กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เทวดาที่โหล่ - โอคาดะ จุน
++เทวดาที่โหล่++
ผู้เขียน โอคาดะ จุน
ผู้แปล ปริวัณย์ เยี่ยมแสนสุข


เป็นอีกหนึ่งหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่ชอบมาก ทำให้นึกดีใจแทนเด็กๆญี่ปุ่นที่มีหนังสือวรรณกรรมเยาวชนดีๆหลายต่อหลายเล่มให้ได้อ่านกัน ทุกเล่มที่ได้อ่านแฝงข้อคิดที่สำคัญมากในการดำเนินชีวิตไว้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูโดยผ่านตัวละครเด็ก และการดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายแต่ว่าโดน

เรื่อง "เทวดาที่โหล่" นี้โดนใจเป็นพิเศษเพราะว่าได้มาอ่านเอาตอนที่กำลังเผชิญกับสภาพปัญหาแบบเดียวกันในสังคม มันไม่ใช่ปัญหาของเราหรอก แต่เป็นปัญหาของคนรอบข้างในสังคมที่เราอยู่ ในสังคมญี่ปุ่นกับเกาหลี เราต่างก็รู้ดีว่าเป็นสังคมที่มีการแข่งขันสูงมาก แข่งกันเรียนเพื่อให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ถ้าไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยนี้ชีวิตเป็นอันจบกัน คงเข้าบริษัทนั้นไม่ได้แน่ๆ หากเมื่อเข้าไปในบริษัทนั้นๆได้ก็ต้องแข่งขันกันต่อเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเป็นบันไดให้เลื่อนตำแหน่งได้ดีขึ้น เลยทำงานหนักจนเกิดโรคที่ครั้งหนึ่งญี่ปุ่นเป็นกังวลกันมาก คือโรค "Karoshi" หรือการเสียชีวิตเพราะทำงานหนักเกินไป แม้ตอนนี้ญี่ปุ่นจะผันตัวเองให้แข่งขันน้อยลงแล้ว แต่เกาหลีก็ยังคงดำเนินชีวิตอย่างนั้นอยู่ ตัวเราเองคิดว่าชีวิตพวกเค้าน่าสงสารมากเพราะสังคมจำกัดทางเลือกให้พวกเค้าน้อยเหลือเกิน จำกัดว่าต้องทำงานที่บริษัทนี้เท่านั้นถึงจะได้รับการยอมรับ ต้องอยู่ตำแหน่งนี้เท่านั้นถึงจะได้รับการนับถือ ต้องหาเงินเยอะๆให้ลูกๆเพื่อที่ลูกๆจะได้เข้าโรงเรียนดีๆและได้ทำงานในบริษัทเหล่านี้อีกนั่นแหล่ะ พวกเค้าเติบโตมาในสภาวะวัฒนธรรมแบบนี้จนยอมรับว่ามันเป็น "วิถีชีวิต" หรือ "มันเป็นสิ่งที่ต้องทำแม้ไม่อยากทำ" ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เรามีสิทธิ์เลือกไม่ใช่หรือว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการทำหรือเปล่า น่าเสียดายที่พวกเค้ามีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับรู้ถึงสิ่งใหม่ๆ หรือวิถีชีวิตแนวใหม่ๆ ที่อาจทำให้พวกเค้ามีความสุขมากขึ้น

จากปกหลัง...ฮาจิเมเพิ่งสูญเสียพ่อที่เสียชีวิตเพราะ "Karoshi" และย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ คุณครูประจำชั้นเน้นการแข่งขันมาก แต่ฮาจิเมกลับพยายามชิงตำแหน่งที่โหล่ เนื่องจากเขาพบว่ามีเพียงเด็กท้ายแถวเท่านั้นจึงจะเห็นเทวดาตัวจิ๋วได้ บางครั้งเพื่อนคนอื่นก็แพ้เขา ทำให้มีผู้เห็นเทวดาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งทุกคนอยากพบเทวดาตัวจิ๋วร่างโปร่งใสมากถึงกับพากันชิงความเป็นที่โหล่...

