พฤษภาคม 2550

 
 
1
3
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
LiFe of Pi - Yann Martel
++Life of Pi - การเดินทางของพาย พาเทล++
ผู้เขียน Yann Martel
ผู้แปล ตะวัน พงศ์บุรุษ


เล็งหนังสือเล่มนี้ (เวอร์ชั่นอังกฤษ) ไว้นานแล้ว เพราะเห็นว่า Paperback ทำออกมาได้ดี ปกสวย กระดาษดี และตัวอักษรก็อ่านง่าย ไม่เหมือน Paperback บางเล่มที่เห็นแล้วก็ไม่อยากจับกระดาษ ตัวหนังสือเบียดจนต้องใช้แว่นขยาย จนต้องตัดใจไปซื้อ Hardcover แทน แต่สุดท้ายพอรู้ว่าสำนักพิมพ์ Bliss Publishing เอาเรื่องนี้มาแปล ก็ตัดสินใจซื้อภาษาไทยมาอ่านดีกว่า เพราะอ่านง่ายดี เห็นว่ามันไม่ใช่หนังสือแนว Comedy เรื่องมุกตลกภาษาอังกฤษแปลออกไม่ได้คงไม่ใช่ปัญหาอะไร



จากปกหลัง...การเดินทางของ พาย พาเทล เริ่มต้นเมื่อครอบครัวต้องอพยพไปอยู่แคนาดาพร้อมกับสารพัดสัตว์ การผจญภัยอุบัติขึ้นเมื่อเรือแตก พาย พาเทลเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต แต่เข้าต้องติดอยู่บนเรือชูชีพกับหมาป่าไฮอีนา ลิงอุรังอุตัง ม้าลาย และริชาร์ด พาร์เกอร์ เสือเบงกอลหนัก 450 ปอนด์ บรรดาสัตว์ต่างกินกันเองตามธรรมชาติ จนเหลือเพียง พาย พาเทลกับริชาร์ด พาร์เกอร์ คนกับเสือผจญทะเลด้วยกันนานถึง 227 วัน กลายเป็นเรื่องราวพิสดารไม่มีใครเหมือน...

ความรู้สึกแรกที่อ่านเรื่องนี้คือตลก คนเขียนบรรยายโดยแฝงความตลกเอาไว้ได้เรื่อยๆ อ่านแล้วก็ตลกดี แต่น่าแปลกมาก พอไปดู Review ใน Amazon.com กลับไม่มีใครชมว่าเรื่องนี้ตลกเลยสักคน เลยทำให้ต้องไปยืนอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษที่ร้านหนังสือดูว่ามันตลกจริงเหรอเปล่า จริงแฮะ มันไม่ได้ตลกเหมือนตอนอ่านภาษาไทยเลยแต่ก็ไม่ได้แปลเกินที่เค้าเขียนไว้ด้วย เลยขอชมผู้แปลว่าแปลออกมาได้ดีมากเลยค่ะ อ่านได้เรื่อยๆจนจบภายใน 2 วัน

ช่วงที่หนึ่ง กล่าวถึงพาย พาเทลกับธุรกิจสวนสัตว์ของครอบครัว อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะแยะเกี่ยวกับสัตว์และการทำธุรกิจสวนสัตว์ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเปิดสวนสัตว์มันมีเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากขนาดนี้ อีกเรื่องที่พูดถึงเยอะคือศรัทธาและการนับถือศาสนาของพาย พาเทล จริงๆแล้วชอบที่พาย พาเทล นับถือถึงสามศาสนาเพราะเป็นแนวคิดที่แปลกดี ยิ่งฮาตอนสามนักพรตจากสามศาสนามาเจอหน้ากับพ่อแม่ของพาย แต่ติดใจเล็กน้อยตรงที่มีบทพูดบางตอนออกจะเป็นการวิจารณ์ศาสนาแต่ละศาสนาในแง่ลบ แม้จะเป็นสิ่งที่หลายคน (ที่ไม่ได้นับถือศาสนานั้นๆ แอบคิดอยู่ก็ตาม) แต่ก็ติดใจที่มันดูลบหลู่ไปนิดแม้พวกต่างชาติจะไม่ค่อยสนใจเรื่องลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่นเท่าไหร่ก็เหอะ แต่การที่สุดท้ายแล้วพาย พาเทลก็ลงเอยศรัทธาและรักทั้งสามศาสนาก็เลยทำให้จุดนี้มองข้ามไปได้ ชอบคำพูดของพายที่ว่า "ศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสัจจะ ผมแค่อยากจะรักพระเจ้าครับ"

ช่วงที่สอง เล่าถึงการเรือแตกและผจญภัยในทะเลกับสัตว์นานาชนิด อ่านแรกๆเพลินดี สนุกด้วย และคิดว่าถ้าเป็นเราคงตายตั้งแต่อาทิตย์แรก อ่านไปอ่านมาเริ่มสยดสยองกับพฤติกรรมการฆ่าและการกิน แม้รู้ว่าเลือกไม่ได้ก็เหอะ แต่มันออกจะสยดสยองไปนิด ยังไงก็วิจารณ์ไม่ได้เพราะไม่เคยเรืออัปปางแล้วติดทะเลนานๆ เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายจริงๆจะเป็นอย่างนี้เหรอเปล่า อ่านต่อมาตอนปลายช่วงสองเริ่มงงและเหลือเชื่อ "เฮ๊ย มันพิสดารมากไปหน่อยมั๊ยเนี่ย เป็นไปได้เหรอ"

