All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 

*** Skyfall *** การปะทะกันของ 007

*** Skyfall ***






ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้เป็นแฟนหนังชุด 007 ไม่เคยดูครบทุกภาค แต่ถ้านับเฉพาะยุคหลัง Golden Eye หนังเปิดตัว Pierce Brosnan ในฐานะ James Bond ก็ไม่เคยพลาดเลยซักเรื่องแต่ถ้าเก่ากว่านี้เห็นจะเป็นยุคที่ Roger Moore รับบท James Bond นี่แหล่ะ ที่เคยได้ดูมากตอนที่สุด


ความรู้สึกที่มีต่อหนังชุดนี้ก็ไม่ค่อยประทับใจนัก หนังดูเหมือนจะเป็นเพียงความบันเทิงเบาๆ และแฟนตาซีของผู้ชาย ที่หลายครั้งก็ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำไป



กระทั่งการมาถึงของ Casino Royale ที่เปลี่ยนแปลงหนังชุดนี้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ทำให้รู้สึกพอใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่หนังทิ้งขนบแบบหนัง 007 แล้วทำให้ตัวละคร James Bond ดูเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ขณะที่ฉาก action ก็เน้นไปที่ความดิบและสมจริงมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหนังต้องได้รับอิทธิพลมาจากหนังชุด Jason Bourne หนังสายลับที่เป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับ 007 มาไม่มากก็น้อย


แต่สำหรับ Quantum of Solace ที่อัด action แบบดิบๆเหมือนเดิม แต่เนื้อเรื่องกลับจืดชืด และแห้งแล้งความบันเทิงอย่างถึงที่สุด ราวกับความแห้งแล้งที่ผู้ร้ายประจำเรื่องใช้เป็นอาวุธในการครองโลก







ในที่สุดก็มาถึง Skyfall ส่วนตัวแล้วความน่าสนใจก็คือ การที่ผู้กำกับสุดโปรดอย่าง Sam Mendes เข้ามากุมบังเหียนโปรเจกต์นี้ แม้ในใจจะหวั่นๆว่า อาจจะออกมาเละแบบที่ Marc Foster อีกหนึ่งผู้กำกับคนโปรดทำเอาไว้กับ Quantum of Solace


(Mendes เคยส่งสารถึง 007 มาแล้วครั้งหนึ่งใน American Beauty ผลงานเปิดตัว เมื่อ Lester Burnham ตัวเอกของเรื่องต้องบ่นอุบเมื่อเขาอดดูหนัง 007 ที่ฉาย re-run แบบต่อเนื่องทางทีวี)



ประเด็นหลักของ Skyfall เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมันว่าด้วยเรื่องราวของตัวมันเอง ซึ่งก็คือหนังชุด 007 ที่ในปีนี้มีอายุครบ 50 ปีพอดี






คล้ายกับที่ Silva (Javier Bardem) ตัวร้ายของเรื่องถาม Bond ว่า "งานอดิเรกของคุณคืออะไร"

คำตอบของ Bond ก็คือ Resurrection (“การฟื้นคืนชีพ” แต่ใน sub ไทย กลับแปลว่า “เล่นกับความตาย” ซึ่งผมคิดว่า ไม่ค่อยตรงความหมายซักเท่าไหร่)



คำตอบของ Bond ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด หากเราถามคำถามนี้กับหนังชุด 007 เพราะการที่หนัง franchise อายุกว่าครึ่งศตวรรษเรื่องนี้ยังคงดำรงอยู่ได้นั้น มันต้องผ่านช่วงตกต่ำมาหลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังฟื้นขึ้นมาได้ใหม่เสมอ ราวกับว่าการฟื้นคืนชีพ คืองานอดิเรกของหนังชุด 007 เช่นกัน



การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นใน Casino Royale ซึ่งเรียกได้ว่าฉีกออกไปจากตอนก่อนหน้าค่อนข้างชัดเจน นี่เป็นการเกิดใหม่อีกของ 007 อย่างแท้จริง แต่ทว่ามันไร้ซึ่งเอกลักษณ์ของหนัง 007 ในแบบที่เคยเป็น



