เรื่องของผม กับ เฮีย ตู้ฉีฟง
พูดถึงวงการหนังฮ่องกงตอนนี้ คงไม่มีผู้กำกับคนไหนที่จะมีงานชุก มากไปกว่า ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง Johnnie To หรือ ตู้ฉีฟง ที่มีผลงานอย่างต่ำก็ปีละเรื่องแล้ว
นี่นับเฉพาะแค่ผลงานกำกับนะ ยังไม่รวม ผลงานในฐานะ ผู้อำนวยการสร้างในนามบริษัท MilkyWay ซึ่งบริษัทสร้างหนังของ ตู้ฉีฟง เองอีกต่างหาก
เอาหล่ะ ผมขอเรียก ตู้ฉีฟง อย่างง่ายๆ ว่า เฮียตู้ แล้วกัน
ผมกับ เฮียตู้ ได้รู้จักกันโดยบังเอิญเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในคืนหนึ่งที่ผมนอนไม่หลับ (ซึ่งตอนนั้นผมพักอยู่ที่หอทับแก้ว 3 ศิลปากร)
ผมลงมาเปิดทีวีประจำหอ (ซึ่งทั้งหอมีทีวีเพียงเครื่องเดียว) หาหนังดูแก้เซ็ง ผมเปิดไล่ไปเรื่อย จนพบว่าเคเบิ้ลเถื่อนช่องหนึ่ง กำลังจะฉายหนังฮ่องกง ผมหยุดที่ช่องนี้และรอดูมัน
เพียงแค่หนังเริ่มเปิดเรื่อง มันก็ทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ กับความคาดเดาไม่ได้ และสไตล์แปลก ๆของมัน(ไม่ได้เว่อร์นะครับ ตอนนั้นที่ผมคิดคือ เฮ้ย อะไรวะเนี่ย เจ๋งจริง)
ไม่ถึงสิบห้านาทีที่หนังฉาย ผมตัดสินใจปิดทีวีทันที ไม่ดูมันต่อไป คิดไว้ว่าไปหามาดูทีหลังดีกว่า เพราะผมอยากดูมันแบบ ชัดๆ และมีความพร้อมมากกว่านี้ (อีกอย่างคือ กลัวจะดูได้ไม่จบ เพราะรุ่นพี่ ที่เป็นกระเทย มักจะมาเปิดทีวีดูกันตอนดึกๆ ซึ่งการดูหนังแล้วค้างคา ผมจะเสียอารมณ์มาก )
ผมเดินกลับขึ้นห้อง พยายามนอน แต่นอนไม่หลับ ใจจดจ่อ รอดูหนังเรื่องนี้ แทบไม่ไหว (อันนี้เว่อร์ครับ) ผมจะต้องหามันมาดูให้ได้
อ่อ ลืมบอกไป หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า PTU
PTU เล่าเรื่องราวของค่ำคืนที่วุ่นวาย ที่เกิดเหตุการณ์หลายๆอย่าง ตำรวจนายหนึ่งที่ทำปืนหาย, โจรปล้นเงินกำลังหนี, หัวหน้าแก๊งค์มาเฟียถูกฆ่าตาย และเด็กชายที่มาปั่นจักรยานกลางดึก ??
