยวนี้แล้ว รอแพงไม่ได้หรอก”

แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของพิริมาก็ดังขึ้น พิณณิศาทำท่าจะอ้อนต่อ แต่พี่สาวแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง พลางส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าให้เงียบ น้องเล็กจึงได้แต่ทำหน้าบึ้งและรอคอยอย่างห่อเหี่ยว

“รถเสียเหรอคะ ได้ค่ะ เดี๋ยวพรีมจะดูให้ พี่นีน่ารออยู่ตรงนั้นก่อนนะคะ ค่ะๆ โอเคค่ะ”

เมื่อได้ยินพี่สาวตอบโต้กับปลายสายก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายประสบปัญหาใด พิณณิศาวิ่งจู๊ดกลับห้องนอนอย่างมีความหวัง หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียว ต้องทำเวลา!



พิริมาเดินแกมวิ่งลงมาที่โรงรถซึ่งตอนนี้มีรถยนต์เหลืออยู่คันเดียว ใกล้กันนั้นคือสวนหย่อมที่น้องสาวคนรองของเธอรังสรรค์ขึ้น และเจ้าตัวก็กำลังยืนรดน้ำต้นแคคตัสหลากสายพันธุ์บนชั้นลอยชิดกำแพงด้วยสีหน้าเพลิดเพลินใจ

“อ้าวพรีม วันนี้ไม่มีงานที่ไหนเหรอ” ‘พิศิตา’ ถามเมื่อเห็นพี่สาวเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหา

“มีถ่ายปกหนังสือที่ชลบุรีโน่น แต่รถพี่นีน่าดันมาเสียเอาวันนี้ คุณย่าไปไหนแต่เช้า แล้วนี่พลอยไม่ไปทำงานเหรอ” เพราะเริ่มชินกับความเร่งรีบทำให้พิริมาตอบและถามกลับเป็นชุดในคราวเดียว

“ไปประชุมสมาคมอะไรของท่านนั่นแหละ แล้วจะทำยังไงเนี่ย คุณย่าเอารถตู้ไป อีกคันนมอิ่มใช้ไปซื้อของ อีกคันลุงกล้าก็เอาไปเข้าศูนย์ตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แต่รถพลอย เอาไปใช้ก่อนมั้ย เดี๋ยววันนี้พลอยใช้บริการแท็กซี่ก็ได้”

“แต่พลอยก็ต้องใช้รถเหมือนกันนี่” พิริมารู้สึกเกรงใจน้องสาว

“พรีมเอารถพลอยไปเถอะ เดี๋ยวจะเสียงาน ไปถ่ายทำนอกสถานที่แบบนั้นมันต้องเซตฉากและอะไรอีกตั้งมาก ถ้าขาดนางแบบคนอื่นก็ทำงานไม่ได้ มันดือดร้อนกันหลายคน งานของพลอยวันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ออกไปพบสถาปนิกของอีกบริษัทเพื่อคุยรายละเอียดงานกันเท่านั้น ไปทันน่า”

“ขอบใจนะพลอย งั้นพรีมไม่เกรงใจละ นี่ก็ออกสายแล้ว”

พิริมาแตะไหล่น้องสาวอย่างขอบคุณ แต่ก่อนจะเดินไปถึงรถก็มีเสียงใสแจ๋วดังขึ้น

“เดี๋ยวก่อนพี่พรีม แพงไปด้วย!”

หญิงสาวหันกลับไปเห็นน้องสาวคนเล็กก็นิ่วหน้า

“ทำไมล่ะ ก็แพงพร้อมแล้ว แต่งตัวมาแล้วด้วย” น้องเล็กอ้อนพลางหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาโชว์ความพร้อม

พิศิตามองน้องสาวคนเล็กในชุดกางเกงยีนขาสั้นจุ๊ดจู๋กับเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวอย่างอ่อนใจ “สายแล้ว ให้ตามไปเถอะพรีม ไม่งั้นก็เสียเวลาอีก”

พิริมาถอนใจ ก่อนพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก น้องเล็กของบ้านเลยเปิดยิ้มกว้าง รีบวิ่งตามพี่สาวคนโตไปขึ้นรถด้วยความตื่นเต้น



“เมื่อคืนเราทำเสียเรื่องหมดเลยนะตาวีร์ แม่จะแนะนำให้รู้จักหนูพรีมซะหน่อย เผลอแป๊บเดียวหายไปไหนก็ไม่รู้ โอกาสดีแท้ๆ ไม่น่าพลาดเลย” คุณมณีบ่นพึม เมื่อร่างสูงตรงของลูกชายคนโตนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

‘วีรภัทร์’ ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉย ขณะเอื้อมหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเช้ามาคลี่อ่านด้วยท่าทีไม่เดือดร้อน

เมื่อลูกชายไม่ตอบว่าอย่างไร คุณมณีจึงบ่นเป็นหมีกินผึ้งบนโต๊ะอาหารเช้าต่อไป “รู้ไหม กว่าจะสบโอกาสงามๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เราเลยอดรู้จักกับหนูพรีม น่าเสียดายจริงๆ”

“ผมเจอเพื่อนครับ แล้วหนูพรีมอะไรของแม่ ผมก็รู้จักอยู่แล้วด้วย” ลูกชายตอบยิ้มๆ ใบหน้าคมสันที่มักจะติดแววเคร่งขรึมอยู่เสมอจึงดูผ่อนคลาย อ่อนเยาว์ลง และน่ามองขึ้น

“ต๊าย! นี่แอบไปรู้จักกันตอนไหนจ๊ะ”

ผู้เป็นแม่ร้องลั่น กระตือรือร้นจนออกนอกหน้า ก่อนที่เสียงจะอ่อยลง “แต่เอ...ทำไมไม่เห็นหนูพรีมพูดถึงลูกเลยล่ะ”

“หนูพรีมของแม่ไม่พูดถึงผมก็ถูกแล้วละครับ” ลูกชายกลั้นยิ้ม

“เอ๊ะ พูดยังไงกันตาวีร์” คราวนี้น้ำเสียงคุณมณีชักจะห้วน

“ก็หมายความว่ามีใครบ้างล่ะครับที่จะไม่รู้จักพิริมา ศุภกุล นางแบบสาวไฮโซที่กำลังอยู่ในกระแสตอนนี้ นี่ไงครับ ข่าวเช้าวันนี้ก็ยังมีเรื่องของเธอเลย”

เขาทำท่าจะส่งหนังสือพิมพ์ให้มารดา แต่ก็โดนค้อนวงโตสกัดดาวรุ่งให้เสียก่อน

“นี่อำแม่เหรอตาวีร์ โธ่เอ๊ย...ไอ้เราก็นึกว่าแอบไปรู้จักกันมาแล้ว แล้วไงจ๊ะ ลูกคิดว่าหนูพรีมเป็นยังไงบ้าง” มารดาบ่นฉุนๆ ก่อนจะแย้มถามความเห็นลูกชายด้วยแววตาคาดหวัง

“เป็นไง อะไรครับ”

ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าแม่หมายถึงอะไรแต่เขายังแกล้งตีหน้าซื่อ ไม่รู้ไม่ชี้จนอีกฝ่ายชักทนไม่ไหว ต้องยิงคำถามแบบตรงเป้ากันไปเลย

“ก็ลูกชอบรึเปล่าล่ะ แม่จะได้ไปคุยกับคุณหญิงเอาไว้เลย ต้องรีบจองเดี๋ยวมีมือดีที่ไหนมาฉกไปก่อน ของดีมีน้อยนะจ๊ะ ช้าไม่ได้ เดี๋ยวอด”

“ใครจะฉกใครไปเหรอครับแม่ นมชื่นขอกาแฟดำผมแก้วนึงนะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงอีกคนโผล่เข้ามา ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างพี่ชาย ในขณะที่นมชื่นก็รีบกุลีกุจอจัดการตามที่เขาร้องขอ

“อ้าว ตาธีร์ เมื่อคืนกลับบ้านเหรอ แม่นึกว่าไปค้างที่อื่นซะอีก” คุณมณีหันไปแขวะลูกชายคนรอง