มีคำพูดคำพูดหนึ่งที่คนญี่ปุ่นพูดให้กันเสมอคือ "พยายามเข้านะ" เราคิดว่ามันบ่งบอกถึงสภาพสังคมของญี่ปุ่นได้ดีทีเดียว เนื่องจากประเทศเข้าเคยผ่านการแพ้สงครามและลำบากมาก่อน และด้วยความพยายามนั่นแหล่ะที่ทำให้ญี่ปุ่นมีวันนี้ได้ แต่ความพยายามเหล่านั้นบางครั้งมันก็เป็นดาบสองคมได้เหมือนกันหากเราไม่รู้จักผ่อนหนักเบา พอนึกถึงคนไทย เรามักพูดให้กันว่า "โชคดีนะ" คนไทยนั้นหลักๆแล้วมักผูกชีวิตไว้กับโชคชะตามากกว่าสร้างด้วยตัวเองอย่างเดียวเหมือนที่ชาวญี่ปุ่นคิด คำว่า "โชคดีนะ" ของเราน่าจะหมายถึงว่า "พยายามให้เต็มที่ ที่เหลือขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะ" ถ้าเกิดพลาดท่าขึ้นมาก็ช่วยไม่ได้เพราะโชคไม่อำนวย ทำนองนี้ ทำให้เราใช้ชีวิตกับแบบผ่อนคลายมากกว่าที่จะมานั่งโทษตัวเองทุกเรื่อง คำว่า "พยายามเข้านะ" ในหนังสือเล่มนี้ทำให้เราคิดได้ถึงเรื่องนี้แหล่ะ แม้เราจะเคยได้ยินคำนี้ในหนังสือหรือละครญี่ปุ่นบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมานั่งคิดถึงความหมายแฝงที่มีอยู่ในคำนี้เลย จัดได้ว่าเป็นหนังสือเยาวชนที่แฝงความคิดของคำว่า "พยายาม" ได้ดีทีเดียว

เรื่อง "เทวดาที่โหล่" เป็นอีกหนึ่งเล่มที่เด็กๆทุกคนสมควรอ่านและได้รับการชี้แนะโดยเฉพาะเด็กที่เติบโตในระบบทุนนิยมที่เน้นการแข่งขัน บางครั้งเราเติบโตมากับสภาพแวดล้อมที่มีแต่การแข่งขัน จนบางทีเราอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่า โลกนี้มีอะไรมากกว่านี้เยอะ และบางทีเราอาจลืมไปด้วยซ้ำว่าเราแข่งขันกันเพื่ออะไร เราแข่งขันเพราะมันเป็นวัฒนธรรมที่เราเติบโตขึ้นมา และเราก็เติบโตขึ้นมาอย่างนั้นจนลืมถามตัวเองไปว่านั่นคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือเปล่า แน่นอนว่าหนังสือคงจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย หากพ่อแม่ก็เป็นกลุ่มคนที่ยอมรับและเชื่อในวิถีชีวิตการแข่งขันนี้ด้วย เพราะฉะนั้นเราเลยชอบคำพูดของแม่ฮาจิเมมาก

"บางทีพ่ออาจจะคิดว่า สิ่งที่ทำไปคือความพยายาม แม่จะบอกให้นะ ถ้าความพยายามคือการใช้ชีวิตเหมือนพ่อ หรือความพยายามหมายถึงการต้องเอาชนะคนอื่นแล้วละก็ ฮาจิเม แม่ไม่อยากให้ลูกต้องพยายามอะไรเลย"

การแย่งชิงกันเป็นที่หนึ่งนั้นดีหรือเปล่า แล้วการแย่งชิงกันเป็นที่โหล่ล่ะ แม้เด็กๆทุกคนในห้องจะชิงความเป็นที่โหล่ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องเลวร้าย และยังดีกว่าการที่เด็กทุกคนในห้องแย่งชิงเป็นที่หนึ่งเหมือนตอนก่อนฮาจิเมย้ายโรงเรียนเข้ามาซะอีก บทสรุปที่ได้จากการแย่งชิงความเป็นที่โหล่นั้นสวยงามหมดจดจริงๆ อ่านแล้วประทับใจมากเลยทีเดียว จริงๆแล้วลำดับที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย สิ่งสวยงามอื่นๆต่างหากที่สำคัญกว่า สิ่งนั้นคืออะไรคงต้องอ่านเองค่ะ เดี๋ยวสปอยล์ แต่คำว่า "สวยงาม" นั่นแหล่ะดูจะเหมาะสมกับบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ทีเดียว



Create Date : 16 กันยายน 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 15:50:16 น.
Counter : 1621 Pageviews.

15 comments
  
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
ตั้งใจจะเขียนถึงอยู่เหมือนกัน แต่ให้เพื่อนยืมไป ยังไม่ได้คืนเลย
เป็นเล่มที่อ่านแบบวางไม่ลง รอบเดียวจบ ซึ้งมากๆเลย
เราว่าเป็นหนังสือที่ไม่ใช่แค่เหมาะสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็ควรอ่านอย่างยิ่งเพื่อจะได้เข้าใจว่าสิ่งใดที่ควรทำต่อเด็กหรือไม่
โดย: cottonbook วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:18:22:52 น.
  
