A NaughtyDog a day will keep a real doctor away!

<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
5 กุมภาพันธ์ 2552
 

แพ้...ยอม...แพ้...ขอเพียงแค่...

เรื่องแพ้ท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ คงจะมีกันแทบทุกคน หาคนไม่เป็นยากครับ แต่ก็นะ...โลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จึงมีทั้งคุณแม่ที่ไม่แพ้เลย ทานได้เหมือนปกติ กับอีกฝากหนึ่งคือ อาเจียนมากจนทานน้ำก็ไม่ได้ กลืนน้ำลายตัวเองยังไม่ได้เลย ต้องหิ้วถุงไว้คอยบ้านน้ำลายตลอดเวลา น้ำหนักลดลงไป 1-2 กิโล สภาพ...อึมมมม...สุดๆ
ทำไมถึงแพ้ท้อง? เข้าใจกันว่าเกิดจากฮอร์โมนตัวหนึ่งครับ ชื่อ hCG(human Chorionic Gonadotropin) ฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ ผลิตได้จากรก และจะ Peak(ม่ายช่ายน้องพีคนะครับ หมายถึงมันจะขึ้นสูงสุด)แถวๆ 8-10 สัปดาห์ อันเป็นช่วงเวลาที่อาการคลื่นไส้ อาเจียนเป็นมากที่สุด นอกจากนี้บาภาวะที่มีเนื้อรกค่อนข้างเยอะ ก็อาจจะทำให้อาการคลื่นไส้อาเจียนมีมากกว่าปกติก็ได้ครับ เช่น ครรภ์แฝด ครรภ์ไข่ปลาอุก(เป็นเนื้องอกของรกชนิดหนึ่งครับ) ด้วยเหตุผลดังว่า จึงมีคนโทษเจ้า hCG ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้อาเจียนกันครับ เอ...แต่คงมีคนถามอีกว่า ผมตอบไม่ตรงคำถามอยู่ดี อันที่จริงไม่มีใครทราบดอกครับว่า ทำไมต้องอาเจียนตอนท้อง ผมเดาเอาเองว่า...ในช่วง 8-10 สัปดาห์หรือก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่มีการสร้างอวัยวะต่างๆของเจ้าหนูน้อยในครรภ์ครับ(ราวๆ 4-8 สัปดาห์เศษๆครับ เรียกว่าเป็นช่วง Organogenesis(Organ = อวัยวะ, Genesis = การเกิด)) ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไวต่อการเกิดความพิการต่อทารกมาก คือถ้าได้รับยาหรือสารอะไรเข้าไปจะมีผลต่อการสร้างอวัยวะของทารกมากที่สุดครับ ธรรมชาติก็คงป้องกันไว้ก่อนโดยไม่ให้รับอะไรๆที่ไม่ดีเข้าไป อึมมมมม...เป็นแค่ความเชื่อของผมนะครับ
ที่นี้แนวทางในการดูแลคุณแม่ที่แพ้ท้องเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ก็เป็นความเห็นของผมอีกเช่นกันครับ ได้แก่
1. ต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นการแพ้ท้องจากอาการตั้งครรภ์ เพราะมีภาวะอื่นๆที่ทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ครับ ตัวอย่างเช่น กรวยไตอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ อาหารเป็นพิษ เป็นต้น กำลังจะบอกว่า ก่อนที่จะโดดเข้าใส่ว่าเป็นเรื่องปกติ จะต้องแน่ใจว่าไม่ใช่โรคอื่นๆครับ
2. ถ้าแน่ใจแล้วว่าเป็นอาการจากการตั้งครรภ์ ก็จะมาดูว่า...อาการมากหรือเปล่า ทั้งนี้ถ้าอาการหนักมากมาก ทานอะไรไม่ได้ แม้แต่ทานน้ำก็ไม่ได้ และมีอาการของการขาดน้ำมากๆ คงต้องให้นอนโรงพยาบาลครับ เพื่อให้น้ำเกลือทดแทน และให้งดอาหารไว้ก่อนในช่วงแรก การงดอาหารจะทำให้อาการคลื่นไส้ อาเจียนดีขึ้นได้อยู่แล้วครับ
3. ถ้าอาการไม่มาก สิ่งที่จะแนะนำคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็ได้แก่
3.1 ให้กำลังใจครับ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใดต่อลูก นอกจากนี้อาการจะดีขึ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 12-16 สัปดาห์ คนเราอยู่ได้ด้วยความหวังครับ ถ้ารู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดปกติ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น ทางด้านจิตใจก็จะดีขึ้นครับ มีน้อยรายมากที่อาการยังเป็นอยู่จนกระทั่งคลอด หรือถึงมีแต่น้ำหนักก็ขึ้นครับ บางรายกลับมามีอาการอาเจียนในช่วงหลังก็มีครับ
3.2 ทานอาหารทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพราะถ้าทานเยอะ ฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ทำให้อาหารผ่านไปได้ช้าๆอยู่แล้ว อาหารจะค้างอยู่ในกระเพาะอาหารได้นานกว่าปกติ จะมีโอกาสเกิดการไหลย้อน ทำให้อาเจียนได้ง่ายขึ้นครับ
3.3 ให้สังเกตว่าแพ้อาหารใด หรือแพ้อะไร แล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น เช่น แพ้ข้าว ก็ไปกินก๊วยเตี๋ยวซะ บางทีแพ้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นบุหรี่(ได้โอกาสให้แฟนเลิกบุหรี่เลย 555)ก็หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นครับ อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องเชื่อใครๆว่ากินอันนั้นดีอันนี้ดี ถ้าทานแล้วยังอาเจียนอยู่ให้งดไปก่อนครับ ยาบำรุงบางตัว เช่น ธาตุเหล็ก ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ครับ ถ้าทานแล้วอ้วกก็หยุดไว้ก่อนได้ครับ
3.4 ส่วนใหญ่จะแพ้ตามลำดับครับ เช่น ทานอาหารแข็งไม่ได้ก่อน ก็ไปทานอาหารเหลว ทานอาหารเหลวไม่ได้ก็ไปทานน้ำๆซะ เช่น ดื่มน้ำหวานไปก่อนช่วงนี้
3.5 ถ้าทำดังว่าแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็อาจจะจำเป็นต้องทานยาครับ ยาที่ปลอดภัยก็มี Vitamin B6 ยาอีกกลุ่มที่ใช้บ่อยคือกลุ่ม Antihistamine ชื่อ Dimenhydrinate(Dramamine) ใช้เป็นยาแก้เมารถอยู่ครับ แต่ทานแล้วจะง่วง(คุณแม่ท้องอ่อนๆจะง่วงๆ ออกแนวขี้เกียจอยากนอนอยู่แล้ว บางรายทานไปลุกไม่ขึ้นเลยครับ ไม่ใช่อาการแพ้ยานะครับ แต่เป็นผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ครับ) ส่วนใหญ่ก็จะให้ยาสองตัวนี้เป็นหลักครับ แต่ก็มียาให้ใช้อีกหลายตัวครับ เช่น Metoclopramide(Plasil), Ondansetron(Zofran) เป็นต้น
อย่างที่บอกแล้วครับว่า อาการคลื่นไส้ อาเจียนไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นมากๆ แพทย์อาจจะส่งไปตรวจว่าไม่ใช่ครรภ์แฝด หรือเป็นครรภ์ไข่ปลาอุกครับ
อ้อ...มีความเชื่อเกี่ยวกับการแพ้ท้องหลายอย่างครับ เช่น แพ้ท้องต้องเกิดช่วงเช้าเท่านั้น(คิดว่าน่าจะมาจากภาษาฝาหรั่งว่า Morning sickness ครับ) จริงๆแล้วเป็นตอนไหนก็ได้ครับ หรือ...ถ้าท้องนี้แพ้เยอะเป็นเพศหนึ่ง ท้องถัดมาไม่แพ้จะเป็นคนละเพศกับท้องแรก ซึ่งไม่จริงครับ หรือ...บางรายบอกว่าถ้าแพ้เยอะๆลูกจะแข็งแรง ก็ไม่จริงเช่นกัน บางรายแพ้มากมากจนน้ำหนักลด ก็เกรงอันตรายหรือกังวลว่าลูกจะตัวเล็กไม่แข็งแรง อันนี้ก็ไม่จริงเช่นกันครับ
อันที่จริงยังมีอาการอีกมากมายที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้อง “ทน” จนกระทั่งคลอด ต้องขอคารวะหัวใจ “แกร่ง” และ “ใจรัก” ของคุณแม่ทุกๆท่าน ที่ทนสู้...ยอม...แพ้ ขอเพียงแค่ ได้เห็นหน้า...ลูก...สักครั้ง...แล้วคุณจะรู้ว่า...สิ่งที่ทำไปทั้งหมด มัน...แทบจะเป็นแค่ธุลี เมื่อเทียบกับความสุขที่ได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็กครับ



