แชร์ประสบการณ์ของแม่บ้านไทยคนหนึ่งที่อยู่ญี่ปุ่นผ่านโลกออนไลน์
Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
26 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

ตอนไปยื่นเรื่องจดทะเบียนสมรสที่ญี่ปุ่น หลังจากที่จดทะเบียนสมรสที่ไทยเรียบร้อยแล้ว วันที่ 2 Aug 12

   พอดีเรากับแม่มีแพลนจะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสไปยื่นเรื่องนี้ด้วยเลย เพราะถ้าดูโฮมเพจของสถานฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแล้ว เค้าเขียนตรงหมายเหตุว่า

 

 [หมายเหตุ]
    
ข้อแตกต่างของการแจ้งการจดทะเบียนสมรสแบบ (ก) คือ กรณีแจ้งการจดทะเบียนสมรสที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ (ข)คือ กรณีแจ้งการจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น คือ เวลาที่ใช้ในการบันทึกการสมรสลงในทะเบียนครอบครัว (โคะเซกิ)โดยการแจ้งการจดทะเบียนฯ แบบ (ก) ต้องใช้เวลาประมาณเดือนครึ่งถึงสองเดือน ในขณะที่การจดทะเบียนแบบ (ข) ใช้เวลาเพียง 1 อาทิตย์ ดังนั้น คู่สมรสที่ต้องการใช้เวลาน้อย ควรเลือกการแจ้งการจดทะเบียนฯ แบบ (ข) ดีกว่า
//www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/bmarri.htm

ซึ่งเอกสารที่เราต้องถือไปด้วยตอนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นช่วง 25 สิงหาคม 2555 มีดังนี้นะคะ

เอกสารของเราเอง มี

 

  1. ทะเบียนสมรส (คร. 2) (ใบที่มีตราประทับสีแดงที่สำนักงานเขตบางรักทำให้) + ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่รับการประทับตรารับรองคำแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย 1 ชุด

(ตอนยื่นรับรองคำแปล เราก็คลิป คร. 2 ที่มีตราประทับสีแดงกับเอกสารแปลภาษาอังกฤษ เป็นชุดเดียวกันไปเลย แล้วทางกองสัญชาติและนิติกรณ์ เค้าจะแม็กซ์มาให้เป็นชุดอีกที)

-          ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ต้องไปรับรองการแปล )  1 ชุด

  1. ใบสำคัญการสมรส (คร. 3) ใบลายกุหลาบนี้ เราใช้สำเนา + ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่รับการประทับตรารับรองคำแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย 1 ชุด

(ตอนยื่นรับรองคำแปล เราก็คลิป สำเนา คร. 3 กับเอกสารแปลภาษาอังกฤษ เป็นชุดเดียวกันไปเลย แล้วทางกองสัญชาติและนิติกรณ์ เค้าจะแม็กซ์มาให้เป็นชุดอีกที)

-          ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ต้องไปรับรองการแปล )  1 ชุด

  1. หนังสือรับรองคำนำหน้า “นาง” เราใช้สำเนา + ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่รับการประทับตรารับรองคำแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย 1 ชุด

(ตอนยื่นรับรองคำแปล เราก็คลิป สำเนาหนังสือรับรองคำนำหน้า “นาง”  กับเอกสารแปลภาษาอังกฤษ เป็นชุดเดียวกันไปเลย แล้วทางกองสัญชาติและนิติกรณ์ เค้าจะแม็กซ์มาให้เป็นชุดอีกที)

-          ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ต้องไปรับรองการแปล )  1 ชุด

  1. ใบเปลี่ยนนามสกุล เราใช้สำเนา + ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่รับการประทับตรารับรองคำแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย 1 ชุด

(ตอนยื่นรับรองคำแปล เราก็คลิป สำเนาใบเปลี่ยนนามสกุล  กับเอกสารแปลภาษาอังกฤษ เป็นชุดเดียวกันไปเลย แล้วทางกองสัญชาติและนิติกรณ์ เค้าจะแม็กซ์มาให้เป็นชุดอีกที)