‘ธีรภัทร์’ จัดว่าเป็นหนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำราญ อยู่ไม่ค่อยติดบ้านนัก การที่เธอได้เห็นหน้าพ่อตัวดีในมื้อเช้านับว่าเป็นเรื่องไม่ปกติเท่าไร

“โธ่...แม่ครับ นี่ก็บ้านผมเหมือนกันนะ ไม่ให้กลับมานอนนี่แล้วจะให้ไปนอนไหน” ชายหนุ่มแกล้งโอด

ใบหน้าคมคายนั้นชวนมองยิ่งกว่าพี่ชาย รอยบุ๋มข้างแก้มทำให้เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มในร่างชายหนุ่มผู้หล่อเหลา แถมเจ้าตัวยังมีนิสัยช่างออดอ้อนแบบนี้ สาวๆ ที่ไหนจะไม่หลงเล่า

“อย่าเลยเราน่ะ แม่รู้ทันหรอก ว่าแต่เมื่อคืนไปทำอีท่าไหนจ๊ะ ถึงสลัดแม่พวกสาวๆ ที่คอยเกาะหนึบหนับนั่นหลุดไปได้ จริงๆ เลยนะตาธีร์ เมื่อไหร่จะเลิกซะทีกับไอ้นิสัยควงไปเรื่อยอย่างงั้นน่ะ ระวังอย่าไปคว้าผู้หญิงหยำฉ่ามาเป็นสะใภ้แม่นะ ไม่งั้นจะตัดออกจากกองมรดกจริงๆ ด้วย”

เมื่อคุณมณีเริ่มสวมบท ‘คุณแม่ขี้บ่น’ วีรภัทร์ก็อมยิ้มในหน้าตอนนี้เขารอดแล้ว เหลือก็แต่น้องชายตัวดีที่ต้องรับศึกหนักเป็นรายต่อไป

“เอ่อ...แม่ครับ เมื่อกี้ผมได้ยินว่าใครจะฉกใครไปนะครับ ฟังไม่ถนัด” ธีรภัทร์ทำหน้าเรี่ยๆ รีบเบี่ยงเบนความสนใจของมารดาด้วยเรื่องที่เขาได้ยินแว่วๆ ตอนเดินเข้ามาในห้องอาหาร

ขืนให้แม่ร่ายต่อเรื่องราวคงยืดยาวไม่รู้จบ ทางที่ดีต้องหลบเลี่ยงประเด็นจุกจิกน่ารำคาญนี้โดยเร็ว

“อ้อ แม่เกือบลืมไปเลย เพราะเราแท้ๆ เชียวตาธีร์ ก็หลานสาวคนโตของคุณหญิงพรรณรายน่ะสิ หนูพรีมน่ะจ้ะ เป็นไงบ้างตาธีร์ ลูกว่าคนนี้เหมาะจะมาเป็นสะใภ้คนโตของแม่มั้ย” เมื่อนึกได้ก็หันไปถามความเห็นลูกชายคนรองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในรสนิยมชั้นเลิศของตน

ธีรภัทร์ชะงัก หันไปสบตาพี่ชายเขม็ง ก่อนจะถามมารดาอย่างระมัดระวัง “พิริมา ศุภกุล นางแบบสวยๆ ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้น่ะเหรอครับ”

“ใช่แล้ว หนูพรีมคนนั้นแหละลูก เป็นไง แม่ตาถึงใช่มั้ยล่ะ” คุณมณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รอคอยคำชมจากลูกชายด้วยสีหน้าระรื่น

“นายชอบผู้หญิงคนนี้เหรอวีร์” เขาไม่ตอบมารดา หากหันไปคาดคั้นพี่ชาย

“ก็สวย ชาติตระกูลดี มีการศึกษา ตรงตามสเปกแม่ทุกอย่างไม่ใช่หรือไง” คนเป็นพี่ตอบเรื่อยๆ ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร

“เราถามว่านายชอบรึเปล่า” คนเป็นน้องถามย้ำด้วยเสียงจริงจังติดแววรำคาญ

“ยังไม่เคยคุยกันเลยจะให้เราตอบว่าไงล่ะ” พี่ชายหันมาทำเสียงรำคาญบ้าง ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายถึงสนใจเรื่องนี้นัก

“อะไรตาธีร์ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า” คุณมณีถามอย่างระแวง ลางสังหรณ์มันบอก เรื่องนี้มีเค้าความยุ่งยากก่อตัวแล้ว

“ก็...ผมอยากรู้ว่านายวีร์ชอบหนูพรีมของแม่รึเปล่า ถ้าไม่ชอบ แม่ก็ยกให้ผมสิครับ คนนี้สเปกผมเลย ขอผมเถอะนะครับแม่” ธีรภัทร์หันไปอ้อนมารดาหน้าตาเฉย

คุณมณีถึงกับอ้าปากค้าง ส่วนพี่ชายได้แต่ส่ายหน้าอย่างขบขัน

“แบบนี้ก็ดีนะครับ ให้หนูพรีมมาเป็นสะใภ้คนรองก็ไม่เสียหายอะไร จะคนโตหรือคนรองก็เป็นสะใภ้บ้านเราเหมือนกัน ส่วนผมยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน ฝากด้วยนะธีร์” วีรภัทร์บอกกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนขอตัวไปทำงาน ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่มารดาพยายามใช้ทั้งลูกล่อลูกชนวางกับดักให้เขาสละโสดเลยสักนิด

เมื่อพี่ชายลุกไปแล้วธีรภัทร์ก็ขยับเก้าอี้เข้าไปชิดมารดาพร้อมยิ้มประจบ

“ว่าไงครับแม่ จะพาผมไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญเลย ผมอยากรู้จักตัวจริงหนูพรีมของแม่มานานแล้ว วันนี้เลยดีมั้ยครับ ผมพร้อมเสมอยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“โอย...นี่คิดจะฆ่าแม่ทางอ้อมหรือยังไงนะตาธีร์ ขืนให้เราไปวุ่นวายกับหนูพรีม คุณหญิงได้ฉีกอกแม่เอาน่ะสิ” ผู้เป็นแม่แย้งเสียงหลง ไม่เห็นด้วยเป็นที่สุด

“ทำไมล่ะครับ คุณหญิงพรรณรายนี่อยากได้แค่ลูกชายคนโตของบ้านอมรรักษ์เป็นหลานเขยเท่านั้นเหรอ ผมไม่น่าสนใจตรงไหน หล่อก็หล่อ รวยก็รวย ใครๆ ก็อยากได้เป็นเขยทั้งนั้น”

เขาถามด้วยความกังขา เพราะมั่นใจว่าตนมีคุณสมบัติเพียบพร้อมมากพอจะสมัครเป็นหลานเขยของคุณหญิงพรรณรายแน่นอน

คุณมณีส่ายหน้า เอือมระอากับความหลงตัวเองของลูกชายคนนี้สุดจะทน แต่จะว่าเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ที่พูดมานั่นก็ไม่ผิดจากความเป็นจริงนัก ต่อให้ธีรภัทร์เจ้าชู้ออกสื่อก็ยังมีหลายครอบครัวที่อยากจะส่งลูกสาวมาสานสัมพันธ์กับอมรรักษ์ ความร่ำรวยมักจะเป็นต่อเช่นนี้เอง

“คุณหญิงไม่ได้กะเกณฑ์อะไรหรอก แต่เรานั่นแหละจะทำให้แม่เสียผู้ใหญ่ ถ้าอยากควงผู้หญิงสวยๆ สักคนก็ไปหาที่อื่น แต่หนูพรีมต้องเป็นตัวจริงเท่านั้นจ้ะ ลูกจะมาทำเล่นๆ เห็นหลานสาวคุณหญิงเป็นดอกไม้ริมทางเหมือนผู้หญิงที่ลูกคบๆ อยู่ไม่ได้ คุณหญิงได้เอาแม่ตาย ทางที่ดีแม่ว่าคนนี้ให้พี่เขาเถอะนะตาธีร์นะ”

เธอใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมให้เขามองข้ามพิริมา เพราะธีรภัทร์เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนถุงเท้า เกิดวันหน้าเขาเบื่อพิริมาขึ้นมาต้องยุ่งแน่

“ไม่รู้ละครับ คนนี้ผมขอ ถ้าแม่ไม่ช่วย ผมก็มีวิธีของผม ไปนะครับ” เขาบอกอย่างดื้อดึง ก่อนจะหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่แล้วลุกไปทำงานอีกคน

“ตาธีร์เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง แม่ไม่ยอมนะตาธีร์!” คุณมณีร้องตามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไป แต่เขาก็ไม่หยุดฟัง เธอจึงได้แต่เข่นเขี้ยวฮึดฮัด “ลูกนะลูก จะหาเหามาใส่หัวแม่รึเปล่าเนี่ย เฮ้อ!”



