กลอนไม่สุภาพ
บานชื่น(กลอนบทละคร)บานชื่น หน้าระรื่น ชื่นบาน เช้ายันค่ำ เช้าก็บาน เย็นก็บาน บานประจำ เช้ายันค่ำ ชื่นบาน ละลานตา เจ้าสวยใส สีจัดจ้าน หวานน่ารัก ใจมิพัก หักเห เสน่หา แม่หน้าบาน หวานระรื่น ชื่นอุรา พี่บูชา รักบานชื่น ชื่นบานเอย ฯ ตัวอย่างกลอนข้างต้นนี้เรียก กลอนบทละคร ครับ อะไรที่วรรคแรก (คำนำ) ชอบขึ้นต้นด้วย เมื่อนั้น บัดนั้น ครานั้น น้องเอ๋ย รักเอย มาจะกล่าวบทไป ฯลฯ หรือ เอ่ยชื่อขึ้นมาดื้อๆ เลยก็ได้ เช่นที่ผมเขียนขึ้นวรรคแรกว่า บานชื่น อย่างข้างต้นนี้แหละ ถ้าผมเปลี่ยนวรรคแรกเป็น บานเอ๋ย บานชื่น ก็จะกลายเป็น กลอนดอกสร้อย ไปในทันที หรือถ้าผมเปลี่ยนวรรคแรกเป็น สักวา หน้าหวาน ดอกบานชื่น ก็จะกลายเป็น กลอนสักวา ไปในทันที เช่นเดียวกัน ง่ายไหมครับ กลอนดอกสร้อย กับ กลอนสักวา นิยมเขียนสองบท และลงท้ายด้วย เอย แต่ กลอนบทละคร ไม่จำเป็นครับ ทั้งกลอนบทละคร กลอนดอกสร้อย กลอนสักวา เหล่านี้ รวมเรียกว่า กลอนลำนำ ครับบานเช้า(กลอนดอกสร้อย)บานเอ๋ย บานเช้า พี่หอมเจ้า นงพะงา อุษาสาง เนื้อเหลืองนวล ชวนชม้าย มิวายวาง ไม่จืดจาง รักพราก ไปจากใจ แต่เพียงสาย สุขสันต์ ก็พลันเศร้า ฤดีเจ้า โรยรา ฤาไฉน ดั่งมาหัก รักพราก ไปจากใจ พี่จะรอ หฤทัย เช้าใหม่เอย ฯบานเย็น(กลอนดอกสร้อย)บานเอ๋ย บานเย็น เพียงแรกเห็น ก็นึกรัก ให้หนักหนา งามเย้ายวน ชวนระรื่น ชื่นอุรา สีบาดตา สวยบาดใจ ใสสดแดง หอมเจ้าหอม เมื่อเพลา คราใกล้ค่ำ เริงระบำ ย่ำสายัณห์ ยามยอแสง เพียงเพ่งพิศ ยิ้มยั่วเย้า เร่าร้อนแรง รักน้องแดง บานเย็นฉ่ำ ทุกค่ำเอย ฯนอกจากกลอนสุภาพและกลอนลำนำแล้ว เราก็ยังมีอีกกลอนชนิดหนึ่งคือ กลอนตลาด คือกลอนผสม หรือกลอนคละ คือเอากลอนสุภาพหลายชนิดมาผสมกันนั่นเอง ถ้ากลอนสุภาพคือกลอนที่กำหนดคำตำแหน่งตายตัวแล้ว กลอนลำนำและกลอนตลาดที่เหลือก็เลยกลายเป็นกลอนไม่สุภาพไป กลอนตลาดนอกจากกลอนที่เขียนกันเรื่อยเปื่อยทั่วไปและกลอนร้องลิเกลำตัดแล้ว ก็มีกลอนนิราศที่สุนทรภู่ชอบเขียนมาก มีงานกลอนนิราศอันไพเราะอยู่หลายสำนวนนิราศ แปลว่า การจากพรากไป กลอนนิราศก็หมายถึง