11 ม.ค. 50 นับถอยหลังเตรียมคลอด
--- วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2550 --- 38 weeks 2 days --- weight 81.2 kg. ---
ใกล้เข้ามาอีกหน่อยแล้ว มือกับเท้าบวมมากขึ้นนะเนี่ย รองเท้าที่เคยหลวมๆ ใส่ไม่ได้ซะแล้ว ดีนะที่ถอดแหวนแต่งงานออกตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นป่านนี้ต้องไปตัดแหวนแน่เลย
ส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน ท้องก็ยังไม่ลงมากกว่าเดิมเท่าไหร่ คือจริงๆ หมอบอกว่าท้องมันลดลงบ้างนิดหน่อย แต่ลงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น น้องหมอกก็ยังโตเรื่อยๆ เลยกลายเป็นว่ายังขยายขึ้นด้านบน มากกว่าที่จะลดลงข้างล่าง เท้าน้องหมอกเลยอยู่สูง เวลาเตะทีงัดซี่โครงแทบแย่
ตอนนี้ท้องใหญ่มากๆ รู้สึกได้เลยว่าน้องหมอกโตขึ้นทุกวันๆ แม่เราเองท้องลูก 5 คน มีแฝดด้วย 1 ท้อง ยังบอกว่าเค้าไม่เคยท้องโตขนาดเราเลย เราท้องแรกแท้ๆ น้องหมอกจะตัวขนาดไหนเนี่ย..
สองสามวันนี้หาข้อมูลเกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ และ ผ่าคลอด เลยทำให้รู้ว่า ถ้าลูกตัวโตมากๆ การคลอดธรรมชาิติ ทำให้เด็กมีเปอร์เซ็นต์ได้รับบาดเจ็บสูง อาจจะกระดูกไหปลาร้าหัก หรือติดไหล่คลอดยาก เลยตัดสินใจยอมเจ็บตัวผ่าคลอดดีกว่า ฟื้นช้าหน่อย แต่ปลอดภัยกับลูก สามีเลยจัดแจงโทรไปปรึกษาคุณหมอว่า อยากจะผ่าคลอด
ทีแรกยังใจตุ๊มๆต่อมๆว่า คุณหมอจะยอมรึเปล่า เพราะเท่าที่ได้ยินมา คุณหมอท่านนี้จะพยายามให้คลอดเอง ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องผ่าคลอด แต่ราวกับว่าคุณหมอจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่า เคสของเราคงจะต้องผ่าคลอด เพียงแต่รอเวลาให้ปลอดภัยเต็มที่ จึงไม่ได้บอกเราชัดเจนแต่แรก พอสามีเอ่ยปากว่า อยากจะผ่าคลอด คุณหมอก็ถามว่า "วันไหนดีล่ะ" ก็เลยเป็นอันว่านัดคลอดกันวันอังคารที่ 16 มกราคม 50 เวลา 7.00 น. ซึ่งอายุครรภ์เต็ม 39 วีคพอดี สมใจปะป๊าเค้าหละ ที่ลูกได้เกิดวันอังคารเหมือนเค้า เป็นวันที่เราเลือกด้วยกัน ดูจากปฏิทินจีน เป็นวันธงไชย ชื่อที่ตั้งไว้ก็ไม่ขัดกับวันอังคาร น่าจะลงตัวที่สุดแล้ว เราไม่ถึงขนาดไปหาซินแซดูฤกษ์ยาม ไม่อยากวุ่นวายขนาดนั้น กรรมที่ทำมาในอดีตต่างหาก ที่จะมีผลกับตัวเค้า มากกว่าฤกษ์ยาม
พอได้กำหนดคลอดที่แน่นอนแล้ว สบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าการรอคอยมีจุดหมาย ไม่ต้องรอแบบไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ปะป๊าเค้าก็ได้เคลียร์งาน เลื่อนกำหนดนัดหมายต่างๆ เพื่อที่จะได้อยู่เห่อลูกเต็มที่ มีเวลาบอกใครๆไว้ล่วงหน้า กำหนดวันปิดร้าน-เปิดร้าน ติดป้ายไว้ก่อน อะไรๆก็เข้าทาง ไม่ต้องกลัวฉุกละหุกแล้ว
เราแอบเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้คลอดเองอย่างที่ตั้งใจไว้ รู้สึกว่าถ้าได้คลอดเอง คงจะภาคภูมิใจมากกว่า มันเป็นประสบการณ์ยิ่งใหญ่ในชีวิตผู้หญิง สามีบอกเราว่า อย่าคิดมาก ความภาคภูมิใจไม่ได้อยู่แค่ การได้เบ่งลูกออกมาด้วยตัวเองหรอก เราจะได้ภาคภูมิใจเมื่อเลี้ยงเค้าให้เติบโต เป็นคนดี (สามีเป็นกำลังใจที่ดีเสมอเลยนะ )
นับถอยหลังจากวันนี้ ก็เหลือเวลาอีก 5 วัน เจ้าหมอก ก็จะได้เจอกับหม่าม้า ปะป๊าแล้ว ตอนนี้เจ้าหมอกก็ยังดิ้นดุ๊กดิ๊ก เพลิดเพลินเป็นปกติของเขาหละ เขาจะรู้ไม๊น๊าว่าใกล้จะได้ออกมาสู่โลกใหม่แล้ว
ตอนนี้คิดอะไรเยอะแยะไปหมด เช่นคิดว่า คำพูดแรกที่จะพูดกับลูก จะพูดว่ายังไงดี.. พยายามจดจำความรู้สึกเวลาเค้าดิ้นในท้องเราไว้ (อีกห้าวันก็จะไม่มีแล้ว) จะว่าไป ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นเต้นนะ ยังสบายๆอยู่ แต่คืนก่อนคลอดนี่ไม่รู้จะนอนหลับรึเปล่า คิคิ ใกล้คลอดขนาดนี้ แต่บางวันก็ยังออกไปเดินห้างอยู่นะ ถ้าเดินนานๆแล้วเมื่อย ก็ไปขอยืมรถเข็นผู้ป่วยของห้างมาให้สามีเข็นให้นั่ง คนมองเห็นเรากับสามีแล้วก็อมยิ้ม
แต่ก่อนตอนแต่งงานใหม่ๆ ยังหุ่นสะโอดสะอง สามีก็ชอบขุนให้อ้วนๆ จนเราบอกว่า ถ้าต่อไปอ้วนจนเดินไม่ไหวแล้วจะทำยังไง เค้าก็บอกว่า ถ้าเดินไม่ไหว เค้าจะเข็นรถเข็นให้นั่ง พอมาวันนี้ สามีก็พูดว่า "เห็นไม๊.. ทำตามสัญญาแล้วนะ ถ้าวันไหนอ้วนจนเดินไม่ไหว จะเข็นรถเข็นให้นั่ง" ฟังแล้วก็ขำๆ เพราะคำว่า "อ้วน" เนี่ย มันมีสองความหมายสำหรับเราสองคน สามีเราเวลาเห็นใครท้อง ชอบพูดกับเราว่า ดูสิคนนั้นเค้าอ้วนหละ น่ารักจัง (หมายความว่า เค้าท้องนั่นแหละ) วันนี้พอเรา "อ้วน" จนเดินไม่ไหวขึ้นมา เลยได้นั่้งรถให้เค้าเข็นจริงๆ
Create Date : 11 มกราคม 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 14:17:41 น. |
Counter : 802 Pageviews. |
|
|
|