All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 

*** ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ *** การเปลี่ยนแปลง และ การซ่อมแซม

*** ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ ***






ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ เล่าเรื่องของ ยิม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) นายช่างใหญ่บริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องการผ่านการสอบสัมภาษณ์ของบริษัท เพื่อไปตาม คายะ (Sora Aoi) แฟนสาว ที่ทิ้งเขาไปทำงานที่สาขาในอเมริกาพร้อมกับบอกเลิกในคราวเดียวกัน

นี่เป็นสาเหตุให้ยิม ตัดสินใจจ้าง เพลง (ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) ติวเตอร์ภาษาอังกฤษที่คายะเคยมาเรียน ให้มาสอนเขาเพื่อจะสอบผ่านตามคายะไป



จากนี้ไปเป็นการวิเคราะห์และตีความในมุมมองส่วนตัว ใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำว่าอย่าเพิ่งอ่านครับ







ประเด็นหลักของหนังที่อาจจะไม่ได้เป็นที่ตั้งใจของผู้กำกับแต่ก็สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัด
นั่นก็คือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและการซ่อมแซม


มาพิจารณาที่ 2 ตัวละครหลัก เราจะพบความแตกต่างและพัฒนาการดังนี้



ครูเพลงคือติวเตอร์สาวโสด ที่หนังจงใจเปรียบเทียบเธอกับ Cinderella

เธอมีโอกาสได้พบกับคุณพฤกษ์ (ภพธร สุนทรญาณกิจ) และท้ายที่สุดเธอได้เป็นแฟนกับเขา นี่ไม่ต่างกับ Cinderella ที่ได้ครองรักกับเจ้าชายรูปงาม



มีฉากหนึ่งหลังจากเธอเป็นแฟนกับคุณพฤกษ์แล้ว เมื่อรองเท้าคู่สวยของเธอพัง คุณพฤกษ์พยายามหารองเท้ามาเปลี่ยนให้ แต่เธอรู้สึกอึดอัด และปฏิเสธพฤกษ์ไป


แม้ทุกอย่างจะเหมือนคู่เดิมทุกประการ แต่มันไม่ใช่คู่เดิมของเธอ

เธอต้องการรองเท้าคู่เดิม ที่เธอต้องการก็แค่การซ่อมมันเท่านั้น






เช่นกัน ชีวิตต่อจากนั้นของเพลง ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อคบกับพฤกษ์ ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ



เธอไม่ต้องการคนที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิต

เธอแค่ต้องการคนที่จะซ่อมมันก็เท่านั้น



ดังนั้นช่างซ่อมอย่างยิมคือคนที่เธอมีใจให้ เพราะยิมไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ ยิมแค่เข้ามาซ่อมความเหงาและความว่างเปล่าของเธอ โดยไม่พยายามเปลี่ยนเธอ



ซึ่งฉากที่รองเท้าของเพลงพังในงานเลี้ยง แล้วยิมซ่อมให้ คือฉากที่หนังนำมารับใช้ประเด็นนี้โดยเฉพาะ



น่าสนใจที่ว่าการซ่อมครั้งนี้จะว่าไปมันก็ไม่ใช่การซ่อมให้เหมือนเดิมเสียทีเดียว มันมีการดัดแปลงเล็กน้อย


ถ้าจะให้เทียบกันแล้ว ในแง่กายภาพรองเท้าคู่ใหม่ของพฤกษ์ มีความเหมือนของเดิมมากกว่ารองเท้าที่ยิมซ่อม

แต่ในแง่ของจิตใจ รองเท้าของยิมคือรองเท้าคู่เดิมที่เพลงชอบและใส่มันมานาน แม้มันจะถูกดัดแปลงไปนิดหน่อยก็ตาม







ในทางตรงกันข้าม สำหรับยิม เขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง


โดยสาเหตุหลักก็เพื่อพิชิตใจคายะอดีตแฟนสาวของเขา แต่ลึกๆที่เขาอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจก็คือ



เขาอยากเป็นคนดีเพื่อใครสักคน



ดังนั้นในท้ายที่สุดเขาก็พบเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองว่าคนที่เขาชอบคือใคร ระหว่างการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการเรียนภาษาอังกฤษกับครูเพลง


นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะเขาได้ทำหน้าที่เป็น “คนดีของใครสักคน” ตามที่เขาต้องการโดยที่เขาไม่รู้ตัว



