Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
เพลงชีวิตฯ ตอนที่ 1

“สวัสดีค่ะชาร์ลส ขอโทษที่เพิ่งโทรกลับ” ริมฝีปากเคลือบสีน้ำเงินประกายมุกตามธีมของการเดินแบบที่เพิ่งเสร็จสิ้น กรอกเสียงภาษาอังกฤษรัวเร็วผ่านอุปกรณ์สื่อสารตัวจิ๋วที่เชื่อมทั้งโลกไว้ในฝ่ามือ ร่างสูงโปร่งของนางแบบอาชีพก้าวหนีความวุ่นวายหลังเวทีแคทวอล์คเพื่อที่จะได้ฟังเสียงปลายสายได้ถนัดขึ้น
“สวัสดีเรนี่ ทำงานอยู่หรือไง” เสียงห้าวตอบกลับมารัวเร็วไม่แพ้กัน
“เสร็จแล้วละ มีอะไรให้รับใช้คะ” ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ครีมล้างเครื่องสำอางค์ไปทั่วไปหน้าและลำคออย่างชำนาญ เครื่องสำอางหนาเตอะนี่ถ้าไม่รีบล้างออกมีหวังใบหน้าของหล่อนพังก่อนเวลาอันควรแน่ๆ และอนาคตในอาชีพของหล่อนคงร่วงโรยอย่างรวดเร็วพอกัน
“ผมอยู่ปารีส คุณพอจะมีเวลามากินข้าวเย็นกันหน่อยได้ไหม”
“กินข้าวอย่างเดียวหรือเปล่า ถ้า ’อย่างอื่น’ ด้วยคงไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าเรนี่ต้องไปมิลาน เตรียมตัวเดินแบบให้เวคชิโอวีคเอนนี้” หล่อนเอ่ยชื่อดีไซเนอร์ชื่อดังของอิตาลี
“คุณนี่ตรงเสมอเลยนะ เรนี่” คราวนี้น้ำเสียงเจือหัวเราะอย่างอดไม่ไหว “กินข้าวอย่างเดียวทูนหัว คืนนี้ผมต้องไปนิวยอร์ค อีกสองอาทิตย์ผมกลับมาเราค่อยมาทำ ‘อย่างอื่น’ กันดีไหม” เสียงยั่วเย้าที่ตอบกลับมาทำเอาหน้าเนียนสวยของนางแบบสาวที่เพิ่งลบเครื่องสำอางค์เสร็จปรากฏรอยแดงให้เห็นเด่นชัด
“ใกล้จะกลับเมืองไทยได้แล้วสิ” น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับรำพึงกับตัวเอง
“อืม...อีกไม่น่าจะเกินเดือนนึง ทุกอย่างคงเรียบร้อย” ชายหนุ่มจับกระแสบางอย่างในน้ำเสียงได้ “เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ ก่อนกลับเมืองไทย ผมจะอยู่กับคุณทั้งวันทั้งคืนเลยดีไหม เตรียมตัวให้ดีเถอะ ยิ่งผอมแห้งแรงน้อยอยู่ มาเป็นลมบนเตียงผมไม่ได้นะ” เขาปลอบใจแต่ไม่วายแหย่หล่อนด้วยคำพูดสื่อความนัย
“คนบ้า นึกออกอยู่เรื่องเดียวหรือไง” เสียงหวานแหวแว้ดอย่างอดไม่ได้
“ล้อเล่นน่ะคนสวย เดี๋ยวผมจะไปรับที่อพาร์ทเมนต์ตอนทุ่มนึงนะ”
“ค่ะ แล้วเจอกัน”
ปลายสายอีกด้านกดตัดการสนทนาไปแล้ว แต่หญิงสาวยังคงถือโทรศัพท์นั่งนิ่งอยู่อีกครู่ใหญ่ จนมีเสียงทักของเพื่อนนางแบบคนหนึ่งปลุกหล่อนจากความคิด
“ยังไม่กลับอีกหรือเรอเน่ ไปชอปปิ้งข้างล่างด้วยกันไหม” นางแบบผิวสี บีบไหล่หล่อนเบาๆ เรียกชื่อหล่อนตามสำเนียงฝรั่งเศส
“ไม่ละโซเฟีย เย็นนี้ฉันมีนัดดินเนอร์ ขอบคุณนะที่ชวน” หล่อนหันไปยิ้มให้กับเพื่อนผู้มีน้ำใจ มือยังสาละวนอยู่กับการเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นยีนเนื้อนุ่มกับเสื้อเชิ้ตที่หล่อนใส่มา
“โอเค กินให้อร่อยนะ แล้วพบกันใหม่” โซเฟียเดินกลับไปสบทบกับเพื่อนนางแบบอีกสองสามคน ที่หันมาโบกมือให้หล่อนเป็นการกล่าวลา