แต่ Skyfall จะเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของหนังชุด 007







การที่ Skyfall เล่าเรื่องของสายลับยุคเก่าที่กลับมาแก้แค้น เพราะโดน M (Judi Dench) หักหลัง ซึ่งนี่เหมือนเป็นการล้อเลียนตัวเองอยู่ในที


Skyfall เปิดเรื่องด้วยความไม่ไว้ใจในตัว M ของ Bond หลังจากที่เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจของ M จนทำให้ Bond เกือบตายในที่สุด
นี่เองที่ทำให้ Bond ไม่มั่นใจในระบบ ไม่มั่นใจมั่นสิ่งที่ทำ และรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น




หากมองในมุมเปรียบเทียบ จะพบว่าความผิดพลาดที่ทำให้หนังชุดนี้เริ่มล้มเหลวกำลังเกิดขึ้นเมื่อ Quantum of Solace ที่ยังคงสไตล์ของ 007 ยุคใหม่ ไม่เป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และคำวิจารณ์ นั่นทำให้สไตล์แบบ Bond ยุคใหม่เริ่มไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป






ใน Skyfall เราจะพบว่า



ตัวละคร James Bond คือตัวแทนของหนัง 007 ยุคหลัง Casino Royale





ส่วน Silva ตัวร้ายของเรื่อง ในอดีตเขาเองก็เคยเป็นสายลับมือดี เป็นเสมือนลูกรักของ M ไม่ต่างจากที่ Bond เป็นในตอนนี้

บุคลิกลักษณะของ Silva ดูจะหลุดออกจากความสมจริง และเป็นตัวละครที่มีสีสันฉูดฉาดคล้ายหลุดมาจากโลกการ์ตูน



ดังนั้น Silva ก็คือ 007 เวอร์ชั่นเก่าที่ถูก M (หรือ MGM Studio ผู้สร้าง) ทอดทิ้ง



การโจมตีครั้งแรกแรกของ Silva คือการเปิดเผยรายชื่อสายลับจำนวน 5 รายชื่อใน youtube ซึ่งการเลือกเลข 5 นี้ ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นความบังเอิญ เพราะมันเท่ากับจำนวน ผู้เคยรับบท James Bond เวอร์ชั่นหนังของ MGM ก่อนหน้า Daniel Craig นั่นเอง







หากพิจารณาตามแบบข้างต้น เราจะได้สมการดังนี้



James Bond = หนังชุด 007 ยุคใหม่ เน้นความดิบ ความสมจริง


Silva = หนังชุด 007 ยุคเก่า ไม่เน้นความสมจริง แต่เน้นไปที่เรื่องราวแฟนตาซี



ดังนั้นตัวละคร 2 ตัวนี้ เป็นขั้วตรงข้ามราวกับหลุดมาจากหนังคนละเรื่อง



ลองสังเกตจะพบว่า ในฉากที่ Bond ปรากฏตัวมันเต็มไปด้วยความสมจริง ฉาก action ดิบเถื่อน เลือดเปื้อนหน้า แต่ในฉากที่ Silva ปรากฏตัวนั้นราวกับไม่ใช่โลกความจริง


และในทุกๆครั้งที่ Bond เริ่มเข้าใกล้ Silva ทุกอย่างมันก็เริ่มจะเหนือจริงขึ้นเรื่อยๆ

ทั้ง location จาก ตุรกีที่ดูเหมือนของจริงไม่มีการปรุงแต่ง ไปสู่บ่อนจีนกลางน้ำที่เริ่มเหนือจริงขึ้นไปอีกระดับ ก่อนจะไปสู่เกาะร้างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง



มีอีกมุกหนึ่งที่น่าสนใจในหนัง ทั้ง Bond และ Silva ต่างก็มี “วิทยุ” แต่วิทยุของทั้งคู่ทำอะไรได้ต่างกันราวฟ้ากับเหว นี่แสดงถึงระดับความสมจริง และความเหนือจริงที่ต่างกัน







