|
แผนร้าย อุบายรัก - 10 - ขิงก็ราข่าก็แรง! (ยกที่ 2)
ภายในบริเวณสนามหญ้าของบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงา วันนี้มีลูกสุนัขพันธุ์โกลเดนรีทรีฟเวอร์สองตัวกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข ภาพนั้นพลอยทำให้คนอีกสี่ชีวิตที่มองดูอยู่มีความสุขตามไปด้วย
มุกว่าจะไปซื้อบ้านที่ทำสำเร็จแล้วมาให้พวกมันน่ะค่ะ ลุงมั่นไม่ต้องลำบากทำเองหรอก มุกตาภาเอ่ยขึ้น ดวงตาไม่ได้ละไปจากเจ้าตัวเล็กทั้งสองเลย
แต่ผมทำให้ได้นะครับคุณมุก ลุงมั่นที่เป็นทั้งคนสวนและสามีของป้าแดงยืนยันหนักแน่น
ไม่ต้องหรอกค่ะ มุกเอาพวกมันมาเลี้ยงเองก็อยากรับผิดชอบเอง ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนด้วย
ให้ตามั่นทำให้เถอะค่ะคุณมุก ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อข้างนอก ที่นี่ก็มีเศษไม้ที่พอจะใช้ได้อยู่เหมือนกัน เราไม่เคยได้เลี้ยงหมาเลยเพราะคุณรัณแกแพ้ขนหมา พอได้เห็นพวกมันวิ่งเล่นกันแบบนี้แล้วก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน ป้าแดงให้ความเห็น
หญิงสาวยิ้มตามแล้วหันไปพูดกับลุงมั่น ถ้าลุงมั่นอยากทำก็ได้ค่ะ แต่อย่าเอาเวลางานมาทำนะคะ เดี๋ยวจะพลอยซวยไปกับมุกอีกคน
ลุงมั่นหัวเราะชอบใจ ขณะนึกถึงใบหน้าเรียบขรึมของเจ้านายผู้ไม่ค่อยจะยุ่งเรื่องของใคร แต่กลับเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นอริกับผู้หญิงคนใหม่ของภวัต ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่น้อย
อย่างที่ทุกคนในบ้านรู้และชินเสียแล้วกับการที่ภรัณยูจะ จ้าง ผู้หญิงที่ภวัตพาเข้าบ้านให้ออกไปจากชีวิตของน้องชายเขา ผู้หญิงคนก่อนๆ มาอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน อย่างอึดที่สุดก็สามวันเท่านั้น พอได้เงินในจำนวนที่รับได้พวกหล่อนก็จากไปอย่างไร้ปัญหา
ไม่มีใครสงสัยว่าภรัณยูจะยื่นข้อเสนอแบบเดียวกันนั้นให้มุกตาภาหรือไม่ แต่ที่น่าแปลกใจคือเหตุใดหญิงสาวจึงไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจากที่นี่ง่ายๆ หนำซ้ำยังกล้าท้าทายภรัณยูด้วยการเอาลูกสุนัขเข้ามาเลี้ยงในบ้านอีก
คราวนี้ดูท่าภรัณยูจะมีปัญหาในการกำจัดมุกตาภาออกไปจากชีวิตของน้องชายจริงๆ
รถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าตึกในเวลาบ่ายแก่ๆ มุกตาภานั่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าพอดี ครั้นรู้ว่าเป็นรถของภวัตก็รีบเดินไปต้อนรับด้วยความดีใจ
มาธวีที่นั่งเงียบมาตลอดทางมีสีหน้าบึ้งตึงทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นมุกตาภาที่มายืนยิ้มระรื่นรอรับภวัตกลับบ้าน หญิงสาวก้าวลงจากรถ เหลือบมองหน้าชายหนุ่มแวบเดียวก่อนเดินคอตั้งเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่