ร่างโปร่งระหงของรัญชนาก้าวออกมาจากห้างหรูกลางกรุงปารีสที่หล่อนเพิ่งเดินแบบเสร็จ สูดอากาศสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ ตางามเฉี่ยวเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับจากจุดรอรถแท็กซี่ เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด อากาศดีๆอย่างนี้เดินกลับที่พักก็ไม่เลว เดินสบายๆไม่รีบร้อนนักไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงถึงอพาร์ทเมนต์ หญิงสาวกระชับกระเป๋าใบโตบนบ่าเดินทอดน่องไปตามทางเท้า ในหัวครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่วนเวียนแต่เรื่องของผู้ชายสองคน คนหนึ่งคืออลันน้องชายวัยเจ็ดขวบของหล่อน วัยเยาว์ที่ร่าเริงแจ่มใสกลับต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนเตียงผู้ป่วย อีกคนคือชาร์ลสผู้ชายที่หล่อนลงความเห็นว่าเขาเป็นคนดีคนที่สามที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต่อจากพ่อเลี้ยงคนที่สองและสามที่เพิ่งจากไป
อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อนพรากพ่อเลี้ยงและแม่ของหล่อนไปอย่างไม่มีวันกลับ ทิ้งเด็กชายวัยกำลังน่ารักน่าชังให้อยู่กับพี่สาวร่วมมารดาเพียงลำพัง พร้อมกับทรัพย์สินที่มีไม่มากนักตามประสาชนชั้นกลาง คือบ้านหลังเล็กชานเมืองนิวยอร์คกับเงินสดในธนาคารไม่กี่พันเหรียญ
ตอนนั้นหญิงสาวเพิ่งเริ่มเดินแบบได้ไม่นานนักเป็นนางแบบหน้าใหม่ที่กำลังไต่เต้า หล่อนเดินเข้าออกโมเดลลิ่งแทบทุกที่ เทสต์หน้ากล้องและถ่ายรูปทิ้งไว้ ในขณะเดียวกันก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์ดังไปพร้อมๆกัน งานประจำดีๆไม่ต้องพูดถึง หญิงสาวชาวเอเชียผมดำ ตาดำกลางสังคมแห่งเสรีภาพในสายตาคนทั้งโลก กลับเป็นชนชั้นที่เท่าไรไม่รู้ในสังคมหล่อนไม่เคยนึกจะนับอย่างจริงจังสักที โชคยังมีอยู่บ้างที่รูปสมบัติสวยงามโดดเด่นเปิดโอกาสให้หล่อนเลือกงานได้ดีกว่าคนอื่นๆ
ชีวิตของหล่อนกับน้องชายหลังการสูญเสียไม่ได้ย่ำแย่นักในแง่ของความเป็นอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องของสภาพจิตใจ โชคดีที่หล่อนโตมากแล้วทั้งยังผ่านการสูญเสียมาไม่น้อยหากเทียบกับคนในวัยเดียวกัน แต่มิใช่กับอลันน้องชายตัวน้อยของหล่อน เด็กชายมีอาการเศร้าซึมและบางทีก็มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงร่วมด้วย เสียงกรีดร้องยามเจ็บปวดบาดลึกในใจของพี่สาวยิ่งนัก หล่อนพาน้องชายไปหาจิตแพทย์เล่าทุกอย่างให้ฟังและทำการรักษาอย่างเป็นขั้นตอน ทำให้อาการเศร้าซึมค่อยๆลดลงแต่อาการปวดศีรษะนั้นกลับรุนแรงและถี่ขึ้นบางครั้งถึงขั้นอาเจียน จนต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญทางสมองเข้ามาทำการรักษาร่วมด้วย ผลการเอ็กซเรย์พบเนื้องอกลูกเกือบเท่ากำปั้นของผู้เป็นเจ้าของ ร้ายแรงกว่านั้นเมื่อผลการวิเคราะห์จากคณะแพทย์ออกมาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ก้อนเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อร้าย และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ชะตาชีวิตผลักดันหล่อนได้เจอเขา ‘ชาร์ลส’

