Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
พระจันทร์ร้อยเล่ห์ - 6 - ศึกสะท้านไร่ ๑




“ว่ายังไงนะปั้นหยา ตานนท์พาผู้หญิงเข้าบ้านจริงๆ น่ะเหรอ เป็นไปได้ยังไง ตานนท์ไม่เคยสนใจใคร?”

เสียงคุณจิตตราร้องลั่นจนปั้นหยาต้องนิ่วหน้า ยกหูโทรศัพท์ออกห่างใบหูเล็กน้อย ก่อนจะแนบเข้าไปใหม่เพื่อฟังอีกร้อยแปดคำถามที่ตามมาแบบถี่ยิบจนแทบฟังไม่ทัน

แต่กระนั้นคนส่งข่าวยังอมยิ้มระรื่นเมื่อปลุกระดมความวุ่นวายใจให้เจ้านายใหญ่ได้สำเร็จ รีบใส่สีตีไข่ข้อมูลให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นเพื่อนำเสนอเป็นรายงานประจำเดือนที่สมบูรณ์แบบและคุ้มค่ากับราคาจ้างวานมากที่สุด

“จริงค่ะคุณจิต เห็นว่าชื่อวันจันทร์ คนอะไรชื่อแปลก แต่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้นะคะ เห็นว่าเพิ่งรู้จักคุณนนท์ได้ไม่นาน ปั้นหยาละห๊วงห่วงคุณนนท์ค่ะ กลัวว่าจะโดนหลอก จะว่าไปแล้วเธอก็สวยใช้ได้ทีเดียวนะคะ แต่ท่าทางไม่เบาเลยค่ะ เล่นหูเล่นตากับคุณนนท์จนออกนอกหน้า นี่ถึงขนาดอุ้มกันขึ้นห้องเลยนะคะคุณจิตขา ทำท่ายังกะว่าจะมาเป็นนายหญิงของที่นี่งั้นแหละ ปั้นหยาละหมั่นไส้นักเชียว อยากให้คุณจิตมาเห็นเองจริงๆ ค่ะ แล้วจะรู้ว่าปั้นหยาไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่คำเดียวเลยนะคะ”

“ตายแล้ว! ถึงขนาดอุ้มกันขึ้นห้องเลยเหรอปั้นหยา” ปลายสายยิงคำถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะเป็นลม

ปั้นหยายิ้มกริ่ม “ใช่ค่ะ อุ้มกันขึ้นห้องกลางวันแสกๆ เลยนะคะคุณจิตขา ปั้นหยาว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา คุณจิตต้องรีบมาจัดการนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณนนท์คงเสร็จผู้หญิงคนนี้แน่ๆ ค่ะ”

“จับตาดูผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ดีนะปั้นหยา ท่าทางไม่น่าไว้ใจ ช่วยดูแลตานนท์ด้วย อย่าให้ผู้หญิงคนไหนมาจับหลานฉันได้ ต้องกันท่าทุกวิถีทางเข้าใจมั้ย ฉันเชื่อใจนนท์แต่ไม่เชื่อใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น แล้วฉันจะรีบไปตรวจสอบสถานการณ์ จับตาไว้อย่าให้พลาดนะปั้นหยาแล้วรายงานฉันทุกระยะด้วย”

คนที่อยู่ไกลครึ่งค่อนโลกในขณะนี้กำชับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดมาดมั่น

“ได้เลยค่ะคุณจิตขา ปั้นหยารับรองว่าจะดูแลความปลอดภัยของคุณนนท์ด้วยชีวิต จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคุณนนท์ได้ค่ะ ต่อให้คุณนนท์จะเข้าใจปั้นหยาผิดด้วยคำยุยงส่งเสริมของผู้ไม่ประสงค์ดี ปั้นหยาก็จะอดทน ยอมเป็นคนไม่ดีในสายตาคุณนนท์เพื่อคุณนนท์กับคุณจิตค่ะ” สอพลอแล้วก็ลอบยิ้มสมใจ เมื่อได้ไฟเขียวให้กันท่าผู้มาใหม่แบบเต็มสตีม

“ดีมากปั้นหยา ไม่ต้องห่วงนะ ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ฉันรับรองว่าจะปกป้องเธอ ไม่ให้ใครมารังแกได้เด็ดขาด”

คำยืนยันหนักแน่นของคุณจิตตราทำให้ปั้นหยาสบายอกสบายใจ กรอกเสียงหวานหยดลงไปในคำอำลา “ได้ค่ะคุณจิต ปั้นหยาจะทำให้เต็มที่ ขอบคุณคุณจิตมากเลยนะคะที่ไว้ใจปั้นหยามาตลอด ปั้นหยาจะไม่ทำให้คุณจิตต้องผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ”

