| All Blog
|
Chappie - ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นสีเทา ++Chappie++ ...ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นสีเทา++ ความรู้สึกหลังชม "Chappie" จบ รู้สึกจริงๆว่าอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด ทุกครั้งที่มีกระทู้ถามความคิดเห็นทำนองที่ว่า "หนังเรื่องไหนที่คุณรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ดูในโรงหนัง" เป็นต้องล็อคอินเข้าไปตอบเสมอว่า "District 9" เพราะเป็นหนังที่เจ๋งและดีงามมากโดยเฉพาะบทภาพยนตร์ หลังจากห่างหายไปนานหลายปี ทีมผู้สร้างเดิมของ "District 9" ก็กลับมาอีกครั้งกับ "Chappie" และเราก็ยังคงพลาดไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนังอีกตามเคย แถมมันยังดีงามเสียจนอยากจะเอาหัวโขกกำแพงจริงๆ  "Chappie" เป็นภาพยนตร์สุดเจ๋งอีกเรื่องหนึ่ง ถัดจาก "District 9" (จริงๆมี Elysium อีกเรื่องแต่ขอข้ามไปเพราะยังไม่ได้ดู) ด้วยบทภาพยนตร์ที่ลึกซึ้งเกินจะคาดเดา ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยหน้าฉากที่ดูเหมือนจะเป็นหนังหุ่นยนต์สูตรสำเร็จทั่วไป แต่ลองมันมาอยู่ในมือของทีมสร้างชั้นดี "Chappie" จึงไม่มีทางและไม่มีวันเหมือนหนังหุ่นยนต์สูตรสำเร็จแน่นอน (แม้แผ่นปิดโฆษณาจะเหมือนก็ตาม) ทราบมาว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจูงลูกหลานเข้าไปตีตั๋วดู "Chappie" กันอย่างสนุกสนานด้วยหน้าฉากที่ดูเหมือนหนังหุ่นยนต์แอ็คชั่นผดุงความยุติธรรม แต่สุดท้ายก็หงายเงิบกันทั้งครอบครัวกับผรุสวาทและฉากรุนแรงของแก็งค์ก่ออาชกรรมที่มีให้ว่อนในหนังเรื่องนี้...อันที่จริงแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจกับหนังที่จะพาบุตรหลานเข้าไปรับชมบ้าง ก็คงจะลดปัญหานี้ไปได้มาก หากในอนาคตได้เป็นคุณแม่ขึ้นมา แม้จะเป็นคุณแม่ที่ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่การันตีได้ว่าจะไม่มีทางพลาดพาคุณลูกเข้าไปดูหนังผิดประเภทแน่นอน 55 "Chappie" เปิดเรื่องในยุคที่หุ่นยนต์ได้รับความไว้วางใจให้ปฎิบัติภารกิจอันตรายกับหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดฮวบลงอย่างน่าพึงพอใจ แต่ทว่าหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งและถูกลิมิตอยู่เพียงโปรแกรมที่ถูกป้อน ไม่อาจเติมเต็มวิศวกรหนุ่มไฟแรง ผู้ฝันอยากจะสร้างหุ่นยนต์ที่มีชีวิต จิตวิญญาณ ความรู้สึกและคิดเองเป็นเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกอย่าง...Chappie จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ความสุดยอดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการชี้ให้เห็นถึงเหรียญสองด้าน สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วคิดว่าดี มันอาจมีความไม่ดีซ่อนอยู่ ในทางเดียวกัน สิ่งใดที่เรามองว่าไม่ดี ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีความดีเหลืออยู่เลย อัตราการเกิดอาชญากรรมที่ลดลง แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการเก็บกักระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ เมื่ออาชญากรทำมาหากินได้ลำบากขึ้น พวกเค้าก็มองหาช่องทางทำกินที่น้อยครั้งลง แต่หวังผลยิ่งใหญ่มากขึ้น หรือไม่ก็รอวันที่หุ่นยนต์ตำรวจมีช่องโหว่ เปิดโอกาสให้พวกเค้าอีกครั้ง ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้น..ก็คือจราจลที่บานปลายและยากจะหยุดยั้ง  หากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มีทั้งด้านดีและด้านร้าย หากทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนเป็นสีเทา สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน เราได้เห็น "ผู้สร้าง" ด้วยความหวังที่จะให้สิ่งที่ดีกว่ากับสังคม และเราก็ได้เห็น "ผู้สร้าง" ที่หวังเพียงประโยชน์ส่วนตัวและการล้างแค้น เราอาจจะรังเกียจอาชญากรที่ก่อความวุ่นวายบังคับขู่เข็ญคนอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เมื่อเรื่องดำเนินผ่านไป เรากลับเสียน้ำตาให้กับอาชญากรคนเดิมโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับ "Chappie" ที่เรามองว่ามันเป็นหุ่นยนต์ แต่ในท้ายที่สุด "Chappie" ก็มีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากมนุษย์เรา "มนุษย์" นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน เราสามารถโกหกคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนอื่นเช่นกัน และนี่แหล่ะคือสีสันของความเป็นมนุษย์ เพราะหากปราศจากสีสันเหล่านี้แล้ว มนุษย์เราก็คงไม่แตกต่างอะไรกับ "หุ่นยนต์"
เรื่องนี้เสียดายที่ไม่ได้ดูในโรงเหมือนกันครับ ออกแผ่นแล้วเดี๋ยวไปหามาดูบ้างดีกว่าครับ
โดย: ปีศาจความฝัน
  วันที่: 8 มิถุนายน 2558 เวลา:22:46:04 น. |
natcharat
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?] ตั้งใจเปิดบล็อคนี้ขึ้นมาระบายอารมณ์เวลาอ่านหนังสือแต่ละเล่มจบ เพราะชอบอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆชอบอย่างอื่นด้วย ดูหนัง ฟังเพลง กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง) แอดเป็นเพื่อนกันที่ Facebook ได้นะคะ http://www.facebook.com/narumol.pichedpun "ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ เป็นของเจ้าของบล็อกตามกฎหมาย หากต้องการคัดลอก ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของบล็อกก่อนนะคะ เพราะงานเขียนบางชิ้นติดลิขสิทธิ์ค่ะ" [สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539]
Friends Blog
|
|||||||||||||