การจราจรอันติดขัดบนถนนสายหลักของกรุงเทพฯ ทำให้พิศิตาต้องหอบงานลงจากรถแท็กซี่ กระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ แว้นไปจนถึงร้านอาหารที่นัดหมายด้วยความเร่งรีบสุดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มาสายอยู่ดี แถมยังถูกคู่นัดนินทาลับหลังอีกด้วย

“เรามีงานต้องทำเยอะแยะนะวีร์ ทำไมนายต้องให้เรามานั่งรอ Interior designer ที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้จักรักษาเวลาแบบนี้ด้วย” ธีรภัทร์คุยโทรศัพท์เสียงดังด้วยกำลังหงุดหงิดที่ต้องเป็นฝ่ายรอ

ปกติถ้าไม่สวยจัดๆ ก็อย่าหวังว่าคนอย่างเขาจะเสียเวลารอแม้แต่นาทีเดียว นี่อะไร เป็นผู้ชาย แถมปาเข้าไปจะหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ยอมโผล่หัวมาอีก น่าโมโหจริงๆ

“ใจเย็นน่าธีร์ งานของนายคราวนี้ต้องกลมกลืนกับงานตกแต่งนะ เราต้องคุยกับเขาให้เข้าใจถูกต้องตรงกันทั้งสองฝ่าย ลูกค้าจะได้ไม่มาโวยวายเอาทีหลัง” เสียงวีรภัทร์ปลอบมาตามสาย

งานคราวนี้ลูกค้าเจาะจงให้ออกแบบเพื่อรองรับการตกแต่งจากบริษัท My design ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคุยรายละเอียดกับคนตกแต่งให้เข้าใจ ครั้นจะให้เขาไปคุยเองก็คงไม่รู้เรื่องเพราะเขาเป็นผู้บริหาร ไม่ใช่สถาปนิกและวิศวกรมือดีเหมือนธีรภัทร์

“ใครจะเย็นไหว นี่รอเกือบชั่วโมงแล้วนะ คนอะไรไร้มารยาทที่สุด ทำไมเราต้องมาทำงานกับคนแบบนี้ด้วย” คนใจร้อนบ่นอย่างหัวเสียโดยไม่ได้สังเกตว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา

พิศิตายืนฟังผู้ชายคนนั้นบ่นถึงเธอยืดยาวโดยไม่ได้ขัดคอ หญิงสาวมาถึงในเวลาที่เรียกว่าสายมากจริงๆ เมื่อมาถึงเธอก็รีบมองหาคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคู่นัดของตัวเอง และพบว่าเขานี่แหละเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง พอมาหยุดด้านหลังก็ได้ยินชายหนุ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้งจึงแน่ใจว่าไม่ผิดตัว

“เออๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เซ็งว่ะ”

ธีรภัทร์วางสายอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาพบหญิงสาวคนหนึ่งยืนมองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สงสัยว่าเคยรู้จักเธอหรือไม่ หรือว่าเธอจะเคยเป็นคู่ควงของเขามาก่อน?

นึกพลางลอบสำรวจอีกฝ่าย ครู่หนึ่งจึงได้คำตอบที่ค่อนข้างมั่นใจ

ไม่น่าใช่แฮะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สเปกเขาแน่ๆ รูปร่างของเธอใช้ได้ แต่การแต่งตัวเรียบมาก ไม่น่าสนใจเลย หน้าตาก็จิ้มลิ้มดีหรอกแต่จืดไปหน่อย แถมยังไม่แต่งหน้า ไม่รู้จักดึงเสน่ห์ของผู้หญิงออกมาใช้ เธอตกตั้งแต่รอบแรกถ้าคิดจะเข้าแข่งขันกับคู่ควงคนก่อนของเขา

ที่สำคัญเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องผู้หญิง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะชอบมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยกับใคร

แล้วเธอเป็นใครล่ะ มายืนจ้องหน้าแบบนี้แอบคิดอะไรกับเขาใช่ไหม?

“ขอโทษนะครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า” ชายหนุ่มถามออกมาในที่สุด หวังลึกๆ ว่าสาวแปลกหน้าคนนี้จะไม่ปิ๊งเขาตั้งแต่แรกพบ เพราะเธอไม่ใช่สเปกเขาจริงๆ มันหยาบคายมากหากเขาต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธสุภาพสตรี

“ไม่ค่ะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ได้รู้จักแน่ ฉันเป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ที่คุณรออยู่ ขอโทษนะคะที่มาสาย เราจะเริ่มคุยรายละเอียดเรื่องงานได้รึยัง”

หญิงสาวยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก หากไม่โง่จนเกินไปเขาคงจะรู้ว่าเธอแค่ยิ้มตามมารยาทเท่านั้น เพราะดวงตาของเธอมันไม่ยิ้มด้วยสักนิด

“คนของ My design เป็นผู้หญิงเหรอ” เขาพูดกับตัวเองงงๆ ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาหงุดหงิดมากแค่ไหนจึงระบายอารมณ์ใส่หญิงสาวเป็นชุด

“คุณไม่คิดจะแก้ตัวหน่อยเหรอครับว่าทำไมถึงมาสาย ปล่อยให้ผมรอเป็นชั่วโมงคุณพูดแค่ขอโทษคำเดียวง่ายๆ แค่เนี้ย”

“จะเพราะอะไรคำตอบก็เหมือนกันคือสุดท้ายฉันก็มาสายอยู่ดี คุณจะสนใจไปทำไม อีกอย่างมาสายฉันก็ขอโทษ แล้วคุณจะเอาอะไรอีก”

หญิงสาวจ้องตาเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว

ธีรภัทร์ถึงกับอึ้ง เธอพูดถูก จะสายเพราะอะไรสุดท้ายมันก็คือสายอยู่ดี เธอมาสายก็ขอโทษ ก็เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลดี แล้วเขาจะเอาอะไรอีก ชายหนุ่มตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าคำพูดของเธอมันยิ่งกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของเขาให้ทำงานหนักขึ้น



“นี่มันจะสิบโมงอยู่แล้วนะครับ ผมมาถึงที่นี่เก้าโมงเพราะเรานัดกันไว้แบบนั้น เก้าโมงของผมหมายความว่าทุกอย่างต้องพร้อม ทำงานได้เลย นี่อะไร ทุกอย่างพร้อมแต่นางแบบไม่มี แล้วผมต้องรออีกนานเท่าไหร่กว่านางแบบจะมา กว่าจะแต่งหน้าทำผมอีก รู้มั้ยครับว่ามันเสียเวลา”

เสียงห้าวห้วนจากชายหนุ่มร่างสูงดังขึ้นพร้อมสายตาคมขุ่นที่กวาดมองทีมงานทุกคนอย่างต้องการคำตอบ

“เอ่อ...อีกเดี๋ยวก็มาแล้วค่ะ ผู้จัดการส่วนตัวของน้องพรีมโทร. มาบอกพี่ว่ารถเสียเลยจะมาช้าหน่อย แต่อีกไม่นานก็ถึงแล้ว คุณพีร์ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”

พี่อ้อย หัวหน้าทีมงานถ่ายปกหนังสือครั้งนี้ออกตัวด้วยเสียงแห้งๆ พลางสบตาช่างภาพหนุ่มที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอย่างวิงวอน