-          ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ต้องไปรับรองการแปล )  1 ชุด

  1. ทะเบียนบ้าน (ของทุกคนในบ้านเลย)  เราใช้สำเนา + ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่รับการประทับตรารับรองคำแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย 1 ชุด

(ตอนยื่นรับรองคำแปล เราก็คลิป สำเนาทะเบียนบ้าน  กับเอกสารแปลภาษาอังกฤษ เป็นชุดเดียวกันไปเลย แล้วทางกองสัญชาติและนิติกรณ์ เค้าจะแม็กซ์มาให้เป็นชุดอีกที)

-          ฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ต้องไปรับรองการแปล )  1 ชุด

  1. สำเนาพาสปอร์ต ซีร็อกซ์ทุกหน้าเตรียมไปก่อนเลย

เอกสารตั้งแต่ข้อ 1-6 เราเอาตัวจริงไปด้วย เผื่อเค้าขอดู จะได้ไม่มีปัญหา  แต่เอกสารฉบับแปลภาษาญี่ปุ่นนี่สิ   คุณซูบอกว่า ตรงที่ต้องระบุชื่อสกุลของผู้แปลในเอกสารฉบับแปล กับตรงที่มีให้เขียนนามสกุล ไม่แน่ใจว่านามสกุลญี่ปุ่นของเราสามารถใช้ตัวคันจิเหมือนคนญี่ปุ่นได้เลยหรือเปล่า หรือว่าต้องใช้เป็นคาตาคานะ เราก็เลยทำฉบับแปลภาษาญี่ปุ่น ที่นามสกุลผู้แปล (เราเอง) กับตรงที่มีให้เขียนนามสกุล เป็น  2 ชุด คือ “ชื่อคาตาคานะ   นามสกุลคันจิ”  กับ “ชื่อคาตาคานะ  นามสกุลคาตาคานะ”   เตรียมไปด้วยเลย


เอกสารของคุณซู

รู้สึกว่าจะใช้แค่ . สำเนาทะเบียนครอบครัว (โคะเซกิโทฮ่ง) 1 ฉบับ เท่านั้นเอง (ไม่เยอะเท่าเรา)

 

 แก้ไขเล็กน้อยนะคะ พอดีคอนเฟริ์มกับคุณซูอีกครั้ง คุณซูเพิ่มเติมว่า ถ้าไปยื่นที่สำนักงานเขตในเขตที่เราอยู่อยู่แล้วไม่ต้องใช้โคะเซกิโทฮ่ง จะใช้แค่สำเนาพาสปอร์ตหรือสำเนาใบขับขี่เท่านั้น เพราะฉะนั้น เอกสารของคุณซู ก็มีแค่สำเนาพาสปอร์ตคะ แต่ถ้าไปยื่นสำนักงานเขตที่ไม่ใช่ที่เราอยู่ ก็จะใข้โคะเซกิโทฮ่งคะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ให้ข้อมูลผิดไป

 

เราออกเดินทางกลางคืนของวันที่ 1 สิงหา ไปถึงนาริตะเช้าวันที่ 2 สิงหา ตรงด่านตรวจพาสปอร์ต พนักงานก็งงว่าทำไมถือพาสปอร์ต 2 เล่ม ก็เลยอธิบายไปว่าแต่งงาน แล้วก็เปลี่ยนนามสกุล ก็ต้องทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ ด้วย แต่วีซ่าอยู่เล่มเก่า พนักงานเค้าก็งงว่าต้องทำพาสปอร์ตใหม่ด้วยเหรอ (ดูจากสีหน้านะ) แล้วพนักงานก็ถามว่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอ (โชคดีที่พอได้ภาษาญี่ปุ่น ไม่งั้นถูกถามอย่างนี้ก็คงทำตัวไม่ถูก เพราะอังกฤษเราก็ไม่ได้) พนักงานก็เลยอธิบายว่า การประทับตราเข้าประเทศจะต้องประทับที่เล่มใหม่ แต่ถ้าตอนไปเอากระเป๋าเดินทางแล้วมีพนักงานคนอื่นถามก็ยื่นวีซ่าที่อยู่เล่มเก่าให้เค้าดูด้วยแล้วกัน....โล่งอกไปที  ไม่มีปัญหาอะไร