นี่คือหนังอาชญากรรมที่ ไม่ธรรมดา และไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย
PTU มาพร้อมกับ Soundtrack สไตล์ภาพ และบรรยากาศหลอนๆ แม้เนื้อเรื่องมันจะดูแปลก และไม่ค่อยมีเหตุผลนัก ก็เถอะ แต่นี่เป็นหนังที่ผมชอบ และเพลิดเพลินไปกับการรับชมมากทีเดียว
หลังจากได้ดู PTU ผมก็ติดใจงานของ เฮียตู้ เข้าแล้ว
ผมไปนั่งค้นประวัติของเฮียเขา และพบว่า ผมกับเฮียตู้ เคยเจอกันมาก่อนแล้วในหนังที่ผมไม่ได้ประทับใจมากนัก เรื่อง Turn Left Turn Right ที่เพิ่งได้ผ่านตาไปก่อนหน้านี้ไม่นาน
หนังเรื่องถัดมาของ เฮียตู้ ที่ผมได้ดูก็คือ Breaking News
สำหรับเรื่องนี้ หนังนำเสนอประเด็น ที่น่าสนใจ ประเด็นที่ว่านั่นก็คือ การใช้ อำนาจของ สื่อ เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์ และ โน้มน้าวใจประชาชน
ซึ่งในเรื่องนี้ กลุ่มอาชญากรกลุ่มหนึ่ง และ ตำรวจ ต่างก็ใช้ สื่อ เป็นเครื่องมือเพื่อให้ฝ่ายตนได้เปรียบ
จุดเด่นของเรื่องนี้นอกจากประเด็นที่นำเสนอได้คมคายแล้ว หนังยังมี จุดเด่น คือฉากแอ๊คชั่นเปิดเรื่องที่เป็น Long Take ที่โชว์ฝีมือการถ่ายทำได้ดีทีเดียว
สำหรับผมแล้ว Breaking News ถือว่าเป็น หนังที่ดีเรื่องหนึ่งเลย แต่มันยังไม่สะใจนัก เพราะ สไตล์ในแบบ ตู้ฉีฟง ที่ผมชอบ ยังมีน้อยไปนิด
จากผลงานทั้ง สอง เรื่อง ทำให้ผมสนใจข่าวคราวของ เฮียตู้ เสมอ แต่ก็ได้แค่สนใจ เพราะผมยังไม่เคยดูผลงานแกหลายเรื่อง (เพราะตอนนั้นหาดูยาก ร้านเช่าหนังแถวนครปฐม ไม่ค่อยมีหนังของ เฮียแก เท่าไหร่)
มีหนังของ เฮียตู้ อยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผมอยากดูมาก และ ในที่สุดมันก็ออกแผ่นให้เช่าจนได้ หลังจากรอมานาน
นั่นก็คือ Election หนังที่เข้าฉายในสายประกวด ของเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประจำปี 2005
Election นำเสนอเรื่อง ของการแย่งชิงอำนาจภายในแก๊งค์มาเฟีย โดยเล่าเรื่องของการเลือกตั้งหัวหน้าแก๊งค์คนใหม่ เมื่อถึงคราวที่หัวหน้าคนเก่ากำลังจะหมดวาระ
Election เข้มข้นที่เนื้อเรื่อง ในแบบที่ Breaking News เป็น และยังเต็มไปด้วย สไตล์ในแบบของ ตู้ฉีฟง ในแบบที่ PTU เป็น อีกด้วย
นอกจากนี้ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ เยิ่นตะหัว (Simon Yam) และ เหลียงเจียฮุย (Tony Leung Ka Fai) ทำให้ Election เป็นหนังที่มีคุณภาพ สมกับเข้าสายประกวด เทศกาลหนังเมืองคานส์ จริงๆ
เมื่อพิจารณาพล็อตเรื่อง จะพบว่า Election เหมือนเป็นการคาราวะ หนังจีนกำลังภายใน ทั้งหลาย
ที่มักจะเล่าเรื่องของเหล่าจอมยุทธ ที่ต้องการเป็นใหญ่ โดยต้องต่อสู้ แย่งชิง คัมภีร์ หรือ อาวุธวิเศษที่สามารถส่งให้ผู้ครอบครองมัน เป็นเจ้ายุทธภพได้