อีกฉากเด็ดของหนังก็คือ ฉากที่ M ถูกคณะกรรมการของรัฐบาลถามถึง ความสำคัญในการดำรงอยู่ของ MI6 นี่เป็นเหมือนคำถามสำคัญที่ถูกถามไปที่หนังชุด 007 ด้วยว่า ยังมี “ความจำเป็นที่จะต้องมีหนังชุด 007 อีกต่อไปไหม” เพราะเรื่องราวสายลับสงครามเย็นแบบนี้มันควรจะตกยุคไปนานแล้ว


แต่คำตอบของ M ก็ชัดเจนและหนักแน่นว่า ไม่ว่ายุคไหนมันก็ยังมีภัยที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเสมอ แม้มันจะเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม ดังนั้นเรายังคงต้องการ MI6 อยู่


เช่นกัน แม้เรื่องราวของหนังชุด 007 จะตกยุคไปแล้ว แต่เรายังคงปรับมันให้เข้ากับสถานการณ์ได้เสมอ ดังนั้นหนังชุด 007 ก็สามารถดำรงอยู่ได้


นั่นทำให้ตัวร้ายใน Skyfall ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการครองโลกในแบบเดิมๆที่เคยเห็นกันมา



แต่ตัวร้ายในภาคนี้มาเพื่อทำลายความเป็น 007 ยุคใหม่ ด้วยรูปแบบของ 007 ยุคเก่า






หลังจากพลาดให้ Silva จนเกือบหมดท่า Bond คิดได้ว่าควรจะกลับไปหาอะไรแบบเก่าๆ เพื่อตั้งหลักใหม่อีกครั้ง

จากนั้น Bond ก็พา M ขึ้น Aston Martin DB5 กลับไปที่ Skyfall บ้านเกิดของเขาเพื่อหาวิธีรับมือกับ Silva พร้อมกับเพลง theme ประจำตัวของหนังชุด 007 ที่ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง



มองในมุมนี้เหมือนว่า ในที่สุดหนังชุด 007 ยุคใหม่เริ่มรู้ตัวว่า เราควรกลับไปตั้งหลักที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง



ซึ่งในองก์สุดท้ายของหนังมันคือ การปะทะกันระหว่าง 007 ยุคเก่าและ 007 ยุคใหม่


007 ยุคเก่าเลือกที่จะปิดฉากตัวเองลงพร้อมกับผู้สร้าง แต่ 007 ยุคใหม่ยังอยากที่จะอยู่รอดต่อไป และตอนนี้เริ่มจะเห็นหนทางรอดแล้ว







สำหรับ Skyfall ผู้กำกับ Sam Mendes คือตัวเลือกที่เหมาะสม งานถนัดของเขาคือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างเจ็บแสบและมีอารมณ์ขัน โดยเฉพาะงานเด่นอย่าง American Beauty , Jarhead และ Revolutionary Road



มาในคราวนี้ Mendes มีโอกาสได้วิพากษ์วิจารณ์หนังชุด 007 ซึ่งนี่ทำให้ Skyfall แตกต่างไปจากหนัง 007 เรื่องอื่นๆโดยสิ้นเชิง



เพราะนี่คือหนังที่สร้างขึ้นเพื่อวิพากษ์วิจารณ์หนังชุด 007 โดยเฉพาะ





บทหนังของ Neal Purvis, Robert Wade และ John Logan (2 คนแรกคือมือเขียนบทประจำหนังชุด 007 ในยุคหลัง) ไม่ได้เน้นความสมจริง และความจริงจังแบบใน Casino Royale อีกแล้ว แต่เลือกที่จะลดระดับความสมจริงลงมาเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สร้างสรรค์อะไรได้มากขึ้นโดยไม่ต้องคำนึกถึงกรอบความจริงจนเกินไป


อย่างในเรื่อง Q (Ben Whishaw) ก็ยังผลิตอุปกรณ์ให้ Bond ใช้อยู่ดี แต่มันก็ไม่ได้เว่อร์จนเป็นไปไม่ได้แบบ 007 ในยุคเก่า



