All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 

*** Blade Runner 2049 *** รักแท้ ของเทียม และเจตจำนงเสรี

*** Blade Runner 2049 ***






ภาคต่อของ Blade Runner ของผู้กำกับ Ridley Scott เมื่อปี 1982 ยังคงสานต่อประเด็นจากต้นฉบับ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยผู้กำกับ Denis Villeneuve


หนังเล่าเรื่องของเจ้าหน้าที่ Blade Runner ประจำกรมตำรวจ LA ที่ชื่อ K (Ryan Goslink) ผู้เป็น Replicant (มนุษย์เทียม) รุ่น NEXUS-9 ที่มีหน้าที่ตามล่าและกำจัดมนุษย์เทียมรุ่นเก่า ที่ไม่ยอมปลดเกษียณตัวเอง

โดย K อาศัยอยู่กับ Joi (Ana de Amars) แฟนสาวที่เป็นปัญญาประดิษฐ์



K พบเรื่องน่าประหลาดใจเมื่อเขาและตำรวจในทีมพบว่ามีมนุษย์เทียมที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ทั้งๆที่นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

Joshi (Robin Wright) หัวหน้าของเขา ออกคำสั่งให้ K ตามหาเด็กที่เกิดจาก Replicant เพื่อทำลายหลักฐานเหล่านี้ทิ้ง เพราะเธอคิดว่านี่จะเป็นชนวนเหตุแห่งสงคราม

ขณะเดียวกัน Wallace (Jared Leto) ประธานปริษัท Wallace ที่เข้า Takeover บริษัท Tyrell (บริษัทผู้ผลิต replicant ในภาคแรก) ผู้ซึ่งพยายามสร้าง Replicant ที่สามารถสืบพันธ์ได้อยู่พอดี Wallace จึงสั่งให้ Luv (Sylvia Hoeks) Replicant ผู้ช่วยของเขา ตามหาตัวเด็กที่เกิดจาก Replicant เพื่อนำมาศึกษาการสร้าง Replicant รุ่นใหม่ที่สามารถสืบพันธ์ได้เอง



[นอกเรื่อง

ชื่อของ K เป็นชื่อที่น่าสนใจ เพราะสามารถแทนค่าความหมายของตัวละครนี้ได้

K = Killer ในฐานะที่เขาเป็นมือสังหาร Replicant
K = Key ในฐานะที่เขาเป็นกุญแจของความลับที่ถูกซ่อนอยู่


ส่วน Joi ก็เป็นชื่อที่มีความหมายน่าสนใจเช่นกัน
โดยการพ้องเสียงมันคือ Joy ที่แปลว่าความปิติยินดี ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของปัญญาประดิษฐ์นี้ ที่ต้องมอบความยินดีให้กับเจ้านายของเธอ

แต่การเขียนของมันใช้ตัว I แทน y ซึ่งตัว I ก็พ้องรูปกับเลขหนึ่ง (1) ซึ่งเราจะพบว่าในฉากที่ Joi พูดกับ K ว่าเธอมีความซับซ้อนไม่เท่ามนุษย์ที่ถูกประกอบสร้างด้วยรหัสพันธุกรรม 4 แบบ ที่แทนค่าด้วย 4 ตัวอักษร ส่วนเธอเป็นแค่ระบบดิจิตอลที่ถูกแทนค่าด้วยรหัส 0 และ 1


ซึ่ง Joi = J01 นั่นเอง


หมายเหตุ: ผมตีความเอง ไม่มั่นใจว่าผู้เขียนบทคิดแบบนี้หรือไม่]



จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ






เราสามารถแบ่งความสัมพันธ์ของมนุษย์และสิ่งเทียมมนุษย์ได้ 3 ระดับไล่จากสูงลงไปต่ำจากระดับชนชั้นและความซับซ้อนของเทคโนโลยี


1. มนุษย์

2. Replicant (มนุษย์เทียม)

3. ปัญญาประดิษฐ์ (มีลักษณะทางกายภาพเหมือนมนุษย์ผ่าน Hologram)


ซึ่งหนังนำเสนอความสัมพันธ์ เจ้านาย-ผู้รับใช้ ในหลายระดับความสัมพันธ์ได้อย่างน่าสนใจ


หากพิจารณาที่ K เป็นศูนย์กลาง เราจะพบว่า K มีหน้าที่เป็นผู้รับใช้ตามคำสั่งของ Joshi ส่วน K เองก็มีปัญญาประดิษฐ์ชื่อ Joi เป็นผู้รับใช้



Joshi เจ้านายของ K [มนุษย์ เป็นเจ้านาย Replicant]

K เป็นเจ้านายของ Joi [Replicant เป็นเจ้านายปัญญาประดิษฐ์]