กลอนที่เขียนพรรณนาถึงการจากถิ่นฐานที่อยู่ไปในที่ต่างๆ และมักจะรำพันถึงการจากคนรัก และบรรยายภูมิประเทศ ที่ผ่านไปเปรียบเทียบกับความในใจของตนเมื่อต้อง พลัดพรากจากคนรักด้วย (ถ้าไม่มีคนรักก็ควรสมมติให้มี)กลอนนิราศขึ้นต้นด้วยวรรครับ และแต่งไปได้เรื่อย ยาวเท่าไรก็ได้ จนจบลงในวรรคส่ง ด้วยคำลงท้ายว่า เอย ฯ นิราศกล้วยไม้สิงหะปุระนคร(กลอนนิราศ)นิราศร้าง โดยดาย ดังน้ำไหล กระโดดลง เรือเหาะ เลาะอ่าวไทย บัดเดี๋ยวใจ มาถึงเมือง เฟื่องบุรี อึกทึก ตึกราม ในคามเขต ยังประเทศ สิงหะ ปุระศรี ลงเรือเหาะ เลาะพลัน ในทันที รถรามี รับจ้าง อยู่เรียงราย เป็นระเบียบ มีระบบ ไร้ระเบิด แสนประเสริฐ เป็นว่าเลิศ กว่าทั้งหลาย น่าเอาเยี่ยง เอาอย่าง บ้างจะตาย แสนเสียดาย มาดูงาน แล้วมิทำ เมื่อมาถึง โรงแรม ตะวันตก ชื่นหัวอก น้ำใส ไหลเย็นฉ่ำ รีบลงชื่อ ขึ้นห้อง ของเก็บงำ แล้วถลำ สะพายกล้อง ขึ้นรถตรง พลขับ จับทาง เร่งระริก โบตาหนิก ที่หมายใจ มิไหลหลง มาถึงที่ เพียงอึดใจ ได้รีบลง ให้งวยงง แสนสำรวย สวนสวยงาม ช่างจัดสรร จัดแจง แบ่งระเบียบ ปราณีตเนี้ยบ บรรจงแบ่ง แต่งสนาม เป็นหมวดหมู่ ดูหมดจด หมดทุกคาม พี่ติดตาม เก็บภาพไป ในทางเดิน จวบถึงสวน กล้วยไม้ ที่หมายมั่น สองเหรียญพลัน จ่ายไป ไม่ขัดเขิน ล้วนสวยงาม ตามดู ชูจิตเพลิน งามเหลือเกิน พฤกษา นานาพันธุ์ นี่ถ้าน้อง มาด้วย คงช่วยพี่ ชักชวนชี้ ชื่นฤทัย ไพรสวรรค์ ปิยะจิต สนิทใจ ในไพรวัลย์ จวบตะวัน จากฟ้า จำอาลัย ล้วนกล้วยไม้ นานา สารพัน แต่ชื่อนั้น จำไม่หมด จดไม่ไหว เพียงได้ชม เก็บภาพ ระเรื่อยไป กล้องแทบไหม้ กดจนเมื่อย เหนื่อยจริงจริง มานั่งนับ ได้ร้อย กับเก้ารูป จนผอมซูบ เพราะตั้งใจ มาให้หญิง แทนคิดถึง แทนห่วงไย ไว้แอบอิง ทั้งมิตรมิ่ง ทั่วไทย ให้เทียมทัน อันสาวใด สายสวาท แม้นขาดแฟนถ้ามาดแม้น ไม่รังเกียจ มิเดียดฉันท์ ในคราวหน้า ขอเชิญช่วย ไปด้วยกัน จะสุขสันต์ ชื่นใจ ได้ชื่นชม จบสิบสอง บทกลอน นิราศเล่า ให้รักเรา หวานชื่น อย่าขื่นขม แม้นพลั้งพลาด โปรดอภัย อย่าได้ตรม ถ้อยคารม หัดกวี ณธีร์เอย ฯ