Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 

My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 4 @ พบกันอีกครั้ง




“ทุกคนเข้าใจแล้วนะ ว่าเย็นนี้เราจะไปทานข้าวบ้านคุณหญิงพรรณรายกัน ทำตัวให้ว่างนะจ๊ะหนุ่มๆ ถ้าใครมีนัดก็เลื่อนซะ หรือไม่ก็ยกเลิกไปเลย”

คุณมณีประกาศด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในเช้าวันศุกร์ ท่ามกลางสายตาที่แตกต่างกันของลูกชายทั้งสามคน ตอนนี้เธอมีความสุขมากที่ลูกอยู่กันพร้อมหน้า แถมแผนการหาคู่ให้ลูกชายก็กำลังจะเริ่มต้นอย่างจริงจัง

“วันนี้ผมมีนัดจริงๆ ด้วยครับ” ธีรภัทร์โอดครวญเป็นคนแรก สีหน้าบอกชัดว่าเสียดายมาก ก็เขาดันไปมีนัดกับนักออกแบบสาวอารมณ์ศิลป์คนนั้นตอนห้าโมงเย็นน่ะสิ

“ไม่ได้! บอกแล้วไงให้ยกเลิกไปซะ” เสียงห้วนเด็ดขาดของมารดาตัดบท

“ผมก็อยากยกเลิกหรอกครับ แต่...” ถ้ายกเลิกอีกผู้หญิงคนนั้นคงประณามเขาสาดเสียเทเสียเป็นแน่ เห็นฤทธิ์เธอมาแล้วในวันที่เจอกันครั้งแรกก็ไม่นึกอยากเสี่ยงอีก

“ไม่มีต่งมีแต่อะไรทั้งนั้น วันนี้แม่ขอ ตาวีร์เย็นนี้เลิกงานก็แวะไปบ้านคุณหญิงเลยนะจ๊ะ ฝากน้องแพงติดรถไปด้วย แม่บอกคุณหญิงแล้วละ” คุณมณีพูดเสียงห้วนกับลูกชายคนรอง ก่อนหันไปทำเสียงหวานกับลูกชายคนโต

วีรภัทร์แทบสำลักกาแฟ เหลือบไปสบตากับธีรภัทร์โดยไม่ได้นัดหมาย เขายังไม่ได้คุยอะไรกับพิณณิศาอีกเลยตั้งแต่มีปากเสียงกันพอเป็นพิธีในวันนั้น ยุ่งละสิทีนี้!

“ตาพีร์วันนี้แม่ขอนะจ๊ะ ไปด้วยกันหน่อย ไม่มีอะไรหรอกลูก แค่ทำความรู้จักกันไว้เฉยๆ คนกันเอง เผื่อวันหน้าวันหลังมีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน” ผู้เป็นแม่หว่านล้อมลูกชายคนเล็กเสียงอ่อนเสียงหวาน รู้ดีว่าพีรภัทร์จะต้องเป็นคนที่คัดค้านเรื่องการจับคู่อย่างรุนแรงที่สุด

วีรภัทร์แม้จะไม่รับปากแต่หากไม่ต้องการจริงๆ เธอก็เชื่อว่าเขาจะหาทางออกโดยไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่นได้ ส่วนธีรภัทร์นั้นลื่นยิ่งกว่าปลาไหล เธอเชื่อว่าเขาต้องหาทางออกดีๆ ให้กับตัวเองได้เสมอนั่นละ แต่สำหรับพีรภัทร์นี่เธอยังคิดไม่ตกว่าหากเขาไม่พอใจแล้วจะต่อต้านด้วยวิธีใด แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยงดู ในเมื่ออยากได้ลูกสะใภ้ดีๆ ก็ต้องลองมันทุกวิถีทาง

“ครับ”

คำตอบรับเรียบๆ ของลูกชายคนเล็กทำให้คุณมณีงง ก่อนจะยิ้มหวานอย่างโล่งอก

ขอบคุณสวรรค์ เห็นทีว่างานนี้คงไม่หินนัก!



“อย่าลืมนะ เย็นนี้ทุกคนมีนัดทานมื้อเย็นกับย่า แม่พรีมนะลูกย่าขอ แม่พลอยแค่เย็นนี้กลับบ้านเร็วหน่อยคงทำได้นะ ส่วนแม่แพงเย็นนี้ก็กลับกับพ่อวีร์เขาเลยนะ ยังไงเขาก็ต้องมาทานมื้อเย็นที่นี่อยู่แล้ว คุณมณีบอกย่าว่าพ่อวีร์จะมาส่ง” คุณหญิงพรรณรายกำชับหลานสาวทั้งสามก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันไปทำงาน

พิริมายิ้มบางๆ แทนคำตอบรับ เธอเต็มใจจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นย่าอยู่แล้ว ใช่ว่าไม่รู้ถึงจุดประสงค์ หากเธอรู้ดีเสียด้วยซ้ำ แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธีจับคู่ที่แสนจะโบราณเต่าล้านปี แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะต้องหนีหรือต่อต้านสุดชีวิตเหมือนนางเอกนิยาย มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นเยอะ โตๆ กันแล้วพูดคุยด้วยเหตุผลก็คงเข้าใจได้ เว้นแต่คนผู้นั้นจะเกินแกงแล้วจริงๆ

พิศิตาทำหน้าเฉย ไม่ค่อยแคร์กับคำขอร้องแกมบังคับนั้นเท่าไร แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ทำเท่าที่ทำได้อยู่แล้ว วันนี้มีนัดกับ ‘นายสถาปนิกงี่เง่า’ ตอนห้าโมงเย็น เธอก็จะไปตามนัด พอเสร็จธุระค่อยกลับบ้าน ถ้าทันมื้อเย็นก็ดี แต่ถ้าไม่ทันเธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนตารางเวลาของตัวเอง เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้เป็นย่ามีจุดประสงค์อะไร เธอไม่เคยหนีเพราะมั่นใจว่าตัวเองสามารถจัดการได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องตาลีตาเหลือกทำตามที่ผู้เป็นย่าต้องการทุกอย่าง

ส่วนพิณณิศานั้นออกจะไม่พอใจ ใบหน้าที่เคยสดใสอยู่เป็นนิจบัดนี้งอง้ำกล้ำกลืน มีอย่างหรือจะให้เธออาศัยกลับบ้านกับ ‘ตาลุงหน้ายักษ์’ นั่น อย่าว่าแต่คุยเลย หน้าเขาเธอยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ!