ชอบมากๆ เหมือนกันค่ะ สำหรับหนังสือเล่มนี้

อยากให้เด็กไทยได้อ่านกันเยอะๆ เลยหละค่ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:0:32:24 น.
  
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน ชอบมากๆเลยค่ะ เหมาะกับยุคสมัยที่เด็กๆมีการแข่งขันกันสูงจริงๆค่ะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:14:09:18 น.
  
เรื่องนี้น้องชายซื้อมาเพื่อจะเอาเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาค่ะ (แต่เราก็เอามาอ่านต่อ)
อ่านแล้วได้ข้อคิดมากๆเลยค่ะ จากที่เคยมีคำถามในใจว่า "เราจะพยายามไปทำไมกัน" ก็ได้คำตอบนิดๆขึ้นมาในใจค่ะ
โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:20:33:41 น.
  
อีกเล่มที่พลาดแล้วจะใจ..หนังสือผมเองคับสนุกใช้ได้
โดย: อวดดี (auwddee ) วันที่: 20 กันยายน 2550 เวลา:22:40:04 น.
  
ชอบครับ ทันสมัยดี แข่งกันเป็นทีมเลย
ลองอ่านความคิดเห็นผมที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=10-2006&date=09&group=3&gblog=16
โดย: คนขับช้า วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:20:39:47 น.
  
เหมือนเพื่อนเคยแนะนำให้อ่านครั้งหนึ่ง แต่ว่ายังไม่ว่างหามาอ่านเลย

น่าสนใจดีค่ะ
โดย: LpDeeDa วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:8:10:23 น.
  
สวัสดีค่าคุณnarumol
หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมากเลยค่า
ถึงแม้จะเลยวัยเด็กมานานแล้วก็ตาม
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:20:38:57 น.
  
สะ-วี-ดัด-คี
ครูของจ๋าเคยแนะนไหนังสือเล่มนี้เหมือนกันคะ แต่ยังไม่เคยอ่านสักทีเลย
อัพบล๊อกเสร็จแล้วค่ะ
มีความสุขมากๆ นะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ฝนตกบ่อยด้วยช่วงนี้
เชิญเข้าไปอ่านเรื่องประหลาดได้เลยนะคะ
โดย: weraj วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:16:45:24 น.
  
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ
เล่มนี้ได้อ่านแล้วเหมือนกัน เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งเลยค่ะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:11:11:29 น.
  
ชอบหนังสือเล่มนี้มากๆ เลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกอยากให้นักเรียนไทยที่มุ่งเรียนพิเศษเพื่อความเป็นที่หนึ่ง ได้เรียนอย่างสบายใจ ไม่ต้องผูกตัวเองกับความกดดันง่ะ
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:21:18:44 น.
  
เห็นมานานแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้หามาอ่านสักทีเลย งื้อ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:18:13:38 น.
  
แวะมาทักทายคะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ
วันนี้มีซีรีส์เกาหลีหนุๆ มาให้ดูกันคะ
รับรองสนุกมากๆ เลยคะ
อย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะ

มีความสุข+สุขภาพแข็งแรงมากๆ นะคะ
โดย: weraj วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:12:45:36 น.
  
อ่า เห็นบอกว่าดูหนังเรื่อง once มา
เลยสงสัยว่าเข้าไทยเหรอคะ อยากดูมากๆค่ะ แถมยังได้ CD Soundtrack มาด้วย น้าอิจฉามากๆค่ะ

ช่วยบอกแหล่งที่ได้ดูกับซื้อด้วยอะค่ะ

ขอบคุณค่ะ
โดย: cottonbook IP: 58.9.165.185 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:20:15:57 น.
  
.. เพิ่งอ่านเล่มนี้จบ สนุกดี
โดย: มม IP: 58.9.83.100 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:50:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

natcharat
Location :
GaNG-NaM, SeoUL  Korea

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]



ตั้งใจเปิดบล็อคนี้ขึ้นมาระบายอารมณ์เวลาอ่านหนังสือแต่ละเล่มจบ เพราะชอบอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆชอบอย่างอื่นด้วย ดูหนัง ฟังเพลง กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง)

แอดเป็นเพื่อนกันที่ Facebook ได้นะคะ http://www.facebook.com/narumol.pichedpun

"ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ เป็นของเจ้าของบล็อกตามกฎหมาย หากต้องการคัดลอก ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของบล็อกก่อนนะคะ เพราะงานเขียนบางชิ้นติดลิขสิทธิ์ค่ะ" [สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539]
New Comments