หลังวางสายจากผู้สนับสนุนชั้นเยี่ยมแล้วปั้นหยาก็ระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ทั่วใบหน้า นึกถึงวิธีกันท่าสารพัดรูปแบบที่จะนำมาใช้กับแขกสาวสวย เหลือบมองนาฬิกาติดผนังแล้วพบว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยงเต็มที แผนกันท่าลำดับที่หนึ่งจึงผุดวาบขึ้นในหัวแบบใสกิ๊ก

“พอเขี่ยทุกคนกระเด็นแล้ว ทีนี้ก็จะไม่มีใครมาแย่งบทบาทและความสำคัญของนังปั้นหยาได้ หึๆ”



ศศธรกำลังพยายามหาวิธีลงจากเตียงด้วยตัวเองอย่างหงุดหงิดในตอนที่ปั้นหยาเคาะประตูแล้วผลักเข้ามาพร้อมถาดอาหารมื้อเที่ยงที่ยกมาวางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมข้างเตียง

“อาหารเที่ยงของคุณค่ะ ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว อาหารง่ายๆ หวังว่าคุณคงทานได้นะคะ”

หญิงสาวมองหน้าตาอาหารมื้อเที่ยงด้วยสีหน้าหวาดหวั่น อาหารจานนี้รสชาติคงจัดจ้านพอๆ กับสีสันและนั่นทำให้เธอเป็นกังวล เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายแล้วบอกเสียงเรียบ ไม่มีอารมณ์ใดปะปนทั้งในสีหน้าและแววตา ด้วยรู้ดีว่าปั้นหยาไม่ชอบหน้าเธอสักเท่าไร ตัวต่อตัวเธอไม่เคยกลัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สภาพร่างกายไม่อำนวยให้แผลงฤทธิ์นักก็จำต้องทำตัวดีๆ ไปก่อน

“ฉันไม่ชอบทานกะเพราไก่ไข่ดาว มีอย่างอื่นไหม” เรื่องอะไรจะบอกว่ากินรสจัดไม่ได้ แบบนั้นเท่ากับเธอบอกจุดอ่อนให้ศัตรูรู้น่ะสิ

คนส่งอาหารชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อสาวสวยไม่ยอมเล่นตามเกม บ่นเสียงขุ่น “เป็นแค่คนอาศัย เรื่องมาก”

สาวสวยฉุนกึกขึ้นมาในทันที

เรื่องมากใช่มั้ย ได้...จัดให้ตามที่ขอ!’

ใบหน้าสะสวยเชิดรั้น สองแขนยกขึ้นกอดอกอย่างถือตัว “ไปเปลี่ยนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

ปั้นหยาเม้มปาก กัดฟันกรอด ยกถาดอาหารกลับออกไปด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด เทข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวที่ตัวเองบรรจงละเลงเครื่องปรุงอย่างตั้งใจให้รสชาติออกมาแปลกหลุดโลกที่สุดลงไปในถังขยะอย่างเจ็บใจ

“ถือว่าดวงดีที่รอดอาหารจานนี้ไปได้ แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอก จานที่สองต้องพิสดารกว่า รับรองว่ากินเข้าไปคำแรกแล้วจะไม่อยากกินอะไรอีกเลย หึๆ”

ว่าแล้วก็ละเลงปรุงอาหารจานที่สองแบบสุดฝีมือ เรียกว่าทุ่มเทสุดชีวิตเพียงเพื่อจะพบว่า...

“ไม่เอา ฉันทานไม่ได้ ไปเปลี่ยนมาใหม่!”

“ไม่ไหวแล้วนะคุณวันจันทร์ ไอ้นั่นก็กินไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เอา แล้วตกลงคุณจะกินอะไร เรื่องมากเกินไปแล้วนะ”

ปั้นหยาลุกพรวดขึ้น เม้มปาก จิกตา จ้องหน้าแขกสาวของเจ้านายด้วยความไม่พอใจสุดระงับ

หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตอบเสียงอ่อนเสียงหวานทั้งที่อีกฝ่ายโมโหจนหน้าดำหน้าแดง “ก็ปั้นหยาไม่ถามก่อนนี่ว่าฉันทานอะไรได้บ้าง เดินขึ้นเดินลงหลายรอบแบบนี้เหนื่อยแย่เลยเนอะ คราวหน้าคราวหลังก็หัดถามก่อนสิจ๊ะ จะได้ไม่เหนื่อยเปล่าอีก”

สาวใช้วัยยี่สิบต้นกัดฟันกรอด จ้องคนไม่สมประกอบอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เหลือบมองถาดอาหารแล้วเกิดปิ๊งไอเดียสุดเจ๋งขึ้นมาทันทีทันใด

“ปั้นหยาหมดปัญญาแค่นี้แหละ วางไว้ตรงนี้นะคะ ถ้าหิวจนทนไม่ไหวเมื่อไหร่ก็เชิญตามสะดวก แต่ถ้าทนได้จะมองเฉยๆ ปั้นหยาก็ไม่รังเกียจที่จะทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าค่ะ”

สาวสวยกัดฟัน ข่มใจสะกดกลั้นความโมโหเอาไว้ ฉีกยิ้มร่าเริงตอบโต้ “ถ้าปั้นหยาคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นผลดีต่อตัวเองก็ตามใจแล้วกันนะจ๊ะ ฉันน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณนนท์สิ ถ้ารู้เรื่องนี้แล้วเขาจะว่ายังไงบ้างน้า...”

อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาท้าทาย “ก็คงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณนนท์รู้ว่าปั้นหยาเดินขึ้นเดินลงเพื่อนำมื้อเที่ยงมาเสิร์ฟให้คุณที่เตียงตั้งหลายรอบแต่คุณไม่กินเอง แล้วปั้นหยาจะทำอะไรได้ล่ะคะ”

รอยยิ้มหวานอาบยาพิษผุดพรายแต้มดวงหน้าสวย “ปั้นหยาก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกจ้ะ แต่ฉันทำได้แน่ๆ อยากพิสูจน์มั้ยล่ะ”

คนถูกขู่เชิดหน้า ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ด้วยรู้ดีว่าตัวเองมีผู้หนุนหลังชั้นเยี่ยมมากแค่ไหน “เชิญค่ะ”

ว่าแล้วก็เดินปึงปังออกไปจากห้องพักแขกอย่างไม่ยี่หระ

สาวสวยหรี่ตาลึก มองตามอุปสรรคชิ้นแรกของตนด้วยสายตาคาดโทษ

“ได้เลยปั้นหยา ถ้าอยากจะมีเรื่องกับว่าที่นายหญิงละก็...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”



แม้จะรู้สึกกังวลถึงแขกสาวอยู่ไม่น้อยแต่ชานนท์ตั้งใจที่จะไม่ทำตัวสนิทสนมกับเธอมากเกินควรจึงไม่กลับไปกินมื้อเที่ยงที่บ้าน อาศัยร้านอาหารที่เปิดไว้บริการนักท่องเที่ยวแทน เขาจงใจเว้นระยะห่างทางสังคมให้พอดิบพอดีกับระยะเวลาในการรู้จัก

และมากกว่าเหตุผลอื่นใดคือเขาไม่ปรารถนาจะผูกพันกับใครเป็นพิเศษ

ตอนบ่ายชายหนุ่มแวะเข้าไปในเมืองเพื่อดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้หญิงสาว เขารู้ว่าเธอมาแต่ตัวจริงๆ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำหน้าที่นี้ ของบางอย่างไม่ง่ายต่อการเลือกซื้อนัก แต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้ด้วยการขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านนั่นแหละ

เขากลับเข้าบ้านอีกทีเมื่อตอนพลบค่ำ คุณอุ่นเรือนตั้งโต๊ะอาหารเย็นไว้รอท่าเช่นทุกวัน มื้อนี้เขาคงหลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับแขกสาวสวยไม่ได้จึงขอให้คุณอุ่นเรือนจัดเพิ่มอีกหนึ่งที่ แล้วขึ้นไปเชิญหญิงสาวมาร่วมมื้อเย็นด้วยตัวเองพร้อมถุงข้าวของที่ซื้อมาให้เธอล้นมือ

เมื่อเคาะประตูห้องพักของแขกสาวสวยสองสามครั้งก็ผลักเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต ภาพที่เห็นทำให้เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ เธอเอนหลังอยู่บนเตียงกว้างในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาหลับพริ้ม ใบหน้าเอนเอียงซบอยู่กับหมอนอิง ท่าทางไม่ค่อยสบายตัวนัก คงไม่ตั้งใจจะหลับในท่านี้

ร่างสูงแทรกผ่านเข้าไปด้านใน คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเหลือบเห็นแจกันกระเบื้องเคลือบทรงกลมสูงกลิ้งอยู่บนพื้นห้อง น้ำหกกระจายเลอะเทอะเป็นวงกว้างยังไม่แห้งสนิท ใกล้กันนั้นมีดอกกุหลาบสีแดงสดซึ่งเคยปักอยู่ในแจกันถูกทิ้งไว้อย่างไม่แยแส เขาก้มลงเก็บทั้งแจกันและดอกไม้ขึ้นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงพร้อมข้าวของในมือ

เจ้าของห้องชั่วคราวขยับเปลือกตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พอเห็นว่าใครกำลังจ้องมองอยู่ก็รีบดีดตัวตรง อาการง่วงงุนหายไปทันตา ทักทายเขาด้วยสีหน้ายินดีจากใจจริง “คุณกลับมาแล้ว”

“ผมเคาะประตูแล้วแต่คุณหลับเลยไม่ได้ยิน”

เขาตอบแล้วมองเลยไปที่แจกันกับดอกไม้บนโต๊ะ “นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”