อย่างไรก็ตามบทหนังยังมีช่องโหว่อยู่เยอะ โดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องที่ Silva บุกไปฆ่า M ก็เข้าใจว่าไม่ได้เน้นไปที่ความสมจริงเหมือนก่อน แต่ก็ควรใส่ใจในรายละเอียดบางอย่างให้มากกว่านี้







ขณะที่บางมุก บางมุม ของเรื่องราว คล้ายกับไปหยิบยืมมาจากหนังเรื่องอื่นๆ

อย่างแผนการให้ตัวเองโดนจับของ Silva นั้นคล้ายกับแผนของ Joker เป็นไปได้ที่ Silva เคยดู The Dark Knight แล้วนำมาใช้ แต่น่าเสียดายที่ใน MI6 ไม่มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้ เลยหลงกลกันเป็นแถว



ข้อดีของหนังอีกอย่างคือมุกจิกกัดตัวเองแบบแสบๆคันๆ ที่ใส่เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลา

และในหลายๆฉากทำให้นึกย้อนไปถึง หนัง 007 ยุคเก่าที่เคยได้ดู ซึ่งนี่เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของหนังชุดนี้ให้บรรดาแฟนหนังโดยเฉพาะ

ส่วนงานด้านเทคนิคต่างๆยังคงออกมาเยี่ยมได้มาตรฐาน





Daniel Craig ไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์ฝีมือกันอีกแล้วในบท James Bond เช่นเดียวกับ บท M ของ Judi Dench


แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นบท Silva ของ Javier Bardem ด้วยลักษณะท่าทางที่เป็นเหมือนลูกผสมของ Joker และ Hannibal Lecter แต่ความจริงแล้วนี่คือวายร้ายที่มีลักษณะแบบตัวการ์ตูนที่พบเห็นได้บ่อยๆในหนัง 007 ยุคเก่า


ด้วยบทที่ส่ง และการแสดงที่ยอดเยี่ยมทั้งน้ำเสียงและท่าทางของ Bardem ทำให้ Silva ต้องเป็นอีกหนึ่งตัวร้ายที่น่าจดจำของหนังชุดนี้







แม้ในบทสรุป Silva หรือตัวแทนของ 007 ยุคเก่า จะพ่ายแพ้ไปในที่สุด แต่นี่ก็ไม่ใช่ชัยชนะของ 007 ยุคใหม่ เสียทีเดียว


หนังชุด 007 ได้มีโอกาสมองย้อนกลับไปในอดีตว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และได้นำเอาเอกลักษณ์ประจำตัวมาปรับใช้ ไม่ใช่เอาแต่เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ก็ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในชื่อเดิม แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณเดิม แล้วจะใช่คนเดิมได้อย่างไร






Skyfall คือการปะทะกันระหว่าง 007 ยุคเก่า และ 007 ยุคใหม่


ก่อนที่จะผสมผสานสไตล์ทั้ง 2 แบบอย่างลงตัว

และนี่คือการคืนชีพของ 007 ใหม่อีกครั้ง





8 / 10 ครับ









ขอบคุณคุณตู่ แห่ง MInteraction สำหรับตั๋วฟรีรอบ Premier ครับ




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555
19 comments
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 15:12:07 น.
Counter : 13985 Pageviews.

 

เล่นโซเชียลบ้างใหมครับเนี่ย ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ

 

โดย: joblovenuk 3 พฤศจิกายน 2555 13:18:52 น.  