พล็อตเรื่องของ Election ก็เช่นกัน หากแต่ใน Election ได้เปลี่ยนมาเป็นการแย่งชิง คฑา ที่เอาไว้แสดงอำนาจของหัวหน้าแก๊งค์ ที่ผู้ใดครอบครองมัน จะมีสิทธิ ปกครองแก๊งค์ ตามกฎ
Election เป็นหนังที่ลงตัวทั้งในด้าน "คุณภาพ" และ สไตล์แบบ ตู้ฉีฟง ที่ผมรู้สึกเต็มอิ่มกับการได้รับชมจริงๆ
งานของแกอีกหนึ่งเรื่องที่ผมได้ดูคือ Exiled เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของ The Mission หนังเก่าของ เฮียตู้ เอง ซึ่งผมก็ไม่เคยดู
แต่ถึง จะไม่เคยดู ผมก็สามารถทำความเข้าใจกับ Exiled ได้อย่างดี เพราะถึงจะเป็นภาคต่อ แต่ก็ไม่มีเรื่องราวอะไรที่ต่อเนื่องจาก The Mission เลย นอกจากใช้ตัวละครชุดเดิม
Exiled เล่าเรื่องราวมิตรภาพระหว่าง นักฆ่า 5 คนที่เป็นเพื่อนกัน แต่ต้องมาฆ่ากันเอง ฟังเรื่องย่อแล้วอาจดูซ้ำๆ แต่เนื้อเรื่องจริงๆ มีอะไรที่แปลกออกไปแน่นอน
Exiled นำเสนอเรื่องมิตรภาพระหว่างผู้ชาย และมีลักษณะเป็นหนังที่ขายสไตล์สูง (คล้าย PTU แต่คนละอารมณ์กัน) ส่วนเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ดีเด่นนัก แถมออกทะเล ไปในบางช่วงด้วยซ้ำ (แต่ผมชอบนะ เหมือนเนื้อเรื่องมันไปเรื่อยๆดี) แต่เรื่องสไตล์นี่กินขาด
Exiled เข้าชิงรางวัล Golden Lion เทศกาลภาพยนตร์เวนิซ ปี 2006
เอาหล่ะ หนังของ เฮียตู้ ที่ผมเคยดูก็มีเท่านี้ แต่ผมก็ชอบทุกเรื่อง
ส่วนสาเหตุที่ผมหยิบเรื่องของ เฮียตู้ มาบอกกล่าวกันก็คือ ผมติดตามผลงานของเฮียแกอยู่แล้ว และ ชื่นชอบในฐานะผู้กำกับ แต่รู้สึกว่าจะมีคนพูดถึง เฮียแกน้อยมาก
อีกอย่างคือ เป็นเพราะ เฮียแก ผมจึงหันมาสนใจแวดวงหนังฮ่องกงมากขึ้นด้วย (แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรนัก นอกจากตามงานของผู้กำกับที่ชอบ)
และ ผมกำลังจะเขียนถึงหนังเรื่อง Triangle หนังที่รวมดาว ผู้กำกับฮ่องกง 3 คน คือ ฉีเคอะ (Tsui Hark), Ringo Lam และเฮียตู้ กำกับร่วมกัน โดยเล่าเรื่องราวเดียวกัน แต่แบ่งกันกำกับคนละตอน (ไม่ใช่หนังสั้น 3 เรื่องนะ)
ซึ่งตอนนี้มีออกแผ่นให้เช่ากันแล้วครับ (และหนังที่ผมพูดถึงข้างบน หาเช่าได้ทั่วไป)
ปล. สนใจเกี่ยวกับ ตู้ฉีฟง หรือแวดวง หนังฮ่องกง เชิญ ที่นี่เลยครับ //mihk2002.wordpress.com/2008/10/23/johnnie-to-filmography/ Blog ของคุณ หยวนเปียว ครับ
Create Date : 11 ธันวาคม 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 4:19:56 น. |
Counter : 4760 Pageviews. |
|
|
|
ที่ชอบอีกอย่างคือในบทโหดนี่ส่วนใหญ่ขาโหดจะเป็นพวกหน้าตาย ไม่ต้องใส่อารมณ์แบบกูนี่โหดมาก แค่ทำหน้าเฉยๆแล้วลงมือ
เรื่อง elction เหมือนเคยได้ยินว่ามีภาค2 เลย