‘พีรภัทร์’ ถอนใจเฮือก เขาเป็นช่างภาพอิสระ มีผลงานไม่มากนักเพราะชื่นชอบและหลงใหลการถ่ายภาพมากกว่าต้องการยึดเป็นอาชีพ แต่ผลงานหลายชิ้นก็เข้าตากรรมการทำให้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงาน และได้หาความรู้ใหม่ๆ ให้ตนเองด้วย

ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ถ่ายภาพคน เขาชอบถ่ายภาพสิงสาราสัตว์และธรรมชาติมากกว่า แต่เหตุผลที่รับงานถ่ายปกหนังสือเล่มนี้เพราะรุ่นพี่ที่รู้จักชอบพอกันไหว้วานมา

ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดอารมณ์เสียไม่ได้อยู่ดี

นึกแล้วว่านางแบบที่กำลังดังมากๆ ต้องเป็นคนจำพวกไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน และยิ่งเป็นนางแบบไฮโซอย่างนี้ด้วยแล้วก็ไม่ต้องพูดถึง

นี่แหละ เหตุผลที่เขาไม่ชอบถ่ายภาพคน ยุ่งยาก เรื่องมาก น่ารำคาญ!



พิริมาขับรถเองตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงชลบุรี แม้หญิงสาวจะได้รับการเลี้ยงดูแบบประคบประหงมมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่เรื่องขับรถเธอไม่เป็นสองรองใคร เพราะแอบผู้เป็นย่าไปหัดขับรถกับพิศิตาเสมอ แม้แต่นีน่ายังต้องนั่งสวดมนต์ไปตลอดทางด้วยความหวาดเสียว รู้สึกเข้าใจคุณหญิงพรรณรายขึ้นมาตงิดๆ ที่ไม่ยอมให้หลานสาวคนโตขับรถไปทำงานเอง

เมื่อเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน นีน่าจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “รอดตายแล้วฉัน คนดีผีคุ้มจริงๆ”

แต่พอเหลือบไปเห็นสีหน้าของเหล่าทีมงานที่รอเง้กกันอยู่ก็ต้องทำหน้ายับหน้าย่นอย่างหวั่นใจ “ตายจริง ดูหน้าทีมงานพวกนั้นสิคะน้องพรีมขา น่ากลัวว่าจะอารมณ์เสียกันอยู่นะคะเนี่ย”

“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ก็เห็นๆ กันอยู่ ขอโทษเป็นทางออกเดียว” พิริมาว่าพลางก้าวลงจากรถพร้อมฉีกยิ้มทักทายทีมงาน

“ขอโทษนะคะพี่ๆ ทุกคน รถเสียพรีมก็เลยมาช้า ทำให้ทุกคนต้องพลอยเสียเวลาไปด้วย เราเริ่มเลยก็แล้วกันนะคะ”

เหล่าทีมงานไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบพาหญิงสาวหายเข้าไปหลังฉากที่จัดไว้สำหรับการเปลี่ยนเสื้อผ้าของนางแบบ

นีน่ากับพิณณิศาได้แต่หันมามองตากับปริบๆ ก่อนก้าวลงจากรถอย่างพร้อมเพรียง

“พี่นีน่าช่วยดูแลพี่พรีมด้วยนะคะ แพงขอไปเซย์ฮัลโหลกับทะเลก่อน” สาวร่างเล็กบอกเสียงใส ก่อนวิ่งปร๋อไปที่ชายหาดสีขาวสะอาดตาซึ่งเห็นอยู่ตรงหน้า นานแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวต่างจังหวัด โอกาสงามๆ ที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้มีหรือเธอจะปล่อยให้หลุดมือ

“อะไรกัน แล้วจะปล่อยพี่นีน่าไว้ที่นี่เหรอคะน้องแพง อ๊าย...เด็กอะไรเนี่ย ไม่อยู่ช่วยกันรับหน้าเลย” นีน่าได้แต่บ่นกระปอดกระแปดเพราะอีกฝ่ายไม่อยู่ฟังแล้ว ก่อนจะเดินฉีกยิ้มแห้งๆ เข้าไปหาทีมงานคนอื่น ซึ่งแต่ละคนล้วนมีสีหน้าไม่เป็นมิตรเลย

“ขอโทษนะคะทุกคน รถนีน่าเสียเลยทำให้เรามาช้าไปนิด แต่ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้น้องพรีมกำลังแต่งหน้าแต่งตัวอยู่ อีกเดี๋ยวก็เสร็จ”

“แน่ใจเหรอนีน่าว่ารถเสีย ไม่ใช่ว่านางแบบของเธอไม่มีความรับผิดชอบนะ” เสียงเจ๊แหวนซึ่งเป็นผู้ช่วยของพี่อ้อยดังขึ้น

เธอไม่ได้รังเกียจพวกนางแบบมืออาชีพ แต่สำหรับนางแบบกิตติมศักดิ์อย่างพิริมา เธอไม่ชอบเอาจริงๆ เพราะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าเย่อหยิ่งและเรื่องมากสุดๆ

“แน่สิคะเจ๊ ถ้ารู้ว่ามาสายแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง ใครจะอยากมาสายกันล่ะ ว่ามั้ยพวกเธอ”

นีน่าสวนกลับฉับไวพลางหันไปหาพรรคพวก ไม่ยอมถูกสับเละฝ่ายเดียวเพราะเรื่องมันสุดวิสัยจริงๆ ไม่ใช่หล่อนกับพิริมาไร้ความรับผิดชอบอย่างที่ถูกเจ๊แหวนเหน็บแนม

อีกฝ่ายเบ้ปาก แต่ก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพราะรู้ว่าฝีปากของนีน่านั้นแรงขั้นเทพ

เมื่อเห็นคู่กรณีเงียบ นีน่าก็หันไปมองรอบๆ บริเวณอย่างสำรวจตรวจตรา จนสะดุดเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนทำหน้าเคร่งอยู่ข้างกล้อง

‘ต๊าย! ผู้ชายอะไรหล่อระเบิดระเบ้อขนาดนี้!’

สาวประเภทสองผู้นิยมหนุ่มหล่อล่ำบึ้กเป็นทุนถึงกับแอบส่งสายตาหวานๆ ไปให้ หากเป้าหมายกลับทำตาขวางจัดตอบกลับมา เล่นเอาสะดุ้ง

“ถ้านางแบบเสร็จแล้วให้ใครไปตามผมด้วยก็แล้วกัน ผมจะไปสงบสติอารมณ์ หวังว่าคงไม่ต้องรอจนถึงเย็นนะครับ”

พูดจบเขาก็คว้ากล้องตัวเล็กซึ่งมักจะพกพาติดตัวเสมอเหมือนบัตรประชาชน ออกเดินไปตามแนวหาดที่มีผู้คนเดินเล่นอยู่ประปรายเพราะไม่ใช่ฤดูกาลเที่ยวทะเล และวันนี้ก็ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย

นีน่ามองตามตาค้าง “นั่นใครกันคะเจ๊แหวน ทำอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของนิตยสารงั้นแหละ ฮึ นี่ถ้าไม่หล่อทำแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย”

“ก็คุณพีรภัทร์ ช่างภาพในการถ่ายปกหนังสือครั้งนี้น่ะสิ” เจ๊แหวนบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเยาะๆ ด้วยรู้สึกเป็นต่อที่ช่างภาพเองก็มีท่าทีไม่ปลื้มนางแบบคนนี้เหมือนตน

นีน่าหรี่ตา ครุ่นคิด ก่อนจะอ้าปากหวอ ถามอย่างตื่นเต้น “เนี่ยเหรอคุณพีรภัทร์ ช่างภาพอิสระที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวมาร่วมงาน แล้วทำไมเขาถึงมาทำงานนี้ล่ะคะ ได้ข่าวว่าเขาไม่ถ่ายภาพคนนี่”

“ถูกย่ะ คนนั้นแหละ ใช่เลย ใครก็ได้ไปเร่งนางแบบทีไป๊ บอกด้วยว่าทำงานวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้” เจ๊แหวนว่าพลางทำสีหน้าเอือมระอา ก่อนเดินสะบัดก้นไปโดยไม่ตอบนีน่าอีก