ชื่อเสียงของนักธุรกิจหนุ่มรูปงามชาวเอเชียควงสาวสวยไม่ซ้ำหน้า ผ่านเข้าหูรัญชนามาเป็นระยะๆจากเพื่อนนางแบบทั้งที่เคยและไม่เคยเป็นคู่ควงของเขา ‘เขาสุภาพอ่อนโยนที่สุด ฉลาดเป็นกรด เก่งไปหมดซะทุกเรื่อง' แม้แต่เรื่องที่เป็นส่วนตัวที่สุดของชายหญิงหล่อนยังได้รู้ แต่เรื่องที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือเขารวยมาก เขาไม่เคยปฏิเสธหญิงสาวคนไหน เขาตอบแทนสุดคุ้มตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเขา’ ตอนนั้นหล่อนแค่ฟังเพียงผ่านๆเพราะไม่คิดว่านางแบบปลายแถวอย่างหล่อน จะมีความจำเป็นต้องไปเป็นผู้หญิงในสังกัดของผู้ชายคนไหน เพียงเพราะเงินหรือสิ่งของที่เขาจะปรนเปรอให้ แลกกับความสุขชั่วครั้งชั่วคราวแบบนั้น
ระยะหลังๆหล่อนเริ่มคิดถึงผู้ชายที่ชื่อ ‘ชาร์ลส’ บ่อยครั้ง อลันเพิ่งผ่านการผ่าตัดหนแรก ผลค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจแต่ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจนัก แต่รัญชนาก็ไม่เคยหมดหวัง แม้เแก้มป่องๆของน้องชายตอนนี้ซูบตอบ ปากแดงย้อยที่เคยออดอ้อน ’พี่รันคร้าบ’ หนึ่งในภาษาไทยเพียงไม่กี่คำที่พูดได้ซีดเซียวแห้งผาก ศีรษะที่เคยปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอมทองละเอียดเหมือนผู้เป็นพ่อบัดนี้เตียนโล่งแถมด้วยรอยเย็บคาดรอบกะโหลกทุยสวย หล่อนหวังเพียงว่าโลกนี้คงจะไม่โหดร้ายเกินไปนัก ชีวิตเด็กชายที่ผ่านมาไม่เต็มห้าปีดีต้องพบเจอกับเรื่องราวเลวร้ายและความสูญเสียมามากเกินพอแล้ว
น้องชาย...สิ่งเดียวในโลกที่หล่อนเหลืออยู่ เงินทุกเหรียญทุกเซนต์ที่มีหล่อนนำมาทุ่มเทให้กับการรักษาโรคร้าย อาๆของอลันยินดีที่จะรวบรวมเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายบางส่วนซึ่งก็ไม่มากนักเพราะต่างก็มีครอบครัวของตนเองให้ดูแล คำนวณดูแล้วหากรายได้หล่อนยังเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่หล่อนเดินแบบจนขาขวิดรับทุกงานไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไหนจะงานพิเศษที่หล่อนทำอยู่ การได้นอนวันละถึงสามชั่วโมงถือว่ามากแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆระหว่างหล่อนกับอลันใครจะไปก่อนกัน...จะทำอย่างไรดี...รัญชนาครุ่นคิดวกวน
ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาชาร์ลส เชื้อเชิญเขาเข้ามาในชีวิต คิดเพียงว่า...หากชะตาชีวิตหล่อนเป็นแบบนี้ หากหล่อนจะต้องเดินตามรอยเท้าแม่ อย่างน้อยหล่อนน่าจะมีสิทธิเลือกเองก่อน

รัญชนาหอบน้อยๆเมื่อเดินถึงห้องพัก แผ่นหลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ‘เหนื่อยพอได้เหมือนกันนะนี่’ หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง เดินไปวางกระเป๋าใบโตบนเคาเตอร์เครื่องดื่ม รินน้ำใส่แก้วยกขึ้นจิบ ก่อนตรงไปยังห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ความสดชื่นจากสายน้ำเย็นๆ กับอากาศสบายๆ ทำเอาหญิงสาวง่วงงุน นอนหลับสักตื่นคงไม่เป็นไร อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัด หล่อนสอดกายลงใต้ผ้าห่มอุ่น จมสู่การหลับไหลอย่างรวดเร็ว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