“เป็นอะไรไปแม่แพง หน้าหงิกเชียว” คุณหญิงสังเกตเห็นอาการไม่พอใจของหลานสาวคนเล็กก็ทักขึ้น

“ทำไมแพงต้องกลับกับตา...เอ่อ...คุณวีรภัทร์ด้วยล่ะคะคุณย่า ให้ลุงกล้าไปรับเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ” เธอออดตามประสาเด็กช่างอ้อน เกือบหลุดคำว่าตาลุงหน้ายักษ์ออกไปแล้วเชียว

“อะไรกัน ยังไงก็ต้องมาที่นี่อยู่แล้ว กลับด้วยกันก็ดีแล้วนี่ ย่าตกลงกับคุณมณีแล้วด้วย อย่าเรื่องมากน่ะแม่แพง ไปรีบไปทำงานกันได้แล้ว” คุณหญิงตัดบทอย่างไม่ใส่ใจ เดินกลับเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่คิดจะฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธจากหลานสาวอีก

คนตัวเล็กสุดทำหน้าหงิก มองตามผู้เป็นย่าอย่างขัดใจ เมื่อเห็นพี่สาวทั้งสองขึ้นรถออกไปทำงานแล้วก็ได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ เดินลงส้นเข้าไปนั่งตอนท้ายของรถที่มีลุงกล้าเป็นสารถีประจำตัวอย่างไม่พอใจ

“นี่มันวันซวยแห่งชาติรึไงกัน!”



ธีรภัทร์หน้ามุ่ยเล็กน้อย ขณะกดเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เขานัดไว้ตอนห้าโมงเย็นวันนี้

หลังจากยัดเยียดนามบัตรของตัวเองใส่มือเธอแล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีมัณฑนากรสาวคนไหนติดต่อมาสักราย ชายหนุ่มจึงต้องเป็นฝ่ายโทร. นัดให้เธอมาคุยเรื่องงานผ่านทางวิทยา ซึ่งฝ่ายนั้นก็ได้ให้เบอร์ส่วนตัวของหญิงสาวมาด้วย เมื่อไม่สามารถไปตามที่นัดได้เขาก็จำต้องโทร. บอกเธอด้วยตัวเอง

เสียงใสๆ ตอบรับหลังจากเขารอสัญญาณเพียงครู่เดียว ชายหนุ่มจึงทักทายอย่างนุ่มนวลตามประสาผู้ชายชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว “สวัสดีครับ นี่ผมเองนะ”

“ผมไหนคะ แล้วคุณต้องการพูดกับใคร” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงคล้ายระแวงแคลงใจ

“ผมต้องการพูดกับเอ่อ...คุณพลอยครับ นี่ใช่เบอร์คุณพลอยรึเปล่า?”

“เจ้าของเบอร์ชื่อพลอยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่พลอยที่คุณต้องการพูดด้วยรึเปล่า ตกลงคุณชื่ออะไรล่ะ”

เสียงจากปลายสายเริ่มห้วนขึ้น เขายิ้มอย่างโล่งใจ น้ำเสียงแบบนี้คงไม่ผิดแล้วละ

“ผม...ธีรภัทร์นะครับ สถาปนิกที่จะออกแบบเรือนหอของคุณปกรณ์ ทีนี้คุณจำผมได้รึยัง?”

หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ “อ๋อ คุณนั่นเอง มีอะไรไม่ทราบคะ นี่ยังไม่ถึงเวลานัด คุณคงไม่ได้ไปนั่งรอฉันอยู่หรอกนะ”

เขาเผลอยิ้ม ส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ผมจะโทร. มาบอกว่าขอเลื่อนนัดเป็นวันอื่น เย็นนี้ผมมีธุระสำคัญมาก คงไปคุยเรื่องงานกับคุณไม่ได้แล้ว”

”คุณเป็นคนนัดเองนะ ฉันจัดตารางงานของฉันแล้วด้วย อาทิตย์หน้าฉันไม่ว่างเลยจนถึงวันศุกร์ แบบนี้งานก็ยิ่งช้าออกไปอีกสิ”

เจ้าหล่อนโวยวายเสียงขุ่น ผิดไปจากที่คิดที่ไหนกันล่ะ!

“โธ่คุณ...คุณไม่เคยมีธุระบ้างรึไง ผมมีธุระสำคัญจริงๆ นะ ขอโทษทีเถอะครับ เอางี้แล้วกัน งั้นคุณมาคุยกับผมพรุ่งนี้ได้มั้ยล่ะ นะครับคุณพลอย ขอร้องละ”

“ทีหลังถ้าคุณไม่ว่างก็อย่ามานัดคนอื่นสิ รู้มั้ยว่ามันเสียเวลา แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของฉันด้วย ทำไมฉันต้องเอาเวลาพักผ่อนไปทำงานกับคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างคุณ เฮอะ ฉันไม่ไปหรอก ว่างอีกทีวันศุกร์โน่นเลย ถ้าคุณพร้อมก็โทร. มาแล้วกัน แค่นี้นะ”

“เดี๋ยวก่อนคุณ...” เขาร้องเสียงหลง แต่ได้ยินเพียงเสียง ‘ตุ๊ดๆ’ หลังสิ้นเสียงโวยวายยืดยาวของคู่สนทนา

“วางสายไปซะแล้ว ช่างเถอะ เอาไว้วันจันทร์ค่อยบุกไปหาถึงที่ทำงานเลยแล้วกัน ขืนรอวันศุกร์หน้ามีหวังโดนนายวีร์เชือดคอขาดโทษฐานที่งานไม่เดินหน้าซักที เฮ้อ...”

ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเดินผิวปากเข้าไปในไซต์งานที่ตนรับผิดชอบเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

ขณะเดียวกันคนถูกยกเลิกนัดกะทันหันก็กำลังหน้าบึ้ง บอกบุญไม่รับ

“อะไรกัน ตัวเองเป็นคนนัดแท้ๆ แล้วโทร. มาเลื่อน ไม่คิดว่าคนอื่นเขาก็มีงานมีการต้องทำเหมือนกันรึไง ไอ้ผู้ชายงี่เง่า ไร้ความรับผิดชอบ เวรกรรมอะไรที่ฉันต้องมาทำงานกับคนแบบนี้นะ ฮึ อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด สาธุ...เพี้ยง!”

พิศิตาก่นด่าคู่สนทนาอย่างมีอารมณ์ ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะทำงานดัง ‘ปึ้ก’ จนกินรีต้องหันมามอง

“มีอะไรเหรอพลอย?”

“ผู้ชายงี่เง่าไร้ความรับผิดชอบคนนึงน่ะ” ได้จิกกัดอีกฝ่ายบ้างก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเยาะนิด

ผู้ชายงี่เง่า ไร้ความรับผิดชอบเหรอ ก็เหมาะกับนายดี!



พิณณิศาได้รับคำสั่งให้มานั่งรอวีรภัทร์ภายในห้องทำงาน เพราะเขามีประชุมตอนสี่โมงเย็นและอาจกินเวลานานจนเลิกงาน หญิงสาวจำต้องทำตามอย่างไม่มีทางเลี่ยงและนึกหงุดหงิดไปถึงคนที่ออกคำสั่งด้วย หลังจากนั่งๆ นอนๆ รอเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามา

ร่างเล็กยืดตัวตรงด้วยความเครียดเกร็งทันที

“จัดการตามที่สั่งได้เลยนะนภ” ชายหนุ่มบอกกับเลขานุการผู้ทรงประสิทธธิภาพของเขาแล้วเดินมาเก็บของที่โต๊ะโดยไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งหัวโด่อยู่ในห้องอีกทั้งคน

นภดลรับคำอย่างนอบน้อม วีรภัทร์จึงพยักหน้าขรึมๆ ก่อนเหลือบตามองพิณณิศาและเอ่ยเสียงเรียบ “ไปเถอะ”

แล้วร่างสูงก็เดินนำออกไปก่อนโดยไม่สนใจคนข้างหลัง เธอย่นจมูก ลืมไปว่าเลขานุการของเขายังอยู่ในห้องนี้อีกคน เมื่อสบตาเข้ากับนภดลก็หน้าแดงแจ๋ด้วยความอับอาย รีบวิ่งตามวีรภัทร์ไปแบบไม่เหลียวหลัง

นภดลได้แต่มองตามคนทั้งคู่ยิ้มๆ ช่วงนี้เจ้านายของเขามักจะหงุดหงิดบ่อยทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติวีรภัทร์จะไม่ค่อยแสดงออกให้ใครรู้ว่าเขารู้สึกหรือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้อะไรนิดอะไรหน่อยก็กระตุ้นอารมณ์ได้ ไม่รู้ว่าอาการแปลกๆ ของเจ้านายหนุ่มจะเกี่ยวข้องกับสาวน้อยนามว่าพิณณิศาคนนี้หรือเปล่า



พิณณิศาผินหน้ามองริมถนนตลอดเวลาของการเดินทาง ในเมื่อเขาเงียบและเย็นชากับเธอก่อนมันก็ไม่น่าผิดที่เธอจะทำแบบนั้นบ้าง วีรภัทร์เองก็เอาแต่นิ่งเงียบ พยายามใช้สมาธิกับการขับรถทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น

เธอคงไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่าเหตุใดต้องใส่ใจเด็กคนนี้ด้วยทั้งที่เธอกับเขาก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันมาก่อน อาจเป็นเพราะสายตาแปลกๆ ของพนักงานในบริษัทที่แอบมองเขาในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนรู้ว่าพิณณิศาเป็นเด็กเส้นและคงเดาได้ไม่ยากว่าเธอมีความสำคัญเพียงไร สายตาของคนเหล่านั้นบอกว่าหญิงสาวเป็นผู้หญิงที่มารดาเขาตั้งใจจะให้มาเป็นสะใภ้ในอนาคต และนั่นก็ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

ไม่ว่าจะมองยังไงพิณณิศาก็ดูเหมือนเด็กและยังเด็กมากเกินไปสำหรับเขา การที่ใครมองว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวมันน่าโมโหน้อยที่ไหน

เด็กขนาดนั้น กับเขาเนี่ยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ดังนั้นชายหนุ่มจึงพยายามไม่ทำตัวใกล้ชิดกับเธอและยังทำเหมือนคนไม่รู้จักกันทั้งที่มารดาฝากฝังเอาไว้ดิบดี



“แม่พลอยวันนี้กลับเร็วจริง นี่ย่าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

คุณหญิงพรรณรายมองหน้าหลานสาวคนรองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าหล่อนเดินหน้าบึ้ง หอบงานกลับมาเต็มอ้อมแขน

“ไม่ได้ฝันหรอกค่ะคุณย่า พอดีมีคนงี่เง่ามายกเลิกนัดพลอยกะทันหัน พลอยก็เลยได้กลับบ้านเร็วกว่าที่คิดหลายชั่วโมง” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเมื่อนึก ‘คนงี่เง่า’

“เออ ดีจริงหลานฉัน ที่ไม่ปฏิเสธนี่ก็เพราะตั้งใจจะไม่ทำตามอยู่แล้วละสิ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงย่าก็รู้สึกขอบใจคนงี่เง่าของเราจริงๆ ไปอาบน้ำเสียไป๊ จะได้ดูสดชื่นขึ้นหน่อย ดูซิ หน้าตามอมแมมอย่างกับเด็กข้างถนน” คุณหญิงพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี

“งั้นพลอยขอตัวนะคะ”

แม้พิศิตาจะไม่ได้อยากสวยงามต่อหน้าใคร แต่เธอก็เห็นด้วยกับคุณหญิงที่ว่าหากได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยคงจะสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้นอีกโข

หลังอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วหญิงสาวก็ลงมาข้างล่าง เธอชอบเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ต้นไม้ทุกต้นดอกไม้ทุกดอกในสวนนี้เป็นฝีมือการจัดวางของเธอเอง และนี่ก็เป็นสถานที่ที่หญิงสาวชอบมากที่สุดในบ้านหลังนี้รองจากห้องนอน ซึ่งเธอแบ่งส่วนหนึ่งให้เป็นห้องทำงานด้วย



“คุณหนูแพงกลับมาแล้วค่ะคุณหญิง” นมอิ่มรายงานผู้เป็นนายเมื่อเห็นพิณณิศาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมวีรภัทร์ในเวลาหกโมงครึ่ง

“สวัสดีครับคุณหญิง” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้สูงวัยด้วยความเคารพ

“ไหว้พระเถอะพ่อคุณ เข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ แม่แพงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ย่าจะคุยกับพี่เขาหน่อย”

พิณณิศาไม่คิดจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็รู้ว่าผู้เป็นย่าคงมีธุระจะพูดคุยกับแขกจึงรับคำแล้วเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบน ดีเสียอีก จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าเขาให้หงุดหงิดรำคาญใจ

คุณหญิงใช้สายตาคมกริบสำรวจตัวจริงของวีรภัทร์ที่เห็นบ่อยในหน้านิตยสารแนวธุรกิจหลายเล่ม และเห็นตัวจริงเพียงไกลๆ ในงานกลางคืนไม่กี่ครั้ง

“เป็นยังไงบ้าง น้องทำอะไรให้ลำบากใจรึเปล่า”

“ไม่หรอกครับคุณหญิง” ชายหนุ่มตอบไม่ตรงกับใจ จะให้เขาตอบว่าลำบากใจมากก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว

ผู้สูงวัยพยักหน้าพร้อมอมยิ้มบางๆ “งั้นรึ ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าแม่แพงจะก่อเรื่องให้คุณลำบากใจซะแล้ว”

“คุณแม่ยังมาไม่ถึงอีกหรือครับ” ชายหนุ่มชวนเปลี่ยนหัวข้อไปอย่างแนบเนียน

“แน่ะ พูดถึงก็มาเลย”

คุณหญิงว่าเมื่อเห็นนมอิ่มเดินนำหน้าคุณมณีกับชายหนุ่มอีกคนเข้ามา

วีรภัทร์หันตามก็รู้สึกโล่งใจที่มารดากับน้องชายคนเล็กมาถึงเสียที

“สวัสดีค่ะคุณหญิง นี่ตาพีร์ลูกชายคนเล็กของดิฉันค่ะ” คุณมณีแนะนำลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้ายิ้มแย้มชื่นมื่น

พีรภัทร์ยกมือไหว้และกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน แม้เขาจะไม่เต็มใจมาในวันนี้แต่เพราะไม่อยากขัดใจมารดาจึงต้องมาเสียหน่อย คิดว่าแค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ‘ครั้งเดียว’ ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคนทั้งคนได้

“นี่หรือตาพีร์ของคุณ เชิญนั่งเถอะพ่อคุณ แล้วอีกคนไปไหนเสียล่ะ” คุณหญิงรับไหว้ ลอบมองชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนข้างมารดาอย่างสำรวจ

พีรภัทร์เป็นลูกชายคนสุดท้อง อายุคงราวๆ สามสิบ รูปร่างหน้าตาดี กิริยามารยาทก็ใช้ได้ คนนี้คงเหมาะกับแม่แพงของเธอ

“เลิกงานแล้วเดี๋ยวคงตามมาค่ะคุณหญิง” คุณมณีตอบพลางรุนหลังลูกชายคนเล็กให้ไปนั่งพูดคุยกับเจ้าของบ้าน เพื่อให้คุณหญิงได้พิจารณาคุณสมบัติ ว่าเขาเหมาะที่จะเป็นหลานเขยอีกสักคนหรือไม่



พิศิตากลับเข้าบ้านเมื่อเห็นว่าฟ้ามืดและใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นเต็มที ขณะที่เดินขึ้นบนไดหินอ่อนตรงหน้ามุขก็ต้องอ้าปากค้าง นิ่งงันไปหลายอึดใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นบันไดหินอ่อนอีกด้านพร้อมกัน เขาเองก็ชะงักไปเมื่อเห็นหญิงสาวเต็มตา

“คุณมาทำอะไรที่นี่!”

เป็นเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“ฉันต่างหากที่ต้องถาม นี่มันบ้านฉัน”

หญิงสาวโต้อย่างไม่สบอารมณ์ ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้ทำให้เธออารมณ์เสียหลายครั้งอย่างไม่น่าให้อภัย

“อย่าบอกนะ ว่าคุณ...” ธีรภัทร์พูดได้แค่นั้นก็หยุดชะงักด้วยความหวาดวิตก

“อ๋อ รู้ละ” พิศิตาพยักหน้าหงึกหงัก

“นี่เองธุระสำคัญนักหนาของคุณ น่าขำชะมัดที่สถาปนิกของอมรกรุ๊ปเห็นการมีนัดดูตัวกับผู้หญิงสำคัญกว่างานที่ตัวเองรับผิดชอบ ในขณะที่ปฏิทินบอกชัดว่าตอนนี้มันปีสองพันเก้าแล้ว”

น้ำเสียงส่อเสียดประชดประชันแถมยังดูหมิ่นกันซึ่งหน้านั้นทำให้คนฟังถึงกับหน้าชา ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงด่าเจ็บถึงขนาดนี้ ที่เธอพูดมันก็ถูก แต่เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมรับว่าตัวเองผิดด้วยล่ะ

“คุณคงเป็นหลานสาวคนกลางของคุณหญิงพรรณราย เฮ้อ ผมรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยนะที่เป็นคุณ แต่ก็แค่นิดเดียวจริงๆ เพราะคนที่ผมอยากพบน่ะ เดินมาโน่นแล้ว”

เขาซุกมือลงในกระเป๋ากางเกง ไหวไหล่กวนๆ พลางพยักพเยิดไปยังหญิงสาวที่เพิ่งก้าวลงจาก BMW คันหรู