 

เราว่ามันออกจะเนือยๆอยู่สักหน่อย ความสนุกสู้ Casino Royale ไม่ได้ ตัวร้ายถูกปูให้ดูเก่ง ร้ายกาจ และน่ากลัว ตามที่นางนกต่อพูดเปรยๆว่าเป็นความน่ากลัวที่ไม่เหมือนที่ใครเคยเจอแน่ๆ แต่เอาเข้าจริง กลับดูไม่ค่อยมีน้ำยาสักเท่าไหร่ เพราะ สิ่งเดียวที่ตัวร้ายดูเก่งมากๆ ก็เป็นตอนที่ขโมยรายชื่อสายลับ ซึ่งเราก็ดันไม่เห็นวิธีการ เพราะ เปิดเรื่องมารายชื่อก็ถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว พล็อตบางพล็อตก็ไม่ได้ขับเน้นเรื่องเท่าที่ควร อย่างเช่น บอนด์ไม่พร้อมในตอนแรก ถึงขั้นไม่ผ่านการทดสอบ แต่ดูๆ ไปแล้ว บอนด์ก็ยังเก่งเหมือนเดิม ตกลงเป็นการแกล้งสอบตกรึเปล่า

แต่ทั้งหมดทั้งมวลถูกกลบเกลื่อนด้วยสไตล์ที่หวือหวา ในท่าทีที่นิ่งน้อยและมีชั้นเชิง กิมมิคเพียงเล็กน้อยในซีนจบ ทำให้แฟนหนังบอนด์ต้องกรี๊ด จนยกบอนด์ภาคนี้ขึ้นแท่นคลาสสิคโดยปริยาย

 

โดย: CP6 IP: 223.204.3.145 4 พฤศจิกายน 2555 0:57:41 น.  

 

great review!

 

โดย: pocco IP: 124.122.157.63 4 พฤศจิกายน 2555 14:54:12 น.  

 

เป็นบทวิจารณ์ที่ดีมากครับ

 

โดย: Nothing IP: 14.207.18.155 4 พฤศจิกายน 2555 22:40:39 น.  

 

ผมชอบในตอนที่บอนด์ตอบซิลวา และเอ็มตอบซิลวาครับ

ถ้าดูผ่านตอนที่เอ็มกับบอนด์คุยกันแล้วจะเห็นประเด็นชัดเจนมากคือ กะคนที่กำลังเพื่อประเทศชาติน่ะ มันต้องมืออาชีพ จะมาหน่อมแน้มอะไร ทุกคนก็พยายามทำไปตามหน้าที่ที่ดีที่สุด

บอนด์เก็ทเอ็มในความหมายนั้น แต่ซิลวาไม่ ก็เท่านั้นเอง

ตอนที่เจอกัน ระหว่างเอ็ม กับ ซิลวา ก็ตอบไปแล้วชัดเจนมาก ส่วนซิลวา มันแนวปราดเปรื่องขี้ใจน้อย ที่เสียและไม่เห็นด้วยคือเรื่องที่ซิลวาไปนอกกฏก่อน จนทางจีนขอตัวไปโดยแลกกับสายลับ 6 คน ช่วงก่อนคืนเกาะอังกฤษ

จุดนี้ เลยทำให้สมมุติฐานข้างต้น จะดูไม่สมเป็น 007 เก่าเท่าไหร่ครับ

 

โดย: granun 5 พฤศจิกายน 2555 1:49:52 น.  

 

i like daniel ตั้งแต่ RONIN ละ ตอนนั้นหน่อมแหน่มไปหน่อย แต่ตอนนี้บอกได้เลยพี่สุด cool อะครับ

 

โดย: the kop chiangmai IP: 27.55.13.82 5 พฤศจิกายน 2555 13:56:02 น.  

 

หนังว่าดีแล้ว ไอ้ที่คุณเขียนดันดีกว่า

ผมดูจากมุมคนทำหนังด้วยกัน ยังดูไม่ออก

นี่เหมือนถอดโค้ดออกมาเป็นชุดๆเลย

อยากให้คุณถอดโค้ดหนัง ผู้พิทักษ์

มีโค้ดอยู่ในนั้น ไม่เยอะเท่าเรื่องนี้หรอก

แต่ก็มีให้ได้ใช้ทักษคุณแน่ๆ

รออ่านนะ

 

โดย: 7 LOGIN IP: 115.67.65.184 10 พฤศจิกายน 2555 1:08:55 น.  