 คุณซูขับรถมารับที่สนามบินแล้วก็พาไป วัดนาริตะก่อน จากนั้นก็พาไปทานข้าวกับที่บ้านคุณซู แล้วประมาณตอนบ่าย ๆ ก็ไปทำเรื่องจดทะเบียนสมรสที่สำนักทะเบียนท้องถิ่น ที่ใกล้ ๆ แถวบ้านคุณซู

ไปถึงที่นั้นก็เป็นหน้าที่ของคุณซูเลย ติดต่อเจ้าพนักงาน, กรอกใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส สอบถามเรื่องต่าง ๆ

 

สรุปก็คือว่าเอกสารแปลภาษาญี่ปุ่น เจ้าพนักงานเอาที่เป็น “ชื่อคาตาคานะ  นามสกุลคันจิ” ไป แล้วก็คืนชุดทะเบียนบ้านมา นอกนั้นเอาไปหมดเลย แต่เอกสารต้นฉบับเจ้าหน้าที่ไม่ขอดู จะขอแต่พาสปอร์ต เพราะเค้าเอาไปซีร็อกซ์อีกทีนึง เราก็ให้ไปทั้ง 2 เล่มเลย

 

ที่หน้าสังเกตุ ก็คือ เจ้าหน้าที่ที่นี่ จะไม่ค่อยใจดีกับคนต่างชาติเท่าไหร่ อย่างบ้านเราพอเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นคนต่างชาติมาติดต่อก็จะพูดให้ช้าลง ดูเป็นกันเอง แต่ที่ญี่ปุ่น เค้าก็ปฏิบัติตัวเหมือนเราฟังภาษาญี่ปุ่นออกทั้งหมด พูดไม่ลดสปีดลงสักเท่าไหร่ เราก็พยักหน้า ๆ ไปอย่างนั้นแหล่ะ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง 555

 

หลังจากที่ยื่นเรื่องแล้วก็ใช้เวลาประมาณ 10 วันทำการ เค้าก็ส่ง ทะเบียนครอบครัว (โคะเซกิโทฮ่ง) มาให้ที่บ้านคุณซูข้อมูลของเราก็เข้าไปอยู่ใน ทะเบียนครอบครัว (โคะเซกิโทฮ่ง) เป็นที่เรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จเรื่องการยื่นจดทะเบียนสมรสที่ประเทศญี่ปุ่น  จากนี้ไปเราทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้เป็นคนโสดแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้ว (อันนี้เอาคำพูดคุณซู มาใช้ เพราะตอนจดทะเบียนที่ไทยเสร็จ คุณซูบอกว่าตอนนี้เป็นคนโสดครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่) ดูพูดเข้าสิ

 

 

 

 

Smiley

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 26 กันยายน 2555
0 comments
Last Update : 11 กันยายน 2556 5:55:10 น.
Counter : 4491 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


SN_monchan
Location :
Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




日本人の妻としてタイから来ました。よろしくお願いします。

自分があったことや体験したことなどをオンラインで日記を付けさせていただきます。

時間があったら読んでみてくださいね。^^


จากเมืองไทยมาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นในฐานะภรรยาคนญี่ปุ่น

ก็เลยขอเขียนไดอารี่ผ่านโลกออนไลน์ในสิ่งที่ตัวเองได้เจอได้สัมผัสมา

ถ้าว่าง ๆ ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ ^^

และขอฝากอีกบล็อกนึงด้วยนะคะ ^^ https://jipathajapan.blogspot.jp/
New Comments
Friends' blogs
[Add SN_monchan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.