พิริมามองหน้าน้องสาวสลับกับชายหนุ่มที่ยืนเก๊กหล่อส่งยิ้มเก๋มาให้ด้วยความแปลกใจ “พลอยกับคุณธีร์รู้จักกันด้วยเหรอ ว่าแต่ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ”

“ผมมากับแม่ครับ” ธีรภัทร์รีบบอกเมื่อเห็นพิริมาทำหน้างง

“คุณคงเป็นหนึ่งในบรรดาลูกชายของคุณป้า” หญิงสาวพยักหน้าว่าเข้าใจโดยไม่บ่งบอกอารมณ์อื่น

“ครับ แต่ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะยอมให้แม่เอาผมมาต้มยำทำแกงได้ตามใจนะ ผมอยากมาทำความรู้จักกับครอบครัวของคุณอย่างเป็นทางการต่างหาก” เขายิ้มสื่อความนัย

“แปลว่าคุณรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่บอกให้พรีมรู้ตัวซักนิด สนุกมากมั้ยคะ?” พิริมาย้อนถามยิ้มๆ กึ่งคาดโทษ

“ผมอยากบอกคุณใจจะขาด แต่ก็อยากมาเซอร์ไพรส์วันนี้มากกว่า จริงมั้ยครับคุณพลอย” เขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พิศิตา

หญิงสาวเบะปากพลางกลอกตาเซ็งอย่างไม่เกรงใจใคร ความจริงเธอทำท่าจะอ้วกหลายหนแล้วแต่ธีรภัทร์ไม่เห็น

พิริมารู้สึกอัศจรรย์ใจจริงๆ ขณะหันไปถามน้องสาว “พลอยรู้จักคุณธีร์นานแล้วสิ นึกไม่ถึงว่าคนกันเองทั้งนั้น”

“ก็...คนที่พลอยต้องไปติดต่องานด้วยวันที่พรีมเอารถพลอยไปไงล่ะ วันนั้นพลอยไปสายแล้วคุณธีร์ก็...” หญิงสาวเว้นไว้เพียงเท่านั้น ยักไหล่แล้วเดินลอยหน้าลอยตาเข้าบ้านไปก่อน ปล่อยให้พิริมามองตามอย่างสงสัย

“คุณทำไมเหรอคะ?” เธอหันมาถามยิ้มๆ

คนงี่เง่าของพิศิตาจะใช่เขาหรือเปล่านะ?

“ก็...เอ่อ...เราเข้าไปข้างในดีกว่าครับ ผู้ใหญ่รอแย่แล้ว ถ้าคุณพรีมอยากรู้อะไรไว้คืนนี้ผมโทร. มาตอบทุกคำถามอย่างหมดเปลือกเลย เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน” แล้วเขาก็หาทางเอาตัวรอดได้อีกตามเคย



พิศิตาหยุดชะงักเมื่อพบว่าผู้เป็นย่านั่งคุยกับแขกอยู่ในห้องโถงใหญ่ คุณหญิงเห็นเข้าก็เรียกให้มาทำความรู้จักกับคุณมณีและลูกชาย หญิงสาวจึงยกมือไหว้ทั้งสามคนอย่างมีมารยาท

“สวัสดีจ้ะหนูพลอย หลานสาวคุณหญิงน่ารักกันทั้งบ้านเลยนะคะ” คุณมณีรับไหว้พร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ

เมื่อพิริมากับธีรภัทร์ตามเข้ามาทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็รู้จักกันหมดแล้ว

“หนูพรีมมาแล้ว อ้าว! ตาธีร์ก็มาด้วยเหรอ” คุณมณีเหลือบเห็นทั้งสองคนเข้าก็ร้องทักงงๆ

พิริมาไหว้คุณมณีอย่างนอบน้อมพร้อมกับยิ้มขัน เมื่อนึกถึงเรื่องของเธอกับธีรภัทร์ว่าเหมือนจุดไต้ตำตอแท้ๆ ก่อนจะชะงักไปเมื่อสบตาคมนิ่งของใครบางคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย

นี่คือตัวอย่างของทฤษฎีโลกกลมใช่ไหม?

“สวัสดีครับคุณหญิง ผมกับคุณพรีมแล้วก็คุณพลอยรู้จักกันแล้วละครับ” ธีรภัทร์ทำความเคารพประมุขของศุภกุลพร้อมแนะนำตัวเองด้วยสีหน้าชื่นบานกว่าใคร

พิศิตารีบตวัดสายตาขุ่นเขียวไปทางคนขี้โมเมทันที

‘ฉันไม่ได้รู้จักมักจี่กับนายซะหน่อยนะคนบ้า!’

“ไหว้พระเถอะพ่อคุณ ว่าแต่แม่พลอยไปรู้จักพี่เขาตอนไหนรึ ย่าไม่เห็นรู้” คุณหญิงรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปซักไซ้หลานสาว

“เราทำงานด้วยกันครับคุณหญิง ผมเป็นสถาปนิกที่ออกแบบเรือนหอให้คุณปกรณ์ ส่วนคุณพลอยจะเป็นคนตกแต่งครับ” ธีรภัทร์ชิงตอบก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไร

พิศิตาได้แต่จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ชายหนุ่มก็หาได้ใส่ใจไม่ ซึ่งนั่นยิ่งเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟให้ลุกโชน จากที่ไม่ชอบหน้าอยู่แล้วตอนนี้หญิงสาวคิดว่าความรู้สึกนั้นรุนแรงอาจถึงขั้นเกลียดเลยทีเดียว

“หนูพรีมจ๋า นี่ตาวีร์กับตาพีร์จ้ะ ลูกชายป้าเอง รู้จักกันไว้นะ คนกันเองทั้งนั้น” คุณมณีเห็นว่าลูกชายคนรองทำคะแนนนำพี่ชายไปแล้วก็อดจะค้อนอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ รีบชักนำให้พิริมารู้จักกับวีรภัทร์ ก่อนที่พ่อตัวดีของเธอจะทำเสียเรื่อง

หญิงสาวไหว้ทั้งสองหนุ่มและยิ้มให้พวกเขาราวกับไม่มีอะไรในกอไผ่ นั่นเป็นเพราะพีรภัทร์ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักเธอก่อน พิริมาจึงเลียนแบบเขาบ้าง

“เอาละ เมื่อมากันพร้อมหน้าและรู้จักกันหมดแล้วก็ย้ายไปที่ห้องอาหารดีกว่า นมอิ่มให้เด็กจัดโต๊ะไว้รอแล้ว เชิญทุกคนเลย”

คุณหญิงนำขบวนแขกย้ายไปที่ห้องอาหารเพื่อปักหลักให้หนุ่มสาวได้สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น

“ไปรู้จักหนูพรีมตอนไหนจ๊ะตาธีร์” คุณมณีกระซิบถามพ่อจอมกะล่อนเบาๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน

“ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมก็มีวิธีของผม” เขากระซิบตอบยิ้มๆ ไม่แคร์ดวงตาเขียวปัดของมารดาเลยสักนิด

ลางร้ายชัดๆ!