 

เพิ่งไปดูเมื่อวาน ก็ไม่ได้คาดหวังไรมาก แต่ดูแล้วสนุกดี แล้วได้มาอ่านวิจารณ์นี้ยิ่งทำให้เพิ่มอรรถรสมากกกก คุณช่างสังเกตจิงๆ ภาคนี้ MI6 ต้องเต้นกันทั้งบางแบบไม่มีที่จะอยู่ มันก็สื่อถึงการเปลี่ยนทั้งหมดเลย ทั้งองค์กรและบอร์นเอง เขาเรียนรู้แล้วว่าเขาควรจะอยู่ต่อไปไหม ควรจะสู้อย่างไร ถึงภาคนี้จะไม่มาม่าเท่า คาสิโน แต่เราว่ามันโอเคนะ เพราะส่วนตัวคิดว่าบอร์นไม่เหมาะกับเรื่องมาม่าเลย มีนิดหน่อยให้พอฉุกคิดก็เพิ่มความสมจริงดี แต่ถ้ามากไปแบบน้ำตาท่วมนี่ก็ไม่ไหวจิงๆอ่ะ จะเป็นสายลับนี่น่าจะรับมือกับอารมณ์ได้ดีพอตัวนะ แต่อยากให้เพิ่มมุกมากกว่านี้นะ ทะเล้นกว่านี้อีกหน่อย คาดว่าภาคหน้าคงได้เห็นบอร์นที่อยู่ตัวแล้ว และทำงานกับเอ็มได้เข้าขาประสาชายชาติทหาร คงหญิงตรึมแน่ๆ

ปล.ภาคนี้ฮา&เงิบฉากที่ซิลวาแกล้งบอร์นมากกก บอร์นกล้าตอบกลับไม่น้อยหน้า "ทำไมถึงคิดว่าเป็นครั้งแรกของผมล่ะ" "ต๊าย!คุณบอร์น" กับ"ใครชนะได้เป็นฝ่ายรุก" เงิบสุดๆ 55555 อยากให้มีมุกวายแบบนี้อีก

 

โดย: windy IP: 61.90.110.249 15 พฤศจิกายน 2555 16:58:27 น.  

 

ภาคนี้กะจะไปดูอยู่ ยังไม่มีเวลาเลย ว่าแต่เฟสก็ไม่เล่น อินสตาแกรมเล่นใหมครับ อิอิ ไม่โซเชียลมั่งเลยเหรอครับนี่

 

โดย: joblovenuk 15 พฤศจิกายน 2555 21:03:01 น.  

 

ตั้งกระทู้ไว้ใน "เฉลิมไทย" ครับ

ปรากฏว่ามีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ James Bond จากหลายความเห็นอยู่พอสมควรเลย


ลองเข้าไปอ่านกันดู

//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2012/11/A12877989/A12877989.html

 

โดย: navagan 5 ธันวาคม 2555 11:16:00 น.  

 

ชอบบทวิจารณ์ของคุณมากเลยค่ะ ติดตามอยู่เรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

โดย: เมียตัวร้าย IP: 110.168.167.230 24 มกราคม 2556 22:04:29 น.  

 

^
^
^
ขอบคุณมากครับที่คอยติดตาม

 

โดย: navagan 27 มกราคม 2556 16:39:42 น.  

 

ยอดเยี่ยมครับ เป็นมุมมองที่ผมลืมไปเลย

 

โดย: PiAK4x4 IP: 171.5.223.15 25 กุมภาพันธ์ 2556 21:41:46 น.  

 

จะว่าไป มุขแกล้งโดนจับตัว อยู่ในหนังทำเงินเกิน 300m $ ก็ Loki ใน The Avengers ไงครับ

 

โดย: PiAK4x4 IP: 171.5.223.15 25 กุมภาพันธ์ 2556 21:45:17 น.  