มุกตาภายักไหล่ ไม่ใส่ใจกับมาธวีเพราะมีเรื่องจะโม้กับเพื่อน นี่ฉันมีเรื่องเซอร์ไพรส์แกด้วยแหละ
เธอไม่ได้สังเกตเห็นแววตาขุ่นมัวของภวัตจึงรีบลากคนตัวโตกว่าให้เดินตามไปทางหลังบ้าน
ภวัตขมวดคิ้วเมื่อเห็น เซอร์ไพรส์ ของหญิงสาวเต็มตา เจ้าหน้าขนสองตัววิ่งเข้ามาหานายสาวของมันอย่างกระดี๊กระด๊า หางกระดิกไปมาแล้วก้มหน้าเลียที่ขาและทุกส่วนในร่างกายของหญิงสาวเท่าที่พวกมันจะเลียได้
มุกตาภาหัวเราะเสียงใส วิ่งหลบพวกมันไปมารอบตัวเขาจนชวนให้เวียนหัว
มุก! นี่มันอะไรกัน เขาถามด้วยความข้องใจสุดขีด
หญิงสาวเปิดยิ้มกว้าง ไม่รู้จักหมาเหรอ อ๋อ แกคงไม่เคยเห็นละสิ ก็ที่นี่ไม่เคยเลี้ยงหมามาก่อนนี่เนอะ
ว่าแล้วก็ย่อตัวอุ้มหนึ่งในนั้นขึ้นกอดอย่างรักใคร่
พี่รัณรู้เรื่องรึยังน่ะ
อือฮึ
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนักว่ามุกตาภาจะเลี้ยงเจ้าหน้าขนสองตัวนี้ไปได้อย่างสงบสุข
จริง เธอย้ำหนักแน่นอีกครั้ง ปล่อยหัวเราะคิกคักแล้วก็พูดต่อ
โมโหใหญ่เลยละ แทบจะแปลงร่างเป็นยักษ์แน่ะ หน้างี้หงิกเชียว
ภวัตนึกภาพตามก็อดหัวเราะไม่ได้ พอสงบสติอารมณ์ได้ก็ถามว่า แล้วพี่รัณก็ยอมให้แกเลี้ยงพวกมันที่นี่น่ะนะ?
คำถามนั้นเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจเหลือจะกล่าว
หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ ด้วยความภาคภูมิใจ
แต่กว่าจะยอมก็ต้องบีบน้ำตากันหลายปี๊บที่เดียวแหละ แต่มันก็คุ้มค่านะ เพราะมันเรียกคะแนนสงสารจากป้าแดงกับนิดได้เป็นกระบุงเลย เธอบอก
เขามองใบหน้าที่ระบายยิ้มสดใสนั้นอย่างนึกเอ็นดู ส่ายหัวน้อยๆ แล้วพี่รัณไปไหนล่ะ ไม่เห็นมาทำหน้าดุรอรับเลย
ไม่รู้สิ เห็นตั้งแต่ตอนเช้าน่ะ แต่ก็ดีแล้วละ เพราะฉันเองก็ไม่อยากเจอเขานักหรอก คนอะไรปากจัดกัดเจ็บแล้วยังพูดจาดูถูกคนอื่นได้แสบทรวงมากๆ เธอบ่นอย่างมีอารมณ์พลางย่นจมูก
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ถามอย่างสนใจ พี่รัณยื่นข้อเสนอให้แกแล้วสิ
มุกตาภาเบะปาก ตอบฉุนๆ ก็งั้นสิ แถมยังมาว่าฉันเสียๆ หายๆ ด้วยนะ หาว่าฉันเป็นผู้หญิงราคาต่ำงี้ สกปรกงี้ แต่ละคำบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ นี่ถ้าคำพูดของเขาเป็นคมมีดนะ ป่านนี้ฉันโดนสับเละไปแล้ว
เขาถอนใจอย่างหนักหน่วง แล้วแกทำไง
ฉันก็บอกว่าเรารักกันมากน่ะสิ แล้วก็บอกเขาไปว่าถ้าอยากจะซื้อก็ต้องซื้อด้วยทุกอย่างที่เขามี ชิ คนปากร้าย ไม่นึกว่าพี่ชายของแกจะร้ายกาจขนาดนี้นะ
เธอส่งค้อนให้คนที่เอ่ยถึงอย่างเคืองๆ
ภวัตยิ้มในหน้าแล้วบอกอย่างขบขัน แต่แกก็ใช้ได้เลยนี่ ทำให้พี่รัณยอมเสียหน้าแล้วให้แกเอาหมามาเลี้ยงในบ้านได้ ฉันว่าป่านนี้เขาคงเกลียดแกเข้าไส้แล้วละ ระวังตัวหน่อยละกัน