ผู้เป็นแม่คิดอย่างไม่พอใจที่ช้ากว่าลูกชายจอมแสบไปหนึ่งก้าว



พิณณิศาลงมาสมทบเป็นคนสุดท้าย สาวน้อยออกอาการอึ้งสุดๆ เมื่อรู้ว่าพีรภัทร์เป็นลูกชายอีกคนของคุณมณี เธอไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้พบเขาอีกหลังกลับมาจากชลบุรีวันนั้น

“แพงเชื่อแล้วจริงๆ ว่าโลกกลม”

น้องเล็กของบ้านคุยจ้อกับพีรภัทร์โดยมีธีรภัทร์ร่วมวงเป็นระยะ ท่ามกลางความสนอกสนใจของคุณหญิงพรรณรายกับแขกสาวใหญ่ของเธอ

“พี่ก็ไม่คิดว่าจะเจอแพงอีกเหมือนกัน ได้ยินว่าเข้าไปทำงานที่บริษัทกับพี่วีร์เหรอ”

เธอเหลือบมองวีรภัทร์โดยไม่ตั้งใจ และฝ่ายนั้นก็มองมาพอดีทำให้ทั้งสองคนสบตากันโดยบังเอิญ สาวน้อยรีบหลบวูบก่อนหันไปยิ้มกับพี่ชายคนใหม่

“ค่ะ พี่พีร์ยังเป็นช่างภาพอยู่รึเปล่าคะ แล้วไม่คิดจะมาช่วยงานที่บริษัทคุณป้าบ้างเหรอ”

“วันจันทร์นี้เราคงได้เจอกัน”

“แล้วเรื่องถ่ายภาพล่ะคะ”

“ช่วงนี้คงพักไว้ก่อน ไม่งั้นป้ามณีของแพงเอาพี่ตายเลย” เขาบอกยิ้มๆ พลางส่งสายตาล้อเลียนไปที่มารดา

คุณมณีค้อนขวับ “แม่เหรอจะกล้า อย่ามาทำพูดดีเลย ดูเถอะค่ะคุณหญิง ลูกชายดิฉันแต่ละคนน่าปวดหัวจริงๆ อยู่ไม่ค่อยติดบ้านกันซักคน”

“หนุ่มโสดก็อย่างนี้แหละ อย่าไปว่าเขาเลย” คุณหญิงสบตาคุณมณีด้วยรอยยิ้มมีความหมาย

อีกฝ่ายเข้าใจดีก็รีบรับไม้ต่อ “นี่แหละค่ะที่ดิฉันหนักใจ เพราะไม่มีคนรออยู่ที่บ้านก็เลยไม่ค่อยอยากกลับกัน เห็นทีต้องหาลูกสะใภ้เองซะแล้ว เริ่มที่ตาวีร์ก่อนดีมั้ยคะคุณหญิง”

คนที่ถูกจับขึ้นเขียงเป็นรายแรกแทบสำลัก รีบหันไปปรามมารดา “แม่ครับ”

ธีรภัทร์เห็นท่าไม่ดีเมื่อผู้เป็นแม่เชียร์ลูกชายคนโตอย่างออกนอกหน้าจึงยอมไม่ได้เด็ดขาด เขาถือคติรุกก่อนได้เปรียบ “นายวีร์อาจจะยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน แต่ผมเริ่มๆ จะคิดแล้วนะครับแม่”

ว่าแล้วก็หันไปสบตาพิริมาอย่างมีความหมาย เล่นเอาคนทั้งโต๊ะวางสีหน้าแทบไม่ถูก ยกเว้นคนที่ถูกเอ่ยถึง เธอยังยิ้มหวานและหัวเราะได้เหมือนไม่รู้ตัวว่าคนพูดสื่อความนัยถึงตน

“ว่าแต่คุณพรีมเบื่องานเดินแบบรึยังครับ สนใจมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวให้ผมบ้างไหม” ชายหนุ่มรุก เขาออกตัวแรงขนาดนี้ หากยังมีใครคิดจับคู่พิริมากับวีรภัทร์อีกก็ให้มันรู้ไป!

“พรีมไม่ใช่คนเบื่อง่าย ตอนนี้ยังสนุกกับงานอยู่เลยค่ะ” พิริมาหัวเราะน้อยๆ ยังกินข้าวต่อเหมือนไม่รู้ตัวว่าถูกจีบกลางโต๊ะ

พิศิตารู้สึกคลื่นไส้จนแทบจะทนร่วมโต๊ะต่อไปไม่ไหว ถ้าไม่เห็นแก่หน้าผู้เป็นย่า เธอได้กระแทกช้อนส้อมลงกับจานแรงๆ หรือไม่ก็อาจจะใช้ส้อมจิ้มลูกกะตาวิบๆ วับๆ ของธีรภัทร์เข้าให้ก็ได้

ผู้ชายกะล่อนแบบนี้ไม่ถูกโฉลกกับเธอเลยให้ตาย!