หญิงสาวมองตาม เมื่อเข้าใจในคำถามก็ปรับสีหน้าเสียใหม่ เปลี่ยนโหมดได้ไวราวกับมีรีโมตคอนโทรลประจำตัว บอกเขาเสียงเศร้า “ฝีมือวันจันทร์เองค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ แต่วันจันทร์ลงไปเก็บมันขึ้นมาวางไว้ที่เดิมไม่ได้จริงๆ”

“แล้วปั้นหยาไปไหนครับ คุณทำเองไม่ได้แต่ปั้นหยาทำได้แน่ๆ”

เธอมองเขาด้วยท่าทีตระหนก เมื่อเขามองตอบก็รีบหลบประหนึ่งว่ามีเรื่องที่ไม่อยากบอกให้รู้เก็บงำซ่อนอยู่

“ไม่เกี่ยวกับปั้นหยานะคะ วันจันทร์ผิดเอง อย่าตำหนิใครเลยค่ะ วันจันทร์แค่ไม่อยากเป็นภาระใคร อยากทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า ไม่เกี่ยวกับปั้นหยาจริงๆ นะคะ”

ย้ำบ่อยๆ ว่าไม่เกี่ยวกับปั้นหยา แค่นั้นเขาก็คงเข้าใจไปถึงไหนต่อไหน

“นี่แปลว่าปั้นหยาไม่ได้ขึ้นมาดูแลคุณอย่างที่รับปากไว้เหรอครับ” เขาถามเสียงเครียด

หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ ปั้นหยามาดูแลวันจันทร์ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ”

“คุณไม่ต้องแก้ตัวแทนปั้นหยาหรอกครับ ผมรู้จักคนของผมดี” เขาไม่สนใจฟังคำแก้ตัวแทนของเธอ นึกโมโหตัวเองที่ยอมให้ปั้นหยาอาสาดูแลหญิงสาวทั้งที่รู้ดีว่าเด็กคนนี้มาอยู่ที่ไร่เคียงดาวด้วยจุดประสงค์ใด

ในจังหวะนั้นปั้นหยาก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องพักแขกอย่างเหมาะเจาะพอดี เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมดุของเจ้านายก็ถึงกับคอหดคอย่น หัวใจหล่นลงไปกองที่ตาตุ่มอย่างรวดเร็ว รั้งไว้ยังไงก็ไม่ทัน

“คุณนนท์...”

“ทำแบบนี้ได้ยังไงปั้นหยา” ชานนท์ถามเสียงเย็น สีหน้าบอกชัด คราวนี้เขาเอาเรื่องแน่

สาวใช้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เหลือบมองคู่กรณีที่นั่งกอดยก ยักคิ้ว สีหน้ากวนประสาทอยู่บนเตียงอย่างเจ็บใจ คิดว่าอีกฝ่ายฟ้องชานนท์เรื่องที่เธอไม่ยอมทำอาหารมื้อเที่ยงให้แน่ๆ

ดีละ ถ้าแฉกันแบบนี้ เธอก็จะแฉกลับเหมือนกัน!

“ปั้นหยาเปล่านะคะคุณนนท์ ปั้นหยาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน คุณวันจันทร์แกล้งให้ปั้นหยาเดินขึ้นเดินลงตั้งหลายรอบ อะไรๆ ก็กินไม่ได้ ปั้นหยาจนปัญญาที่จะทำอาหารมื้อเที่ยงให้เธอก็เลย...”

ชานนท์ตาเหลือก จ้องหน้าปั้นหยาตาดุ ข้อหานั้นร้ายแรงเกินอภัย เป็นผลให้อีกฝ่ายแทบจะจมตัวลงไปในพื้นไม้ สักพักเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไร้ความเห็นใจ แม้ไม่ได้พูดอะไรมากความ หากท่าทีบ่งชัดที่สุด

“นี่แปลว่าคุณวันจันทร์ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยง?”

ปั้นหยาอ้าปากหวอ หน้าหดเหลือสองนิ้ว เบิกตาจ้องศศธรด้วยความตระหนก

เธอไม่ได้ถูกตำหนิเรื่องนี้หรอกหรือ?

สาวสวยอมยิ้มในหน้า แววตาเยาะเย้ยแกมเวทนา คนร้ายสารภาพเองหมดแล้วโดยที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ช่วยไม่ได้ อยากลองของเอง ไม่รู้ซะแล้วว่าเจ้าแม่ดรามาตัวจริงอยู่นี่!

เขาถอนสายตาจากปั้นหยา เหลือบมองถาดอาหารที่ไม่ได้รับการแตะต้องสักนิด ก่อนจะหันมาส่งสายตาขอลุแก่โทษให้แขกสาวพร้อมคำมั่นสัญญาหนักแน่น

“ขอโทษแทนปั้นหยาด้วยนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมที่สุด”

เธอส่ายหน้า ทำตาเศร้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าตำหนิปั้นหยาเลย วันจันทร์ไม่ดีเองที่มาเป็นภาระของทุกคน เป็นความผิดของวันจันทร์เองค่ะ”

บอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ อย่างสำนึกผิดแล้วหันไปทำหน้าเห็นใจกับปั้นหยา หากนัยน์ตาเยาะเย้ยอย่างเปิดเผย

“โธ่...ปั้นหยา วันจันทร์อุตส่าห์ไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ เฮ้อ...”