รถคันหรูรูปร่างปราดเปรียวเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าอพาร์ทเมนต์ของรัญชนา ชาร์ลหรือชาครีพลิกข้อมือดูนาฬิกา เขามาก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่เป็นไร...ปกติรัญชนาเป็นคนตรงเวลาอยู่แล้ว หากลงมาเห็นรถเขาเดี๋ยวก็คงรู้เอง ชายหนุ่มตัดสินใจดับเครื่องยนต์ ก้าวขายาวๆไปตามทางเดินที่ทอดไปสู่สวนหย่อมเล็กๆด้านข้างตัวตึก หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้สนามปลดปล่อยอารมณ์ไปกับความสดชื่นของต้นไม้และดอกไม้ที่รายล้อมอยู่รอบตัว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้...ก็คงตั้งแต่เรียนจบกระมัง
เกือบสิบปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับเมืองไทยอย่างจริงๆจังๆ การเดินทางไปแต่ละครั้งเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆและอยู่ไม่เกินสามวัน ชานนท์พี่ชายคนโตบ่นจนเลิกบ่น ยังดีที่การกลับไปแต่ละครั้งเขายังไปนอนบ้าน ไม่หลบไปนอนโรงแรม เหมือนครั้งแรกๆที่ไป การตัดสินใจที่จะเริ่มทำธุรกิจของตนเองทำให้เขาขัดใจกับคุณคชาผู้เป็นพ่ออยู่เป็นปี พ่อไม่เข้าใจว่าธุรกิจที่ท่านสร้างมาก็ใหญ่โตพอแล้ว ทำไมเขาไม่มาช่วยพี่ชายสานต่อ ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่กับกิจการของตนเองให้เหนื่อยทำไม แต่พอพ่อเห็นว่าเขาเอาจริงท่านก็เริ่มอ่อนลง กอปรกับพี่ชายหาลูกสะใภ้ที่แสนเก่งมาช่วยกันดูแลกิจการ แถมยังมีหลานชายหลานสาวให้ท่านได้ชื่นชม ความสนใจในตัวลูกชายคนเล็กจึงถูกถ่ายเทไปให้หลานๆจนเกือบหมด
ธุรกิจของชาครีคือการกว้านซื้อโรงแรมเก่านำมาตกแต่งใหม่ ปรับปรุงการบริการ จัดระบบการบริหารจัดการเสียใหม่สร้างเป็นแฟรนไชส์ เขาเริ่มต้นจากโรงแรมเล็กๆทั่วอเมริกาจนข้ามมาฝั่งยุโรป นับได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงและทำเงินให้เขามหาศาล จนเมื่อสองสามปีก่อนหน้านี้เขาเริ่มมองตลาดในเอเชียพร้อมๆกับความคิดที่เขาอยากจะกลับบ้านกลับเมืองไทย กลับไปหาหัวใจที่เขาทิ้งเอาไว้ กลับไปคราวนี้เขาจะเริ่มรุกอย่างจริงจังเสียที
ตลอดการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนนี้ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่มีใคร เผลอๆจะมีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใคร ชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติที่เขามีเป็นเหมือนแม่เหล็กอย่างดีให้สาวสวยมากหน้าผลัดเปลี่ยนกันมาให้เชยชม สำหรับชาร์ลสมันก็แค่ความพึงพอใจชั่วครั้งชั่วคราวเป็นเรื่องราวของผลประโยชน์ต่างตอบแทน เขาได้ระบายอารมณ์ของคนหนุ่ม สาวๆพวกนั่นก็ได้ความสุขแถมด้วยของเงินทองและของมีค่ามากมายตามแต่จะเรียกร้อง ไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งผูกพัน ผ่านมาผ่านไป ไม่เคยควงใครนานและควงทีละคน ชาครีให้เกียรติผู้หญิงเสมอจบกับอีกคนแล้วค่อยไปเริ่มกับคนใหม่
แต่จะว่าไปแล้วกฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนนั่นไงล่ะ กว่าสองปีแล้วที่รู้จักกันมา เขายังคงโลดแล่นไปกับสาวมากหน้า แต่จะกลับมาหาหล่อนทุกครั้งเมื่อหล่อนต้องการ มาอยู่เป็นเพื่อน มาอุทิศอกให้หล่อนซับน้ำตา ผู้หญิงเย็นชาราวน้ำแข็ง บทจะร้องไห้หล่อนร้องได้น่าสงสารและยาวนานติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก จนเมื่อตอนที่หล่อนไว้วางใจใช้บริการอกเขาใหม่ๆเขาเคยสงสัยว่า ผู้หญิงอย่างหล่อนมีเรื่องอะไรทุกข์ใจหนักหนาสากรรจ์นักหรือไง รูปร่างหน้าตาแบบนี้ กระดิกนิ้วสวยๆสักทีสองทีขี้คร้านทุกอย่างในโลกจะมากองแทบเท้า แต่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้ว่าเปลือกที่สวยงามคือสิ่งที่พระเจ้าส่งมาทดแทนให้กับบาดแผลยับเยินที่อยู่ในจิตใจของหล่อนเท่านั้น