วีรภัทร์แอบโล่งใจที่น้องชายช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ใหญ่ไปจากเขา ส่วนน้องชายคนเล็กเอาแต่อมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนใจของพี่ชายคนโต

วีรภัทร์เป็นคนที่จัดการได้กับทุกปัญหา แต่ดูเหมือนคราวนี้จะจนแต้มเอาจริงๆ หากธีรภัทร์ไม่ยื่นมือเข้ามาเสียบคงจะแย่แน่

พิณณิศานั่งมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างมึนงง ก่อนจะถึงบางอ้อกับเหตุผลที่คุณหญิงเชิญคุณมณีกับลูกชายมาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านในวันนี้ ที่แท้เป้าหมายก็คือหวังให้ลูกหลานลงเอยกันนี่เอง และถ้าเดาไม่ผิด พิริมาคงถูกจับคู่กับวีรภัทร์เป็นคู่แรกอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอส่ายหน้าจนผมปลิว ‘อี๋ ไม่เอาหรอก ขืนให้พี่พรีมแต่งกับคนหน้ายักษ์ชอบออกคำสั่งนั่นมีหวังอึดอัดตายเลย พี่ธีร์น่ารักกว่าตั้งเยอะ อย่างนี้ต้องร่วมวงด้วย’

“พี่ธีร์ตักแกงจืดให้พี่พรีมหน่อยซิคะ พี่พรีมชอบ”

ธีรภัทร์หันไปมองต้นเสียง นี่แหละ ตัวช่วยของเขา เห็นได้ชัดว่าแม่สาวน้อยหน้าใสอยู่ข้างเขาแน่ๆ ชายหนุ่มรีบทำตามคำแนะนำทันที

“พี่วีร์ตักผัดผักรวมมิตรให้พรีมหน่อยสิคะ อันนี้พรีมชอบมาก ดีต่อสุขภาพด้วย” พิศิตาเข้าร่วมวงอีกคน เธอขอเป็นหัวคะแนนให้วีรภัทร์ด้วยความเต็มใจยิ่ง

แล้วพิณณิศากับพิศิตาก็หันไปจ้องหน้ากันอย่างเป็นอริ ส่วนพิริมาเหลือบมองน้องสาวทั้งสองด้วยสีหน้าราวกับว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังจะอุบัติขึ้น

คุณหญิงพรรณรายกับคุณมณีสบตากันเงียบๆ ดูท่าสิ่งที่มาดหมายไว้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งสองคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าพรุ่งนี้ต้องมีประชุมด่วน!



“เล่นอะไรกันอยู่น่ะสองคนนี้” พิริมาทำเสียงดุเมื่อกลับมารวมตัวกันที่ห้องนอนของเธอหลังจากส่งแขกกลับไปหมดแล้ว

“แพงไม่ได้เล่นนะพี่พรีม แพงรู้แล้วว่าคุณย่าต้องการอะไร แต่แพงไม่ชอบตาคนหน้ายักษ์นั่น พี่ธีร์น่ารักกว่าตั้งเยอะ แพงเชียร์ขาดใจเลย” พิณณิศาบอกเสียงจริงจังพลางจ้องพิศิตาอย่างไม่ยอมแพ้

“พลอยก็ไม่ได้เล่นเหมือนกัน นายธีรภัทร์นั่นน่ะเป็นผู้ชายงี่เง่า ไร้ความรับผิดชอบ แถมเจ้าชู้ด้วย ผู้ชายแบบนี้พลอยไม่ยอมให้พรีมแต่งด้วยหรอก”

“นี่พี่พลอยจะให้พี่พรีมแต่งกับอีตาลุงนั่นน่ะเหรอ มีหวังพี่พรีมเครียดตาย คนขี้เก๊กแถมชอบออกคำสั่งแบบนั้นน่ะนะ” พิณณิศาถามกลับด้วยท่าทีดื้อดึง

“แต่นายธีรภัทร์นั่นน่ะเจ้าชู้ แถมยังขาดความรับผิดชอบด้วย แต่งไปแล้วจะมีความสุขได้ยังไง อีกอย่างก็เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณย่ากับป้ามณีต้องการจับคู่พรีมกับพี่วีร์ ยังไงๆ นายงี่เง่าไร้สมองนั่นก็หมดสิทธิ์อยู่ดี” พิศิตาตอกย้ำอย่างเป็นต่อ

“ไม่มีทาง แพงจะขัดขวางทุกวิธีเลย ไม่เชื่อก็คอยดู”

“พอแล้วทั้งสองคน จะมาทะเลาะกันทำไมเนี่ย” พิริมาเริ่มหมดความอดทน หลังจากนิ่งฟังสองสาวฟาดฟันกันได้พักหนึ่ง

“ก็แพงไม่อยากให้พี่พรีมแต่งกับตาลุงนั่นนี่นา” พิณณิศาพูดเสียงอ่อย

“ใครบอกว่าพี่จะแต่งกับสองคนนั่น นี่มันปีอะไรแล้ว เรื่องอะไรพี่จะยอมให้คุณย่าจับคลุมถุงชนเล่า”

“อ้าว! นี่ตัวไม่ได้เห็นด้วยเหรอพรีม แล้วทำไมไม่เห็นว่าอะไรซักคำ เอาแต่นั่งยิ้มอยู่ได้” พิศิตาต่อว่าพี่สาวอย่างเคืองๆ

เพราะที่โต๊ะอาหารพิริมายิ้มแย้มสดชื่น ต้อนรับไมตรีของสองหนุ่มอย่างเท่าเทียมจนเธอคิดว่าพี่สาวจะยอมทำตามความต้องการของผู้ใหญ่เสียแล้ว

“ทำไมพรีมต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะ ก็แค่ทานข้าว ทำความรู้จักกันไว้แค่นั้นเอง ไม่เห็นว่าเราจะต้องไปวิ่งตามเกมของคุณย่าเลยนี่นา”

“แต่คนพวกนั้นล่ะ จะคิดกับพรีมยังไง ขนาดพลอยยังคิดว่าพรีมเห็นด้วยเลย”

“แล้วทำไมพรีมต้องสนด้วยล่ะว่าใครจะคิดยังไง ในเมื่อพรีมรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร พลอยกับแพงอย่าคิดมากเลย พรีมไม่ยอมแต่งงานกับคนที่พรีมไม่รักหรอก คนที่เขาไม่ได้รักพรีมก็เหมือนกัน ไม่แต่งด้วยเด็ดขาด อย่าทะเลาะกันเลยนะ เรามีกันอยู่แค่นี้เอง” พิริมาบอกน้องสาวด้วยท่าทีอ่อนโยนพร้อมเดินไปกอดทั้งสองคนไว้