คงมีแต่ชานนท์เท่านั้นที่คิดว่าสาวสวยพูดออกมาด้วยความเห็นใจสุดซึ้ง เพราะตอนนี้ปั้นหยาโมโหจนควันออกหู มองคู่กรณีตาเขียว กัดฟันข่มใจ พยายามสุดชีวิตไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา

ชานนท์มองคนของตัวเองด้วยสายตาคาดโทษร้ายแรง “ต่อไปให้ข้าวจี่ขึ้นมาดูแลคุณวันจันทร์แทน ฉันไม่ไว้ใจให้ปั้นหยาทำหน้าที่นี้อีกแล้ว”

“คุณนนท์...” ปั้นหยาครางเสียงแห้ง น้ำตาตกใน ความสำคัญของเธอถูกลดระดับลงฮวบฮาบ

หากวันหน้าแขกสาวสวยได้เป็นนายหญิงของไร่เคียงดาว อนาคตของเธอดับวูบแน่ แล้วถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหล่อนอีกก็จะหาทางเล่นงานได้ลำบาก และนั่นหมายความว่าโอกาสที่หญิงสาวจะได้เป็นนายหญิงของไร่เคียงดาวย่อมมีมากขึ้น เพียงเท่านี้ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองโดนลงทัณฑ์ด้วยโทษประหารชีวิต แค่คิดก็ชี้ช้ำ!

ชานนท์มองสีหน้าจ๋อยสนิทของปั้นหยาด้วยแววตาหมางเมิน เขาเห็นใจศศธรและคิดว่านี่เป็นความผิดของตัวเองด้วยจึงอยากจะชดเชยความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจด้วยการเอาใจใส่หญิงสาวให้มากขึ้น

ยกนี้ปั้นหยาจึงแพ้ราบคาบ เสียหายยับเยิน!



“ฮือๆ คุณแม่บ้านต้องช่วยปั้นหยานะคะ ปั้นหยาโดนรังแก คุณนนท์ไม่ไว้ใจปั้นหยาแล้ว เห็นคนอื่นดีกว่า เชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่า ผู้หญิงคนนี้อันตรายจริงๆ คุณแม่บ้านต้องหาทางเตือนคุณนนท์นะคะ ไม่อย่างนั้นถ้าไร่เคียงดาวไปตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้ เราทุกคนจะเดือดร้อนค่ะ”

ปั้นหยาใส่สีตีไข่ให้ร้ายแขกสาวเกินจริงเล็กน้อย

“ฮ่าๆ สมน้ำหน้าแล้วนังปั้นหยา อยากเบ่งดีนัก แต่คุณวันจันทร์นี่สุดยอดไปเลยเนาะ ข้อยชักสิมักเพิ่นแล้วละ ฮ่าๆ”

ข้าวจี่เยาะเย้ยถากถางอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั่งฟังปั้นหยาร้องไห้กระซิกๆ กอดขาคุณอุ่นเรือนร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเองอย่างหมั่นไส้

ปั้นหยาเงยหน้าขึ้นทำตาขวาง “ไม่ต้องมาซ้ำเติมเลยนะนังข้าวจี่ แกเห็นคนอื่นดีกว่าคนบ้านเดียวกันได้ยังไง นังคนทรยศ”

ข้าวจี่หันขวับ ดวงตาวาววับ ริมฝีปากเตรียมขยับตอบโต้ แต่คุณอุ่นเรือนส่งเสียงดุปรามเสียก่อน

“พอแล้ว ทั้งสองคนเลย ฉันละปวดหัว ทะเลาะกันมาตั้งหลายปียังไม่เบื่ออีกเรอะ เดี๋ยวจะผูกให้ตัวติดกันทั้งวันทั้งคืน คอยดูซิจะทะเลาะกันได้ถึงไหน”

ฉากเก่าๆ แบบนี้คุณอุ่นเรือนเห็นมานานจนชินตาแต่ยังไม่หายรำคาญใจ

“ก็นังข้าวจี่มันซ้ำเติมปั้นหยานี่คะคุณแม่บ้าน แทนที่มันจะเห็นใจปั้นหยา แต่มันกลับเห็นคนแปลกหน้าดีกว่า”

ปั้นหยาทำหน้างอ สูดน้ำมูกฟืดฟาด

ข้าวจี่ถลึงตา คันปากยิบๆ อยากสวนกลับใจจะขาด แต่เห็นสายตาคุณอุ่นเรือนแล้วจึงได้แต่ทำท่าทีฮึดฮัดขัดใจไปตามเรื่อง