“หน็อย...นึกว่าตัวเองเป็นใครยะยายเจ๊แหวน ทำมาเป็นเดินหนีฉัน ถามคนอื่นก็ได้ นี่เธอๆ ว่าไงจ๊ะ มีอะไรในกอไผ่ ใครรู้รีบเมาท์ด่วน” เมื่อเจ๊แหวนเดินหนีไปแล้ว นีน่าก็หันไปจับใครสักคนแถวนั้นมาซักไซ้แทน



“ผิวคุณน้องเนี่ยเนี้ยนเนียนนะคะ แต่งง่าย รูปหน้าก็คลาสสิก แต่งยังไงก็สวย” เสียงช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองดังขึ้น ขณะปัดแก้มให้พิริมาเป็นลำดับสุดท้าย

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบบางๆ แล้วไม่ว่าอะไรอีก

“เสร็จรึยังคะพี่แต๋วแหวว เจ๊แหวนให้มาเร่ง แล้วยังฝากบอกอีกด้วยว่าเอ่อ...ทำงานวันนี้ไม่ใช่พรุ่งนี้ค่ะ แล้วคุณช่างภาพก็เดินหนีลงทะเลไปแล้วด้วย”

เสียงกล้าๆ กลัวๆ ของทีมงานคนหนึ่งดังขึ้นทำให้แต๋วแหววต้องหันไปจิกตามอง

“เกือบแล้วย่ะ เร่งอะไรนักนะเจ๊แหวนเนี่ย ไม่มาเป็นช่างแต่งหน้าไม่รู้หรอก เชอะ!”

พิริมาขมวดคิ้วยุ่ง “ใครเป็นช่างภาพที่พรีมต้องทำงานด้วยวันนี้คะ พรีมต้องไปขอโทษเขาหน่อยที่มาสาย ไม่รู้ว่าเขามีงานที่ไหนต่อรึเปล่า”

“โอ๊ย...ไอ้งานน่ะไม่มีต่อหรอกค่ะ แต่พี่แต๋วแหววขอเตือนล่วงหน้าว่าช่างภาพของเรางี้หน้าหงิกเชียวค่ะคุณน้อง” แต๋วแหววจีบปากจีบคอพูดอย่างออกรส

“หน้าตาก็หล่อดีแต่ท่าทางดุไปหน่อย ขนาดพี่แต๋วแหววยังไม่กล้าอ่อย เอ๊ย...ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเลยค่ะ”

“แล้วเขาเป็นใครคะ?”

“เห็นว่าชื่อคุณพีรภัทร์อะไรเนี่ยแหละค่ะ ได้ยินว่าผลงานโดดเด่นจนใครต่อใครก็อยากได้ตัวไปร่วมงาน แต่ก็แปลกนะคะ เห็นเขาว่ากันอีกว่าคุณช่างภาพคนนี้ไม่เคยรับงานที่ไหนมาก่อน ไหงถึงรับทำงานนี้ก็ไม่รู้ เอาละค่ะ เรียบร้อยละ น้องพรีมลุกขึ้นให้พี่แต๋วแหววดูหน่อยซิคะ”

พิริมายืนขึ้นอย่างว่าง่าย เลยโดนจับหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา

ก่อนจะได้ยินเสียงช่างแต่งหน้าบอกว่า “เพอร์เฟกต์ค่ะคุณน้องขา สวยชนะเลิศ เราออกไปกันเถอะค่ะ”

หญิงสาวรีบเดินตามแต๋วแหววออกไป แต่พอถึงฉากปรากฏว่าช่างภาพไม่อยู่เสียแล้ว

“อ้าว นางแบบพร้อมแต่ช่างภาพหาย ไม่รู้จะมีกองไหนวุ่นวายอย่างกองเราบ้างมั้ยเนี่ย ใครก็ได้ไปตามคุณพีร์ทีไป๊” เสียงพี่อ้อยดังขึ้นอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นนางแบบเดินมาพร้อมช่างแต่งหน้า แต่ช่างภาพกลับไม่อยู่

นีน่ารีบเดินเข้าไปเกาะแขนพิริมาอย่างประจบ “ต๊าย! น้องพรีมสวยเริดเจิดกินขาดไปเลยค่ะคุณน้องขา มานั่งพักก่อนนะคะ อีตาช่างภาพกำลังสงบสติอารมณ์อยู่ค่ะ แต่น้องพรีมไม่ต้องไปสนใจมาก นั่งลงก่อนเดี๋ยวพี่นีน่าพัดให้ค่ะ”

นีน่าหยิบพัดขึ้นมาคลี่ด้วยท่วงท่าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่เซี่ยงไฮ้ ก่อนจะค่อยๆ พัดให้พิริมาอย่างเอาใจ

“ยายแพงล่ะคะ” หญิงสาวนึกเป็นห่วงน้องสาวแสนซนของเธอ เมื่อไม่เห็นวี่แววว่าจะอยู่แถวนี้หลังจากกวาดสายตามองหาจนทั่ว

“เอ่อ...เห็นบอกว่าจะไปเดินเล่นนะคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวเหนื่อยก็กลับมาเองแหละ”

“พี่นีน่ายังไม่รู้จักยายแพงดีซิคะถึงพูดแบบนี้ ไม่รู้ไปก่อเรื่องที่ไหนอีกรึเปล่า”

พิริมานิ่วหน้า อดเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้ พิณณิศาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ไปไหนมาไหนคนเดียว การมาเที่ยวครั้งนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากคุณหญิงพรรณราย หากเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่รู้จะกลับไปบอกผู้เป็นย่าว่าอย่างไร



พีรภัทร์เดินเรื่อยเฉื่อยมาตามแนวหาด เมื่อได้สัมผัสกับสายลม แสงแดด และคลื่นทะเลอย่างใกล้ชิดก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ในบรรดานักท่องเที่ยวน้อยคนที่เห็นอยู่ประปราย เด็กสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งหยอกล้อกับคลื่นทะเลอย่างสนุกสนาน คงเป็นเพราะความสดใสของเธอที่ทำให้เขาหยุดมองและไม่สามารถละสายตาไปไหนได้

แล้วกล้องในมือก็ถูกยกขึ้นจับภาพในมุมกว้าง ฉากหลังคือท้องฟ้าสีครามที่บรรจบกับผืนทะเล นางแบบคือสาวน้อยร่างเล็กที่กำลังเต้นรำกับเกลียวคลื่น ในจังหวะที่เขากดชัตเตอร์ นางแบบส้มหล่นก็หันหน้ามาพอดี เธอเอียงคอมองด้วยสีหน้าฉงน ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มเชื่อมไมตรี ด้วยรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แล้วเขาก็เดินเข้าไปหาเธอเพื่อแสดงความจริงใจ

“ขอโทษนะครับ พี่เห็นน้องดูมีความสุขมากเลยอดถ่ายภาพเก็บไว้ไม่ได้ อยากดูมั้ย” เขาส่งกล้องในมือไปให้เธอ แอบเดาอายุสาวน้อยไว้ราวๆ สิบหกหรือสิบเจ็ดปี

เธอยิ้มรับสดใส เห็นภาพตัวเองคล้ายกำลังเต้นรำอยู่กับคลื่นทะเลก็อดทึ่งไม่ได้ “พี่เป็นช่างภาพรึเปล่าคะ รูปสวยมากเลย”

เขาพยักหน้าและแนะนำตัว “พี่ชื่อพีร์ แล้วเราล่ะ ชื่ออะไร”

“แพงค่ะ” เธอยิ้มแล้วส่งกล้องคืนให้เขา อาจเป็นรอยยิ้มจริงใจกับนัยน์ตาอบอุ่นคู่นั้นก็ได้ที่ทำให้พิณณิศายืนคุยกับคนแปลกหน้าตั้งนานสองนาน