“แต่ยังไงๆ แพงก็ไม่ชอบตาลุงนั่นขี้เก๊กนั่นอยู่ดีแหละพี่พรีม อย่าไปหลงรักคนชอบออกคำสั่งเข้าเชียวนะ แล้วจะหาว่าแพงไม่เตือน”

น้องเล็กกอดเอวบางของพี่สาวไว้ ไม่วายส่งเสียงค้าน

พิศิตาตีแขนน้องสาวอย่างมันเขี้ยวพลางถลึงตาใส่ “พลอยก็ไม่ชอบนายธีรภัทร์นั่นเหมือนกันแหละ อย่าไปหลงรักคนเจ้าชู้แบบนั้นเข้าก็แล้วกัน นี่เตือนด้วยความหวังดีนะ”

พิริมาได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจกับน้องสาวทั้งสองคนที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่มีใครยอมใครอยู่ดี

“ไปนอนดีกว่านะดึกแล้ว แพงนอนกับพี่รึเปล่าวันนี้”

พิณณิศายิ้มประจบ “ค่ะ”

พิศิตาได้แต่หมั่นไส้กับความฉอเลาะของน้องสาว “งั้นพลอยไปนอนนะ อย่ากรอกหูพรีมเรื่องนายธีรภัทร์อีกนะแพง เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่ให้มากนัก”

“รีบไปนอนเลยพี่พลอย แพงง่วงแล้ว” สาวน้อยรุนหลังพี่สาวให้เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลงทันที



“นี่มันอะไรกันตาธีร์ เราไปสนิทสนมกับหนูพรีมนานแค่ไหนแล้ว แม่ละปวดหัวกับเราจริงๆ” คุณมณีเปิดฉากบ่นเมื่อกลับมาถึงบ้าน

“แม่ต้องปวดหัวเรื่องอะไรล่ะครับ ยังไงหนูพรีมของแม่ก็ต้องมาเป็นสะใภ้แม่ชัวร์ๆ อยู่แล้ว แค่เปลี่ยนจากสะใภ้ใหญ่มาเป็นสะใภ้รองเท่านั้นเอง” พ่อตัวแสบว่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนผิวปากหวือเดินหนีขึ้นห้องนอนไปเฉย

“นี่เดี๋ยวก่อนตาธีร์ มาคุยกับแม่ก่อนสิ โอ๊ย...ลูกคนนี้นี่” ผู้เป็นแม่บ่นอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถคอนโทรลลูกชายคนนี้ได้ และเมื่อบ่นตัวต้นเหตุไม่ได้ก็หันมาเล่นงานวีรภัทร์แทน

“เห็นไหมตาวีร์ มัวชักช้าเดี๋ยวตาธีร์ก็ทำเสียเรื่องหรอก”

“โธ่...แม่ครับ ถ้านายธีร์กับคุณพรีมรักใคร่ชอบพอกันก็ปล่อยพวกเขาเถอะ ดีซะอีกแม่จะได้อุ้มหลานไวๆ ไง”

“เรามันก็อย่างนี้ เอะอะอะไรก็ให้น้องก่อน ทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะตาวีร์” เธอมองลูกชายคนโตด้วยสายตาห่วงใย

“ผมไม่ได้เสียสละอะไรเลยครับแม่ ผมกับหนูพรีมของแม่เพิ่งเจอกันครั้งแรกยังไม่ได้รักใคร่ชอบพอกัน แต่นายธีร์เขาเจอก่อน แถมยังทำท่าติดอกติดใจขนาดนั้น ปล่อยให้หนูพรีมของแม่เป็นคนตัดสินเถอะครับ”

“แปลว่าถ้าหนูพรีมเลือกลูก ลูกก็ไม่ขัดข้อง แม่เข้าใจถูกรึเปล่า”

วีรภัทร์ได้แต่เอามือตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่เมื่อถูกมารดาต้อนเสียจนมุม “แม่ครับ แม่น่าจะมานั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของอมรกรุ๊ปนะครับ ผมว่าคงทำกำไรให้บริษัทได้อีกปีละหลายสิบล้านเลย”

“ไม่รู้ละ ลูกรับปากแม่แล้วนะ ห้ามคืนคำ”

ผู้เป็นแม่ไม่สนใจท่าทางระอาของลูกชายคนโต แต่หันไปสนใจลูกชายคนเล็กต่อ “แล้วเราล่ะตาพีร์ คิดว่าหนูแพงเป็นไงบ้าง”

“อะไรนะครับ!” พีรภัทร์ที่กำลังอมยิ้มชมมารดาตะล่อมพี่ชายคนโตอยู่ถึงกับโพล่งขึ้นเสียงดังลั่น ก่อนจะหันไปหาวีรภัทร์อย่างขอความช่วยเหลือ

อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้า บอกชัดว่าตัวใครตัวมัน “นายคุยกับแม่เองแล้วกันนะพีร์ พี่ง่วง ขอตัวก่อนละ”

“พี่วีร์...” คนเป็นน้องครางเหมือนกำลังถูกใครบีบคอ

“ตาพีร์ลูก...” คุณมณียิ้มกริ่ม มองหน้าพีรภัทร์ด้วยความหวัง ทั้งคนโตคนกลางก็พากันหลบฉากไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่คนเล็กที่พอจะให้เธอเกลี้ยกล่อมได้

“ผมเองก็ง่วงแล้วเหมือนกัน หลับฝันดีนะครับแม่”

ชายหนุ่มว่าพลางหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่แล้วกระโจนขึ้นบันไดแบบไม่เหลียวหลัง

ผู้เป็นแม่ทำหน้างอง้ำที่ลูกๆ ไม่ได้ดั่งใจสักคนเดียว แต่คนอย่างเธอไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ

คอยดูเถอะ จะขอหลานสาวคุณหญิงมาเป็นสะใภ้ให้ได้ทั้งสามคนเลยเชียว!









 

Create Date : 19 ธันวาคม 2557
0 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2557 10:51:18 น.
Counter : 482 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.