เชอะ คิดว่ากลัวเหรอ ลองมาทำอะไรฉันสิ จะเอาคืนให้แสบเลย ฉันว่าพี่รัณของแกต้องเป็นผู้ใหญ่มีปัญหาแน่ ไม่งั้นจะอาการหนักขนาดนี้เหรอ หรือแกว่าไง มุกตาภาให้ความเห็นแล้วหาแนวร่วมเสร็จสรรพ
เขายกมือขึ้นยีผมหญิงสาวอย่างมันเขี้ยว น้อยๆ หน่อย ที่พูดอยู่น่ะพี่ชายฉันนะ
เธอแกล้งทำตาโต ก่อนถามเสียงสูงอย่างเสแสร้ง อ้าว! พี่ชายเหรอนึกว่าพ่อซะอีก
อีกฝ่ายระเบิดหัวเราะอย่างขบขัน ชักจะเห็นด้วยหน่อยๆ แล้วว่าภรัณยูคงเป็นผู้ใหญ่มีปัญหาอย่างที่มุกตาภาว่าจริงๆ
มาธวีที่ยืนอยู่ริมระเบียงถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นลูกสุนัขสองตัวมาวิ่งเล่นในบริเวณบ้านที่ไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน ไม่รู้ว่าภรัณยูปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร
แล้วยิ่งเห็นท่าทางสนิทสนมของภวัตกับมุกตาภาก็ยิ่งหงุดหงิดอารมณ์เสียมากขึ้น นึกถึงเรื่องที่เขาทำกับเธอบนเรือแล้วจินตนาการไปว่าเขาคงทำแบบเดียวกันนี้กับมุกตาภาทุกคืน ก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มทุรนทุรายด้วยความไม่พอใจ
คอยดูนะ เธอจะต้องเรียกศักดิ์ศรีคืนให้ได้ ถ้าการแข่งขันในเกมนี้จะมีเธอเป็นผู้ชนะในตอนท้ายละก็...ต่อให้ต้องใช่เล่ห์เหลี่ยมกลโกงยังไง เธอก็จะทำ!
ภรัณยูกลับถึงบ้านเมื่อได้เวลาอาหารเย็นพอดี ยิ่งได้เห็นมุกตาภามีความสุขมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเห็นภวัต
กับเธอแสดงท่าทางมีความสุขกันอย่างล้นเหลือก็ยิ่งหงุดหงิดทบทวี
เขาต้องหาทางให้ภวัตแต่งงานกับมาธวีแล้วเขี่ยมุกตาภาออกไปจากที่นี่ให้ได้ในเร็ววัน!
กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ภรัณยูถามน้องชายเสียงห้วน
ตอนบ่ายแก่ๆ ครับพี่รัณ เห็นมุกบอกว่าเอาลูกหมามาเลี้ยงแก้เหงา ขอบคุณพี่รัณมากนะครับที่อนุญาตให้มุกเลี้ยงหมาในบ้านนี้ น้องชายตอบกลั้วหัวเราะ
ไม่มีสมบัติผู้ดี ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของบ้านเขาไม่ชอบก็ยังจะดื้อด้านทำอยู่ได้ เป็นแค่ผู้อาศัย แต่กลับไม่มีสามัญสำนึกเอาซะเลย มาธวีแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก
มุกไม่ใช่แค่ผู้อาศัย แต่เป็นเมียของพี่ จะพูดอะไรก็เกรงใจกันบ้าง ใครกันแน่ที่เป็นแค่ผู้อาศัย บ้านตัวเองก็มีแต่กลับมาอยู่บ้านคนอื่น ภวัตขัดเสียงขุ่น อารมณ์กรุ่นๆ ที่สะสมมาตั้งแต่เห็นมาธวีอี๋อ๋อกับอนุชาก่อนจะกลับบ้านระเบิดออกมาเมื่อได้โอกาส
หญิงสาวตวัดสายตามองชายหนุ่มทันใด มือเล็กใต้โต๊ะกำแน่นจนปวดหนึบไปถึงใจ
นี่เขาหาว่าเธอเป็นคนอื่น เป็นผู้อาศัยทั้งที่เธอกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาเพิ่งรู้จักกับมุกตาภาแค่ไม่กี่วันเนี่ยนะ ใจร้ายเกินไปแล้ว!
