All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 มกราคม 2565
 
All Blogs
 

*** Spider-Man: No Way Home *** เส้นทางเก่าที่หายไป เส้นทางใหม่ไร้ตัวตน

*** Spider-Man: No Way Home ***






++++ บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ เหมาะสำหรับคนที่ดูแล้วเท่านั้นครับ ++++




************
HIGHLIGHT
************




โดยภาพรวมแล้ว Spider-Man: No Way Home สร้างความบันเทิงได้ตามมาตรฐานสำหรับผู้ชมทั่วๆไป

แต่สำหรับกลุ่มแฟนเดนตายของ Spider-Man ที่ติดตามมาตั้งแต่เวอร์ชั่นของ Sam Raimi และ เวอร์ชั่นของ Marc Webb ต้องชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าคนทั่วไปแน่นอน


ประเด็นสำคัญของหนังว่าด้วย "การแก้ไขและเยียวยาความผิดพลาดในอดีต"



- Peter ต้องการลบความจำของผู้คนที่รู้ว่าเขาเป็น Spider-Man

- Peter ต้องแก้ไขความผิดพลาดของเขาที่ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อ Multiverse

- Peter ต้องการรักษาเหล่าตัวร้ายจากจักรวาลอื่นให้กลับคืนสภาพเหมือนช่วงก่อนที่พวกเขาจะเป็นวายร้าย



ซึ่งแน่นอนว่าการไปแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองในอดีตนั้น ย่อมหมายถึงการทำลายตัวเองในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



ดังนั้นคำถามสำคัญของหนังก็คือ



“คุณจะยอมสูญเสียตัวตน เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่คุณก่อไว้หรือไม่”



ซึ่งหนังเรื่องนี้คือการเล่าว่าเพราะอะไร Peter จึงตัดสินใจตอบแบบนี้ในตอนจบ



ตัวหนัง Spider-Man: No Way Home เองก็ทำตัวไม่ต่างไปจาก Peter ที่พาตัวเองไปยุ่งกับอดีตที่จบไปแล้ว ด้วยการขุดเอาตัวละครจากหนัง Spider-Man ภาคเก่าๆมาเกี่ยวข้อง

และไม่ใช่แค่ตัวละคร หากแต่รวมถึงการหยิบยืมแก่นของเนื้อหามาดัดแปลงใหม่ให้เป็นเรื่องราวของตัวเอง



ความหมายของ No Way Home ที่แปลแบบตีความได้ว่า “ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม” อาจหมายถึงการล้างอดีตและตัวตนเดิมของ Peter ในแบบที่ไม่สามารถหวนกลับไปได้อีกแล้ว

เมื่อกลับไปที่บ้านเดิมไม่ได้ ก็ต้องออกเดินทางไปยังที่ทางแห่งใหม่

ซึ่งต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่า การเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ของ Spider-Man ในจักรวาล MCU (และ Spider-Man ในอีก 2 จักรวาล) จะเป็นอย่างไร



************
บทความเต็ม
************




เหมือนที่ตัวละคร MJ พูดกับ Peter และ Ned ตอนที่ลุ้นผลสอบเข้า MIT ไว้ว่า "ถ้าไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง"

นี่คล้ายกับเป็นการดักทางและลดความคาดหวังจากผู้ชมบางส่วนที่หวังจะได้เห็น Spider-Man ในจักรวาลของ Sam Raimi (รับบทโดย Tobey Maguire) และ Spider-Man ในจักรวาลของ Marc Webb (รับบทโดย Andrew Garfield) ได้เข้ามาร่วมจอกับ Spider-Man ในจักรวาล MCU (รับบทโดย Tom Holland ซึ่งจากนี้จะขอเรียกว่า Peter MCU)

หลังจากที่แน่ชัดแล้วว่า บรรดาตัวร้ายจากจักรวาล Spider-Man เก่าๆ อย่าง Green Goblin, Doctor Octopus, Sandman, Lizard และ Electro ต่างก็ตบเท้าเข้ามาในหนังเรื่องนี้





สุดท้ายความหวังทั้งหลายก็กลายเป็นจริง



สำหรับตัวละครก็คือ การได้เข้าเรียนต่อที่ MIT ของทั้ง Peter, MJ และ Ned

สำหรับผู้ชมก็คือ การได้เห็นการร่วมจอของ Spider-Man ทั้ง 3 รุ่นในหนังเรื่องเดียวกัน



ซึ่งต้องบอกว่า Spider-Man ทั้ง 3 คน ไม่ได้แค่โผล่มาเป็นตัวละครรับเชิญเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

แต่พวกเขาต่างก็เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญกับหนังในภาคนี้เป็นอย่างมาก และยังคงมีประเด็นที่สานต่อจากเรื่องราวในจักรวาลของตัวเองอีกด้วย



นั่นอาจทำให้เรียกได้ว่า No Way Home ถือเป็นทั้งภาคต่อแบบไม่เป็นทางการของทั้ง 2 จักรวาลก่อนหน้านี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน





หากมองข้ามการเอาใจบรรดาแฟนๆเดนตายของ Spider-Man ด้วยการพาตัวละครในแต่ละยุคข้ามมิติมาเจอกันแล้ว หนังเองก็มีประเด็นหลักในตัวมันเองที่น่าสนใจ

ซึ่งประเด็นหลักของหนังนั้นว่าด้วย



"การแก้ไขและเยียวยาความผิดพลาดในอดีต"



ซึ่งแน่นอนว่าการไปแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองในอดีตนั้น ย่อมหมายถึงการทำลายตัวเองในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้





ประเด็นนี้ถูกหยิบมาใช้ได้อย่างน่าสนใจ

ในช่วงต้นที่ Peter (MCU) สร้างความผิดพลาดให้กับคาถาของ Dr. Strange เพราะพยายามที่จะทำให้คนอื่นลืมตัวตนของตนเอง ยกเว้นคนที่มีความหมายกับเขาอย่างเพื่อนและครอบครัว

ส่วนในตอนจบ Peter (MCU) ที่ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะยอมสูญเสียตัวตนทำให้คนอื่นลืมเขาไป เพื่อแก้ไขปัญหาที่เขาสร้างขึ้นมาตอนต้นเรื่องหรือไม่



ดังนั้นหนังเรื่องนี้คือการคำถามว่า



“คุณจะยอมสูญเสียตัวตน เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่คุณก่อไว้หรือไม่”



การที่ Peter (MCU) ต้องเสียสละตัวตนปัจจุบันจนไม่มีใครสามารถจำเขาได้ในตอนสุดท้าย เพื่อแก้ไขหายนะที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของเขาจากช่วงต้นเรื่อง
คือการตอบคำถามข้างต้น

โดย 2 ชั่วโมงครึ่งของหนังก็คือการแสดงให้ผู้ชมเห็นว่าทำไม Peter (MCU) คนเดิม ถึงเติบโตขึ้นจนตัดสินใจแบบนี้





นอกจากการแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของตัวเองแล้ว Peter (MCU) ยังพยายามแก้ไขความผิดพลาดให้เหล่าตัวร้ายต่างมิติอีกด้วย

ซึ่งในส่วนนี้มีประเด็นย่อยที่น่าสนใจว่า

ขณะที่ Dr. Strange มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เราทำได้เพียงยอมรับในชะตากรรม แล้วส่งพวกเขากลับไปรับกรรมที่จักรวาลเดิม

Peter (MCU) กลับพร้อมให้อภัยให้ตัวร้ายที่ทำผิดในจักรวาลอื่น ด้วยการมองว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นผลของความผิดพลาดในอดีต ไม่ได้เป็นความชั่วร้ายที่เกิดจากตัวตนของพวกเขาเอง มันไม่สมควรที่จะส่งพวกเขากลับบ้านเดิมเพื่อไปพบความตาย ทั้งๆที่มีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดให้พวกเขา



แต่เมื่อ Green Goblin ได้พรากชีวิตป้า May ไป ความคิดที่จะให้อภัยผู้อื่นก็หายไปจาก Peter (MCU)

เข้าทำนองที่ว่า ความผิดต่อคนอื่นช่างมัน แต่ความผิดต่อตัวเองยอมไม่ได้

แต่สุดท้ายก็ไม่สายจนเกินไป เพราะ Peter (MCU) ได้ Spider-Man รุ่นพี่เข้ามาเตือนสติให้กลับมารักษาอุดมการณ์เดิมได้ทันท่วงที)





ไม่ใช่แค่ตัวร้ายทั้งห้าที่ได้รับโอกาสในการแก้ไขอดีต

Spider-Man จากอีก 2 จักรวาลยังได้รับโอกาสในการแก้ตัวในสิ่งที่ทำไม่สำเร็จในจักรวาลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น

การช่วยชีวิต MJ ที่เป็นเหมือนโอกาสในการแก้ตัวและไถ่บาป จากการที่เขาช่วยชีวิต Gwen ในจักรวาลของเขาไม่สำเร็จ

หรือโอกาสในการช่วยชีวิต Green Lantern ที่เป็นต้นตอให้ Peter และ Harry เพื่อนรักของเขาต้องผิดใจกันในอีกจักรวาล





ดังนั้นเราจะพบว่าใน No Way Home สิ่งที่ Peter (MCU) ต้องการจะทำคือการแก้ปัญหาที่ตนเองและผู้อื่นทำผิดพลาดไว้ในอดีต



- Peter ต้องการลบความจำของผู้คนที่รู้ว่าเขาเป็น Spider-Man

- Peter ต้องแก้ไขความผิดพลาดของเขาที่ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อ Multiverse

- Peter ต้องการรักษาเหล่าตัวร้ายจากจักรวาลอื่นให้กลับคืนสภาพเหมือนช่วงก่อนที่พวกเขาจะเป็นวายร้าย