จะเห็นว่าหนังใส่ฉาก ยิมปัดยุงให้เพลง ยิมช่วยจัดการกับเด็กที่แอบถ่ายเพลง และท้ายที่สุดช่วยเพลงในการบอกเลิกกับพฤกษ์







สุดท้ายยิมก็เปลี่ยนแปลงได้สำเร็จตามต้องการ แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงความสามารถทางภาษาอังกฤษ แต่เป็นการ “เปลี่ยนใจ” มาเลือกเพลง



หนังมีฉากที่น่าสนใจฉากหนึ่งเมื่อยิมและเพลงนั่งกินอาหารข้างทาง เพลงสาดน้ำใส่ยิมจนมองไม่เห็นทาง

เนื่องจากยิมเป็นคนสายตาสั้นมาก เมื่อถอด Contact lens ออกเขาจึงมองไม่เห็น เพลงจึงต้องคอยจูงเขาเดิน

ฉากนี้เปรียบเหมือนการเอาเครื่องมือที่บดบังสายตาของยิมออก แล้วมองด้วยตาจริง หรือความต้องการจริงจริงในใจของเขา



หรือตีความได้ว่า


สายตาของยิมมองไกลตลอดเวลา จนมองข้ามคนที่อยู่ใกล้ๆอย่างเพลง

แต่เมื่อเขาลองมองด้วยสายตาจริง มันก็ทำให้เขามองเห็นคนใกล้ตัวที่เคยมองข้ามไป






ตัวหนังเองก็ไม่ต่างจากเพลงในแง่ของการซ่อมแซมแต่ไม่เปลี่ยนแปลง


เราจะพบว่าหนังยังคงอิงตามสูตรสำเร็จของหนัง Romantic Comedy แบบฉบับเทพนิยาย

แม้ในบางช่วงเหมือนหนังจะหักล้างสูตรเทพนิยาย ที่นางเอก (เพลง) ไม่ได้เลือกครองคู่กับเจ้าชาย (พฤกษ์) แล้วหันมาเลือกช่างซ่อมรองเท้า (ยิม)



แต่แท้จริงแล้วช่างซ่อมรองเท้า (ยิม) ก็คือเจ้าชายในนิยายอีกคนที่ถูกซ่อมหรือดัดแปลงภาพลักษณ์ให้แตกต่างออกไป


คล้ายกับรองเท้าถอดส้น ที่มันยังเป็นรองเท้าอยู่ดีแม้ภาพลักษณ์จะเปลี่ยนไปเล็กน้อยก็ตาม


ซึ่งบทสรุปสุดท้ายของหนังยืนยันได้เป็นอย่างดี







มาสู่การวิจารณ์กันบ้าง


ครึ่งแรกของหนัง เน้นไปทางตลกเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ค่อยๆเล่าความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครหลักไปพร้อมกัน

อย่างไรก็ตามบางมุขเหมือนจะถูกใส่มาโดยไม่สอดคล้องกับเรื่องราวและไม่มีความจำเป็นนัก อย่างเช่น มุขสังหารจิ้งจก

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งมุขเหล่านี้ก็เรียกเสียงหัวเราะได้พอสมควร



ขณะที่ครึ่งหลัง หนังเริ่มลดความตลกและจริงจังมากขึ้นและหนังก็สร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชมได้ดี

ซึ่งก็ต้องชมไปที่ 2 นักแสดงนำอย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่ทั้งมีเสน่ห์และมีเคมีที่เข้ากัน



ผู้กำกับ/เขียนบท เมษ ธราธร คุมจังหวะอารมณ์ของผู้ชมได้แม่นยำทั้งฉากตลกและฉากดราม่า แม้จะสังเกตได้ว่ามีการใช้ดนตรีและการตัดต่ออย่างหนักหน่วงในการโหมประโคมอารมณ์ผู้ชมมากเกินไปก็ตาม







แม้บางอย่างจะดูเยิ่นเย้อและยังไม่ลงตัวนัก แต่ "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" ก็เป็นหนัง Romantic Comedy สูตรสำเร็จที่ทำออกมาได้ดีพอสมควร




7 / 10




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2557
1 comments
Last Update : 17 ธันวาคม 2557 0:14:38 น.
Counter : 7263 Pageviews.

 

กระทู้ที่ตั้งใน pantip

//pantip.com/topic/32991320

 

โดย: navagan 19 ธันวาคม 2557 14:46:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.