เช่นเดียวกับพีรภัทร์ น่าจะเป็นความสดใสไร้เดียงสาเหมือนผักปลอดสารพิษที่สามารถบริโภคได้โดยไม่ต้องกลัวอันตราย ทำให้เขาพูดคุยกับเพื่อนใหม่อย่างเป็นกันเอง ทั้งที่ปกติแล้วไม่ค่อยจะคบใครพร่ำเพรื่อ

“คุณพีร์อยู่นี่เอง พี่อ้อยให้มาตามครับ นางแบบพร้อมแล้ว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งแทรกขึ้นทำให้บทสนทนาหยุดชะงัก

“รู้แล้ว ไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาตอบรับก่อนหันมามองเพื่อนใหม่ “พี่ต้องไปทำงานแล้ว เคยดูเขาถ่ายแบบกันไหม”

สาวน้อยส่ายหัวดิก แววตามีประกายสนใจ “ไม่เคยค่ะ”

“อยากดูมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้จนถึงขนาดเอ่ยปากชวนให้เธอไปดูเขาทำงาน ทั้งที่ไม่เคยทำกับใคร

พิณณิศาพยักหน้า พีรภัทร์จึงเดินนำไปยังสถานที่ถ่ายทำ



“แพงหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่” พิริมาลุกไปหาพิณณิศาที่เดินตามหลังชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งมา เธอไม่ทันมองหน้าเขาด้วยซ้ำเพราะเห็นน้องสาวตัวดีเข้าเสียก่อน

“แพงก็ไปเซย์ไฮกับทะเลไงคะ บอกพี่นีน่าแล้วนี่นา” สาวน้อยตอบพลางทำหน้ามุ่ยกับผู้จัดการของพิริมา

“คุณพีร์มาแล้วค่ะ น้องพรีมพร้อมนะคะ” พี่อ้อยตะโกนด้วยความโล่งใจที่เห็นพีรภัทร์กลับมาด้วยสีหน้าที่ดูดีกว่าตอนออกไปเยอะ

“ค่ะพี่อ้อย” หญิงสาวรับคำก่อนจะหันกลับมาที่น้องสาว “ไม่ต้องไปโทษพี่นีน่าเลย ถึงยังไงพี่ก็อดห่วงแพงไม่ได้อยู่ดี รออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนอีกนะ พี่ทำงานก่อน”

สาวน้อยหดคอ ก่อนจะหันไปมองหน้าพีรภัทร์พลางย่นจมูก

เขายิ้มบางๆ ส่งให้ คาดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นน้องสาวของพิริมา ก่อนจะหันไปสบตาคนเป็นพี่แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เชิญครับคุณพิริมา เกือบเที่ยงแล้ว แต่เรายังไปไม่ถึงไหนกันเลย”

พิริมากำลังจะเอ่ยคำขอโทษจึงหยุดชะงัก คอแข็ง รู้สึกดีใจนักหนาที่ยังไม่ได้เอ่ยปากออกไป ใบหน้าสวยจัดตึงขึ้น มองเขาด้วยหางตา ก่อนเดินไปที่ฉาก ซึ่งจัดไว้ในการถ่ายทำโดยไม่ได้เอ่ยอะไรกับชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว

งานถ่ายปกหนังสือในวันนี้เริ่มต้นช้า หากเมื่อออกสตาร์ตแล้วก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ด้วยฝีมือของตากล้องคนเก่งที่น่าจับตามอง กับนางแบบสาวไฮโซแสนสวยที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยอย่างที่พีรภัทร์นึกดูถูกไว้แต่แรก

พิริมาทำงานได้อย่างมืออาชีพ เธอรู้ว่าต้องโพสต์ท่ายังไงให้ภาพออกมาสวย รู้ว่าตัวเองต้องหันมุมไหนให้ภาพออกมาดูดีที่สุด ยิ่งเซตสุดท้ายที่ถ่ายกันตอนดวงตะวันบรรจบกับผืนน้ำที่กลางทะเล แสงแดดรำไรยิ่งทำให้ภาพของหญิงสาวงดงาม และมีเสน่ห์ชวนหลงใหลจนน่าตกใจ

เมื่องานเสร็จสิ้นลง พีรภัทร์ก็ต้องยอมรับว่าพิริมาน่าจะไปได้สวยกับอาชีพนี้ หากไม่ติดเรื่องนิสัยแย่ๆ ของเธอเสียก่อน



“ทำไมหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะแม่พลอย กลับมาเมื่อไหร่ ย่าไม่ได้ยินเสียงรถเลย”

คุณหญิงพรรณรายเอ่ยถามเมื่อเห็นหลานสาวคนรองเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

“พลอยไม่ได้เอารถไปค่ะ แล้วก็มีเรื่องกับคนงี่เง่านิดหน่อยเลยเซ็ง” พิศิตาตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

“รถเสียรึ ทำไมไม่เอาไป”

“เปล่าค่ะ แต่พลอยให้พรีมยืม”

“เอ๊ะ ทำไมล่ะ แม่พรีมไม่ได้ไปกับผู้จัดการส่วนตัวรึไง”

คุณหญิงถามอย่างระแวงแกมแปลกใจ เธอห้ามขาดไม่ให้พิริมาขับรถไปทำงานเอง หน้าที่นั้นยกให้เป็นของนีน่าเป็นการถาวร

“รถพี่นีน่าเสียค่ะ แล้วเมื่อเช้ารถที่บ้านเราก็ไม่อยู่ซักคัน พลอยเลยให้พรีมยืมไปก่อน ไม่งั้นจะเสียงานเอา”

“อ้อ งั้นหรอกรึ” คุณหญิงพยักหน้า ก่อนมองสีหน้าอิดโรยของหลานสาวแล้วส่ายหัวช้าๆ

“ย่าก็บอกแล้วว่าอย่าไปทำเล้ยไอ้งานออกแบบตกแต่งอะไรนั่น วิ่งรอกไปโน่นมานี่ทั้งวันเหนื่อยก็เหนื่อย เงินเดือนมันจะได้ซักเท่าไหร่กันเชียว ว่าไง อยากเปลี่ยนใจไปเป็นเลขาฯ นั่งในห้องแอร์บ้างไหม”

“โหย...ไม่เอานะคะคุณย่า พลอยเป็นเลขาฯ ให้ใครไม่ได้หรอก เดี๋ยวเผลอไปต่อยหน้าเจ้านายเข้าคุณย่าจะยุ่งเอาน่ะสิ” พิศิตารีบปฏิเสธ

ถ้าจะให้คอยรับคำสั่งใครงกๆ และนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันอย่างนั้น เอามีดมาแทงเธอให้ตายไปเลยดีกว่า ไม่งั้นได้เป็นโรคประสาทกันบ้าง

“ย่ารู้หรอกว่าเราทำไม่ได้ แล้วนี่แม่แพงไปไหน ตั้งแต่กลับจากสมาคมย่ายังไม่เห็นหน้าเลย” คุณหญิงว่าด้วยน้ำเสียงรู้ทันแกมหมั่นไส้

พิศิตาอึกอัก แต่ยังไม่ทันจะตอบก็มีเสียงรถแล่นมาจอดเทียบหน้ามุข

“เอ๊ะ นั่นเสียงรถใคร ใช่แม่พรีมรึเปล่า”

ยังไม่ทันที่พิศิตาจะอ้าปาก พิณณิศาก็เจื้อยแจ้วนำร่องเข้ามาถึงโถงด้านใน ตามด้วยพิริมาและผู้จัดการส่วนตัว

“อ้าว คุณย่ากลับมาแล้วเหรอคะ”

จากที่เสียงดังร่าเริงในตอนแรกสาวน้อยช่างจ้อก็ถึงกับเสียงอ่อยสนิทเมื่อเห็นผู้เป็นย่านั่งรออยู่

“หายไปไหนมาทั้งวันแม่แพง นมอิ่มบอกว่าวันนี้เราไม่ได้เรียนทำขนม อย่าบอกนะว่าไปกับแม่พรีมมา”

น้ำเสียงเข้มงวดของผู้เป็นย่ายิ่งทำให้พิณณิศาต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ค่อยๆ กระดืบไปหลบหลังพี่สาวคนโตอย่างนกรู้