เขายังจำได้ดีถึงภาพของนางแบบสาวสวยชาวเอเชียที่เพิ่งเริ่มไต่บันไดดาวมาได้ไม่นาน และมารู้ทีหลังว่าหล่อนเป็นคนไทยโดยสายเลือดเกิดและโตที่นี่ เข้ามาขอพบเขาถึงสำนักงานในนิวยอร์ค พร้อมกับคำพูดที่ตรงที่สุดที่เขาเคยได้ยินจากปากของหญิงสาวที่เขารู้จัก
“ฉันต้องการเป็นผู้หญิงของคุณ”
แรกที่ได้ยินประโยคนั้นเขาคิดว่าหล่อนพูดเล่น แต่พอได้เห็นสีหน้าและแววตาของหล่อน ทำเอาเขาต้องละสายตาจากเอกสารตรงหน้า หันมาให้ใส่ใจหล่อนอย่างจริงจัง
“ผมน่ะไม่มีปัญหาแน่ๆ แต่มีเหตุผลดีๆให้ผมสักข้อได้ไหมคนสวย อ้อ...เลขาฯผมบอกว่าคุณชื่อเรนี่”
รัญชนาพยักหน้ารับ “ฉันมีความจำเป็นต้องใช้เงิน...ค่อนข้างมาก ฉันคิดว่าคุณช่วยฉันได้”
“คุณเลยเสนอตัวให้กับผมงั้นสิ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม แล้วก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าอีกครั้ง “แล้วถ้าผมปฏิเสธ”
“ฉันคงไปหาคนอื่น”
“ไปหามากี่คนแล้วล่ะ”
“คุณเป็นคนแรก”
“ทำไมต้องเป็นผม”
“คุณมีเงินเยอะ”
“แค่นั้น?” น้ำเสียงเขาชักเริ่มรวน หงุดหงิดกับอาการถามคำตอบคำของหล่อน รู้อยู่หรอกว่าเงินเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้หญิงเข้ามาหาเขา แต่หล่อนไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้
“คุณทุ่มไม่อั้น”
“เฉพาะคนที่ผมพอใจเท่านั้น คุณคิดว่าทำได้หรือเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องลองดู” ดวงตาสีดำสนิทมีแววไหววูบก่อนจะจางหายไป
“ผมไม่เคยจ้างผู้หญิงมานอนด้วย ทุกคนที่ผ่านมา เขา...เต็มใจ”
“ฉันเต็มใจ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า วันนี้ผมไม่มีเวลามาเล่นยี่สิบคำถามกับคุณ ทิ้งที่อยู่กับเบอร์โทรไว้ อีกสองวันผมกลับมาจากเวกัส เราจะคุยกันอีกที” ชาครีไม่ได้จริงจังนักที่จะตอบรับข้อเสนอของหญิงสาว ออกจะคิดดูถูกด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่อยากรู้ว่าอะไรและทำไมผู้หญิงสวยจัดแบบนั้นมาเสนอตัวให้เขาถึงที่ทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน

ชาครีรักษาคำพูดเพราะอีกสองวันจากนั้นชายหนุ่มก็ไปพบหล่อนที่บ้านหลังน้อย บ้านที่มีเพียงหญิงสาวกับเด็กชายวัยกำลังน่ารักหากจะไม่มีความป่วยไข้มาเบียดบังไปเสียก่อน แล้วหล่อนก็ทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้งกับการได้ยินภาษาไทยที่ชัดเจนอ่อนหวาน พูดปลอบประโลมเด็กชายอลันให้กินยาที่มีมากเสียจนคนตัวโตอย่างเขายังท้อ จากการพูดคุยเพียงไม่กี่คำชายหนุ่มก็พอเดาได้จากภาพที่เห็นเบื้องหน้าว่าทำไมหล่อนถึงต้องการเงินถึงขนาดยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นคน เดินเข้าไปหาเขาเมื่อสองวันก่อนได้ ความรู้สึกดูถูกที่มีมาก่อนหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็วและถูกแทนที่ด้วยความสงสารเห็นใจ หลังจากนั้นไม่นานข่าวการเลิกราของเขากับนางแบบสาวชาวญี่ปุ่นกับการควงคู่นางแบบคนใหม่ของ ‘ชาร์ลส ชาครี สิริพัฒนกุล’ ก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

ชาครีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมที่เคยคุ้น พร้อมกับมือเย็นๆที่เอื้อมมาปิดตาเขาจากด้านหลัง
“เล่นอะไรหือ เรนี่” น้ำเสียงที่พยายามทำให้ดุดูจะไม่ประสบความสำเร็จนัก เมื่อเจ้าของมือเดินอ้อมมาด้านหน้าทรุดตัวนั่งลงบนตักของชายหนุ่ม หัวเราะเบาๆเสียอีก
“คุณจะแกล้งทายผิดให้เรนี่ ดีใจไม่ได้หรือไงคะ”
“แน่ใจนะว่าคุณจะไม่หึง ถ้าผมเอ่ยชื่อคนอื่นออกไป” ชายหนุ่มสอดแขนมาโอบเอวหล่อนไว้หลวมๆ กดจมูกลงบนแก้มนวลหนักๆเป็นการทักทาย
“คุณก็พูดชื่อผู้ชายออกมาสิคะ เรนี่จะได้ไม่หึง” หล่อนว่ายิ้มๆ
“ผู้ชายที่ไหนเขาเล่นปิดตากัน” เขาดุ “หรือว่าตอนที่ผมไม่อยู่ มีผู้ชายที่ไหนมาเล่นปิดตากับคุณ”
“นี่! อย่าหาผู้ชายมาเพิ่มให้เรนี่เลยค่ะ แค่คุณกับอลันก็จะแย่แล้ว ขืนมีมาอีกเรนี่ตายแน่ๆ” หญิงสาวทำสีหน้าเหมือนจะตายเสียจริงๆ
เกือบสองปีแล้วที่หล่อนย้ายน้องชายมารักษาตัวอยู่ที่เยอรมันนี ในโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุด ในการรักษามะเร็งทุกประเภทตามคำแนะนำของชายหนุ่มตรงหน้า หลังจากที่ได้พาหล่อนไปแนะนำให้รู้จักกับดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสที่ถูกอกถูกใจหล่อนแต่แรกเห็น พร้อมยื่นข้อเสนอให้หล่อนมาเป็นนางแบบให้กับเสื้อผ้าในฤดูกาลหน้าที่กำลังจะนำออกแสดง แรกๆหล่อนบินไปกลับปารีส-นิวยอร์คเป็นว่าเล่นด้วยความเป็นห่วงเด็กชายตัวน้อย จนชาครีออกปากเมื่ออยู่ด้วยกันในวันหนึ่งแล้วหญิงสาวเอาแต่นอนสลบไสลและนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนเป็นแบบนั้น เขาเลยจัดการทุกอย่างให้หล่อนโดยรับดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“ไปกันเถอะ ผมหิวแล้ว เพิ่งกลับมาจากมัลดีฟส์เมื่อเช้านี้เอง ทั้งวันจากบนเครื่องแล้วก็ยังไม่ได้ทานอะไรอีก”
“ตายจริง ทำไมไม่บอกแต่แรกคะ” หล่อนผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ฉุดมือชายหนุ่มให้ลุกตาม “ไปกันเถอะค่ะ เรนี่ชักหิวแล้วเหมือนกัน”
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามมือเล็กบางที่จูงมือเขาแทบจะเป็นลากไปยังรถที่จอดอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันขับออกไปยังร้านอาหารเล็กๆริมแม่น้ำเซน
“ถ้าผมไปบอกใครเขาก็คงไม่เชื่อว่า เรนี่ เทรเวอร์ส นางแบบแถวหน้ากินอาหารฟูลคอร์ส แถมยังดับเบิ้ลของหวานเสียอีก” ชาครีว่าเมื่อเห็นรัญชนาจัดการอาหารทุกอย่างหมดไปอย่างรวดเร็ว หล่อนสามารถทานได้พอๆกับผู้ชายตัวโตๆอย่างเขาเลยด้วยซ้ำ
“เรนี่ไม่ได้กินแล้วอยู่เฉยๆนี่นา ถ้ารู้สึกว่าอ้วนเดี๋ยวค่อยเวิร์คเอาท์ก็ได้” หล่อนเถียง “กินไปเท่าไรก็ต้องใช้พลังงานให้ได้มากพอๆกันหรือมากกว่า แต่จะให้เรนี่อดน่ะหรือ ไม่มีทาง”
“ผมรู้ว่าคุณน่ะไฮเปอร์” เวลาที่หล่อนจะอยู่นิ่งจริงๆคือตอนหลับเท่านั้น ไม่งั้นก็จะต้องหาอะไรต่อมิอะไรทำไม่ได้ขาดมือล่าสุดที่เขาเห็นติดมือหญิงสาวอยู่ตลอดคือเสื้อไหมพรมที่หล่อนกำลังถักให้น้องชาย
“อลันเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อจิตประหวัดไปถึง
“ก็ยังทรงๆอยู่ค่ะ หมอให้ความหวังเราได้ไม่มาก” ประโยคท้ายระโหยละห้อย หล่อนเป็นอย่างนี้เสมอยามพูดถึงอลัน เนื้อร้ายที่แม้จะโดนตัดออกไปแล้ว มิได้หยุดยั้งการเจริญเติบโต ตอนนี้เวลาส่วนใหญ่ของเด็กน้อยคือนอนอยู่แต่บนเตียง โดยชาครีได้จ้างพยาบาลกึ่งพี่เลี้ยงไว้คอยดูแล ยามที่หญิงสาววุ่นวายอยู่กับการงาน
“ไว้ผมกลับมา เราไปเยี่ยมแกกัน” ชาครีบีบมือหล่อนเบาๆปลอบใจ
“เรนี่ว่าหมดซีซั่นนี้ จะหยุดรับงานแล้วไปอยู่กับแกค่ะ” รัญชนามุ่งมั่น เวลาของอลันมีไม่มากนัก หล่อนอยากทำให้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่มีค่ามากที่สุด “ชาร์ลสคะ พอคุณกลับไปอยู่เมืองไทยแล้ว เรนี่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของอลันเองนะคะ”
“ทำไมล่ะ เราพูดกันหลายครั้งแล้วนะเรนี่ ผมไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลยนะ” ชายหนุ่มยืนยันที่จะยังรับผิดชอบเรื่องอลันแม้ว่าเขากับหล่อนจะจบความสัมพันธ์แบบที่กำลังเป็นอยู่นี่ เมื่อเขากลับไปเมืองไทย “เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอไม่ใช่หรือ”
“ตั้งแต่เราเจอกัน คุณก็รับเรื่องค่าใช้จ่ายของแกไปทั้งหมด เงินที่เรนี่ได้จากการทำงานแทบไม่ได้ใช้เลยนะคะ ให้เรนี่ทำอะไรเพื่อแกด้วยตัวเองบ้าง”
“ทุกอย่างที่คุณทำมา ก็เพื่ออลันทั้งนั้นนะเรนี่”
“เรนี่ เคยคิดเล่นๆ ว่าถ้ารวบรวมเงินทั้งหมดที่คุณเสียไปกับเรนี่ คุณจะใช้ได้กับผู้หญิงสักกี่คน”
“เอาอีกละ คุณพูดอย่างนี้อีกแล้ว คุณไม่เหมือนกับพวกนั้นนะเรนี่ผมยืนยัน คุณเป็นได้มากกว่านั้น คุณเป็นเพื่อนผมนะ”
“ทราบแล้วค่ะ วันไหนที่คุณจีบหนูแก้วของคุณสำเร็จ เรนี่จะหักกฎของตัวเองไปเหยียบเมืองไทยสักครั้งตอนคุณแต่งงาน” รัญชนาฝืนทำร่าเริงยักคิ้วให้ชายหนุ่มเป็นการล้อเลียน
“ให้มันจริงเถอะ ผมจะคอยดู” ชาครีทำสีหน้าไม่เชื่อถือ เขาพยายามหลายต่อหลายครั้งทั้งขู่ทั้งปลอบชักแม่น้ำทั้งหมดในฝรั่งเศสเลยไปถึงอิตาลีและเยอรมันนี ชักชวนหญิงสาวกลับประเทศบ้านเกิดของมารดาแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ
เมื่อแรกคบกันใหม่ๆ ความใกล้ชิดและความร้อนแรงของวัยหนุ่มสาวนำพาทั้งสองไปสู่ความสัมพันธ์ทางกายอันลึกซึ้ง ตามด้วยความผูกพันทางใจในแบบฉบับของทั้งสองคน ‘อย่ารักผม ถ้าไม่อยากเสียใจ’ กฎเหล็กข้อแรกระหว่างเขากับหล่อน ‘ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว รักมากและไม่มีใครแทนที่ได้’ จากนั้นเรื่องของหนูแก้วหรือรัตนมณีก็ถูกถ่ายทอดให้รัญชนาฟัง รวมถึงความตั้งใจในการกลับไปอยู่เมืองไทยอย่างถาวรของเขาด้วย และนั่นนำไปสู่กฎเหล็กข้อที่สอง ‘คุณจะพาเรนี่ไปไหนก็ได้ไหนในโลกนี้ยกเว้นประเทศไทย คนที่นั่นทำให้แม่เรนี่ต้องระหกระเหินมาตกนรกอยู่อเมริกาตั้งแต่เรนี่อยู่ในท้อง’ เขาเคยถามถึงรายละเอียดแต่หญิงสาวบอกเพียงว่า ‘มันเป็นเรื่องที่เรนี่ไม่อยากพูดถึง’ เขาจึงเลิกซัก ปล่อยความสัมพันธ์กึ่งเพื่อนกึ่งคู่นอนให้เป็นไปตั้งแต่นั้นเรื่อยมา