ทั้งหมดอาจเป็นเพียงการมองโลกในแง่ดีของเด็กวัยรุ่นอย่าง Peter (ที่ได้รับอิทธิพลจากป้า May มาไม่มากก็น้อย) แต่มันก็สะท้อนโลกในอุดมคติถึงสิ่งที่มนุษย์ที่ดีควรจะทำ





หากมองทะลุเนื้อเรื่องออกมาที่บริบทของหนัง เราจะพบว่า

ตัวหนัง Spider-Man: No Way Home เองก็ทำตัวไม่ต่างไปจาก Peter (MCU) ที่พาตัวเองไปยุ่งกับอดีตที่จบไปแล้ว ด้วยการขุดเอาตัวละครจากหนัง Spider-Man ภาคเก่าๆมาเกี่ยวข้อง

และไม่ใช่แค่ตัวละคร หากแต่รวมถึงการหยิบยืมแก่นของเนื้อหามาดัดแปลงใหม่ให้เป็นเรื่องราวของตัวเอง

อย่างการตายของลุง Ben ในสองจักรวาล กลายมาเป็นการตายของป้า May ใน MCU ซึ่งมาพร้อม กับประโยคคลาสสิก ที่ว่า พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง

ที่แม้จะเปลี่ยนตัวละคร แต่ก็ยังคงมีเป็นประเด็น (พูดถึงภาระของคนที่มีพลังอำนาจพิเศษ) และหน้าที่ของเนื้อหา (เป็นจุดเปลี่ยนให้ตัวละคร Peter) แบบเดียวกับภาคแรกของ Sam Raimi ในปี 2002





ในแง่ของคุภาพ Spider-Man: No Way Home ถือเป็นหนังที่ทำได้ดีและเป็นความบันเทิงตามมาตรฐานที่หนังควรจะเป็น

แต่สำหรับแฟนพันธ์แท้ Spider-Man หรือคนที่ติดตาม Spider-Man เวอร์ชั่นเก่ามาตั้งแต่ปี 2002 คงจะถูกใจ No Way Home มากขึ้นเป็นพิเศษ

เพราะความทรงจำและความผูกพันที่มีต่อตัวละครในเวอร์ชั่นเก่านั้น ถูกหยิบยกมาใส่ในหนังได้อย่างลงตัว และเต็มไปด้วยฉากชวนรำลึกถึงความประทับใจเก่ามากมาย



จุดแข็งของหนังคือส่วนที่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร รวมถึงพัฒนาการของตัวละครที่แข็งแรงและมีน้ำหนักมากพอจะเชื่อว่า ทำไม Peter ที่ดูเป็นเด็กวัยรุ่นถึงได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนในตอนจบ

นั่นทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร Peter/ Spider-Man และติดตามหนังไปอย่างเพลิดเพลินตั้งแต่ต้นจนจบ



อย่างไรก็ตามหนังยังมีจุดด้อยอยู่บ้างในเรื่องของการคลี่คลายปัญหาที่เล่นง่ายจนขาดความน่าเชื่อถือ (ผลิตอุปกรณ์และยารักษาได้อย่างง่ายดายแบบไม่น่าเชื่อ, การเอาชนะ Dr. Strange ของ Spider-Man ที่พลาดท่าไปง่ายๆ)

รวมถึงการขาดความลุ้นระทึกไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่น่าจะทำได้มากกว่านี้ (ฉากต่อสู้ที่ไม่มีชั้นเชิงและคาดเดาผลลัพธ์ได้ไม่ยากในตอนจบ)





ตามความหมายของชื่อตอน No Way Home ที่แปลแบบตีความได้ว่า “ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

ส่วนหนึ่งอาจหมายถึงการพยายามส่งตัววายร้ายทั้งห้า กลับบ้านในจักรวาลเดิมของแต่ละคน



แต่ความหมายสำคัญคือ การล้างอดีตและตัวตนเดิมของ Peter ในแบบที่ไม่สามารถหวนกลับไปได้อีกแล้ว



เมื่อกลับไปที่บ้านเดิมไม่ได้ ก็ต้องออกเดินทางไปยังที่ทางแห่งใหม่

ซึ่งต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่า การเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ของ Spider-Man ในจักรวาล MCU (และ Spider-Man ในอีก 2 จักรวาล) จะเป็นอย่างไร









8 / 10





 

Create Date : 23 มกราคม 2565
4 comments
Last Update : 24 มกราคม 2565 0:13:16 น.
Counter : 1600 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**

 

ชอบมากครับ วิเคราะห์ซะจนอยากกลับไปดูอีกครั้งเลยครับ อยากจะชมตอนต่อไปละครับ

 

โดย: The Kop Civil 24 มกราคม 2565 10:45:25 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

 

โดย: **mp5** 24 มกราคม 2565 13:30:44 น.  

 

แวะมาขอบน้ำใจที่โหวตให้นะจ๊ะ

 

โดย: อุ้มสี 26 มกราคม 2565 14:55:36 น.  

 

Hello,

Best music scene releases, download music private server.
//0daymusic.org

Best Regards, DJ Charles

 

โดย: DJCharlesSyday IP: 46.166.182.65 7 กุมภาพันธ์ 2565 10:56:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.