คุณหญิงเหลือบมองเสี้ยวหน้าเจื่อนๆ ของหลานสาวคนเล็กอย่างหมั่นไส้ ที่เธอเข้มงวดกับเจ้าหล่อนมากกว่าใครก็เพราะเป็นห่วงที่ยังเด็กอยู่มาก แถมนิสัยใจคอที่เป็นมิตรและเชื่อคนง่ายก็แก้ไม่หายเสียที เธอจึงไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตานัก

“พรีมให้น้องไปเองแหละค่ะคุณย่า เห็นเรียนทำขนมกับนมอิ่มมาหลายวันแล้วเลยชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกันค่ะ”

“งั้นรึ ก็แล้วไปเถอะ”

น้ำเสียงอ่อนหวานเอาใจของหลานสาวคนโตทำให้คุณหญิงคลายความไม่พอใจลงได้มาก พิริมานับเป็นหลานสาวคนโปรด เพราะถึงแม้จะไม่ยอมมาเป็นเลขาฯ ข้างกายเพื่อว่าวันหน้าจะได้สืบทอดตำแหน่งนายกสมาคมต่อจากเธอ แต่หญิงสาวก็ยังตามใจเธอในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเดินแบบในงานการกุศลให้สมาคมคุณหญิงอยู่เสมอ หรือการไปออกงานกลางคืนร่วมกับเธอโดยไม่เกี่ยงงอน ไอ้เรื่องจะหวังพึ่งพิศิตานั้นคงต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดเสียก่อน ส่วนพิณณิศาก็ยังเด็กเกินไป เธอยังไม่ไว้ใจจะพาออกงานด้วย

พิณณิศาลอบถอนใจอย่างโล่งอก ถ้าเป็นคนอื่นไม่เห็นจะกลัว แต่หากผู้เป็นย่าออกโรงเมื่อไรเธอขอยกธงขาวก่อนใคร ไม่ไหวจะรับแรงกดดันมหาศาลขนาดนั้นจริงๆ

เมื่อคุณหญิงเลิกใส่ใจเรื่องที่เธอเกเรในวันนี้แล้วหันไปสนทนากับหลานสาวคนโปรดด้วยสีหน้าชื่นมื่น เธอจึงถือโอกาสเข้าไปออดอ้อนผู้เป็นย่าบ้าง “คุณย่าขา...แพงเรียนจบมาเกือบสองเดือนแล้วนะคะ คุณย่าอนุญาตให้แพงไปหางานทำนะ ถ้าคุณย่าไม่ไว้ใจ จะฝากแพงไปทำงานกับเพื่อนคุณย่าคนไหนก็ได้ แต่แพงไม่อยากเรียนทำขนมแล้ว แพงเบื่อนะคะคุณย่าขา”

“เอ๊ะ! คุณหญิงย่าขา...น้องแพงนี่จะว่าไปก็สวยไม่แพ้น้องพรีมนะคะ คุณหญิงย่าขาสนใจจะให้เข้าวงการบันเทิงอีกคนมั้ยคะ นีน่าจะเป็นเจ๊ดันให้เอง รับรองว่างานนี้เกิดชัวร์” นีน่ารีบยื่นข้อเสนอเพราะเห็นรายได้จำนวนมหาศาลที่จะเก็บเกี่ยวจากสองพี่น้องอยู่รำไร

“โอ๊ย...คนเดียวก็พอแล้วย่ะแม่นีน่า หลานฉันไม่ได้อดอยากขนาดต้องไปเต้นกินรำกินแบบนั้นหรอก แม่แพงถ้าไม่อยากทำขนมก็ไปทำงานที่บริษัทคุณมณีก็แล้วกัน เดี๋ยวย่าจะคุยให้” คุณหญิงตัดสินใจในที่สุด ก่อนที่นีน่าจะพาหลานสาวเธอเข้าวงการบันเทิงอีกคน

พิณณิศากอดคุณหญิงแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ “ขอบคุณค่ะ คุณย่าน่ารักที่สุดในโลกเลย”

“ไม่ต้องมาประจบ แล้วดูซิ แต่งตัวอะไรกันเด็กสมัยนี้ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทานข้าวกัน” คุณหญิงเอ็ดเสียงเขียว ทำตาดุใส่สาวน้อยที่ยิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้ เห็นชุดที่หลานใส่แล้วหัวใจจะวายเอา

คนถูกเอ็ดยิ้มแหย รีบวิ่งขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ ใบหน้าแฉล้มแจ่มใสไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่พลอยหลงยุคอีกแล้ว!

“งั้นพลอยขอตัวด้วยเลยนะคะ เหนื่อย” พิศิตาถือโอกาสขอตัวตามน้องสาวไปอีกคน

คุณหญิงเลยหันไปชวนผู้จัดการส่วนตัวของหลานสาวคนโตอยู่กินอาหารเย็นด้วยกัน

“ต้องขอประทานโทษจริงๆ ค่ะคุณหญิงย่าขา นีน่าต้องรีบไปเอารถที่อู่ก่อน พอดีช่างโทร. มาบอกว่าซ่อมเสร็จแล้ว” นีน่าปฏิเสธเสียงแห้งเพราะยังเกรงบารมีคุณหญิงพรรณรายอยู่มาก ท่าทีสง่างามน่าเกรงขามนั้นทำให้หล่อนไม่ค่อยกล้าเล่นหัวด้วยสักเท่าไร

ก็ดูแต่หลานสาวแท้ๆ สิ ยังกลัวคุณหญิงกันทุกคน แล้วหล่อนเป็นใคร ลูกนกตาดำๆ มีหรือจะกล้า...

ผู้จัดการร่างยักษ์รีบไหว้ลาคุณหญิงก่อนจะจรลีไปโดยเร็ว

“คุณย่าขา พรีมมีเรื่องอยากขอค่ะ” พิริมานั่งลงข้างคุณหญิงพร้อมบีบนวดตามแขนอย่างประจบ

“เรื่องอะไรอีกล่ะแม่พรีม ชอบขอกันจริงสามพี่น้องนี่ แม่แพงขอไปคนแล้ว นี่แม่พรีมมาขออีก ต่อไปก็ถึงคราวแม่พลอยสินะ เอ้า...มีอะไรก็ว่ามา” คุณหญิงบ่นอย่างหมั่นไส้ระคนเอ็นดู

“พรีมจะขอซื้อรถซักคันนะคะคุณย่า ถ้ารถพี่นีน่าเสียอีกจะได้ไม่ต้องเอารถพลอยไปเหมือนวันนี้ พรีมไม่รบกวนคุณย่าหรอกค่ะ พรีมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง แค่อยากขออนุญาตคุณย่าเท่านั้น”

“อ้อ นี่จะบอกว่ามีปัญญาซื้อเอง แต่ติดว่ามีคนแก่หัวดื้อคนนึงไม่ยอมให้ซื้อละสิ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณย่า พรีมแค่...”