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 1:56:26 น. 4 comments
Counter : 4719 Pageviews.  
 
 
 
 
เอาเค้กเนยถั่วมาฝากค่ะ



 
 

โดย: praewa cute วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:58:05 น.  

 
 
 
ได้ความรู้มากมาย

เวลามีคู่แล้วเค้าแพ้ท้องจะได้เอาใจใส่ดูแลได้ถูก

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ
 
 

โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:03:16 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณ Praewa cute และคุณบ้าได้ถ้วยครับ เอาใจใส่แฟนเป็นกุศลสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ อิอิ
 
 

โดย: NaughtyDoc วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:39:58 น.  

 
 
 
ที่เขาว่า "อาการแพ้แสดงว่าลูกแข็งแรง" นี่จริงมั๊ยคะ ตอนท้องบันบันแพ้ไม่มากแค่อาการน้ำลายขม เหม็นกลิ่นโน่นนี่ แล้วก็ชอบกินเผ็ด(จากปรกติไม่กินพริกไทย) แต่บันออกมาก็แข็งแรงดี สงสัยเฉยๆค่ะ

เขาว่าให้เดินข้ามสามีแล้วสามีจะแพ้ท้องแทน เก่งก็ข้ามนะคะ ฮ่า ฮ่า สามีตื่นขึ้นมาถามว่าทำอะไรอ่ะ สรุปว่าเก่งก็แพ้อยู่คนเดียว ไม่เห็นสามีมามีเอี่ยวด้วยเลย เฮ่ออ


 
 

โดย: IcyRose วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:22:26:53 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

NaughtyDoc
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add NaughtyDoc's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com