“ผมกลับมาจะมารับคุณไปแฟรงเฟิร์ตด้วยกัน เราจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นจนกว่าผมจะกลับเมืองไทย” ชาครีบอกหลังจากถอนริมฝีปากออกจากกลีบปากนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเขาจอดรถส่งหล่อนที่หน้าอพาร์ทเมนต์ เข้าใจดีว่าหล่อนอยากใช้เวลาอยู่กับอลันมากที่สุด
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” หล่อนจุมพิตเขาอีกครั้งคราวนี้ยาวนานกว่าครั้งแรก เพราะพอหล่อนจะถอนตัวเขากลับรั้งหล่อนไว้ จนต่างฝ่ายต่างต้องการอากาศหายใจนั่นแหละถึงได้แยกจากกัน
“ไปได้แล้วค่ะ ก่อนที่จะตกเครื่องบิน” หญิงสาวรีบโบกมือไล่ เมื่อเปิดประตูรถลงไปยืนได้สำเร็จ
“ดูแลตัวเองด้วยเรนี่” ชาครีสั่งก่อนจะเคลื่อนรถออกไป
รัญชนาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงเมื่อรถคันหรูพ้นสายตาไปแล้ว เวลาของการจากลาอยู่ไม่ไกลนัก อดคิดไม่ได้ว่าพอเขากลับถึงแผ่นดินแม่เขาก็คงลืมหล่อน ในเมื่อที่นั่นมีคนที่เขารักคอยดูแลเอาใจใส่ ไหนจะงานอันแสนยุ่งเหยิงของเขาอีก คิดเรื่องนี้ทีไรใจมันหวิวๆทุกที ห้ามอะไรก็ห้ามได้หรอก แต่ห้ามหัวใจไม่ให้รักนี่สิ
หล่อนรู้หัวใจตนเองมานานแล้วแต่ด้วยกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างแน่นหนาระหว่างทั้งสองคน ทำให้ต้องเก็บงำความรู้สึกอย่างมิดเม้น ไม่แปลกที่หล่อนจะรักเขาในเมื่อเขาเป็นคนที่หยิบยื่นเติมเต็มทุกสิ่งที่หล่อนขาด ไม่ใช่แต่เพียงเงินทองและความสะดวกสบาย แต่เมื่อไรที่หล่อนทุกข์ท้อหัวใจถูกบีบจากอาการที่ทรุดลงของน้องชายสุดที่รัก อ้อมกอดอุ่นและอกกว้างเป็นที่ซับน้ำตาของหล่อนเสมอยามอยู่ใกล้ คำพูดปลอบประโลมอ่อนโยนส่งมาตามสายมิได้ขาดหากอยู่ไกลเกินกว่าจะมาหาได้
ชีวิตหล่อนเป็นแบบนี้เสมอ ความสุขมักจะมาทักทายเพียงชั่ววูบแล้วก็ลอยหายไป เวลานี้วันนี้ขอตักตวงความสุขตุนเอาไว้เผื่อวันข้างหน้าที่จะต้องจากลากันชั่วชีวิต = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =



Create Date : 20 กันยายน 2551
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 22:42:58 น. 3 comments
Counter : 376 Pageviews.

 
สนุกดีคะ ทำไมไม่แต่งต่อล่ะ รอติดตามอยู่นะคะ


โดย: meow IP: 61.91.241.162 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:9:23:55 น.  

 
อ่านตอนนี้หลายรอบแล้ว รออ่านตอนใหม่อยุ๋นะคะ หวังว่าจะได้อ่านอีกเร็ว ๆ


โดย: aumpai IP: 203.170.251.178 วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:14:27:21 น.  

 
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ


โดย: แนน IP: 130.88.170.215 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:0:44:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกไก่พองลม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




งานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือเเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
Friends' blogs
[Add ลูกไก่พองลม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.