“เอาเถอะ อยากซื้อก็ซื้อ เราก็โตแล้วคงดูแลตัวเองได้หรอก แต่บอกไว้ก่อนนะว่ารถคันเดียวย่ามีปัญญาซื้อให้หลานได้ ถ้าอยากได้จริงๆ ก็ให้มาเอาสตางค์ที่ย่า ไม่งั้นก็ไม่ต้องซื้อ”

คุณหญิงชิงพูดขึ้นก่อนที่พิริมาจะว่าจบ ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวยิ้มกว้าง โผเข้ากอดผู้เป็นย่าในทันที

“พรีมรักคุณย่าที่สุดในโลกเลยค่ะ”



พิศิตาร่างแบบที่จะใช้ตกแต่งอาคารพาณิชย์ให้ลูกค้าอยู่ในห้องอย่างหงุดหงิด จะทำใหม่กี่ครั้งก็เป็นอันต้องขยำแบบที่ร่างไว้ทิ้งทุกทีไป จนคนที่แอบมองอยู่เงียบๆ ต้องถามอย่างสงสัย

“เป็นอะไรไปพลอย ดูไม่มีสมาธิเลยนะ แล้วแบบนี้จะทำงานได้ยังไง”

“พรีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พลอยไม่ได้ยินเสียงเลย”

“ก็ตัวจะไปได้ยินอะไรล่ะ เอาแต่ขยำงานทิ้งอยู่นั่น ถ้าไม่มีสมาธิ หรือคิดอะไรไม่ออกก็หยุดพักก่อน อารมณ์ดีแล้วค่อยทำต่อสิ แบบนี้เปลืองทรัพยากรรู้มั้ย” พิริมาว่าพลางชี้นิ้วไปที่กระดาษซึ่งกระจายเกลื่อนกลาดเต็มพื้นห้อง

“เออ นั่นสิ เสียเวลาชะมัด” พิศิตาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“วันนี้เป็นไงมั่ง ไม่มีรถทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย”

“โอ๊ย...ก็เพราะไม่มีรถนี่แหละ ทำให้พลอยต้องมานั่งรองรับอารมณ์คนงี่เง่าอย่างหมอนั่น” พิศิตาว่าอย่างเคียดแค้นเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสีย

‘ถ้าคุณไม่มีอะไรจะแก้ตัวงั้นทั้งหมดนี่ก็เป็นความผิดของคุณก็แล้วกัน ผมรอนานเกินไปแล้ว ตอนนี้ผมมีธุระสำคัญต้องทำบ้าง เอาไว้เมื่อไหร่คุณพร้อมจริงๆ ค่อยนัดผมอีกที ขอตัวก่อนนะครับ’

นายสถาปนิกงี่เง่าพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท แล้วก็มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาควงแขนเขาอย่างสนิทสนม

‘ธีร์ขาคุณมาทำอะไรที่นี่คะ แหม...บังเอิญจัง ลดาก็มาทานข้าวที่นี่เหมือนกัน เราทานด้วยกันนะคะธีร์’

ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘ลดา’ จัดว่าเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างสะท้านใจชายและหน้าตาก็จัดว่าดีมาก เจ้าหล่อนทำตาหวานกับเขาก่อนหันมามองเธอตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างไร้มารยาทที่สุด

‘เอ๊ะ! แล้วยายนี่เป็นใครคะธีร์ นี่คุณเปลี่ยนรสนิยมเรื่องผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’

‘ผมมาทำงานครับลดา แต่ตอนนี้เสร็จธุระแล้ว เวลาที่เหลือของผมตอนนี้เป็นของคุณ’

ดูหมอนั่นอ้อนสาวแล้วเธอต้องแอบเบะปากอย่างหมั่นไส้

‘แต่เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะคะ คุณ...ธีร์’ เธอเรียกชื่อเขาตามที่ผู้หญิงอีกคนเรียก

‘เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน วันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคุยแล้ว’ เขาตอบหน้าตาเฉยก่อนเดินควงแขนออกไปกับผู้หญิงคนนั้น

‘นี่คุณ! คุณธีร์เดี๋ยวก่อนสิ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ รู้มั้ยว่ามันทำให้งานคนอื่นเสียหาย คุณธีร์!’

เธอพยายามเรียกให้เขากลับมาคุยเรื่องงาน เพราะอยากให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ผู้ชายบ้านั่นกลับเดินหนีหน้าตาเฉย เดือดร้อนเธอต้องวิ่งตามออกมาหน้าร้าน

‘เดี๋ยวก่อนคุณธีร์ เราต้องคุยเรื่องงานนะ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังจะได้ไปไหนกับใครเลย’

‘เอ๊ะ! นี่เธอพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ก็ธีร์บอกแล้วว่าไม่อยากคุยยังจะตามตื๊ออยู่ได้ หน้าด้าน!’

ยายลดาหันมาตอบแทนเขา และนั่นยิ่งทำให้เธอของขึ้น

‘ชื่อธีร์หรือไง ถ้าไม่ใช่ก็หุบปากไปซะ เพราะฉันไม่ได้พูดกับคุณ’

เจ้าหล่อนอ้าปากค้างและถึงกับพูดอะไรไม่ไปออกพักหนึ่ง เห็นแล้วสะใจชะมัด แต่ก่อนจะมียกสองตัวต้นเหตุก็เอ่ยขึ้น

‘เอาอย่างนี้นะคุณ นี่นามบัตรผม ไว้เรานัดคุยกันทีหลัง วันนี้ฤกษ์ไม่ดีจริงๆ ผมไปละ’

หลังจากยัดเยียดนามบัตรใส่มือเธอแล้วเขาก็ก้าวยาวๆ ไปที่รถยุโรปคันหรู ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเธอ และไม่ใส่ใจผู้หญิงที่ชื่อลดาด้วยซ้ำ

เธอได้แต่อ้าปากค้าง คิดหาคำพูดอะไรก็ไม่ทัน ส่วนแม่ลดานั่นได้แต่ร้องหาผู้ชายงี่เง่าที่ขับรถออกไปแล้วเหลือแต่ฝุ่นให้ดูต่างหน้า เธอเลยได้แต่หอบงานกลับมาหน้ายุ่งอย่างนี้

นึกแล้วโมโหที่สุด สองคนนั้นอะไรๆ ก็ดูดีไปหมด จะเสียอยู่อย่างก็เป็นนิสัยนี่แหละ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ เหมาะเหมือนผีเน่ากับโลงผุเลยทีเดียว!

“ว่าไงพลอย ใจลอยไปถึงไหน” พิริมาสะกิดแขนน้องสาว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน

“อ้อ เปล่าหรอก ก็แค่...คนงี่เง่าคนนึงน่ะ” พิศิตายักไหล่นิด

“ไม่อยากเล่าก็ตามใจ ว่าแต่จะไม่ขออะไรคุณย่าบ้างเหรอ ยายแพงขอไปทำงาน พรีมก็ขอซื้อรถ แล้วพลอยล่ะ จะขออะไรดี”

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก เอาไว้ก่อน คิดออกเมื่อไหร่ค่อยขอจะได้คุ้มหน่อย”

“ตามใจ งั้นพรีมไม่กวนแล้วดีกว่า ถ้ามีอะไร พรีมอยู่ที่ห้องนะ”

พิริมารู้ว่าพิศิตาคงมีปัญหาอะไรสักอย่างเพียงแต่ไม่พูดเท่านั้น แต่เธอก็ไม่อยากทู่ซี้ให้เสียเวลา เพราะถ้าอยากบอกพิศิตาก็จะบอกเอง เช่นเดียวกับเวลาที่ไม่อยากพูด ต่อให้ใช้อะไรง้างปากก็ไม่มีทางสำเร็จ

“อ้าว ห้องไม่ได้โดนยึดเหรอ” พิศิตาถามกลั้วหัวเราะ

พี่สาวพยักหน้ารับเนือยๆ “โดนยึดไปบางส่วนแล้ว รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะโดนไล่ที่”

“ก็บอกแล้วว่าอย่าตามใจให้มากนัก โตจนป่านนี้ยังจะกลัวผีอะไรอยู่ได้ ไร้สาระจริงๆ” พิศิตาบ่นขำๆ แกมเอ็นดูแม่น้องสาวคนเล็กที่ยังเป็นโรคกลัวผีแบบขี้ขึ้นสมอง ทั้งที่โตจนเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว

“ช่างเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป พรีมพูดจนขี้เกียจพูดแล้ว ไปนะ”

พิริมาปลงเสียแล้วเมื่อคิดถึงน้องสาวคนเล็กที่อายุห่างจากเธอเพียงสามปีแต่ยังไม่ยอมโตเสียที แต่ถึงพิณณิศาจะเป็นแบบนี้ตลอดไป เธอก็ไม่เดือดร้อนอะไร มีแต่จะเอ็นดูรักใคร่มากขึ้นเท่านั้น

ทั้งคุณหญิงพรรณราย พิศิตา และพิณณิศาต่างก็เป็นครอบครัวของพิริมา และทั้งสามคนก็คือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเธอด้วย









Create Date : 16 ธันวาคม 2557
Last Update : 16 ธันวาคม 2557 11:20:10 น. 0 comments
Counter : 559 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.