“หยุดเลยปั้นหยา ข้าวจี่ด้วย ไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงกัน ฉันปวดหัว ข้าวจี่ขึ้นไปดูแลคุณวันจันทร์แล้วอย่าไปก่อเรื่องให้โดนคุณนนท์ตำหนิเอาอีกล่ะ เธอต้องการอะไรก็หาให้ อย่าให้เธอมาว่าเอาได้ว่าเราต้อนรับแขกไม่ดี เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า”

ข้าวจี่พยักหน้ารับคำ “เข้าใจค่ะคุณแม่บ้าน รับรองว่าข้อยสิบ่ทำให้คุณแม่บ้านผิดหวัง บ่ต้องมานั่งฟังข้อยฮ้องไฮ้กระซิกๆ จังซี่ดอกค่า”

ข้าวจี่ทิ้งสายตาเยาะเย้ยให้คู่อริแล้ววิ่งเร็วเต็มฝีเท้าขึ้นไปดูแลแขกคนสวยตามที่ชานนท์มอบหมายหน้าที่ให้

คุณอุ่นเรือนมองตามหลังไปแล้วหันกลับมามองปั้นหยาที่ก้มหน้าร้องห่มร้องไห้อย่างหนักอกหนักใจ นึกถึงใบหน้าสะสวยของแขกสาวที่ปั้นหยากล่าวหาว่ามีมารยาร้อยเล่มเกวียนแล้ว เธอก็ชักจะเอนเอียงไปทางปั้นหยาเล็กน้อย

สาวสวยหัวสมัยใหม่ ท่าทางหยิบจับอะไรไม่ค่อยเป็น ไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย

คุณอุ่นเรือนเห็นว่าแขกสาวของเจ้านายมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบทุกข้อ พอได้ยินที่ปั้นหยาเล่าก็ยิ่งเข้าใจว่าอีกฝ่ายร้ายกาจและเป็นตัวอันตรายต่อผู้เป็นนาย

เธอคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ...



“ความจริงคุณนนท์ไม่น่าดุปั้นหยาขนาดนั้นเลยนะคะ วันจันทร์เองก็ผิดเหมือนกัน วันจันทร์ทานอาหารรสจัดไม่ได้ ปั้นหยาเองก็คงไม่รู้ ถ้าวันจันทร์บอกตั้งแต่แรกเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เรื่องวุ่นวายไปหมด”

ศศธรบอกเสียงอ่อย ปั้นสีหน้ารู้สึกผิดเต็มที่เมื่อตอนที่ชานนท์วางเธอลงบนเตียงภายในห้องนอนหลังกินมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ดุได้ยังไงครับ ปั้นหยาไม่ควรหยาบคายกับใครแบบนี้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ผมต่างหากที่ควรขอโทษคุณมากกว่า” เขาตอบเสียงเรียบ

ไม่มีเจตนาพูดเอาใจเธอเป็นพิเศษ แต่นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึกอย่างแท้จริง ปั้นหยาถูกคุณจิตตราตามใจมากเกินไป ควรต้องดัดนิสัยทำโทษกันเสียบ้าง

“แต่วันจันทร์ไม่สบายใจเลยค่ะ ถ้ายังไงคุณนนท์ให้ปั้นหยามาดูแลวันจันทร์เหมือนเดิมเถอะนะคะ ทำแบบนี้ปั้นหยาคงเสียใจแย่ วันจันทร์คิดว่าปั้นหยาไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วละคะ ถือซะว่าให้โอกาสปั้นหยาแก้ตัวซักครั้งนะคะ เพื่อความสบายใจของวันจันทร์ด้วยนะคะคุณนนท์”

หญิงสาวขอร้องด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอน

ชานนท์มองเธออย่างไม่เข้าใจ เขาไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีใครใจกว้างและยอมอภัยให้ได้กับทุกสิ่ง แต่เธอกำลังจะทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปจึงอดถามไม่ได้

“คุณไม่โกรธปั้นหยาเลยเหรอครับ”

เธอยิ้มหวาน ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่หรอกค่ะ วันจันทร์เข้าใจ ไม่ถือสาซักนิดเลยค่ะ” บอกเขาไปแล้วก็ก้มหน้าหลบตาเพื่อซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มิดชิด

นางเอกแสนดีมีอยู่แค่ในละครเท่านั้นแหละ แต่ที่เธออ้อนวอนขอโอกาสให้ปั้นหยามีเจตนาอื่นแอบแฝงต่างหากล่ะ ต่อไปนี้ปั้นหยาจะไม่กล้าหือและต้องตกเป็นทาสรับใช้ของเธออย่างไม่มีทางเลี่ยง ไม่ว่าเธอจะใช้ให้ทำอะไรปั้นหยาก็ต้องทำ ฉลาดล้ำเลิศอีกแล้วนะวันจันทร์!