ช่วงสุดท้าย กับบทสรุปที่หักมุมจนใครหลายคนไม่ชอบ แต่เรากลับชอบเพราะมันตอบความเคลือบแคลงสงสัยที่เรามีกับเรื่องราวผจญภัยอันพิสดารสุดเหลือเชื่อของพาย พาเทล แฝงความสยดสยองของพฤติกรรมการฆ่าและกินอีกแล้ว (แต่เคยอ่านเจอเหมือนกันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆกับคนเรืออัปปาง) และความฮาของสองนักสัมภาษณ์ชาวญี่ปุ่น จบหักมุมจริงๆ เล่นเอาอึ้งไปเลย แต่อย่างที่บอกว่าสมเหตุสมผล และด้วยความสมเหตุสมผล สมจริงสมจังของตอนจบนี่แหล่ะที่ทำให้สุดท้ายแล้วเรารักหนังสือเล่มนี้ไปโดยปริยาย เพราะมันอ่านสนุก น่าเหลือเชื่อแต่ไม่เพ้อเจ้อ

ข้อคิด (สปอยล์) เหตุผลอีกข้อที่รักเรื่องนี้เพราะยังแฝงข้อคิดในเชิงปรัชญาเอาไว้อีกว่า "เราเชื่อแต่สิ่งที่ตาเห็น" หรือเปล่า "ทำไมคนเราต้องมีปัญหากับเรื่องที่ยากจะเชื่อ" ทั้งๆที่เรื่องยากที่จะเชื่อนั้นอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา เช่น ความรัก ชีวิต ศรัทธาในพระเจ้า เรายอมรับแต่สิ่งที่อธิบายได้ตามหลักเหตุผลหรือเปล่า เหมือนที่พายพูดเอาไว้ว่า "....เหตุผลเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์ แต่ถ้ามัวใช้เหตุผลจนเลยเถิด ก็เหมือนเอาน้ำซักผ้าราดจักรวาลลงท่อ"



Create Date : 02 พฤษภาคม 2550
Last Update : 19 กรกฎาคม 2552 18:30:25 น.
Counter : 4721 Pageviews.

9 comments
  
อ่านแล้วรู้สึกมันมีอารมณ์ขันเหมือนกันค่ะ (?)
อ่านได้เพลินๆตลอดเรื่อง ทัศนคติในเรื่องน่าสนใจ
แต่จำตอนจบไม่ได้ซะแล้ว T_T
โดย: โปรดทำให้ฉันหยุดหัวเราะ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:48:25 น.
  
รอยืมเพื่อนอ่านอยู่ค่ะ

ได้รับการแนะนำมานานแล้ว แต่ยังหาอ่านไม่ได้ซะที แต่ตอนนี้เพื่อนร่วมแก๊งค์มีในมือแล้ว เร็วๆ นี้คงได้ยืมมาอ่าน แหะๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:47:54 น.
  
หนึ่งเล่มในดวงใจ มันตลกแบบมืดมนน่ะ ขำแบบขมๆ ตอนไฮยีน่า ยิบ ยิบ บนเรือนี่ อ่านไปรู้สึกจั๊กกะจี๋และสยองในเวลาเดียวกัน สยองแทนม้าลาย
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:07:20 น.
  
"ขำอึ้ง" คือคำจำกัดกความได้บ่
โดย: Boyne Byron วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:31:15 น.
  
อืม...อ่านที่แปลคงสนุกกว่านะคะ ชอบแบบให้แอบขำได้นิดๆหน่อยๆบ้าง ไว้จะลองหามาอ่านดูค่ะ
โดย: shamrock (amy_de_alamode ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:55:37 น.
  
ชอบเรื่องนี้มากๆเหมือนกันค่ะ อ่านแล้วทั้งขำทั้งอึ้ง

อย่างที่คุณ Boyne Byron จำกัดความนั่นละค่ะ "ขำอึ้ง"
โดย: BoOKend วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:43:31 น.
  
อันนี้ก็อ่านเหมือนกัน ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: LpDeeDa (LpDeeDa ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:14:07:30 น.
  
เล็งมานานแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจ
ได้อ่านอย่างนี้ค่อยมั่นใจหน่อยค่ะ
โดย: January Friend วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:42:59 น.
  
เราชอบตอนจบแบบหักมุมเหมือนกันค่ะ เป็นการจบที่ตอบอาการ "เอ๊ะ" หลายๆ อย่างของเราได้ดีเลย ถ้าไม่จบอย่างนี้ เราก็คงไม่ชอบขนาดนี้ค่ะ

ขำอึ้ง - น่าจะใช้ได้นะคะ เห็นด้วย

อย่างที่บอกในรีวิวค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้อารมณ์หลากหลายมากๆ เลย
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:48:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

natcharat
Location :
GaNG-NaM, SeoUL  Korea

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]



ตั้งใจเปิดบล็อคนี้ขึ้นมาระบายอารมณ์เวลาอ่านหนังสือแต่ละเล่มจบ เพราะชอบอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆชอบอย่างอื่นด้วย ดูหนัง ฟังเพลง กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง)

แอดเป็นเพื่อนกันที่ Facebook ได้นะคะ http://www.facebook.com/narumol.pichedpun

"ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ เป็นของเจ้าของบล็อกตามกฎหมาย หากต้องการคัดลอก ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของบล็อกก่อนนะคะ เพราะงานเขียนบางชิ้นติดลิขสิทธิ์ค่ะ" [สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539]
New Comments