 

บอนด์ในตอนนี้ขาดความเป็นบอนด์ไปเยอะ ผมไม่เห็นด้วยว่า เจมส์ บอนด์จะไปแข่งอะไรทำไมกับเจสัน บอนน์ ทุกสิ่งควรมีความเป็นเฉพาะของตัวเอง สิ่งที่ทำให้เจมบอนด์ดัง เพราะความเป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์แต่เก่งกาจ จะเหนือจริงแล้วทำไม ทุกอย่างในหนังมันก็เหนือจริงทั้งนั้น ดูบอนส์สมัยก่อน แล้วนึกถึง ชอลิ้วเฮียง ซึ่งความเป็นบอนส์แบบนี้แหละที่ทำให้บอนส์ดัง ที่คนดูเขาบ่น ไม่ใช่เพราะความเหนือจริงของบอนส์ แต่เพราะผู้สร้างยุคหลังๆไม่เก่งเอง ไม่สามารถดึงความเป็นบอนส์แท้ๆออกมาให้คนดูยอมรับได้

 

โดย: Loki IP: 125.24.148.121 25 กุมภาพันธ์ 2556 23:50:57 น.  

 

ตามมาบล็อก จากกระทู้เรื่อง life of pi
อ่านแล้วเพลินๆ ชอบมาก เลยลองอ่านไล่อ่านเรื่องอื่นๆดู
มาเจอ skyfall เข้า ดีใจมากค่ะ เพราะตอนนั้นจำได้ว่าดูจบก็มาเปิดพันทิป เพื่อจะดูว่าเค้าวิจารณ์ยังไงกานมั่ง มาเจอกระทู้ของคุณ ตอนนั้นที่อ่านยังรู้สึกว่า ชอบจัง รู้สึกเหมือนสมัยเด็กๆที่เคยอ่านหนังสือ entertain (ตอนนี้ยังมีอยู่ป่าวไม่รู้ ฮ่าๆ ) ดีใจที่ได้มาพบเจอ blog นี้โดยบังเอิญเพราะปกติไม่ค่อยเข้าห้องเฉลิมไทยเท่าไหร่ ^^ ทีนี้จะได้ ตามอ่านบทความอื่นๆได้
ชื่นชมนะคะเวลาเราดูหนังเราคิดตาม สงสัยแต่วิเคราะห์ไม่เป็นหรอกค่ะ มาอ่านบทความแบบนี้ ชอบค่ะ

 

โดย: CuteRabbito IP: 110.168.172.224 26 กุมภาพันธ์ 2556 21:11:19 น.  

 

^
^
^

ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจที่ดีมากเลย

ตอนเด็กๆอ่าน entertain เหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังอยู่นะครับ แต่ผมไม่ค่อยได้ซืี้ออ่านแล้ว

 

โดย: navagan 27 กุมภาพันธ์ 2556 0:04:12 น.  

 

ตอบคุณ PiAK4x4

หรือว่ามุขนี้จะมาฮิตพร้อมกันในช่วงนี้เนี่ย 555+


ตอบคุณ Loki

ผมว่าภาคนี้ก็ไม่ได้เป็น Jason Bourne มากไปเหมือน 2 ภาคก่อนนะครับ
อย่างที่เขียนไว้ ภาคนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกลับไปเป็นแบบเดิม แต่ก็ยังคงความร่วมสมัยไว้

 

โดย: navagan 27 กุมภาพันธ์ 2556 0:11:46 น.  

 

บุคคลิกตัวละครในหนังเจมส์ บอนด์แต่ละคนนั้นยังไงๆ ก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับดาราแต่ละคน และโทนหนังของผู้กำกับแต่ละคน ตัวหนังเองแทบทุกตอนโทนของมันก็ไม่เหมือนนิยายที่เขียนโดยเอียน แฟรมมิ่ง ดังนั้นยังไงๆ คนดูแต่ละรุ่นก็จะไม่อินกับที่ไม่ใช่รุ่นของตน อย่างแปลกใจที่หนังเจมส์ บอนด์แต่ละยุคแต่ละสมัยจะแตกต่างกัน คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่จะมีมุมมองแตกต่างกัน แม้แต่หนังกับหนังสือยังไม่ค่อยเหมือนกันเลย

 

โดย: เอกภพ IP: 182.52.7.107 11 พฤศจิกายน 2558 21:52:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.