เขาถอนใจเบาๆ ยืนขึ้นเต็มความสูงขณะก้มมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้มแต้มมุมปาก รู้สึกชื่นชมในความใจกว้างของเธอเงียบๆ แต่เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มสดใสให้ เขากลับเป็นฝ่ายเมินหลบเสียอย่างนั้น พอเห็นถุงข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงจึงนึกได้ หยิบถุงทั้งหมดส่งให้เธอรับไปดู

“ผมแวะซื้อของใช้มาให้ คิดว่าคุณคงจำเป็นต้องใช้นะครับ”

“คุณไปซื้อเองเลยเหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัยแกมปลื้มใจ ขณะเอื้อมมือไปรับของจากเขา

ชายหนุ่มมองสบดวงตาคู่สวยแล้วถึงกับต้องเมินหลบอีกครั้ง “พอดีผมเข้าไปทำธุระในตัวเมืองเลยถือโอกาสซื้อมาด้วย ยังไงวันนี้คุณก็ต้องอาบน้ำนี่ครับ”

“ขอบคุณมากนะคะ” เธอบอกเสียงใส

ก้มดูข้าวของที่เขาซื้อมาฝากจนถึงถุงใบสุดท้ายแล้วพวงแก้มก็แดงจัดพร้อมอาการร้อนผ่าวลามเลียทั่วใบหน้า รีบรวบปากถุงปิดไว้แทบไม่ทันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ชานนท์เองก็มองเธอสำรวจข้าวของเพลินตาจนมาถึงถุงใบสุดท้าย ตอนนี้ต่างคนเลยสบตากันโดยมิได้นัดหมายแล้วก็หลบตากันไปตามระเบียบ เกิดความเงียบงันขึ้นมาในบัดดล

“ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณจะได้พักผ่อน”

เขาทำลายความเงียบลงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ มือหนึ่งลูบท้ายทอยแก้เขิน ก่อนจะหันหลังให้หญิงสาวแล้วก้าวยาวๆ ไปที่ประตู

“เดี๋ยวค่ะคุณนนท์” เธอรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงร้อนรน กลัวว่าเขาจะเดินพ้นประตูไปก่อน

ชายหนุ่มชะงักเท้า หันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง

“ครับ?”

หญิงสาวยิ้มเขินๆ “กูดไนต์ค่ะ”

เขาปิดประตูลงอย่างเบามือ ย่นคิ้วจนแทบชิดกัน ไม่เข้าใจความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นในใจเลยสักนิด เธอเป็นผู้หญิงคนแรกในรอบหลายปีที่ทำให้เขารู้จักกับคำว่า ‘เขิน’ อีกครั้ง

สาวสวยขมวดคิ้ว ก้มลงสำรวจถุงใบสุดท้ายอีกครั้งด้วยสีหน้าพิลึก จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะบึ้งก็ไม่เชิง มันก้ำกึ่งกันอยู่และไม่สามารถฟันธงได้ ก่อนที่เสียงหัวเราะสดใสจะดังขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเขินได้น่ารักอย่างเขามาก่อนเลย



ข้าวจี่เคาะประตูห้องพักแขกก่อนจะผลักเข้าไปอย่างเกรงอกเกรงใจ ศศธรมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาฉงน อีกฝ่ายค่อยๆ ก้าวเข้ามาทรุดตัวลงข้างเตียงแล้วทักทายด้วยท่าทีขัดเขินพิลึก

“สวัสดีค่ะคุณวันจันทร์ ข้อยชื่อข้าวจี่เด้อค่ะ คุณนนท์ให้ข้อยมาดูแลคุณวันจันทร์แทนนังปั้นหยาค่ะ”

ภาษาของข้าวจี่ทำให้คนที่เติบโตมาในต่างประเทศย่นคิ้ว เธอไม่เคยได้ยินภาษาลูกครึ่งแบบนี้มาก่อน แต่ก็พอจะจับใจความได้ด้วยบางคำก็เป็นภาษาไทย แม้สำเนียงจะแปร่งหูไปบ้างก็เถอะ

“สวัสดีจ้ะ ชื่ออะไรนะ ฉันฟังไม่ถนัด”

อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันครบทั้งสามสิบสองซี่ แม้จะมีปัญหาในการใช้ภาษาราชการของไทยให้แข็งแรง แต่เธอไม่มีปัญหาในการฟังเพราะชอบดูละครหลังข่าวเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่มีทีวีเครื่องแรกเป็นของตัวเองแล้ว

“ข้าวจี่ค่า”

“ข้าวจี่?” หญิงสาวทวนซ้ำ

“แปลว่าอะไรจ๊ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“ข้าวเหนียวปั้นทาไข่แล้วเอาไปปิ้งในเตาถ่านค่ะ แซบอิหลีเด้อค่า” เจ้าตัวบอกอย่างภาคภูมิใจ

หญิงสาวหัวเราะคิก รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างก็คุยกันไปตามประสาคนชาติเดียวกัน หากเธอขยันดูละครเสียหน่อยคงชินกับภาษาพื้นบ้านในหลายๆ ภาคของไทยมากกว่านี้ แต่เพราะเธอไม่ได้อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่จึงดูรายการต่างประเทศและเลือกดูช่องที่ใช้ภาษาสากลตามความเคยชินมากกว่า