วัต! ภรัณยูปรามด้วยเสียงกระด้าง
ถึงมาธวีจะดื้อหรือเอาแต่ใจยังไงแต่เธอก็เป็นน้อง เป็นคนในครอบครัว คราวนี้ภวัตพูดแรงเกินไป
มุกตาภาเองก็อึ้งไปเหมือนกันกับคำพูดของเพื่อนชาย สำหรับมาธวีนั้นเธอไม่ถือสาเพราะเห็นว่ายังเด็กแล้วก็เป็นน้องเล็กของครอบครัว ก็แค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง ไม่ถึงกับร้ายกาจอะไรนัก คราวนี้ภวัตเล่นแรงเกินไปจริงๆ
วัต ไม่เป็นไรหรอกน่า หญิงสาวแตะแขนคนข้างๆ แผ่วเบา
มาธวีลุกขึ้น ดวงตาลุกวาวจ้องมองภวัตอย่างน้อยใจ น้ำหวานขอตัวนะคะ
พูดจบหญิงสาวก็วิ่งขึ้นห้องทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของภรัณยู
คราวนี้นายทำเกินไปนะวัต ภรัณยูเป็นอีกคนที่ลุกขึ้นแล้วเดินหนีจากตรงนั้น แต่ก่อนจากไปเขาก็จ้องมุกตาภาด้วยดวงตาคมดุ ราวกับจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอคนเดียว
คนที่ถูกกล่าวหาทางสายตาถอนใจอย่างหนักหน่วง หันมาพูดกับเพื่อนว่า ฉันว่าแกพูดแรงไปจริงๆ นั่นแหละ ทีหลังถ้าน้ำหวานหาเรื่องฉันอีกก็ให้ฉันจัดการเองเถอะ แกเป็นผู้ชายแล้วก็เป็นตัวปัญหาของเรื่องด้วย อยู่เฉยๆ ดีกว่า น้ำหวานก็แค่เด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่แกนี่สิ...
หญิงสาวมองเขาเพลียๆ อย่าลืมไปขอโทษน้ำหวานด้วยละ ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ
ภวัตถอนใจ รู้ตัวว่าพูดแรงเกินไปก็ตอนที่เห็นดวงตากลมโตของมาธวีมองเขาอย่างตัดพ้อ มีความน้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง และอะไรอีกมากมายที่ดวงตาคู่นั้นสื่อออกมาให้เห็น
ให้ตายเถอะ! ดวงตาของยัยน้ำหวานมีผลต่อความรู้สึกผิดบาปของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน น่าโมโหตัวเองจริงๆ!
มาธวีวิ่งเข้าห้องแล้วก็ปิดประตูดังปัง กดล็อกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโถมตัวลงบนเตียงนุ่มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ
พี่วัตบ้า! คนใจร้าย...
เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องเลยเธอก็ไม่ว่า เขาไม่เคยเอาอกเอาใจนอกจากทำให้ร้องไห้เธอก็ไม่ว่า เขาชอบทำให้เธอเสียใจ เธอก็ไม่ว่า แต่วันนี้เขาพูดออกมาตรงๆ ว่าเห็นเธอเป็นคนอื่น ทำแบบนี้มันยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่เคยยอมรับเธอเลย และคงไม่มีวันยอมรับได้ด้วย
แต่เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ชินอีก เขาชอบทำร้ายจิตใจเธออยู่เสมอไม่ใช่หรือ มันก็แค่เรื่องเดิมๆ แล้วทำไมเธอจะต้องเสียอกเสียใจมากมายขนาดนี้ด้วย มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม...
หญิงสาวกำมือแน่น รู้สึกเจ็บแปลบในโพรงอก โมโหตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกใหม่ที่เข้ามาเกาะกุมพื้นที่ในหัวใจได้
เธอจะยอมแพ้หรือมาธวี จะยอมเป็นคนพ่ายแพ้แล้วเดินออกไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ทำแบบนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรหรอก เขามีแต่จะชอบใจและหัวเราะเยาะเธอเท่านั้น คนอย่างเขาไม่มีทางรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเธอแน่
เมื่อคิดแบบนั้นริมฝีปากอิ่มก็เม้มแน่น ดวงตาวาวจัดไปด้วยความคับแค้นใจ
ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็สู้กันต่อไปก็แล้วกันนะคะพี่วัต แต่คราวนี้น้ำหวานจะใช้สมองให้มากขึ้น!
|
Create Date : 28 ตุลาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 28 ตุลาคม 2557 12:41:15 น. |
Counter : 623 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|