แต่ไม่ใช่แค่เรื่องของอำนาจและการออกคำสั่งเท่านั้น หากพิจารณาฉากที่ Joshi พูดกับ K เมื่ออยู่กัน 2 ต่อ 2 ว่า ถ้าเธอเมาเหล้าอยู่ตรงนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นไหม เราก็จะพอมองออกว่า Joshi เองก็มีใจให้ K อยู่เหมือนกัน

ดังนั้นในกรณีของ K เราจะพบรูปแบบของความรักที่ซ้อนอยู่ โดยเป็นความรักของระดับชั้นที่สูงกว่ามีต่อระดับชั้นที่ต่ำกว่า (Joshi มีใจให้ K ส่วน K มีใจให้ Joi)






แต่สำหรับ Wallace เขามีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น หนังอธิบายว่าสาเหตุหนึ่งที่ Wallace อยากสร้าง Replicant ที่สามารถสืบพันธ์ได้ก็เพราะมันจะเป็นการช่วยเพิ่มจำนวนแรงงาน Replicant ได้ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่าการผลิตจาก บริษัทของเขาเพียงอย่างเดียว



แต่บางทีสิ่งที่ Wallace ปราถนาก็คือการยกระดับตัวเองให้เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาและอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับชนชั้น



จุดสำคัญที่ทำให้มนุษย์ต่างกับ Replicant ก็คือ มนุษย์สามารถให้กำเนิดและสืบเผ่าพันธ์ได้ด้วยตัวเอง ขณะที่ Replicant ทำไม่ได้

แต่ถ้า Wallace สามารถสร้าง Replicant ที่สืบพันธ์เองได้ นั่นก็เท่ากับว่าเขาสามารถสร้างมนุษย์ที่แท้จริงได้



ซึ่งสำหรับบางศาสนาผู้ที่สามารถสร้างมนุษย์ขึ้นมาได้นั้นถูกเรียกว่า “พระเจ้า”






พัฒนาการของตัวละคร K เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และสะท้อนประเด็นในสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ



แรกเริ่มเดิมที K คิดว่าตัวเองเป็นของเทียม มีหน้ารับใช้มนุษย์ตามที่ถูกสร้างมา K ก็ทำตามสิ่งที่เขาถูกสร้างมา

แต่เมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นสิ่งเทียมที่ถูกสร้างมา ความทรงจำเป็นทั้งหมดเป็นของจริง K ที่เคยเชื่อฟังคำสั่งกลับเลือกที่จะโกหก Joshi และหนีออกมาเพื่อเอาขีวิตตัวเองรอด


สุดท้าย K ก็พบว่าแท้จริงแล้วเขาถูกใช้เป็นตัวหลอก โดยกลุ่ม Replicant ที่หลบซ่อนตัวหลังจากถูกมนุษย์ตามล่าคือผู้ที่จัดฉากสร้างเรื่องทั้งหมด เพื่อไม่ให้เด็กที่เกิดจาก Replicant ตัวจริงถูกตามล่า



จากประเด็นนี้เราจะพบว่า K เลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งเพราะเขาคิดว่าเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟังคำสั่ง

แต่เมื่อเขาคิดว่าเขาเป็นของจริง เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เขาก็เลือกที่จะเลิกเชื่อฟังคำสั่ง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ยังเป็นของเทียมอยู่ นี่เองที่แสดงให้เห็นว่า



จะแท้หรือเทียมมันก็ไม่สำคัญอะไรเลย ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดว่าตัวเองเป็นอะไร






หลังจากพบกับ Deckard (Harrison Ford) ผู้เป็นพ่อของเด็กที่เกิดจาก Replicat

K และ Deckard ถูกตามเล่นงานโดย Luv จนต้องเสีย Joi ผู้เป็นคนรัก ไป


แต่ K ก็ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่ม Replicant ที่หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน ซึ่งกลุ่ม Replicant สั่งให้เขาไปตามฆ่า Deckard ที่ถูก Luv จับตัวไปเพื่อปกป้องชีวิตของเด็กที่เกิดจาก Replicant ตัวจริง


ดังนั้นเมื่อ K ที่คิดว่าตัวเองเป็นของแท้ ต้องพบว่าตัวเองเป็นของเทียม เขาก็กลับมารับคำสั่งอีกครั้งเหมือนตอนที่เป็นเขาคิดว่าตัวเองเป็นของเทียม



นี่เองที่ยืนยันว่า “จะแท้หรือเทียมมันก็ไม่สำคัญอะไรเลย ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดว่าตัวเองเป็นอะไร” แถมครั้งนี้เป็นการรับคำสั่งของ Replicant ด้วยกันอีกต่างหาก
(แต่เป็น Replicant ที่ไม่สนใจว่าตัวเองของแท้หรือของเทียม ไม่สนการจัดชั้นวรรณะโดยมนุษย์ อย่างที่หนึ่งใน Replicant พูดว่า More human than human)