เพิ่งจะมีช่วงที่มาอยู่เมืองไทยไม่กี่เดือนนี้ที่นั่งดูซีรีส์เกาหลีจนตาแฉะและซึมซับเอาคำพูดของตัวละครมาใช้บ้าง ดังนั้นเธอจึงแทบไม่ได้สัมผัสกับภาษาถิ่นของไทยเลย

หลังจากคุยกันไปจนรู้สึกคุ้นเคย สักพักศศธรก็ให้ข้าวจี่ช่วยเหลือในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนคุยกันจนผล็อยหลับไปทั้งสองฝ่าย



รุ่งเช้าวันใหม่ก่อนออกไปที่ไร่ชานนท์ก็เข้ามาทักทายแขกสาวตามมารยาท หรือหากจะมีเหตุผลอื่นใดมากกว่านั้นเขาก็ยังไม่คิดจะสืบค้นในเวลานี้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันจันทร์อยู่ได้ คุณไปทำงานตามสบายนะคะ ไม่ต้องห่วงวันจันทร์ แล้วเรื่องที่วันจันทร์ขอร้อง คุณจะว่ายังไงคะ” เธอบอกให้เขาสบายใจ แต่ไม่วายทวงถามถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนนี้

“เรื่องไหนครับ” เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร

หญิงสาวยิ้มแป้น “ก็เรื่องที่วันจันทร์ขอให้ปั้นหยาเป็นคนดูแลวันจันทร์เหมือนเดิมไงคะ”

เขาพยักหน้าเข้าใจ “อ๋อ เรื่องนั้นเอง แต่คุณแน่ใจนะครับ ผมว่าให้ข้าวจี่ดูแลคุณจะดีกว่า หรือว่าข้าวจี่...”

“ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธร้อนรนแล้วให้เหตุผล

“ข้าวจี่น่ารักมากค่ะ แต่วันจันทร์ไม่อยากให้คุณลงโทษปั้นหยาจนเกินกว่าเหตุนะคะ เอางี้ดีกว่าค่ะ ให้ข้าวจี่มาดูแลวันจันทร์ตอนกลางคืน ส่วนปั้นหยาก็ให้มาตอนกลางวัน แบบนี้ดีมั้ยคะ”

เขานิ่งคิดอยู่สักพักก็พยักหน้า “ตามใจคุณก็แล้วกัน แต่ถ้าปั้นหยาทำเรื่องอีก คราวนี้บอกผมตรงๆ นะครับ ผมจะได้ส่งกลับไปอยู่กับคุณจิตซะเลย”

หญิงสาวขมวดคิ้ว จำได้ว่าปั้นหยาเอ่ยพาดพิงถึงบุคคลผู้นี้ผ่านหูแว่วๆ อยู่เหมือนกัน

คุณจิตเป็นใคร แล้วเป็นอะไรกับเขานะ?

ชายหนุ่มเห็นสีหน้างงงันของเธอจึงอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำให้เรื่องราวกระจ่างมากนัก เขาคิดว่าอีกเดี๋ยวเธอก็คงจากไป ไม่จำเป็นต้องสาธยายเรื่องส่วนตัวให้เธอฟังทุกเรื่องก็ได้

“คุณจิตเป็นคนส่งปั้นหยามาคอยดูแลผมน่ะครับ ยังไงผมจะบอกปั้นหยาให้มาดูแลคุณนะ ขอตัวไปทำงานนะครับ”

พูดจบเขาก็จากไปโดยเร็ว ไม่เข้าใจตัวเองนัก เพียงแค่คิดว่าหญิงสาวตาสวยคนนี้ต้องจากไปในสักวันก็ทำให้เขาอยากถอยห่างจากเธอให้มากที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด...

ศศธรมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความแปลกใจ รู้สึกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมจะเปิดใจกับเธอในทุกเรื่อง บางทีเขาก็ดูเป็นผู้ชายนิสัยดีน่ารักคนหนึ่ง แต่บางทีเขาก็ดูเป็นผู้ชายลึกลับ เข้าถึงยาก และค่อนข้างระวังตัวจนน่าสงสัย

ดวงตาคู่สวยมองจ้องไปยังช่อบูเก้สีขาวที่ข้าวจี่เอื้อเฟื้อแจกันขนาดพอเหมาะพอดีมาเป็นที่จัดวางให้บนโต๊ะเครื่องแป้ง

ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเบิกบาน ความอิ่มเอมซาบซ่านในหัวใจเหมือนจะตราตรึงไม่เสื่อมคลาย เธอตั้งใจว่าจะต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาให้ได้ ไม่ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังความน่ารักนั้น เธอก็พร้อมจะเข้าใจทุกอย่าง










Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 11:10:19 น. 0 comments
Counter : 481 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.