K ที่รับคำสั่งจาก Replicant ให้ไปฆ่า Deckard เกิดรู้สึกสับสนในใจ แต่ระหว่างทาง ภาพ Hologram โฆษณาขนาดยักษ์ของ Joi ทำให้เขาหวนระลึกไปถึง Joi ของเขา

Joi ที่เป็นของเทียมยิ่งกว่าเขา กลับมีอิสระที่จะเลือกคิดและเลือกทำ แถม Joi ยังมอบตัวตนใหม่ให้ K ในนาม Joe อีกด้วย



ซึ่งนี่ก็เหมือนกับการให้กำเนิดลูกของ Replicant ต่างกันแค่ว่านี่คือการให้กำเนิดเชิงนามธรรม



รูปธรรม: Replicant ที่เป็นของเทียม สามารถให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้

นามธรรม: Joi ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ ให้ชีวิตใหม่กับ K ในนาม Joe



แม้ K ไม่อาจไม่แน่ใจว่าการที่ Joi รักเขาเป็นของปลอมหรือของจริง

มันอาจเป็นเพียงแค่ Program ของ Joi ที่ถูกตั้งไว้ แต่มั่นใจได้เลยว่า K คงไม่ได้ถูกตั้ง Program มาให้ตกหลุมรักปัญญาประดิษฐ์อย่าง Joi



Joi อาจจะเป็นของเทียม แต่เธอคือรักแท้ของ K



และถ้าการให้กำเนิดลูกของ Replicant ถูกมองว่าเป็นปาฏิหาริย์ อย่างที่กลุ่ม Replicant เชื่อกัน และจากเนื้อเรื่องในหนัง การกำเนิดลูกเกิดขึ้นก็เพราะความรักของ Deckard กับ Replicant ดังนั้น



ความรักสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ






ไม่เพียงแค่นั้น ภาพ Hologram ของ Joi ยังทำให้ K ได้ระลึกว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง


เพราะข้อความที่พาดบน Hologram ของ Joi ขนาดยักษ์ ที่แปลว่า “เป็นได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ” ทำให้ K ฉุกคิดได้ในท้ายที่สุดว่า สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การทำตามคำสั่งใคร แต่เป็นการทำตามความต้องการของตัวเอง



ไม่ว่าแท้หรือเทียม แต่เราก็มีสิทธิที่จะทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ



สุดท้าย K ไม่ได้ฆ่า Deckard ตามคำสั่งของกลุ่ม Replicant แต่ K เลือกทำในสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำแทน นั่นหมายความว่า


K หลุดพ้นจากคำสั่งและมีเจตจำนงเสรีในที่สุด






บทหนังของ Hampton Fancher และ Michael Green ต่อยอดประเด็นจากสิ่งที่ภาคแรกได้ทำเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ


การกำกับของ Denis Villeneuve ก็ออกมายอดเยี่ยมในการควบคุมอารมณ์หนังให้หนัก, แน่น และ นิ่ง ได้อย่างที่เป็น


ซึ่งต้องชมไปที่งานภาพของ Roger Deakins และดนตรีประกอบของ Benjamin Wallfisch และ Hans Zimmer ด้วย

ที่ขาดไม่ได้คืองาน design โลกอนาคตของ Dennis Gassner ที่ทั้งให้ความเคารพต้นฉบับแต่ก็มีสไตล์ของตัวเอง



Ryan Goslink ในบท K ทำหน้าที่พาผู้ชมสำรวจโลกในหนังและภายในจิตใจของเขา

โดยไม่ต้องพูดมากหรือแสดงออกเยอะ แต่ Goslink ก็ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาได้อย่างดี (ถ้าผู้ชมไม่หลุดไปจากหนังเนื่องจากเรื่องราวที่ยาวนานเสียก่อน)






Blade Runner 2049 ยังคงมีประเด็นปรัชญาอันน่าสนใจ มีตัวละครที่มีเสน่ห์ งานภาพ เสียง และ งานโปรดักชั่นที่น่าตื่นตา ไม่แพ้ต้นฉบับ

ซึ่งต้องแนะนำว่าถ้าชอบหนัง Sci-fi หนักๆ และสามารถอดทนกับความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงของหนังได้ การชมในโรงภาพยนตร์ที่มีระบบภาพและเสียงที่ดี ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด


ส่วนตัวแล้ว ถือป็นหนึ่งในหนัง Sci-fi ที่ยอดเยี่ยมในรอบหลายปีนี้





9 / 10 ครับ






 

Create Date : 11 ตุลาคม 2560
1 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2560 22:55:25 น.
Counter : 3378 Pageviews.

 

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/36970730

 

โดย: navagan 13 ตุลาคม 2560 2:19:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.